ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 39 วิญญาณหมอจางจ้ง
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 39 วิญญาณหมอจางจ้ง
เมืองผี สถานที่ที่ภูตผีสิงสถิต
แม้จะยังไม่ได้เข้าไปจริงๆ แค่ยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้า ในฐานะที่เป็นมนุษย์ปกติ คงหนิงก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
แต่การรับรู้ของหว่านเอ๋อตอนที่อยู่ภายนอกนั้นไม่ได้ผิดพลาด เมืองผีอันเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณชั่วร้าย บัดนี้ว่างเปล่าแล้ว
โคมสีขาวลอยคว้างอยู่ทั่วทุกแห่งหน เปล่งแสงสลัวๆ ออกไปทั่วทั้งเมือง คงหนิงยืนอยู่บนสะพาน มองไปรอบๆ ภายในเมืองผีที่สว่างไสว ถนนหนทางว่างเปล่า มองดูแล้วไม่เห็นใคร
มีเพียงหมอกขาวโพลนที่ทอดยาวเข้าไปถึงเมืองผี ไม่ได้ชี้ไปทางใดทางหนึ่งโดยเฉพาะ
หว่านเอ๋อกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “หัวหน้ามือปราบหนิง หลังจากนี้ต้องฝากไว้กับเจ้าแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่หว่านเอ๋อเข้ามาในโลกวิญญาณ......”
อารมณ์ของหญิงสาวมีความประหม่าอยู่เล็กน้อย
คงหนิงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ตามข้ามาเถอะ”
เขาเองก็ไม่ใช่คนเหยาะแหยะ ในเมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องไม่ไหวหวั่น
พาหว่านเอ๋อเดินตรงไปตามสะพาน ทั้งสองรีบออกจากสะพานหินแล้วก้าวเท้าเข้าสู่ถนนสายยาว
บนถนนที่ว่างเปล่า บรรยากาศรอบข้างดูมืดมนให้ความรู้สึกเป็นอันตรายถึงชีวิต
บ้านทั้งสองฟากฝั่งถนนปิดบานประตูและหน้าต่างแน่นสนิท
ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ คิ้วของคงหนิงก็ยิ่งขมวดเข้าหากันมากเท่านั้น
เพราะถนนในเมืองผีที่ว่างเปล่านี้ ยิ่งเขามองมันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งคุ้นเคยมากเท่านั้น บ้านหลายต่อหลายหลังทั้งสองฟากฝั่ง หน้าตาเหมือนกับในเขตเมือง
หญิงสาวเห็นความสงสัยของคงหนิง จึงกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ภูตผีก็มีบ้านวิญญาณ และบ้านวิญญาณของพวกเขาก็มักจะได้รับอิทธิพลมาจากความทรงจำในช่วงชีวิตก่อนตาย ดังนั้นเมื่อหัวหน้ามือปราบหนิงเห็นบ้านเหล่านี้แล้วรู้สึกคุ้นเคยก็เป็นเรื่องปกติ”
“ภูตผีวิญญาณส่วนใหญ่ในเมืองผีแห่งนี้ต่างก็เกิดขึ้นมาหลังจากการตายอันน่าสลดของชาวเมืองในเขตชานหลานกันทั้งนั้น.......”
หมอกสีขาวยังคงแผ่ออกไปด้านหน้า
พวกของคงหนิงเดินผ่านถนนรกร้างถึงสองสาย มาจนถึงตรอกแห่งหนึ่งที่ดูวังเวง
ระหว่างทาง ไม่มีภูตผีอยู่ภายในเมืองผีที่มืดมนแห่งนี้เลย แม้แต่ไอแห่งความตายอันหนาวเหน็บก็ไม่ได้รุนแรงเท่ากับในเขตชานหลาน
ผีร้ายที่อยู่ในเมืองผี ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน
หว่านเอ๋อยืนอยู่ที่หน้าทางเข้าตรอก มองดูคงหนิงที่หยุดนิ่งก็แสดงอาการสับสนเล็กน้อย
“หัวหน้ามือปราบหนิง?” หญิงสาวกระซิบคำ
คงหนิงยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าตรอกพร้อมกับขมวดคิ้ว จากนั้นจึงกล่าวว่า “ข้าพอจะรู้แล้วว่าสิ่งชั่วร้ายที่ข้ากำลังตามหาคือใคร.......”
สองข้างทางในตรอกนั้นมืดมาก มีเพียงกำแพงสีซีด เฉพาะสุดปลายทางเท่านั้นที่มีประตูปิดเอาไว้อยู่ ราวกับว่ามีเพียงครอบครัวเดียวเท่านั้นที่อาศัยอยู่ที่นี่
และหลังประตูไม้ที่ปิดสนิท ก็มีแสงสีแดงจางๆ แทรกซึมออกมาจากรอยแยกของประตู
คงหนิงมองไปที่ตรอกและประตูบ้านนั้นที่ดูคุ้นเคย ก่อนจะพูดออกมาช้าๆ
“ไม่อยากเจอก็ต้องได้มาเจอ......”
คำอุทานดังกล่าวทำให้หญิงสาวตกตะลึง “หัวหน้ามือปราบหนิง?”
คงหนิงมองไปที่ประตูบ้านภายในตรอกมืด แล้วกล่าวว่า “สิ่งที่อาศัยอยู่ภายในนี้ ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นผีร้ายที่ชื่อว่าจางจ้ง”
“เมื่อสามปีที่แล้ว ตอนที่ข้าเข้าไปทำงานที่ศาลาว่าการใหม่ๆ ก็ได้ทำคดีฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับบุคคลผู้นี้”
“ชายชราผู้นี้ประกอบอาชีพเป็นหมออยู่ในเมืองมากว่าสี่สิบปี เป็นหมอที่มีชื่อเสียงและทุกคนในเมืองต่างชื่นชม ในปีต่อๆ มา เขาก็ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ยากต่อการรักษา”
“เขาไม่ต้องการจะยอมรับชะตากรรมของตนเอง จึงใช้สูตรพิเศษเพื่อปรุงยารักษา ลักลอบฆ่าเด็กหญิงอายุแปดขวบสามคนภายในเมือง นำหัวใจและตับของพวกนางมาทำยา”
“เรื่องนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างมากภายในเมือง และทุกคนก็รู้สึกหวาดกลัวกันอยู่ช่วงหนึ่งเลยทีเดียว”
“แม้ว่าทุกปีในเขตชานหลานจะมีผู้สูญหายจำนวนมาก แต่ผู้สูญหายทั้งหมดล้วนเป็นผู้ใหญ่ และไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาถูกพาตัวไปหรือหายตัวไปเอง นี่เป็นครั้งแรกที่มีการกระทำที่น่ากลัวเช่นนี้ วางยาเด็กๆ และดึงหัวใจออกมา ทำให้ทุกคนในเมืองรู้สึกเหมือนตกอยู่ในอันตราย”
“คืนนั้นก็เป็นคืนที่มืดมิดเช่นนี้ ข้ายืนอยู่คนเดียวที่ทางเข้าตรอกแห่งนี้ มองดูประตูบ้านของจางจ้งท้ายซอยที่ปิดแน่น เดินเข้าไปด้านใน”
“สิ่งที่เห็นคือจางจ้งแขวนคออยู่ในบ้านของตนเอง”
“ใต้เท้าของศพมีชามวางเอาไว้ เศษซากของยาที่ดื่มยังคงเหลืออยู่ หัวใจและตับของเด็กหญิงทั้งสาม ถูกเขากินไปอย่างละครึ่ง ครึ่งที่เหลือเต็มไปด้วยรอยฟัน”
“แต่ระหว่างที่ชันสูตรศพ ข้าพบว่าภายในท้องของจางจ้งว่างเปล่า ไม่มีอะไรอยู่เลย”
“แม้แต่หัวใจและตับในทรวงอกของจางจ้งก็หายไป แต่สิ่งที่แปลกคือก่อนหน้าที่จะผ่าหน้าอกของจางจ้งออก ไม่มีบาดแผลใดๆ บนร่างของเขาเลย ข้าก็ไม่รู้ว่าหัวใจเขาหายไปได้อย่างไร”
“คดีนี้จบลงด้วยการถูกตัดสินว่าเป็นการฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด”
“แต่ไม่คาดคิดเลยว่า หลังจากที่ตายไป มันจะกลายมาเป็นผีร้ายในโลกวิญญาณแห่งนี้”
คำบรรยายของคงหนิงทำให้หญิงสาวเงียบไปเล็กน้อย
จากนั้นนางก็กล่าวว่า “บางทีจางจ้งอาจจะได้รับเคล็ดชั่วร้ายบางอย่างมา รู้ว่าตนเองไม่มีหวังที่จะมีชีวิตต่อไป จึงเลือกใช้คาถาเพื่อทำให้ตนเองกลายเป็นผีร้ายหลังตายไป หัวหน้ามือปราบหนิง พวกเรายังจะเข้าไปอยู่ไหม?”
คงหนิงมองดูหมอกขาวที่อยู่ในลานสายตาของตนเองค่อยๆ จางหายไป แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอน เราต้องเข้าไปข้างใน ไม่เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ก็คงไม่สามารถถอยได้แล้วใช่ไหมเล่า?”
หมอกสีขาวจางหายไป ซึ่งหมายความว่าคงหนิงมาถึงที่หมายแล้ว
เขาก้าวเท้าเข้าไปในตรอก เดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับหญิงสาว
สุดซอย ภายในประตูสีดำสนิท มีประกายแสงสีเลือดฉายออกมาตามรอยแยกของประตู ไม่รู้จริงๆ ว่าด้านในมีฉากแบบไหนกำลังรออยู่
คงหนิงเดินตรงไปยังประตูที่ปิดอยู่ ดึงห่วงที่อยู่ติดกับประตูออกมา แล้วเคาะเบาๆ
ตึกตึกตึก----ตึกตึกตึก---
เสียงเคาะประตูของคงหนิงดังขึ้นเป็นจังหวะ กระจายไปทั่วตรอกมืด
ละอองเลือดที่ไหลซึมออกมาจากด้านหลังประตูสีดำดูเหมือนจะเข้มข้นขึ้น
หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างเบิกตากว้าง---นางตั้งใจจะชักกระบี่แล้วบุกทะลวงเข้าไป แต่หัวหน้ามือปราบหนิงกลับเคาะประตูเนี่ยนะ?
เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อสังหารปีศาจหรอกหรือ? ทำไมถึงเคาะประตูอย่างสุภาพ?
หญิงสาวตกตะลึง แต่ท่าทางของคงหนิงสงบนิ่ง
ในไม่ช้า เสียงคนแก่แหบแห้งก็ดังขึ้นมาจากข้างในลานบ้าน
“ประตูไม่ได้ปิด เข้ามาได้เลย”
คำตอบทำให้หญิงสาวเบิกตากว้างอีกครั้ง
ผีตนนี้กลับตอบรับเช่นนี้?
วินาทีต่อมา ประตูก็ถูกผลักเปิดออก และคงหนิงเป็นคนเดินเข้าไปก่อน
สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาของพวกเขาคือลานเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเลือดกระจายอยู่ทั่ว
ต้นไม้แห้งเหี่ยว ขวดเหล้าหลายใบวางเรียงกันอยู่ที่มุมลาน และเห็นผีร่างผอมกำลังนั่งยองอยู่หน้าขวดเหล้าด้วยเหตุผลบางอย่าง......นี่คือสิ่งที่พวกคงหนิงเห็นหลังจากผลักประตูเข้ามา
และจากละอองเลือดภายในลาน ดูเหมือนจะมีบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเมืองผีที่อยู่ด้านนอก
ก่อนที่คงหนิงจะทันได้สังเกตรอบๆ โดยละเอียด ผีเฒ่าที่นั่งยองอยู่หน้าขวดเหล้าก็สังเกตเห็นบางอย่าง และหันกลับมามองทันที
สีหน้าดุร้าย
“พวกเจ้ามาจากไหน?” ผีร้ายใบหน้าซีดจ้องมองมาที่ประตูแล้วเอ่ยออกด้วยเสียงแหบพร่า “ทำไมข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน”
ในเวลานี้หว่านเอ๋อก็เดินเข้ามาในลานอย่างระมัดระวัง และยืนอยู่เคียงข้างคงหนิง
คงหนิงที่ไร้อารมณ์ มองไปยังชายชราที่อยู่เบื้องหน้า มองดูใบหน้าที่ดูคุ้นเคยแต่ดุร้ายและน่ากลัวกว่าเดิมมาก จากนั้นจึงกล่าวว่า
“จางจ้ง หมดเวลาของเจ้าแล้ว โปรดมาพร้อมกับพวกเรา”
เสียงของคงหนิงต่ำลง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ผีร้ายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกลับเบิกตาโพลงทันที แสดงท่าทางหวาดกลัว
“ยม......ยมทูตดำขาว[1]?!”
“ไม่! นี่เป็นไปไม่ได้!”
ผีร้ายหวาดกลัวก้าวถอยหลังครั้งแล้วครั้งเล่า มันตะโกนอย่างสิ้นหวัง “เป็นไปไม่ได้ที่เขตชานหลานจะมียมทูตขาวดำ! พวกมันตายกันหมดแล้ว! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!”
ผีร้ายที่ฆ่าเด็กหญิงสามคนอย่างไร้ความปรานีมีท่าทีหวาดกลัว ดูเหมือนจะเห็นบางสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ถอยกลับอย่างสิ้นหวัง
สีหน้าของคงหนิงยังคงไม่แยแส ไม่ได้แปลกใจต่อสิ่งตรงหน้าเลย
หว่านเอ๋อที่อยู่ด้านข้าง มองดูฉากตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ยมทูตดำขาว? มันเกิดอะไรขึ้น?
ยมทูตดำขาวมาจากไหน?
วิญญาณหมอจางจ้งคงไม่ได้มีอาการหลอนใช่หรือไม่?
---------------------------------------------------
[1] ยมทูตดำขาว (黑白无常) เป็นทูตสวรรค์ที่คอยจับผี ตอบแทนความดี ไม่ก็ลงทัณฑ์วิญญาณชั่ว มักจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเทพเจ้าในยมโลก
เทพไป๋อู่ฉาง (白无常) มีหน้าที่รับดวงวิญญาณที่เป็นคนดีมีศีลธรรม ไปรับการพิจารณาจากศาลในนรก แล้วไปเสวยกรรมดีที่เคยทำ
เทพเฮยอู่ฉาง (黑无常) คอยใช้โซ่มัดจับดวงวิญญาณบาป (สมัยเป็นคนมีจิตใจชั่วช้า) ที่สิ้นอายุขัยลากไปรับกรรมในนรก