WS บทที่ 364 การประลองทางอ้อม
*หวู่ม*
วิญญาณผู้พิทักษ์แห่งชั้นห้าของหอคอยแห่งรูนกลายเป็นแสงสีเทาอย่างรวดเร็ว ความเร็วของมันเร็วกว่าหมาป่าสีดำยักษ์บนชั้นสี่ด้วยซ้ำ ในเวลาไม่นาน มันเข้าประชิดตัวพ่อมดเอนเวียและนักเวทย์อีกสองคนในพริบตา
*ตูม*
หมีกริซลี่สีเทายกอุ้งเท้ายักษ์และตบอย่างแรง อักษรรูนลึกลับซึ่งเดิมอยู่บนพื้นผิวร่างกายของหมีกริซลี่สีเทา พวกมันมาบรรจบกันเป็นอุ้งเท้ายักษ์ของเจ้าหมี พลังของการตบนั้นรุนแรงอย่างเหลือเชื่อ
*แคร่ก*
แผ่นวงเวทย์รูนไคลน์แมนปริในทันที มีรอยแตกเล็ก ๆ น้อย ๆ ปรากฏขึ้นและจากนั้น มันก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ
หากไม่มีแผ่นวงเวทย์รูน ทั้งสามคนก็ไม่มีพลังต่อต้านเจ้าหมีเลยแม้แต่น้อย หากพวกเขาถูกหมีกริซลี่สีเทาตบ พวกเขาจะหายไปจากหอคอยแห่งรูนทันที
เมอร์ลินขมวดคิ้ว เขาเฝ้าดูทุกย่างก้าวของหมีกริซลี่สีเทาจากด้านข้างและในที่สุดก็ค้นพบเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมมันถึงน่ากลัวเพียงนี้
หมีกริซลี่สีเทาตัวนี้มีเพียงความแข็งแกร่งของนักเวทย์ระดับห้าเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มันสามารถต้านทานสายฟ้าไคลน์แมนได้ เพราะมันอาศัยอักษรรูนลึกลับหนาแน่นที่ติดอยู่กับผิวกายของมัน
อักษรรูนลึกลับเหล่านี้ดูเหมือนจะสามารถโจมตีและป้องกันได้ เมื่อต้องการบล็อกการโจมตีอันทรงพลัง อักษรรูนเหล่านี้จะรวมตัวกันเพื่อใช้คุณสมบัติการป้องกันอันทรงพลัง
หากการป้องกันของอักษรรูนลึกลับเหล่านี้ไม่ถูกทำลาย มันจะกลายเป็นการต่อสู้ที่เสียเปรียบอย่างมาก เนื่องจากรูนลึกลับสามารถต้านทานการโจมตีได้อย่างต่อเนื่อง
ยิ่งไปกว่านั้น หากนักเวทย์ท้าทายหอคอยแห่งรูนขาดสมาธิ หมีกริซลี่สีเทาก็จะโจมตี ในช่วงเวลาของการโจมตี อักษรรูนลึกลับจะรวมตัวกันอีกครั้งและเพิ่มพลังโจมตีของหมีกริซลี่สีเทาในทันที
นี่คือเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งชั้นห้าจึงทรงพลังมาก วิญญาณผู้พิทักษ์ที่อยู่ด้านล่างชั้นห้าไม่มีความสามารถในการควบคุมพลังของอักษรรูน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือผู้สร้างอย่างจอมเวทย์ฟิเดลที่ไม่ได้ให้วิญญาณผู้พิทักษ์ที่อยู่ต่ำกว่าชั้นห้าสามารถใช้พลังของอักษรรูนได้
ตอนนี้พ่อมดเอนเวียและทีมของเขาพ่ายแพ้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้แพ้แบบไร้เหตุผล เพราะในท้ายที่สุด มีนักเวทย์ที่มีความสามารถกี่คนตลอดการดำรงอยู่ของดินแดนมนต์ดำเป็นเวลาหลายพันปี? ทุกคนจะไม่ลองใช้แผ่นวงเวทย์รูนก่อนหน้านี้ได้อย่างไร?
ทว่าพวกเขาทั้งหมดล้มเหลวและพวกเขาไม่สามารถผ่านชั้นห้าได้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่เป็นอัจฉริยะตัวจริงซึ่งผ่านชั้นห้าไปได้
เมอร์ลินรู้ด้วยว่าเอนเวียและคนอื่น ๆ ไม่ได้ตาย แต่ถูกส่งออกจากหอคอยแห่งรูน ท้ายที่สุด จุดประสงค์ที่แท้จริงของจอมเวทย์ฟิเดลคือการค้นหานักเวทย์อัจฉริยะ โดยเฉพาะผู้ที่เก่งด้านอักษรรูน ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเขาจะไม่ยอมให้นักเวทย์ที่ท้าทายหอคอยต้องจบชีวิต
“เอาล่ะ ถึงตาฉันแล้ว!”
เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินเข้าไปกลางเสาสีแดงด้วยความมุ่งมั่น เขาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งชั้นห้า!
…
ด้านนอกหอคอยแห่งรูน มีนักเวทย์ร่ายจำนวนมากเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของหอคอยรูน
แม้ว่าสิ่งที่อยู่ภายในหอคอยแห่งรูนจะไม่สามารถเห็นได้จากภายนอกได้ แต่ตราบใดที่มีคนก้าวขึ้นไปที่ชั้นใดชั้นหนึ่ง หอคอยที่อยู่ในระดับนั้นก็จะมีแสงสว่างพราวพร่างพราย
ในเวลานี้ ชั้นห้าของหอคอยแห่งรูนยังคงส่องแสงเจิดจ้าซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่ามีคนสองกลุ่มที่พยายามจะท้าทายชั้นที่ห้า
*หวู่ม*
ทันใดนั้น ไฟดวงหนึ่งในสองดวงก็ดับลงอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงแสงจ้าเพียงดวงเดียว นี่หมายความว่ามีคนล้มเหลวในการผ่านชั้นห้า
“ใครล้มเหลว? พ่อมดเมอร์ลินใช่ไหม?”
“ชั้นห้านั้นมันยากมาก นั่นคือการทดสอบที่แท้จริง ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา มีเพียงไคลส์เท่านั้นที่ผ่านชั้นห้าได้”
นักเวทย์เหล่านี้รู้ถึงความยากของหอคอยแห่งรูน ชั้นห้าเป็นการทดสอบที่แท้จริง แม้แต่สีหน้าของพ่อมดลีโอก็ดูจริงจัง
*วิ้ง วิ้ง วิ้ง*
ลำแสงสามดวงปรากฏขึ้นนอกหอคอยแห่งรูน หลังจากนั้นก็ปรากฏนักเวทย์ที่ดูมืดมนสามคนค่อย ๆ เดินออกจากแสง พวกเขาคือพ่อมดเอนเวีย แม่มดซาร่าห์และพ่อมดอิลแมน!
นักเวทย์ทั้งสามไม่ผ่านชั้นห้าและถูกส่งตรงจากหอคอยแห่งรูน
พวกเขามองย้อนกลับไปที่หอคอยแห่งรูนและแสดงสีหน้าปั้นยากบนใบหน้าของพวกเขา โดยเฉพาะพ่อมดเอนเวีย เขาจ่ายราคามหาศาลเพื่อซื้อแผ่นวงเวทย์รูน
ตอนนี้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่สามารถผ่านชั้นห้าได้เท่านั้น แม้แต่แผ่นวงเวทย์รูนไคลน์แมนก็ถูกทำลายไปแล้ว ราคามหาศาลเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นบุคคลที่มีค่าในตระกูลก็ยากที่จะรับได้
“พ่อมดเอนเวียไปกันเถอะ หอคอยแห่งรูนนี้ไม่ง่ายเลยที่จะพิชิตมัน”
พ่อมดอิลแมนเองก็มั่นใจมากก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ ความจริงอันโหดร้ายได้ปรากฏต่อหน้าต่อตาเขา เขาต้องยอมรับว่าถึงพวกเขาจะมีแผ่นวงเวทย์รูนก็ยังเป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขาที่จะผ่านชั้นห้า
นอกจากนี้ แม้ว่าพวกเขาจะผ่านชั้นห้าไปแต่ก็ยังมีชั้นหกที่ยากขึ้นอีก หากพวกเขาผ่านแค่ชั้นห้าไปก็จะไม่มีประโยชน์อะไรมากมาย พวกเขาต้องพิชิตชั้นหกไปแล้วเท่านั้น พวกเขาจึงจะได้รับสมบัติที่จอมเวทย์ฟิเดลทิ้งไว้
พ่อมดเอนเวียส่ายหัวเบา ๆ และพูดอย่างเศร้าโศก “ไม่ต้องรีบร้อน แม้ว่าเราผ่านชั้นห้าไม่ได้แต่เรามาดูกันว่าพ่อมดเมอร์ลินจะผ่านมันไปได้หรือไม่?”
“เมอร์ลิน?”
เมื่อพ่อมดอิลแมนเหลือบมองไปรอบ ๆ เขาก็ตกใจเล็กน้อยเช่นกัน เขาพบว่ามีนักเวทย์มากมายอยู่รอบตัวพวกเขา เขาไม่รู้ว่านักเวทย์จำนวนมากมาที่หอคอนแห่งรูนตอนไหน ปกติสถานที่แห่งนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก ดูเหมือนว่าสาเหตุที่พวกเขามารวมตัวกันจะอยู่ในหอคอยแห่งรูน พวกเขาทั้งหมดมองขึ้นไปที่หอคอยอย่างกระตือรือร้น
ในเวลานี้ มีเพียงชั้นห้าของหอคอยแห่งรูนเท่านั้นที่สว่างขึ้น กล่าวคือ มีเพียงเมอร์ลินเท่านั้นที่อยู่ภายในหอคอยที่ท้าทายมัน นักเวทย์เหล่านี้มาหลังจากได้ยินข่าวเรื่องนี้ พวกเขาได้ยินมาว่าพ่อมดเมอร์ลินผู้โด่งดังล่าสุดกำลังท้าทายหอคอยแห่งรูน
“พวกเขาทั้งหมดมาเพราะเมอร์ลิน แต่จริง ๆ แล้ว พวกเขาแค่ต้องการเห็นการประลองทางอ้อมระหว่างเมอร์ลินและไคลส์ ก่อนหน้านี้ ไคลส์ได้ผ่านชั้นห้าของหอคอยแห่งรูนไปแล้ว!”
แม่มดซาร่าห์ไม่ได้จากไปไหนเพราะดวงตาคู่สวยของเธอก็จดจ่ออยู่ที่ชั้นห้าของหอคอยแห่งรูนด้วย
เช่นเดียวกับที่พ่อมดเอนเวียและคนอื่น ๆ พวกเขาตัดสินใจที่จะอยู่เฉย ๆ และดูว่าเมอร์ลินจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ บรรดานักเวทย์ที่อยู่รอบ ๆ ก็มองเห็นใบหน้าของพ่อมดทั้งสามได้อย่างชัดเจน เมอร์ลินไม่ได้อยู่ที่นั่นและพวกเขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
พวกเขาทั้งหมดรู้ว่าเมอร์ลินยังคงอยู่บนชั้นห้าของหอคอยแห่งรูน บางทีเขาอาจต่อสู้กับวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งชั้นห้าในปัจจุบัน
“ฉันสงสัยว่าพ่อมดเมอร์ลินสามารถผ่านชั้นห้าได้หรือไม่?”
“พ่อมดเมอร์ลินตอนนี้อยู่ในความสนใจ เขาทำให้เกิดความโกลาหลมากกว่าไคลส์ในตอนนั้น หนึ่งคือนักเวทย์ห้าธาตุกับอีกคนหนึ่งเป็นนักเวทย์หกธาตุ ทั้งคู่เป็นอัจฉริยะที่แท้จริง หากทั้งสองได้ต่อสู้กัน คงจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาอย่างมาก!”
“แม้ว่านี่จะไม่ใช่การดวลที่แท้จริง แต่การประลองทางอ้อมนี้ก็ดีเหมือนกัน เรามารอดูกันต่อไปว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร”
ตามที่แม่มดซาร่าห์สงสัย เหตุผลที่แท้จริงที่นักเวทย์จำนวนมากมาที่หอคอยแห่งรูนก็คือการได้ชมการประลองทางอ้อมระหว่างอัจฉริยะทั้งสอง เมอร์ลินกับไคลส์
…
เมอร์ลินยืนอยู่กลางเสาสีแดงหลายต้น รังสีของแสงก็ค่อย ๆ เปล่งออกมาจากเสาสีแดงเข้ม แสงเหล่านี้รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว และหมีกริซลี่สีเทาก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
หลังจากนั้น อักษรรูนลึกลับหนาทึบก็พุ่งออกมาจากเสาสีแดงอีกครั้ง เหมือนกับตาข่ายขนาดใหญ่ที่เกาะติดกับพื้นผิวของลำตัวหมีกริซลี่สีเทา
ดวงตาของเมอร์ลินหรี่ลง เขารู้ว่าความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงของวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งชั้นห้าคืออักษรรูนลึกลับเหล่านี้ซึ่งถูกจารึกโดยพ่อมดฟิเดลเองในตอนนั้น
ตอนนี้เมอร์ลินตระหนักดีถึงเก่งกาจและความลึกลับของจอมเวทย์ฟิเดลมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาเคยพบจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ในหมู่เกาะเคิร์ดมันสลามาก่อน นอกจากนี้ จากมุมมองของเมอร์ลิน พลังของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ดูเหมือนจะไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ เมอร์ลินค่อย ๆ ได้เรียนรู้ว่าจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ก็แยกออกเป็นหลายประเภท มีทั้งที่แข็งแกร่งและอ่อนแอ เช่นเดียวกับจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ในหมู่เกาะเคิร์ดมันสลา เขาเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ระดับเริ่มต้นซึ่งอ่อนแอที่สุดในบรรดาจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่
จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาคารสเตอร์ลิ่งควรอยู่ในหมวดหมู่ของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ระดับเริ่มต้น
ผู้ก่อตั้งดินแดนมนต์ดำ จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ ฟิเดล เขาเชี่ยวชาญเรื่องอักษรรูนมาก มันถึงจุดที่เหนือวงแหวนเวทย์ใด ๆ ที่เขาสลักไว้ จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ประเภทนี้ควรอยู่ในระดับสูงสุดในบรรดาจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่
บางทีเขาอาจไม่ได้เก่งเท่าตำนานแต่ในบางพื้นที่ จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้สมควรได้รับความเคารพจากเหล่าตำนาน!
นี่เป็นกรณีของจอมเวทย์ฟิเดล ความเชี่ยวชาญด้านอักษรรูน มันอาจทำให้จอมเวทย์ในตำนานรู้สึกด้อยกว่า เขาถือได้ว่าเป็นจอมเวทย์ที่ทรงพลังและมีความรู้ลึกซึ้งในด้านอักษรรูน
ดังนั้น วงแหวนเวทย์ที่จอมเวทย์ฟิเดลทิ้งไว้ จึงสามารถปกป้องดินแดนมนต์ดำจนถึงตอนนี้ นอกจากนี้ หอคอยแห่งรูนที่เขาสร้างขึ้นนั้นวิเศษยิ่งกว่าเดิม วิญญาณผู้พิทักษ์เหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตอมตะอย่างแท้จริง ตราบใดที่วงแหวนเวทย์ไม่ถูกทำลาย แม้ว่าวิญญาณผู้พิทักษ์เหล่านี้จะเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก พวกเขาก็ยังสามารถเกิดใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
เวลาพันปีไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวิญญาณผู้พิทักษ์เหล่านี้ได้ เห็นได้ชัดว่าจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ ฟิเดลเก่งในเรื่องอักษรรูนมากแค่ไหน
เมอร์ลินรู้ว่าเสาสีแดงเหล่านี้ควรเป็นรากฐานของวิญญาณผู้พิทักษ์ หากเสาสีแดงเหล่านี้ถูกทำลาย วิญญาณผู้พิทักษ์ในหอคอยรูนก็จะหายไปโดยธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนในหอคอยแห่งรูน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คนที่มาท้าทายไม่ได้รับอนุญาตให้โจมตีเสาสีแดง มิฉะนั้นจะมีผลกระทบร้ายแรง
“โฮก!”
ในที่สุด หมีกริซลี่สีเทาซึ่งอยู่กลางอากาศก็ส่งเสียงคำรามและพุ่งเข้าหาเมอร์ลินอย่างดุเดือด
พลังจิตของเมอร์ลินสั่นเล็กน้อย เสียงคำรามของหมีกริซลี่สีเทานี้สามารถเขย่าพลังจิตของเขาได้ โชคดีที่เขาฟื้นคืนสติได้ทัน ดังนั้นเขาไม่ได้รับผลกระทบจากมันมากนัก
ถ้าเขาต้องการเอาชนะหมีกริซลี่สีเทา เขาต้องจัดการทุบตีและทำลายอักษรรูนลึกลับที่อยู่บนพื้นผิวของร่างกายพร้อมกับมันโดยตรง เมื่อนั้นหมีกริซลี่สีเทาจะได้รับบาดเจ็บ
เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากบนลงล่าง เปลวเพลิงสีขาวพุ่งออกมาจากร่างกายของเขาอย่างกะทันหัน นี่คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเมอร์ลินในขณะนี้ ภาพลวงตาของคาถาธาตึมืดไม่มีผลกับวิญญาณผู้พิทักษ์เลย
ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้คาถาโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อเอาชนะมันได้อย่างสมบูรณ์เท่านั้น!
“หลอมเปลวเพลิง!”
เมอร์ลินเอื้อมมือออกไปอย่างแผ่วเบา จากนั้นฝ่ามือของเขาก็มีลูกไฟระเบิดออกมา ลอยอยู่ในอากาศอย่างสงบ
มีเพียงนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญในคาถาธาตุไฟเท่านั้นที่จะรู้ว่าลูกไฟเล็ก ๆ สองสามลูกนี้ถูกบีบอัดมากเพียงใด เปลวเพลิงที่บรรจุอยู่นั้นทำให้แม้แต่นักเวทย์ระดับหกก็ยังสั่นสะท้าน!
"โจมตี!"
ประกายแววตาของความบ้าคลั่งก็แวบผ่านดวงตาของเมอร์ลิน จากนั้นเขาก็กวาดมือและชี้ ลูกไฟสีขาวเล็ก ๆ สองสามลูกสั่นเล็กน้อยและบินตรงไปข้างหน้า…