ตอนที่ 305+306 เธอเห็น
หลัวเหลาหรุนหัวเราะกับคำถามแปลก ๆ เธอโต้กลับ “กะว่าจะมีทั้งบริษัท? หรือทั้งแผนกเลย นายคิดว่าพอไหม?”
คุณนายเหลียงหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินอย่างนั้น เธอตบหลังหลัวเหลาหรุนเบา ๆ “สาวน้อย! เธอคิดว่าตัวเองเป็นแม่หมูที่จะคลอดลูดหมูหรือยังไงกัน”
“แม่ก็! ก็แม่บอกเองนี่ค่ะว่าอยากเป็นคุณย่า ฉันก็แค่ทำตามที่แม่ต้องการนะ แต่กลับถูกทุบหลังแทนซะนี่?” หลัวเหลาหรุนจับมือคุณนายเหลียงและพูดต่อ “แล้วสามคนล่ะคะ? พอดีกับการสมาชิกในการเล่นไพ่นกกระจอกกับแม่ตอนที่แม่อายุมากขึ้น”
สำหรับคนที่ไม่รู้ คุณนายเหลียงกับหลัวเหลาหรุนดูเหมือนเป็นแม่ลูกกันจริง ๆ อย่างมาก อย่างไรเสียหลัวเหลาหรุนก็เติบโตขึ้นภายใต้การดูแลของคุณนายเหลียง
เมื่อกล่าวถึงเด็ก คุณนายเหลียงก็หันไปมองเหลียงเหย่วหวาที่กำลังพูดคุยอยู่กับเหลียงเยวี่ยจือ สายตาของเธอเปลี่ยนไปจนหยุดที่ภรรยาของเขาที่กำลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับแขก
คุณนายเหลียงอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงคู่นี้ พวกเขาแต่งงานกันมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าอยากจะมีลูก
...
เจียงเหยาและลู่ชิงสีออกจากโรงแรมก่อนหน้านี้ พวกเขาจองห้องที่จองไว้สำหรับคืนนี้แล้ว เมื่อมาถึงโรงแรมก่อนเวลาก็ให้เวลาแต่งตัว นอกจากนี้ พวกเขาต้องตรวจสอบการเตรียมงานแต่งและการจัดสถานที่อีก
งานเลี้ยงอาหารค่ำงานแต่งงานเริ่มตอนห้าโมงครึ่ง เจียงเหยาและลู่ชิงสีมาถึงสถานที่จัดงาน ทุกคนแต่งตัวกันราว ๆ 4โมงเย็น เพื่อให้แน่ใจว่าอาหารและของประดับตกแต่งพร้อมสำหรับงานแต่งงาน ครอบครัวเหลียงและครอบครัวหลัวมาถึงก่อนห้าโมงเย็นเล็กน้อย
เมื่อครั้งเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ หลัวเหลาหรุนไม่ชอบอาหารค่ำในงานแต่งงานแบบเดิม ๆ มาก อาหารค่ำในงานแต่งถูกวางแผนตามความคิดของเธอ เรียบง่าย สบาย ๆ เหมือนกับงานปาร์ตี้
เหลียงเยวี่ยจือขอร้องให้ลู่ชิงสีและคนอื่ นๆ ดื่มแทนเขา เจียงเหยาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าสาว หลัวเหลาหรุนแระเริ่มคุยกับหยางนี่ ลูกพี่ลูกน้องอายุสิบหกปีของเหลียงเยวี่ยจือ
แม้ว่าเธอจะอายุเพียงสิบหาปี แต่เธอเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมาและกล้าแสดงออก เป็นคู่สนทนาที่น่าประทับใจสำหรับวัยของเธอ เมื่อหลัวเหลาหรุนออกไปดื่มฉลองกับเหลียงเยวี่ยจือ เจียงเหยาก็ออกไปเดินเล่นกับหยางนี่
ทั้งคู่อายุห่างกันเพียงสามปี พวกเขาจึงมีความสนใจที่เหมือนกัน แม้ว่าการฟังหยางนี่พูดถึงเรื่องซุบซิบคนดังและเรื่องอื้อฉาวต่าง ๆ ของพวกเขา จะทำให้เจียงเหยารู้สึกว่าหัวของเธอบวมขึ้นด้วยข้อมูลเหล่านั้น
หลังจากฟังอยู่พักหนึ่ง เจียงเหยาก็ฟุ้งซ่านและเริ่มเหม่อลอย
“คุณเจียงคะ” เจียงเหยาถือจานของเธอด้วยความงุนงง เมื่อเฉินเฟยถังเห็นเธอ
“คุณเฟยถัง” หยางนี่ทักทายเธอทันที
“หยางนี่ ฉันขอคุยกับคุณเจียงสักพักสิ ทำไมคุณไม่ไปหาป้าของคุณก่อนล่ะ” เฉินเฟยังยังคงแต่งกายในชุดเครื่องแบบของเธอ มองออกไปที่งานเลี้ยง
ดวงตาของเธอกระตุกเมื่อเห็นชุดของเจียงเหยา สิ่งที่ผุดขึ้นในใจของเธอคืองานปักที่เน็คไทและแขนเสื้อของลู่ชิงสี
รายละเอียดปลีกย่อยเหล่านี้ไม่มีใครสังเกตเห็น ทว่าเธอเห็น
__
เวลานี้ เฉิยเฟยถังเกลียกทักษะการสังเกตที่เฉียบแหลมของเธอเสียจริง
“ก่อนหน้านี้ที่บ้านตระกูลเหลียง ฉันได้ยินโจวเหวยฉี บอกว่าคุณไม่อยากเป็นทหารเหรอคะ?” เฉินเฟยถังถาม เธอยืดหลังของเธอพูดเกี่ยวกับกองทัพ “พูดตามตรง การเป็นทหารไม่ได้ส่งผลต่อความสามารถในการดูแลครอบครัวของพวกเราสักหน่อย ยังคิดว่ามันยุ่งยากอยู่ไหมล่ะคะ?”
โดยไม่รอคำตอบ เธอกล่าวต่อว่า “พูดตามตรง มันเป็นงานที่ท้าทายมากที่จะเป็นส่วนหนึ่ง มีหลายครั้งที่ฉันอยากจะเลิกอยู่เหมือนกัน ถึงอย่างนั้นฉันก็มีครอบครัวเฉินทั้งครอบครัวคอยสนับสนุนฉัน อย่างยังไงก็ตามลู่ชิงสีเริ่มต้นโดยไม่มีอะไรเลย คุณรู้ไหมว่าเขาเสียสละมากแค่ไหน กว่าจะมาถึงจุดที่เขาอยู่ในทุกวันนี้”
เจียงเหยาไม่แน่ใจ เธอเคยเห็นแค่ร่างกายของลู่ชิงสีที่มีรอยแผลอยู่นับไม่ถ้วน
“ลู่ชิงสีน่ะเป็นนักเรียนเตรียมทหารที่โดดเด่นมากในตอนนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำงานหนักมากเพื่อมายืนอยู่ตรงนี้ หลายคนบอกว่าฉันมีความสามารถในการแข่งขันสูง แต่เขามีมากกว่าฉันเสียอีก ฉันสามารถตัดสินใจให้ตัวเองเป็นที่สอง แต่สำหรับลู่ชิงสีเขาต้องการที่จะดีที่สุดในทุกด้าน มันเป็นชัยชนะที่หนึ่งหรือความพ่ายแพ้สำหรับกันล่ะ ไม่มีอะไรอื่น”
เจียงเหยาขมวดคิ้วของเธอ ความประทับใจที่ดีของเธอที่มีต่อเฉินเฟยถังหายไปในทันที
เธอเกลียดที่ผู้หญิงคนที่ยืนต่อหน้าเธอ เอาแต่พูดถึงชื่อสามีของเธอ
“ฉันยังจำการแข่งขันยิงปืนระหว่างเราในตอนนั้นได้ เขาอยากทำลายสถิติของวิทยาลัย ลู่ชิงสีใช้เวลาทั้งสัปดาห์ฝังตัวอยู่ที่สนามยิงปืน แม้ว่าจะถูกแสงแดดแผดเผาขนาดไหน เขาก็ไม่สนใจเลย ฉันเห็นเขา...”
“คุณเฉิน”
เฉินเฟยถังถูกขัดจังหวะด้วยเสียงนั้น
เสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธและความรำคาญอย่างสุดขีด นอกจากนี้ การแสดงออกทางสีหน้าของผู้พูดยังมืดลงทุกวินาทีที่ผ่านไป
“คุณเฉิน ผมไม่ต้องการให้คนแปลกหน้ามาเล่าเรื่องสามีของเธอให้ภรรยาของผมฟังหรอกนะ ผมจะเล่าเอง”
ลู่ชิงสีคว้าเจียงเหยาและเดินจากไป โดยปล่อยให้เฉิยเฟยถังยืนนิ่งพยายามถอดรหัสสิ่งที่เขาพูดเพียงลำพัง
“คนแปลกหน้า? เราร่วมทำภารกิจด้วยกันตั้งมากมาย...” เธอหัวเราะกับตัวเอง รู้สึกหมดหนทางกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
หลังจากเดินไปได้ซักพัก เจียงเหยาที่โกรธจัดก็สะบัดมือออกจากลู่ชิงสี “ฉันคิดว่าคุณกำลังดื่มอยู่ที่อื่นเสียอีก ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ในตอนนี้ล่ะคะ?”
ลู่ชิงสีไมได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเจียงเหยา เขาตอบว่า “หยางนี่บอกให้ผมมา”
แม้ว่าเธอจะยังเป็นวัยรุ่น แต่หยางนี่ก็รู้จักโลกค่อนข้างมาก เธอเดินไปหาลู่ชิงสีและบอกเขาว่าเฉินเฟยถังกำลังคุยอยู่กับเจียงเหยาเพียงลำพัง เขารีบวิ่งมาทันทีที่เขาได้ยินเรื่องนี้
“ลู่ชิงสี เฉินเฟยถังเธอชอบคุณ!” เจียงเหยาโกรธมาก เธอหันหลังให้กับเขา เมื่อเห็นสัญญาณที่ลู่ชิงสีส่งให้กับเฉินเฟยถัง ผู้หญิงคนนั้น! ช่างร้ายกาจ!
อุกอาจมาก!
ลู่ชิงสีไม่ได้บอกเธอเกี่ยวกับเฉิยเฟยถังล่วงหน้า และเธอยังประกาศออกไปว่าชื่นชมเฉยเฟยถังต่อหน้าคนอื่น ๆ เจียงเหยารู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่งมที่สมบูรณ์
ยกย่องการปรากฏตัวของคู่ต่อสู้ของเธอต่อหน้าคนมากมาย ยิ่งเจียงเหยาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ความขุ่นเคืองของเธอก็กลายเป็นความอับอายมากขึ้นเท่านั้น
“แล้ว?” ในที่สุดลู่ชิงก็สัมผัสได้ถึงความโกรธของเจียงเหยา เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอและหันเธอกลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับเขา เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผมไม่ได้ชอบเธอ”