MDB ตอนที่ 1 หลินจิน
“หลินจินดูสิ่งที่เจ้าทำสิ! เจ้ากล้าดียังไงมาแนะนำหมาป่าผอมแห้งและไร้สมรรถภาพเป็นสัตว์วิเศษชั้นยอด? เจ้ายังโกงลูกค้าให้ทำพันธสัญญาโลหิตอีก! เจ้ายังมีความเป็นมืออาชีพหรือให้เกียรติในฐานะผู้ประเมินสัตว์วิเศษบ้างมั้ย? สิ่งที่เจ้าทำมันร้ายแรงมาก ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใบ้ โง่หรือตาบอดจนแยกแยะอะไรไม่ออก ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าทำอย่างไรเพื่อให้ตัวเองได้รับการรับรองว่าเป็นผู้ประเมินสัตว์วิเศษทางการ!”
ในห้องนั้นมีชายแก่ที่มีหนวดปลายแหลมเหมือนดินสอ เขายืนสูงตระหง่านอยู่เหนือชายหนุ่มที่ก้มหน้าลงต่ำและตำหนิเขา เสียงของเขาดังสั่น น้ำลายสาดกระเซ็นไปทั่ว ในขณะที่คนหลังยังคงก้มหน้านิ่งและไม่ขยับเขยื้อนอยู่ในตำแหน่งของเขา
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปไหนมาบ้างแต่ข้ารู้ว่าเมื่อคืนเจ้าแอบไปเถลไถลข้างนอก ข้ากำลังบอกให้เจ้ารู้ว่า...ลูกค้าได้ยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเจ้าไปแล้ว ตามกฎแล้วเงินเดือนของเจ้าจะถูกหักในเดือนนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ข้าจะรายงานพฤติกรรมของเจ้าต่อสมาคมด้วย สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป เจ้าจะต้องคิดหาวิธีจัดการกับมันด้วยตัวเอง”
เมื่อพูดจบ ชายแก่ปัดแขนเสื้อด้วยความโกรธแล้วเดินออกไป
ผู้ประเมินสัตว์วิเศษฝึกหัดที่แอบดูอยู่ข้างนอกอย่างสนุกสนานได้กระจัดกระจายไปเหมือนแมลงสาบ พวกเขารอจนชายแก่มีหนวดพ้นสายตาแล้วจึงเริ่มนินทา
“หัวหน้าหวังจีโกรธมากในครั้งนี้แต่มันเป็นความผิดของหลินจินที่ทำพลาดตั้งแต่แรก…”
“ชู่ว! อย่าพูดเสียงดังสิ เขายังคงเป็นผู้ประเมินสัตว์วิเศษอย่างเป็นทางการนะ สิ่งที่เจ้าพูดนั้นมันเป็นการดูหมิ่นเขา”
“หึ! คนอย่างข้าจะต้องกลัวขยะชิ้นนี้เหรอ? มันคงจะดีกว่าถ้าใบอนุญาตของเขาถูกเพิกถอน เราจะมีโอกาสได้รับการเลื่อนตำแหน่ง”
“แม้ว่าตำแหน่งนั้นจะเปิดรับแต่ใช่ว่าเจ้าจะได้มัน…”
ในฐานะผู้ประเมินสัตว์วิเศษของสาขาเมืองเมเปิ้ล ชีวิตของหลินจินกำลังตกอยู่ในอันตราย ห้องพักที่เขาพักอยู่นั้นซอมซ่อที่สุด มันไม่มีอะไรเทียบได้กับห้องของผู้ประเมินสัตว์วิเศษ ไม่เพียงแต่ถูกหักเงินเดือนเท่านั้นแต่ยังทำให้ชีวิตของเขาต้องทุกข์ยาก…
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหลินจินตั้งใจทำงานล่วงเวลา จัดวางหนังสือเกี่ยวกับสัตว์วิเศษและดูแลสัตว์วิเศษนับสิบตัวในคอกสัตว์ของสาขา จนเขาแทบไม่ได้นอน
ในที่สุดเขาก็มาถึงที่นอน เขาหลับตาลงและปล่อยให้วิญญาณหลุดลอยจากร่างไป…
ในตอนนั้นเอง ผู้ประเมินสัตว์ฝึกหัดแอบย่องเข้ามาในห้อง
“ผู้ประเมินหลิน หะหัวหน้าให้ท่านไปที่หมู่บ้านเอเวอร์ลาสซิ่งเพื่อประเมินสัตว์วิเศษทันที!”
เด็กฝึกหัดที่พูดเป็นเด็กสาวขี้อาย เธออายุประมาณ 17 ปี แม้ว่าหัวหน้าจะดุด่าหลินจินแต่เขาก็ยังเป็นผู้ประเมินสัตว์วิเศษที่ได้รับการรับรองจากสมาคมประเมินสัตว์วิเศษแห่งเมืองเมเปิ้ลจึงไม่มีใครกล้าทำอะไรเขา
หลินจินยังคงนิ่งอยู่ เด็กสาวจึงรวบรวมความกล้าหาญของเธอขึ้นมาและสะกิดเขาเล็กน้อย ในที่สุด เขาก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาหันซ้ายแลขวาไปมาด้วยใบหน้านิ่ง ๆ
“ฉันอยู่ที่ไหน?” หลินจินถามอย่างขุ่นเคือง ดวงตาของเขาหรี่มองรอบ ๆ
เขาจำได้เพียงดื่มเพียงเล็กน้อยก่อนกลับบ้านแล้วก็ผล็อยหลับไป หลังจากการหลับใหลอันยาวนาน เขาก็ตื่นขึ้นมาเพราะถูกใครบางคนสะกิดเขา
เขาตระหนักว่าเขาตื่นขึ้นมาในที่ที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเขา ไม่มีคอมพิวเตอร์และเพดานไม่มีพัดลมไฟฟ้าเก่าห้อยอยู่ ข้างหน้าเขามีเพียงห้องสลัวที่มีเด็กสาวน่ารักสวมชุดพื้นเมือง ราวกับว่าเขาตื่นขึ้นมาในอีกโลกหนึ่ง
“ผู้ประเมินหลิน?” จ้าวหยิงเรียกอีกครั้ง “สำหรับการเดินทางประเมินในชนบทครั้งนี้ หัวหน้ามอบหมายให้ข้าไปกับท่าน เขายังกล่าวอีกว่าเราต้องออกเดินทางทันทีเพื่อไปถึงหมู่บ้านเอเวอร์ลาสซิ่งก่อนค่ำ ไม่อย่างนั้นเรา…เราจะถูกลงโทษจากการละเลยการปฏิบัติหน้าที่”
จ้าวหยิงไม่เต็มใจที่จะทำภารกิจนี้แต่ในฐานะเด็กฝึกคนใหม่ของสมาคม เธอจึงไม่มีทางเลือก ไม่ว่าผู้บังคับบัญชาจะตัดสินใจอย่างไร เธอก็จะต้องเชื่อฟัง
ถึงตอนนี้ ทุกคนรู้ดีว่า เวลาของผู้ประเมินหลินจินเริ่มนับถอยหลังแล้ว ทุกคนหลีกเลี่ยงที่จะยุ่งกับเขาเพราะกลัวว่าจะโดนหางเลขไปด้วย ถึงกระนั้น จ้าวหยิงจำเป็นต้องมาที่นี่ เธอขี้อายและมาใหม่จึงไม่มีที่พึ่ง ดังนั้นเธอไม่มีทางเลือกอื่นจึงจำเป็นต้องทำภารกิจนี้ด้วยตัวเอง
“ผู้ประเมินหลินเป็นอะไรรึเปล่าคะ? ผู้ประเมินหลิน!”
ในการเรียกครั้งสุดท้ายของจ้าวหยิง ด้วยเสียงที่ดังของเธอ ทำให้หลินจินหลุดจากภวังค์ในที่สุด
หลินจินตกใจมาก ตอนแรกก็งง ๆ อยู่ตั้งนาน เขาพึ่งได้สติสัมปชัญญะ จากนั้นเขาก็หัวเราะอย่างขมขื่น
“รอข้างนอกก่อน ข้าจะออกไปเร็ว ๆ นี้” หลินจินสั่ง
จ้าวหยิงลังเลแต่เธอก็ก้มศีรษะและเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร
ตอนนี้หลินจินอยู่ในห้องเพียงคนเดียว
“ใครจะรู้ว่าฉันจะได้สัมผัสกับประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นอย่างการข้ามโลก” หลินจินพึมพำกับตัวเองอย่างมีความสุข เครื่องดื่มหนึ่งแก้วทำให้เขามายังในโลกนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจสำหรับเขา
เมื่อไม่นานมานี้ เขาฟื้นความทรงจำของเจ้าของร่างคนก่อนได้ค่อนข้างมาก เขาเริ่มเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นและตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเขา
“คนอื่น ๆ ได้ผจญภัยอย่างอัศจรรย์ พวกเขาอาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือเจ้านายหนุ่มผู้มั่งคั่ง แม้แต่คนที่แย่ที่สุดของพวกเขาก็ยังต้องมีชายชราคนหนึ่งอยู่ในวงแหวนเพื่อนำทางพวกเขาไปสู่ทิศทางที่ถูกต้องแต่ดูเหมือนฉันจะไม่มีอะไรเลย”
จากความทรงจำของหลินจิน เขาได้ตระหนักว่าเจ้าของร่างกายนี้โชคร้ายเพียงใด เขาถูกผู้บังคับบัญชาโขกสับ ใช้ชีวิตอย่างยากจนข้นแค้นและไม่กี่วันก่อนหน้านั้น เขายังแนะนำหมาป่าที่ป่วยและพิการให้แก่ลูกค้าที่เดินเข้ามาและทำสิ่งต่าง ๆ ให้ยุ่งเหยิง เขาเข้าใจว่าในโลกนี้ เกือบทุกคนจะลงนามในพันธสัญญาโลหิตกับสัตว์วิเศษตัวเดียวและเพียงครั้งเดียวตลอดชีวิตของพวกเขา ดังนั้น ความผิดพลาดในการประเมินจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่สามารถย้อนกลับได้และทำลายอนาคตของบุคคลนั้น
ด้วยจากแรงกดดันมหาศาลของปัญหานี้ที่ส่งผลกระทบกับเขา ประจวบกับภาระงานที่หัวหน้าคอยใช้งานเขา ทำให้เจ้าของร่างคนก่อนไม่เคยพักผ่อนเลยเป็นเวลาสองสามวันติดต่อกัน ด้วยเหตุนั้นนั้นเขาจึงตายจากความเหน็ดเหนื่อย
นั่นคือสิ่งที่เปิดโอกาสให้หลินจินเข้ามาแทนที่ร่างนี้
หลินจินสำรวจร่างกายของเขาและลองทำบางสิ่ง ดูเหมือนเขาจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เรื่องนั้น ช่างมันก่อนเถอะ!”
ดังคำกล่าวที่ว่า 'ในเมื่ออยู่ที่ใดแล้ว อย่านิ่งดูดายและทำให้ดีที่สุด' เป็นการดีกว่าสำหรับเขาที่จะหาทางแก้ไขสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันและฟื้นฟูสถานะของเขา
ปัจจุบันเขาอยู่ที่สมาคมสัตว์วิเศษสาขาเมืองเมเปิ้ล หัวหน้าชื่อหวังจี ซึ่งเป็นชายหนวดตัวเล็กที่ตักเตือนเขาก่อนหน้านี้ เขารับผิดชอบทุกอย่างของที่นี่ นอกจากหัวหน้ายังมีผู้ประเมินสัตว์วิเศษที่อยู่อาศัยและได้รับการรับรองสองคน หลินจินเป็นหนึ่งในนั้น
นอกจากหัวหน้าและผู้ประเมินสัตว์วิเศษทางการแล้ว ยังมีผู้ประเมินสัตว์วิเศษฝึกหัดมากมาย เช่นเดียวกับเด็กสาวที่รอเขาอยู่ข้างนอก จ้าวหยิง
ดูเหมือนว่า ตำแหน่งของพวกเขาถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน
ในขณะนั้น เท้าของหลินจินดูเหมือนจะเหยียบกับอะไรบางอย่าง เขาเหลือบไปในทิศทางของวัตถุและเห็นสัตว์วิเศษหมาป่าตัวเล็กที่มีขนสีเทาลายทางสีแดง มันผอมมากจนดูไม่ต่างจากสุนัขจรจัด
หลินจินรู้ว่านี่คือ 'สัตว์วิเศษ' ของเขา เสี่ยวฮั่ว
เจ้าหมาป่าตัวนี้นอนแผ่อยู่ใต้โต๊ะ มันอาจจะอดอาหารมาหลายวันแล้ว โดยดูจากหนังที่ติดกระดูกของมัน มันยังดูเปราะบางราวกับว่าจะหยุดหายใจได้ใจทุกเมื่อ
หลินจินส่ายหัวด้วยความสงสาร ดูเหมือนว่าไม่ได้มีแค่เจ้าของร่างคนก่อนนี้ที่มีชีวิตน่าเศร้าเท่านั้น
สำหรับสัตว์วิเศษ พวกมันมีหลากหลายชนิด อาทิเช่น หมาป่า มันมีอัตราการบริโภคสูงและใช้ชีวิตด้วยอาหารที่กินเนื้อเป็นอาหารจึงทำให้ดูแลยาก หากไม่มีพื้นฐานทางการเงินที่ดี พวกมันสามารถทำให้เจ้านายของตนให้ยากจนได้
ตัวของเขาก็ผอมแห้งเช่นกัน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่สัตว์เลี้ยงของเขาจะอดอาหารด้วย
ในโลกนี้ การมีสัตว์วิเศษเป็นเรื่องปกติ บางคนถึงกับตัดสินใจเลือกสัตว์วิเศษตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อสร้างพันธสัญญาโลหิตกับมัน สัตว์เลี้ยงที่ฝึกฝนและเติบโตไปพร้อมกับเจ้านายของพวกเขาจะมีอัตราความเข้ากันได้ที่สูงกว่า ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น
สัตว์วิเศษที่ผูกมัดด้วยพันธสัญญาโลหิตสามารถนำมาใช้ได้ในหลายแง่มุมของโลกนี้ บางตัวมีทักษะในการต่อสู้ บางตัวเป็นผู้พิทักษ์และบางตัวสามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของได้ บ้างก็บินได้และบ้างว่ายข้ามแม่น้ำและมหาสมุทรได้...
“เสี่ยวฮั่ว!” หลินจินเรียก หมาป่าตัวน้อยขยับเล็กน้อยเพื่อตอบรับ เขาคิดว่ามันจะลุกขึ้นแต่เจ้าตัวแสบได้นอนพลิกตัวและนอนหลับต่อไป
“หนอย! ไอ้เวรนี่!” หลินจินสาปแช่ง ไม่เพียงแต่คนอื่นจะดูถูกเขา แม้แต่สัตว์เลี้ยงของเขาก็ยังให้การปฏิบัติแบบเดียวกันกับเขาด้วย เขาไม่อยากจะเชื่อเลย! หลินจินจึงเข้าไปตบเสี่ยวฮั่วที่ศีรษะ
ทันใดนั้น หลินจินรู้สึกเจ็บปวดราวกับสายฟ้าฟาดระเบิดในสมองของเขา ในชั่วพริบตา ก็มีแสงสว่างวาบออกมาจากหัวของเขา ท่ามกลางความประหลาดใจของหลินจิน เขาได้ยินเสียงร้องและเสียงโหยหวนของสรรพสัตว์นับพันตัวดังก้องในหูของเขา ตามด้วยเสียงเพลงและเสียงร้องของแมลงและนก
มีแสงวาบปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา เมฆกระจายตัวและห้องโถงหยกสีขาวปรากฏขึ้นพร้อมกับแผ่นหินที่ทางเข้าซึ่งมีข้อความว่า
‘พิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ’
หลินจินเข้ามาในห้องโถงด้วยความกลัว ภายในห้องโถงนั้นกว้างใหญ่และลึกพร้อมไฟสว่าง มันส่องสว่างล่วงหน้าและมืดลงเมื่อเขาเดินผ่านไป ห้องโถงเปลี่ยนไปอีกครั้งและในชั่วพริบตา กล่องแสดงผลก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าหลินจิน ข้างในเป็นตัวอย่างของสัตว์วิเศษหมาป่าที่ดูเหมือนเสี่ยวฮั่วซึ่งมาพร้อมกับแผ่นหินที่เต็มไปด้วยข้อความที่อัดแน่น
สัตว์วิเศษ ระดับหนึ่ง: เสี่ยวฮั่ว หมาป่าอัคคี วัยเด็ก
เจ้าของพันธสัญญาโลหิต: หลินจิน!
สถานะ: หิวโหย
คุณสมบัติ: ธาตุไฟ
ประเมินศักยภาพ: ระดับ 1 เนื่องจากศักยภาพต่ำเกินไป จึงมีโอกาสเติบโต วิธี 36 วิธีในการเพิ่มศักยภาพคือ…
สถานะ: ได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยมีผู้บาดเจ็บซ่อนอยู่สามรายการ ได้แก่… มีวิธีการรักษา 12 วิธี ได้แก่…
“…”
กรามของหลินจินลดลง เขาอ้าปากค้างอย่างตื่นตะลึง ก่อนอื่นเขาไม่รู้ว่าพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษนี้คืออะไรหรือมันมาจากไหนเหตุใดจึงมีข้อมูลโดยละเอียดของเสี่ยวฮั่วมากมายเช่นนี้
ประการที่สองสัตว์เลี้ยงของเขาตัวนี้ 'ไร้ประโยชน์' เกินไป ไม่เพียงแต่มีข้อบกพร่องมากมายแต่ยังป่วยและศักยภาพต่ำมาก หลินจินไม่รู้ว่าเจ้าของร่างคนเก่าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรจนถึงตอนนี้
หลังจากการตรวจสอบคร่าว ๆ มันทำให้หลินจินรู้สึกตกตะลึง
พิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษได้วิเคราะห์รายละเอียดของเสี่ยวฮั่วอย่างละเอียดจนพวกเขาสามารถระบุได้ว่าใครเป็นพ่อแม่ของเจ้าหมาป่าอีกด้วย
ในโลกนี้ที่สัตว์วิเศษเป็นสิ่งสำคัญ การมีอยู่ของพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษเป็นที่ทำให้เขาโดดเด่นยิ่งกว่าผู้ใด
นั่นทำให้หลินจินรู้สึกปลาบปลื้ม
ด้วยความทรงจำของเจ้าของร่างคนก่อน เขารู้ว่าพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษนี้มีประโยชน์เพียงใด ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ย้ายเข้ามาในโลกนี้มือเปล่าเลย เขามีของดีอยู่ในมือด้วย
ด้วยพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษนี้ เขายังจะต้องกังวลเกี่ยวกับความล้มเหลวในการเพิ่มชื่อเสียงของเขาในโลกที่มีสัตว์วิเศษเป็นศูนย์กลางด้วยงั้นหรือ?
ด้วยความคิดที่สนุกสนานนี้ หลินจินก็หัวเราะออกมา อย่างไรก็ตาม คนข้างนอกได้ยินและคิดว่าเขาเสียสติไปแล้ว
“เจ้าคงเสียสติไปแล้วสินะ แม้จะเป็นผู้ประเมินสัตว์วิเศษอย่างเป็นทางการแต่เจ้ายังสามารถหัวเราะแบบนั้นได้ โธ่! หลินจิน เจ้านี่คงกู่ไม่กลับแล้วจิรง ๆ”
ทันใดนั้น เสียงที่เต็มไปด้วยการดูหมิ่นและเหยียดหยาม ได้ดึงความคิดของหลินจิน เขาออกจากพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษทันที