ตอนที่ 299+300 งานแต่งงานของตระกูลเหลียง
“เยวี่ยจือ บอกฉันว่าวันนี้นายจะพาภรรยาของนายมาด้วย เธอคือภรรยาของนายใช่ไหม” แม้ว่าใบหน้าของคุณเหลียงจะไม่มีรอยยิ้มอย่างชัดเจน แต่เขาก็เป็นชายชราที่เป็นมิตร แม้จะดูจริงจังไปเสียหน่อย เหมือนกับที่ลู่ชิงสีบรรยายไว้
“ในพวกนานห้าคน การแต่งงานของนายเพียงคนเดียวนี่แหละ เป็นเรื่องที่ฉันไม่รู้สึกกังวล! เหวยฉีบอกฉันว่านายเลือกภรรยาด้วยตัวเอง และตอนนี้เธอกำลังเรียนมหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียง! ไม่เลวนี่ ไม่เลว!” คุณเหลียงได้พบกับผู้คนมากมายมาทั้งชีวิต คนที่เขาพบมากกว่าปริมาณข้าวที่คนทั่วไปได้กินทั้งชีวิต
ภรรยาของลู่ชิงสีไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เหมาะสมเมื่อเข้ามายังที่นี่ เธอมีรอยยิ้มที่ดีจาง ๆ บนใบหน้าตลอดเวลา เธอไม่สนใจผู้คนที่เดินผ่านมามากนัก แม้ว่าเครื่องแต่งกายของพวกเขาจะดูสง่างามและหรูหรา
ดังนั้นความประทับใจครั้งแรกของคุณเหลียงที่มีต่อเจียงเหยาจึงยอดเยี่ยมาก เป็นเรื่องยากสำหรับคนที่มาจากเมืองเล็ก ๆ อย่างเธอที่จะทำตัวได้ดีเมื่อเข้าร่วมงานใหญ่เช่นนี้
“โอ้ ใช่แล้ว ถ้าจำไม่ผิด คงจะชื่อเจียงเหยาใช่ไหม” คุณเหลียงพยักหน้าให้กับเจียงเหยา “วันนี้มีแขกมามากมาย ยังไงก็ฝากพวกเธอสองคนช่วยฉันกับป้าเหลียงดูแลแขกหน่อยล่ะกัน”
คุณเหลียงพูดออกมาเช่นนี้ เขาหมายความว่าเขาปฏิบัติต่อทั้งสองคนว่าเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพวกเขา
“ตามสบายครับลุงเหลียง ผมจะดูแลภรรยาของผมเอง” ลู่ชิงสีรีบบอกคุณเหลียงให้ออกไปรับแขกคนอื่น ๆ เขารอให้ลุงเหลียงเดินจากไป จากนั้นก็จับมือเจียงเหยาเดินต่อไป
ที่ห้องนั่งเล่นของบ้านตระกูลเหลียง เต็มไปด้วยแขกเหรื่อ ลู่ชิงสีจับมือเจียงเหยาเดินผ่านห้องนี้ไป ทุกครั้งที่พวกเขาเดินผ่านคนที่เขารู้จัก เขาจะหยุดแนะนำเจียงเหยาให้รู้จักในฐานะภรรยาของเขาและหยุดพูดคุยเล็กน้อย
ระหว่างทางเจียงเหยาแสร้งทำเป็นหญิงสาวที่เชื่อฟังและเรียบร้อยอยู่ข้าง ๆ เขา ทุกครั้งที่เธอได้รับคำชม เธอจะยิ้มอย่างอ่อนโยนและตอบอย่างถ่อมตน
หลังจากเดินเข้าไปในบ้าน เธอเห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะกาแฟกำลังชงชาให้ตัวเอง เธอมองเพียงแวบเดียวก็พอจะรู้ว่าเขาคือพี่ชายของเหลียงเยวี่ยจือ เพราะเขาหน้าตาเหมือนน้องชายมากทีเดียว
เมื่อเจียงเหยาได้พับกับพี่ชายของเหลียงเยวี่ยจือ เธอนึกถึงใบหน้าของเหลียงเยวี่ยจือ
แม้จะผ่านไปนานกว่าสิบปี เพียงแค่มองด้วยตาเปล่า ลู่ชิงสีและเพื่อนของเขายังดูโดดเด่นเฉกเช่นนกฟีนิกซ์ท่ามกลางฝูงนก ไม่ต้องพูดถึงในด้านอื่น ๆ
ดังนั้นเมื่อเจียงเหยาเห็นใบหน้าของเหลียงเยว่หวา เธอก็สามารถจับคู่กับชายที่อยู่ในความทรงจำที่เลือนราง
อย่างไรก็ตาม พี่ชายของเหลียงเยวี่ยจือไม่ใช้คนที่เธออยากจะรู้จัก แต่เป็นผู้หญิงที่กำลังคุยอยู่กับเหลียงเยว่หวาต่างหาก
ผู้หญิงคนนั้นดูแตกต่างจากคนอื่น ๆ ที่แต่งตัวตามปกติในบ้านของตระกูลเหลียงมาก เธอสวมชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศ ผมสั้นสลวยของเธอแทบจะไม่สามามารถปิดใบหูได้ ทำให้เธอดูมีพละกำลังและว่องไว
อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณของนักสู้ของเธอ เธอหันกลับมาและมองตรงมาที่เจียงเหยา
เจียงเหยารู้สึกอาย จากนั้นเธอก็ตระหนักว่าจำเป็นต้องทักทายผู้หญิงคนนั้นและแนะนำตัวเอง เธอประหลาดใจมาก และลุกขึ้นยืนทันที เธอตะโกนมมาทางเจียงเหยา “ลู่ชิงสี!”
เจียงเหยาก้มศีรษะลงและแตะปลายจมูกของเธอ น่าอึดอัดใจ เธอเป็นคนที่ลู่ชิงสีรู้จักเสียด้วย
เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของหญิงสาว ปฏิกิริยาของลู่ชิงสีนั้นเฉยชา
เขาตอบผู้หญิงคนนั้นด้วยเสียงครางในลำคอและพยักหน้าเท่านั้น จากนั้นเขาก็จับมือภรรยาและเดินผ่านเธอไป พวกเขานั่งลงตรงข้ามกับพี่ชายของเหลียงเยวี่ยจือและภรรยาของเขา เขาทำเหมือนว่าผู้หญิงในเครื่องแบบคนนั้นไม่ต่างไปจากคนรู้จักอื่น ๆ ที่อยู่ภายในบ้าน เหมือนกับว่าเธอเป็นเพียงคนรู้จักเท่านั้น
“นี่ภรรยาของนายใช่ไหม?” เหลียงเยว่หวากำลังเตรียมชงชาให้กับแขก หลังจากที่ลู่ชิงสีและเจียงเหยานั่งลง เขาก็เลื่อนถ้วยชาให้คนตรงหน้าคนละถ้วย “ฉันสังเกตเห็นท่าทางของพ่อตอนที่เขาคุยกับนาย ฉันคิดว่าเขาน่าจะชอบภรรยานายมากทีเดียว ฉันเคยได้ยินเรื่องภรรยาของนายจากโจวเหวยฉีและเฉินซวีเหยามกาก่อน ได้รู้จักเพียงชื่อจากคนอื่นไม่เท่ากับได้เจอตัวจริง ภรรยาของนายสวยกว่าที่สองคนที่ไม่รู้หนังสือนั้นอธิบายเสียอีก”
คุณนายเหลียงน้อยได้ยินเขาก็หัวเราะออกมา “ทำไมถึงได้ชมเธอพร้อมกับต่อว่าโจวเหวยฉีกับเฉินซวีเหยาอย่างนั้นล่ะคะ เขาสองคนจบจากวิทยาลัยทหารมานะ ถ้าทั้งสองคนนั้นไม่รู้หนังสือ คนออย่างฉันที่สอบตกมาตั้งแต่เด็ก จะทำอย่างไรเล่า”
__
“เยวี่ยจือ บอกฉันว่าวันนี้นายจะพาภรรยาของนายมาด้วย เธอคือภรรยาของนายใช่ไหม” แม้ว่าใบหน้าของคุณเหลียงจะไม่มีรอยยิ้มอย่างชัดเจน แต่เขาก็เป็นชายชราที่เป็นมิตร แม้จะดูจริงจังไปเสียหน่อย เหมือนกับที่ลู่ชิงสีบรรยายไว้
“ในพวกนานห้าคน การแต่งงานของนายเพียงคนเดียวนี่แหละ เป็นเรื่องที่ฉันไม่รู้สึกกังวล! เหวยฉีบอกฉันว่านายเลือกภรรยาด้วยตัวเอง และตอนนี้เธอกำลังเรียนมหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียง! ไม่เลวนี่ ไม่เลว!” คุณเหลียงได้พบกับผู้คนมากมายมาทั้งชีวิต คนที่เขาพบมากกว่าปริมาณข้าวที่คนทั่วไปได้กินทั้งชีวิต
ภรรยาของลู่ชิงสีไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เหมาะสมเมื่อเข้ามายังที่นี่ เธอมีรอยยิ้มที่ดีจาง ๆ บนใบหน้าตลอดเวลา เธอไม่สนใจผู้คนที่เดินผ่านมามากนัก แม้ว่าเครื่องแต่งกายของพวกเขาจะดูสง่างามและหรูหรา
ดังนั้นความประทับใจครั้งแรกของคุณเหลียงที่มีต่อเจียงเหยาจึงยอดเยี่ยมาก เป็นเรื่องยากสำหรับคนที่มาจากเมืองเล็ก ๆ อย่างเธอที่จะทำตัวได้ดีเมื่อเข้าร่วมงานใหญ่เช่นนี้
“โอ้ ใช่แล้ว ถ้าจำไม่ผิด คงจะชื่อเจียงเหยาใช่ไหม” คุณเหลียงพยักหน้าให้กับเจียงเหยา “วันนี้มีแขกมามากมาย ยังไงก็ฝากพวกเธอสองคนช่วยฉันกับป้าเหลียงดูแลแขกหน่อยล่ะกัน”
คุณเหลียงพูดออกมาเช่นนี้ เขาหมายความว่าเขาปฏิบัติต่อทั้งสองคนว่าเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพวกเขา
“ตามสบายครับลุงเหลียง ผมจะดูแลภรรยาของผมเอง” ลู่ชิงสีรีบบอกคุณเหลียงให้ออกไปรับแขกคนอื่น ๆ เขารอให้ลุงเหลียงเดินจากไป จากนั้นก็จับมือเจียงเหยาเดินต่อไป
ที่ห้องนั่งเล่นของบ้านตระกูลเหลียง เต็มไปด้วยแขกเหรื่อ ลู่ชิงสีจับมือเจียงเหยาเดินผ่านห้องนี้ไป ทุกครั้งที่พวกเขาเดินผ่านคนที่เขารู้จัก เขาจะหยุดแนะนำเจียงเหยาให้รู้จักในฐานะภรรยาของเขาและหยุดพูดคุยเล็กน้อย
ระหว่างทางเจียงเหยาแสร้งทำเป็นหญิงสาวที่เชื่อฟังและเรียบร้อยอยู่ข้าง ๆ เขา ทุกครั้งที่เธอได้รับคำชม เธอจะยิ้มอย่างอ่อนโยนและตอบอย่างถ่อมตน
หลังจากเดินเข้าไปในบ้าน เธอเห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะกาแฟกำลังชงชาให้ตัวเอง เธอมองเพียงแวบเดียวก็พอจะรู้ว่าเขาคือพี่ชายของเหลียงเยวี่ยจือ เพราะเขาหน้าตาเหมือนน้องชายมากทีเดียว
เมื่อเจียงเหยาได้พับกับพี่ชายของเหลียงเยวี่ยจือ เธอนึกถึงใบหน้าของเหลียงเยวี่ยจือ
แม้จะผ่านไปนานกว่าสิบปี เพียงแค่มองด้วยตาเปล่า ลู่ชิงสีและเพื่อนของเขายังดูโดดเด่นเฉกเช่นนกฟีนิกซ์ท่ามกลางฝูงนก ไม่ต้องพูดถึงในด้านอื่น ๆ
ดังนั้นเมื่อเจียงเหยาเห็นใบหน้าของเหลียงเยว่หวา เธอก็สามารถจับคู่กับชายที่อยู่ในความทรงจำที่เลือนราง
อย่างไรก็ตาม พี่ชายของเหลียงเยวี่ยจือไม่ใช้คนที่เธออยากจะรู้จัก แต่เป็นผู้หญิงที่กำลังคุยอยู่กับเหลียงเยว่หวาต่างหาก
ผู้หญิงคนนั้นดูแตกต่างจากคนอื่น ๆ ที่แต่งตัวตามปกติในบ้านของตระกูลเหลียงมาก เธอสวมชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศ ผมสั้นสลวยของเธอแทบจะไม่สามามารถปิดใบหูได้ ทำให้เธอดูมีพละกำลังและว่องไว
อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณของนักสู้ของเธอ เธอหันกลับมาและมองตรงมาที่เจียงเหยา
เจียงเหยารู้สึกอาย จากนั้นเธอก็ตระหนักว่าจำเป็นต้องทักทายผู้หญิงคนนั้นและแนะนำตัวเอง เธอประหลาดใจมาก และลุกขึ้นยืนทันที เธอตะโกนมมาทางเจียงเหยา “ลู่ชิงสี!”
เจียงเหยาก้มศีรษะลงและแตะปลายจมูกของเธอ น่าอึดอัดใจ เธอเป็นคนที่ลู่ชิงสีรู้จักเสียด้วย
เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของหญิงสาว ปฏิกิริยาของลู่ชิงสีนั้นเฉยชา
เขาตอบผู้หญิงคนนั้นด้วยเสียงครางในลำคอและพยักหน้าเท่านั้น จากนั้นเขาก็จับมือภรรยาและเดินผ่านเธอไป พวกเขานั่งลงตรงข้ามกับพี่ชายของเหลียงเยวี่ยจือและภรรยาของเขา เขาทำเหมือนว่าผู้หญิงในเครื่องแบบคนนั้นไม่ต่างไปจากคนรู้จักอื่น ๆ ที่อยู่ภายในบ้าน เหมือนกับว่าเธอเป็นเพียงคนรู้จักเท่านั้น
“นี่ภรรยาของนายใช่ไหม?” เหลียงเยว่หวากำลังเตรียมชงชาให้กับแขก หลังจากที่ลู่ชิงสีและเจียงเหยานั่งลง เขาก็เลื่อนถ้วยชาให้คนตรงหน้าคนละถ้วย “ฉันสังเกตเห็นท่าทางของพ่อตอนที่เขาคุยกับนาย ฉันคิดว่าเขาน่าจะชอบภรรยานายมากทีเดียว ฉันเคยได้ยินเรื่องภรรยาของนายจากโจวเหวยฉีและเฉินซวีเหยามกาก่อน ได้รู้จักเพียงชื่อจากคนอื่นไม่เท่ากับได้เจอตัวจริง ภรรยาของนายสวยกว่าที่สองคนที่ไม่รู้หนังสือนั้นอธิบายเสียอีก”
คุณนายเหลียงน้อยได้ยินเขาก็หัวเราะออกมา “ทำไมถึงได้ชมเธอพร้อมกับต่อว่าโจวเหวยฉีกับเฉินซวีเหยาอย่างนั้นล่ะคะ เขาสองคนจบจากวิทยาลัยทหารมานะ ถ้าทั้งสองคนนั้นไม่รู้หนังสือ คนออย่างฉันที่สอบตกมาตั้งแต่เด็ก จะทำอย่างไรเล่า”