ตอนที่ 303+304 ชิงสีไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย
อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้คาดหวังว่าชายที่อยู่ข้าง ๆ เธอจะมีบางอย่างเกิดขึ้น ทันใด้นั้น เขาหดขาซ้ายที่กำลังจะแตะพื้นและสลับไปเป็นขาขวาแทน
เจียงเหยาเลียนแบบการเคลื่อนไหวของเขาโดยไม่รู้ตัว แต่ปฏิกิริยาของเธอไม่เร็วเท่ากับเขา เพราะการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน เธอจึงสะดุดขาขวาและล้มลงตรงหน้า
โชคดีที่ลู่ชิงสีตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และคว้าเจียงเหยาได้ทันเวลา เจียงเหยารู้สึกหวาดกลัวเมื่อเธอตกอยู่ในอ้อมแขนของเขา หากเธอล้มลงกับพื้น คางของเธอคงแตะพื้นก่อน และใบหน้าคงเสียโฉม
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะของคนสองสามคนก็ดังขึ้นข้างหลังทั้งสอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เจียงเหยา เธอทำฉันเกือบตายเพราะอดหัวเราะเธอไม่ได้” โจวเหวยฉียืนอยู่ข้างหลัพวกเขาและเขาเป็นคนที่หัวเราะออกมาโดยไม่ลังเล เขาใช้มือข้างหนึ่งวางไว้ที่เอว อีกข้างชี้ไปที่ทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า เขาหัวเราะอย่างหนักจนมองไม่เห็นดวงตา
“ชิงสี พี่ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย ไม่กลัวว่าเจียงเหยาจะหกล้มเหรอ?” เฉินซวีเหยาเดินไปหาทั้งสองคนและพูดอย่างรวดเร็วก่อนที่ชิงสีจะเริ่มหันมาต่อต้านพวกเขา “เยวี่ยจือรับภรรยาของเขากลับมาที่บ้านแล้ว เขาได้ยินว่าทั้งสองคนอยู่ข้างนอกเลยขอให้ฉันกับเหวยฉีออกมาตามน่ะ เขาอยากให้เราพาทั้งสองคนเข้าไปในบ้านไ
เขา มองไปที่ลู่ชิงสีที่ยังคงกอดเจียงเหยาแน่นในอ้อมแขนและหัวเราะอย่างเงียบ ๆ ความรับของเพื่อนของเขานี่จริง ๆ เลย
ลู่ชิงสีตอบด้วยเสียงฮึมฮัมในลำคอ เขาช่วยหญิงสาวในอ้อมแขนของเขาให้ยืนตัวตรงและเดินจากไปพร้อมกับจับมือเธอไว้
เจียงเหยามองไปที่โจวเหวยฉีซึ่งหัวเราะเหมือนคนปัญญาอ่อน เมื่อเธอเดินผ่านเขา เธอยกขาของเธอขึ้นและกระทืบเยียบไปที่เท้าของเขาอย่างแรง เธอรู้สึกดีเป็นพิเศษเมื่อได้ยินเสียงเขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเสียงดังเป็นพิเศษ
“หักแล้ว หักแล้ว ไม่นะ นิ้วเท้าของฉันหักแล้ว” โจวเหวยฉีจับนิ้วเท้าของเขาและกระโดดไปรอบ ๆ ราวกับตัวตลก
อย่างไรก็ตามลู่ชิงสีและเฉินซวีเหยายังคงเดินราวกับพวกเขาไม่ได้ยิน
ลู่ชิงสีมองไปที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่พยายามกลั้นหัวเราะหลังจากได้แก้แค้น เขาอดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะเธอ
“ถ้าผมอยู่ข้าง ๆ คุณ ผมจะไม่ปล่อยให้คุณล้ม”
“คะ?” เจียงเหยาตกตะลึง แต่เธอก็กลับมารู้สึกตัวในไม่กี่วินาทีต่อมาและตอบว่า “ค่ะ ฉันรู้”
เขาพยายามอธิบายตัวเองว่าเกือบทำให้เธอล้มลง ตอนที่เขาแกล้งเธอ
เพียงเพราะลู่ชิงสีอยู่ข้าง ๆ เธอ เธอจึงสามารถปล่อยตัวและเล่นอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ แม้ว่ามันจะหมายถึงการปิดใช้งานสมองไปชั่วขณะก็ตาม
เธอชเอว่าเขาจะปกป้องเธอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“โอ้ ใช่แล้ว ชิงสี เฉินเฟยถังก้อยู่ที่นั่นด้วย” ซวีเหยากล่าว “ครอบครัวเฉินวันนี้ไม่มีใครว่างน่ะสิ พวกเขาเลยส่งเฉินเฟยถังมาเป็นตัวแทน”
“เฉินเฟยถังอยู่ที่นั่น ตั้งแต่ชิงสีกับฉันเข้ามาที่บ้านตระกูลเหลียงแล้วค่ะ” เจียงเหยาตอบออกไป “เธอสวมชุดเครื่องแบบทหารดูสง่างามเป็นพิเศษ ไม่ค่อยเห็นทหารหญิงที่หน้าตาสวยขนาดนี้สักเท่าไหร่ แต่ดูจากชุดแล้ว เธอคงไม่ใช่แค่ทหารธรรมดา ต้องมีความเกี่ยวข้องอะไรสักอย่างกับผู้ใหญ่ในกองทัพ ใช่ไหมคะ?”
“เปล่า” เฉิยซวีเหยาส่ายหน้า “เฉินเฟยถังน่ะแข็งแกร่งมาตั้งแต่เด็ก หลังจากนั้นเธอก็เข้าเรียนที่วิทยาลัยทหารก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เธอชนะในการด้านศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน ชนะเลิศการฟันดาบ และเป็นรองอันดับหนึ่งด้านการยิงปืน แม้แต่ผู้ชาย ก็มีไม่กี่คนที่จะเอาชนะเธอได้”
หลังจากพูดอย่างนั้น เฉินซวีเหยาก็ตระหนักได้ว่าเขาพูดมากเกินไป เพราะรังสีเย็นชาของลู่ชิงสี
เขายกมือขึ้นสัมผัสที่ปลายจมูกและเหลือบมองเจียงเหยา “เจียงเหยา? นี่คุณเรียก เฉินเฟยถังว่าเป็นคนสวยเหรอ?”
เจียงเหยาใจกว้างขนาดไหน?
โจวเหวยฉีได้ยินพวกเขาพูดถึงเฉินเฟยถัง เมือ่เขาตามทันทั้งสามและกระโดดเข้าร่วมการสนทนาด้วยทันที “ใช่! เฉินเฟยถังแข็งแกร่งมากและนั่นทำให้เธอไม่มีที่ไหนใกล้เคียงกับผู้หญิงทั่วไปเลย ฉันพูดถูกไหม ชิงสี? ตอนที่เธอเรียนวิทยาลัย เธอมาหานายเพื่อฝึกด้วยตลอดเลยนี่? ในตอนนั้นมีแต่คนพูดว่า...”
ก่อนที่โจวเหวยฉีจะพูดจบประโยค เฉินซวีเหยาก็ตบศีรษะเขาอย่างแรง เฉินซวีเหยากล่าว “เหวยฉี นายเพิ่งคลานออกมาจากหลุมรึไง? บนหัวถึงได้มีหนอนติดอยู่น่ะ น่าขยะแขยง!”
__
โจวเหวยฉีลูบหลังศีรษะของตนเอง พยายามบรรเทาความเจ็บปวดและปรับทรงผมของเขา – นี่เขาอุตส่าห์ใช้เวลาตลอดทั้งวันในการทำผมเลยนะ “ตรงไหน? มันอยู่ตรงไหน? ยังมีอยู่ไหม” เขาขยับศีรษะเข้าไปใกล้เฉินซวีเหยา เพื่อให้อีกฝ่ายดูให้
หลังจากฟังโจวเหวยฉีพูดแล้ว เจียงเหยารู้สึกชื่นเฉิยเฟยถังมากยิ่งขึ้น เธอสงสัยว่าทักษะการต่อสู้ของเธอที่ได้รับจากระบบการแพทย์นั้นเพียงพอที่จะป้องกันตัวเองจากโลกนี้ได้จริง ๆ หรือไม่
เธอสามารถทดสอบทักษะที่เพิ่งเรียนรู้มาได้จากที่ไหน?
“เหวยฉี!” เจียงเหยาเรียกชื่อเขาออกมา “คุณรู้ไหมว่าทำไมเฉยเฟยถังถึงเข้าร่วมกับกองทัพ? เธอดูเท่มากในชุดเครื่องแบบทหารล่ะ!”
“ตั้งแต่เด็ก ๆ เธอก็มีนิสัยรักอิสระ มุทะลุ” โจวเหวยฉีอธิบาย “เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวหมู่พี่น้อง ปู่ของเธอตั้งชื่อให้เธอหลังจากที่เธอเกิด คุณรู้ไหมว่ามันหมายความว่าอะไร”
“อะไรเหรอ?” เจียงเหยาถาม
ในขณะนั้นเองที่เฉินซวีเหยาขัดจังหวะการสนทนาของพวกเขา เขารู้สึกรำคาญแล้วพูดขึ้น “เข้ามาได้แล้ว ทั้งสองคน อย่าพูดเรื่องนั้นอีกเลย ทำไมเธอถึงอยู่ในความสนใจของคุณล่ะ? เดี๋ยวใครก็คิดว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอก เจียงเหยานี่เธอกำลังพยายามจะนอกใจพี่ลู่ ไปกับผู้หญิงคนนั้นหรือยังไงกัน”
เจียงเหยารู้ว่าเฉินซวีเหยากำลังล้อเลียนเธออย่างสนุกสนาน เธอเดินไปหาลู่ชิงสีและเกาะแขนของเขาไว้ ก่อนจะพูดว่า “ฉันก็แค่ชื่นชมผู้หญิงคนนั้นก็เท่านั้นเอง ฉันคิดว่าเธอน่าทึ่งมาก!”
“ถ้าอยากเป็นทหารก็มาเรียนที่วิทยาลัยทหารสิ อีกอย่างถ้าคุณเรียนจบก็มาเป็นหมอในกองทัพสิ มีตำแหน่งทางทหารด้วยนะ ลองนึกภาพตัวเองในเครื่องแบบ รับรองว่าคุณต้องตะลึงแน่! พี่ลู่ ทำไมพี่ไม่ช่วยเอย้ายมหาวิทยาลัยล่ะ”
“ไม่!”
“ฉันขอปฏิเสธ”
ทั้งคู่ละทิ้งความคิดไปพร้อม ๆ กัน
เจียงเหยามองไปที่ลู่ชิงสีและอธิบายว่า “ฉันไม่ได้ดูถูกโอกาสที่จะได้เป็นทหารหรอกนะ ฉันแค่รู้สึกว่ามันเหนื่อยเกินไปสำหรับฉัน ฉันอยากเป็นภรรยาและแม่ที่ดีของครอบครัวเรา ตอนที่คุณทำหน้าที่ปกป้องประเทศ”
“ดีนี่!” เฉินซวีเหยาพูดแทรก
ลู่ชิงสียินดีอย่างยิ่งที่ได้ฟังความคิดเห็นของเจียงเหยา ทว่ารูปลักษณ์ที่แข็งทื่อของเขา ทำให้มองไม่ออกถึงความยินดีนั้น เว้นเสียแต่การจ้องมองที่อ่อนโยนของเขา
“ผมจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่ออนาคตของครอบครัวเรา มีคุณคอยดูแลครอบครัว ผมก็รู้สึกดีขึ้นมาก”
ระหว่าทางไปยังคฤหาสน์ตระกูลเหลียง พวกเขาคุยกันอย่างสนุกสนาน หัวเราะกันบ่อย ๆ
คุณนายเหลียงรู้สึกทึ่งกับจิตวิญญาณของคนกลุ่มที่เพิ่งมาถึง ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอจึงถามโจวเหวยฉีว่าเกิดอะไรขึ้นระวห่างเดินมาที่นี่
“เรากำลังพูดถึงลูกของพี่ลู่กับเจียงเหยาครับ เธอพูดถึงเฉินเฟยถังว่าเท่มากในชุดเครื่องแบบทหารของเธอ ผมเลยแนะนำให้เธอมาเป็นหมอในกองทัพ แต่ทั้งสองคนกลับปฏิเสธ” โจวเหวยฉีอธิบาย พยายามกลั้นหัวเราะอย่างพอดี เขาพูดว่า “เจียงเหยาบอกว่าเธออยากมีลูกหลังจากเรียนจบ”
“ช่างพูดได้ดีจริง ๆ!” เฉินซวีเหยาแตะที่หน้าแข้งเบา ๆ และเรียกเหลียงเยวี่ยจือกับหลัวเหลาหรุนที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล “ฉันว่าพี่เหลียงกับคุณหลัวต่างหากล่ะที่ควรมีลูกเป็นคนแรก เอาเลยเหลาหรุน เธออยากมีลูกกี่คนล่ะ”