418 - ภัยอันตรายของหมู่บ้านหิน
418 - ภัยอันตรายของหมู่บ้านหิน
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดให้ทุกคนไล่ล่าเย่ฟ่านโดยไม่หยุดพัก
บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงมีความทะเยอทะยานที่จะเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ความแข็งแกร่งของเขาได้รับการยอมรับจากทุกคน แต่ตอนนี้เขาถูกจับขังอยู่ในเตาของเย่ฟ่าน
สิ่งนี้ทำให้ชื่อเสียงของเขาตกต่ำลงอย่างมาก! ในขณะเดียวกันชื่อของเย่ฟ่านได้แพร่กระจายไปทั่วนิกายหลัก
และในอนาคตเขาประกาศว่าจะไปเยี่ยมเยียนดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงและตระกูลจี้ นี่คือเสียงประกาศสงครามของผู้ฝึกตนตัวเล็กๆต่อตระกูลอมตะที่ยิ่งใหญ่
เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนที่สถานการณ์ลุกลาม ภาคเหนือยากที่จะสงบลง แต่ไม่มีใครสามารถหาเย่ฟ่านพบ
ในขณะนี้เย่ฟ่านไม่ได้รู้สึกถึงวิกฤตอะไร เขาเปลี่ยนร่างและกลายเป็นหนุ่มน้อยที่มีหน้าตาหล่อเหลา ในระหว่างนี้เขากวาดล้างโรงพนันหินที่อยู่รอบนอกเมืองศักดิ์สิทธิ์จนแทบจะล้มละลายไปหลายแห่ง
“ราชาเผิงน้อยปีกทอง บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง เหยาซี ได้โปรดเงียบเถอะ หากพวกเจ้ายังคงวุ่นวายเช่นนี้ข้าอาจจะโยนพวกเจ้าเข้าไปในเหมืองโบราณต้นกำเนิด!” เย่ฟ่านปลดปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในหม้อ
อย่างไรก็ตามราชันย์เผิงน้อยปีกสีทองเป็นคนที่หยิ่งผยองมากแค่ไหน บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงและเหยาซีจะยอมจำนนได้อย่างไร ในเตาทองแดงพวกเขายังพยายามโจมตีผนึกอยู่ทุกวัน
“หากพวกเจ้ายังคงเป็นเช่นนี้อยู่ ระวังข้าจะปิดผนึกพวกเจ้าอยู่ในหลุมสักหมื่นปี!”
ทันทีที่เย่ฟ่านพูดเช่นนี้ แม้แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้หยิ่งผยองและทำตัวสูงๆอยู่ตลอดเวลาก็ถึงกับสาปแช่งออกมาด้วยความโกรธ
เหยาซีที่ถูกขังอยู่เป็นเวลานานนั้นไม่ต้องพูดถึง นางสาปแช่งเย่ฟ่านให้ตายทุกวันอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามผลที่ได้นั้นชัดเจน ความสงบของพวกเขามีเพิ่มมากขึ้นในทันที
……………………..
ผาศักดิ์สิทธิ์เป็นชื่อโบราณ ตามที่เขาเห็นในแผนที่หนังสัตว์นั้น นี่คือที่ตั้งของเก้าญาณวิเศษลึกลับอย่างแม่นยำ
เย่ฟ่านคิดว่าชื่อนี้มีความพิเศษเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะถามสุนัขสีดำตัวใหญ่ว่า
“เจ้าดำ เจ้าเคยได้ยินชื่อผาศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?”
หัวใจของสุนัขสีดำตัวใหญ่ก็กระโดดขึ้นทันทีและพูดว่า
“เจ้ารู้จักชื่อนั้นได้อย่างไร สถานที่นี้ผิดปกติมาก มีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อยู่เคยอาศัยอยู่ที่นั่นหลายร้อยปี มันทำให้เต๋าของเขาซึมซับอยู่ในหน้าผาแห่งนั้นด้วย” จักรพรรดิดำกล่าว
เย่ฟ่านแตะคางของเขา นี่เป็นสถานที่ที่ไม่ธรรมดา เก้าญาณวิเศษลึกลับถูกซ่อนอยู่ในบริเวณนั้น และเขาจะไปแย่งชิงมาให้ได้แต่เขาไม่อยากจากไปในตอนนี้
สิ่งที่เขาต้องทำอย่างเร่งด่วนคือเพิ่มระดับการฝึกฝนของตัวเอง
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเขาเดินไปรอบๆเมืองหลายสิบแห่ง และซื้อหินต้นกำเนิดอย่างต่อเนื่อง
และเนื่องจากบ่อนพนันที่เขาไปอาละวาดนั้นไม่มียอดฝีมือระดับสูงคอยควบคุมสถานการณ์ สุดท้ายมันทำให้เขาสะสมต้นกำเนิดได้กว่าหมื่นจิน
ตอนนี้เย่ฟ่านบุกทะลวงเข้าสู่อาณาจักรเต๋าชั้นสามแล้ว แต่เขาไม่พอใจและต้องการได้รับการเลื่อนไปสู่อาณาจักรลึกลับตำหนักเต๋าที่สี่
แต่ต้นกำเนิดแสนจินเป็นตัวเลขที่มากมายมหาศาลเหลือเกิน เขาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการสะสม
“ถึงเวลาที่ต้องไปเมืองศักดิ์สิทธิ์สักที” เย่ฟ่านพึมพำกับตัวเอง
ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน ความวุ่นวายในแคว้นเหมยยังไม่คลี่คลาย ตรงกันข้ามมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต้วนเต๋อคือหนึ่งในคนที่ได้รับความอับอายมากที่สุดจากการกระทำของเย่ฟ่าน
แต่นักพรตที่ไร้ศีลธรรมคนนี้ย่อมมีความสามารถพิเศษบางอย่าง ในสถานการณ์นั้นเขายังพบโอกาสและหลบหนีได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามชีวิตของเขาก็ค่อนข้างได้รับความยากลำบาก แม้ว่าเขาจะเอาตัวรอดจากผู้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาได้ แต่ทายาทของโจรผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 13 ก็ออกไล่ล่าเขาอย่างต่อเนื่อง
ต้วนเต๋อใช้เวลาหลบหนีนานกว่าครึ่งเดือนจนแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นทายาทของโจรผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังไล่ตามเขาไม่หยุด
จะเห็นว่าเวลาผ่านไปเพียงไม่นานแต่น้ำหนักของต้วนเต๋อก็ลดลงไปมากกว่าครึ่ง แต่สิ่งเดียวที่น่าประหลาดใจก็คือเขายังคงกระโดดโลดเต้นไปมาและไม่มีวี่แววของความล้มเหลว
ตามข่าวล่าสุดต้วนเต๋อซึ่งถูกผู้สูงสุดไล่ล่าด้วยตัวเองในที่สุดเขาก็หลบหนีไปยังภาคกลางได้สำเร็จ เรื่องนี้ทำให้เย่ฟ่านค่อนข้างตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“เราต้องกลับไปที่หมู่บ้านหินและย้ายผู้คนออกไป คาดว่าอีกไม่นานจะเกิดพายุครั้งใหญ่ในภาคเหนือ พวกเราต้องพาพวกเขาออกจากสถานที่แห่งความวุ่นวายให้เร็วที่สุด”
เย่ฟ่านไม่ต้องการให้ผู้คนในหมู่บ้านหินได้รับผลกระทบ เขาต้องการจะย้ายทุกคนออกไปล่วงหน้าเพื่อกันพวกเขาให้ห่างจากภูเขาสีม่วง
หลังจากผ่านไปครึ่งเดือนเย่ฟ่านและจักรพรรดิดำกลับไปที่หมู่บ้านหินที่ซึ่งมันเหมือนกับในอดีตโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
ผู้คนที่นี่จิตใจดี ขยันหาเลี้ยงชีพ ชีวิตไร้กังวล พวกเขาสามารถไปที่พื้นที่สีเขียวที่อยู่ห่างไกลเพื่อแลกเปลี่ยนของใช้ในชีวิตประจำวันได้
“น้องเย่และจักรพรรดิดำกลับมาแล้ว!” ผู้คนในหมู่บ้านหินทักทายพวกเขาอย่างกระตือรือร้น
เมื่อพวกเขารู้ว่าพวกเขากำลังจะย้ายออกจากที่นี่ ผู้เฒ่าหลายคนก็เงียบสนิท พวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคน และการเดินทางออกจากที่นี่ก็เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะทำใจได้
“พวกท่านไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ พายุลูกใหญ่กำลังมาและมันจะกวาดล้างทุกดินแดนที่อยู่รอบข้างอย่างราบคาบ” เย่ฟ่านอธิบายอย่างอดทน
แต่คำพูดของเขาดูเหมือนจะไม่ได้ผลดังนั้นเขาจึงเชิญท่านปู่ห้าให้มาเล่าเรื่องราวสั้นๆเกี่ยวกับภูเขาสีม่วง
เมื่อได้ยินว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังมา ท่านปู่ห้าก็มีใบหน้าบิดเบี้ยวและถอนหายใจยาวๆ
"ท่านบรรพบุรุษสั่งให้เราอยู่ที่นี่ พวกเราต้องไปจริงๆหรือ?"
จักรพรรดิดำมองเขาด้วยสายตาลึกล้ำและกล่าวว่า
"หมู่บ้านของเราจะได้รับพรในอนาคตจากการเสียสละครั้งนี้ แต่ก่อนอื่นพวกเจ้าต้องย้ายออกจากที่นี่ก่อน"
เย่ฟ่านรู้ดีว่าปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ตระกูลจางเคยกล่าวกับลูกหลานของเขาไว้ว่า “จงอยู่ที่นี่เพื่อแสดงความเคารพต่อภูเขาสีม่วง และวันหนึ่งมันจะช่วยให้พวกเจ้าปลอดภัย”
สำหรับหลายๆคน การย้ายออกจากสถานที่นี้เป็นขั้นตอนที่น่าเศร้า เย่ฟ่านไม่ได้กระตุ้นให้เดินทางทันทีเพราะยังมีเวลาอีกมาก
แม้ว่าม้วนคัมภีร์โบราณจะตกไปอยู่ในมือของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังยากที่พวกเขาจะค้นหาสถานที่แห่งนี้ได้ในเวลาอันสั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากที่หลายวันผ่านไปสุนัขสีดำตัวใหญ่ก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น!
“มียอดฝีมือมาถึงแล้ว!” เย่ฟ่านตกใจมากเหตุการณ์นี้ดูเหมือนจะมาเร็วเกินไป
“ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เขาเคลื่อนที่เร็วมากโชคดีที่จมูกของข้ายังรับรู้กลิ่นอายของเขาอยู่บ้าง” สุนัขสีดำตัวใหญ่พูดอย่างเคร่งขรึม
จักรพรรดิดำมองเห็นชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมนักพรตสีดำยืนอยู่บนยอดเขาสีม่วง เขากระโดดเพียงไม่กี่ครั้งก็หายวับไปในพริบตา
“สวมเสื้อคลุมนักพรต เป็นเจ้าอ้วนหรือเปล่า ได้ยินว่าเขาไปยังภาคกลางแล้วหรือว่าเขาเพียงแค่หลอกทุกคน?” เย่ฟ่านรู้สึกงงงวย
“ไม่ใช่คนอ้วนแน่นอน เขาไม่เร็วขนาดนั้น คนคนนี้มีความเร็วระดับผู้สูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย”
เย่ฟ่านแผ่นหลังเปียกชุ่มด้วยความกลัว เขากระโดดขึ้นมาจากเก้าอี้และพูดว่า
“เจ้าไปเร่งเร้าให้ชาวบ้านเก็บของเดี๋ยวนี้ ส่วนข้าจะไปสำรวจเส้นทาง ข้าจะดูว่ามียอดฝีมือจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาถึงหรือยัง หากเป็นพวกปลาซิวปลาสร้อยข้าจะฆ่าพวกมันทิ้งก่อน” เย่ฟ่านกล่าวด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
……………….
เมื่อเย่ฟ่านกลับมาเขาเห็นสุนัขสีดำตัวใหญ่อยู่ห่างจากหมู่บ้านหินหลายสิบลี้
"ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่"
“จมูกโคคนนั้นเข้ามาในหมู่บ้านหินจากนั้นเขาก็หายตัวไปจากหมู่บ้าน จักรพรรดิคนนี้มองไม่เห็นเขา ข้ากลัวว่าเจ้าจะตกอยู่ในอันตรายจึงรีบมาช่วยเหลือ”
“เจ้าออกมาแบบนี้คนอื่นในหมู่บ้านจะเป็นอย่างไร?” เย่ฟ่านประหลาดใจ เขากังวลเกี่ยวกับผู้คนในหมู่บ้านหิน
“อย่ากังวลเมื่อรากฐานการบ่มเพาะของเขามาถึงระดับนั้นได้ เขาย่อมไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับมนุษย์ธรรมดาอย่างแน่นอน แต่สถานการณ์ของพวกเรากลับแตกต่างกันออกไป”
“เขาเป็นคนเดียวกับที่อยู่บนภูเขาสีม่วงหรือไม่?” เย่ฟ่านมีสีหน้าเคร่งเครียด
“ข้าไม่รู้ แต่ยอดฝีมือที่เป็นนักพรตสองคนจะปรากฏตัวในที่เดียวกันได้อย่างไร”
จักรพรรดิดำครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
“ไปดูกันว่าจมูกโคคนนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่”