Ep.31 - มหาเทพขอลุยเดี่ยว
Ep.31 - มหาเทพขอลุยเดี่ยว
“พี่มหาเทพ!”
เสียงสดใสที่คุ้นเคยของสาวสวยในชุดนักบวชก็อบลินดังขึ้นจากด้านหลัง
ไม่ว่าเจียงหนานน้อยจะปรากฏตัวขึ้นที่ใด ความงดงามของเธอมักดึงดูดสายตาของผู้คน
“ฮี่ ฮี่ พวกเราเจอกันอีกแล้ว” เธอยิ้มหวาน แต่เมื่อหันไปทางฝูงชน คิ้วดำทั้งสองก็ต้องขมวดเข้าหากัน
“เกิดอะไรขึ้นที่นั่น? เสียงดังเชียว”
ฮังอวี่ยักไหล่ “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ตัวตลกตัวหนึ่งเท่านั้น”
จ้าวหมิงพาจางเสี่ยวเฉียงเดินเข้ามา ทั้งสี่รวมตัวกันอีกครั้ง
หลังจากเหล่าจ้าวทักทายเขา ก็ถอนหายใจขึ้นทันที “ฉันไม่นึกเลย ว่าอาหารพลังงานวิญญาณจะมีความสำคัญถึงขนาดนี้ ตอนฉันกับเสี่ยวเฉียงกลับไป ก็รู้สึกได้ทันที ไม่ว่าพวกเราจะกินอาหารธรรมดามากแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้อิ่มท้องได้”
อาหารในโลกมนุษย์สามารถช่วยให้ผู้คนไม่ตายจากความอดอยาก ทว่าหากไม่มีอาหารพลังงงานวิญญาณเติมลงกระเพาะ ร่างกายจะเข้าสู่สภาวะอ่อนแอ ,นานเข้าก็จะกลายเป็นอ่อนแอปานกลาง และอ่อนแอรุนแรง คุณสมบัติทั้งหมดลดลงเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ยังต้องทนทุกข์ทรมานจากความหิวโหย ราวกับมีอะไรมาจิ้มกระเพาะตลอดเวลา
ฮังอวี่กล่าวว่า “งั้นเหล่าจ้าวคุณเริ่มวางแผนรับมือกับมันรึยัง?”
“เหอ เหอ ทุกอย่างเกิดขึ้นฉุกละหุกเกินไป แม้จะช้าไปบ้างแต่ก็เริ่มแล้ว ตอนนี้ฉันจ่ายไปหลายสิบล้านหยวน เพื่อซื้อพื้นที่ล่าสัตว์ แล้วส่งคนไปเก็บวัตถุดิบจากโลกวิญญาณ นอกจากนี้ยังคัดเลือกผู้มีความสามารถด้านการทำอาหารมาแล้วด้วย หลายวันที่ผ่านมาเหนื่อยมากจริงๆ!”
จ้าวหมิงไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้กับใครในโลกมนุษย์ แน่นอนเขายังห้ามไม่ให้ จางเสี่ยวเฉียงพูดเช่นกัน เพราะมันคือความลับสำคัญทางธุรกิจ แม้จะรู้เร็วกว่าคนอื่นแค่หนึ่งวัน แต่ก็สามารถสร้างข้อได้เปรียบมหาศาล
ทว่าเหล่าจ้าวไม่มีอะไรต้องปิดบังฮังอวี่ เขาเชื่อว่าฮังอวี่น่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ดังนั้นเลยจงใจเอ่ยให้ฟัง หวังที่จะเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของฮังอวี่
“ส่วนฉันได้มอบสูตรโพชั่นที่ได้มาครั้งก่อนให้กับทางตระกูล พ่อฉันรีบตามหาคนที่มีความสามารถในการปรุงยาเพื่อเรียนรู้มันทันที” ว่าจบ เจียงหนานก็ถามคำที่อยากจะถาม “ยังไงก็ตาม ต้นทุนการผลิตยาพวกนี้ไม่น้อยเลย วัตถุดิบที่ต้องใช้มีราคาแพงเกินไป พอจะมีวิธีลดต้นทุนบ้างไหม?”
จ้าวหมิงกับเจียงหนาน ทั้งคู่ต่างเริ่มเสาะหาแหล่งผลิตอาหารและก่อตั้งโรงกลั่นยา เรียกได้ว่าทั้งคู่กำลังเริ่มต้นธุรกิจโลกวิญญาณแล้ว
จ้าวหมิงเป็นประธานและผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในเซินเจิ้น ด้วยวิสัยทัศน์และการวางแผนของเขา เรื่องแหล่งผลิตอาหารและโรงกลั่นใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ในอนาคตพวกมันจะกลายเป็นสิ่งที่มวลมนุษย์ชาติต้องการมากที่สุด ก่อให้เกิดตลาดใหญ่ตามมา
หากชิงพื้นที่ทำกำไรได้ตั้งแต่ตอนนี้ แน่นอนว่าสามารถสร้างผลประโยชน์มหาศาล
ขณะที่เจียงหนานยังเป็นนักศึกษาอยู่ เธอไม่ได้คิดไกลขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม เจียงหนานไม่ได้เกิดในครอบครัวธรรมดา แม้เธอคิดไม่ออก แต่พ่อแม่ของเธอคิดได้แน่นอน ดังนั้นเริ่มดำเนินการแล้ว
แม้ตอนนี้ด้านโรงกลั่นยาอาจประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบอยู่บ้าง แต่ด้านอาหารยังพอไหว
ตอนนี้ทุกเมืองกำลังประสบกับปรากฏการณ์แทรกแซงจากโลกวิญญาณ สิ่งมีชีวิตมากมายจากฝั่งโลกวิญญาณถูกส่งเข้ามายังโลกมนุษย์ ดังนั้นการไล่หาวัตถุดิบจึงไม่ใช่เรื่องยาก
ทว่าการกลั่นยานั้นไม่เหมือนกัน วัตถุดิบในโลกมนุษย์ตอนนี้มีน้อยไป ดูเหมือนว่าจะสามารถหาซื้อได้เฉพาะบนแผ่นศิลาในค่ายเท่านั้น
สมุนไพรที่ขายในแผ่นศิลาค่ายก็อบลินแม้มีระดับต่ำ แต่เนื่องจากหินคริสตัลในมือของจ้าวหมิงและเจียงหนานมีจำกัด ดังนั้นไม่สามารถซื้อได้เป็นจำนวนมาก หรือก็คือต้นทุนในการสร้างมันยังคงแพงเกินไป!
“เฮ้ๆ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นหรอก ปัญหาขาดแคลนทรัพยากรน่ะมันก็แค่ช่วงแรกเท่านั้น แต่หลังจากที่พวกเราสำรวจโลกวิญญาณได้กว้างขึ้น การเข้าถึงวัตถุดิบก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ถึงเวลานั้นต้นทุนจะลดลงแน่นอน”
ฮังอวี่ตอบอย่างคลุมเครือ แต่ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ในความเป็นจริงแล้ว วัตถุดิบเหล่านั้นสามารถปลูกเองได้เช่นกัน ซึ่งฮังอวี่ก็กำลังทำอยู่
ยังไงก็ตาม คิดหรือว่าเขาจะโง่ยอมบอกไป? อะไรคือข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา? มันไม่ใช่ข้อมูลหรอกหรือ? คุณค่าของอาหารพลังงานวิญญาณเริ่มมีคนล่วงรู้แล้ว ทว่าคุณค่าและความพิเศษของอาณาเขตวิญญาณยังสามารถเก็บงำไว้ได้อีกซักพัก แล้วจะให้ ฮังอวี่เฉลยแก่ทุกคนก่อนได้อย่างไร?
จ้าวหมิงกับเจียงหนานพอฟังก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล ทั้งสองพยักหน้าเห็นด้วย
เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าโลกวิญญาณนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน เพราะนี่เป็นแค่ครั้งที่สามเท่านั้นที่พวกเขาเข้ามา แผนที่ป่าแห่งการเริ่มต้นยังสำรวจไม่ทั่วด้วยซ้ำ
ก็เหมือนกับที่พี่มหาเทพพูด จะรีบร้อนอะไรนักหนา? อนาคตยังอีกยาวไกล!
ตอนนี้ที่ต้องจำไว้ให้มั่น คือจงรักษาความได้เปรียบในปัจจุบันไว้ และพยายามสร้างข้อได้เปรียบให้มากยิ่งขึ้น
เมื่อสามารถทิ้งห่างคนอื่นๆในช่วงแรก เดี๋ยวผลประโยชน์ทั้งหมดในภายภาคหน้าก็จะมาหาพวกเขาเอง
“ลูกพี่ คราวนี้พวกเราจะไปสู้มอนสเตอร์ที่ไหนดี? ไปที่ลุยกันครั้งก่อนไหม? ฉันว่าโนมปล้นศพน่าจะรีเฟรชแล้ว” จางเสี่ยวเฉียงแทบอดใจไม่ไหว “ตอนนี้ไม้เท้าฉันกระหายเลือดจะแย่แล้ว!”
จ้าวหมิงกับเจียงหนานก็ตั้งตารอเช่นกัน พื้นที่ฝังศพก็อบลินเป็นสถานที่ฟาร์มแต้มวิญญาณและอาวุธชั้นเยี่ยม! พวกสูตรต่างๆก็สามารถดรอปได้จากที่นั่น!
และสูตรที่ว่าคือทรัพยาการเชิงกุลยุทธ์อันแสนล้ำค่า!
ทว่าคำที่ฮังอวี่เปล่งออกมา กลับเป็นน้ำเย็นรดหัวทั้งสาม “ครั้งนี้ฉันจะไม่ไปกับพวกนาย”
ฮังอวี่ไม่ใช่คนใจกว้าง เขาไม่มีหน้าที่ต้องพาใครไปสู้มอนสเตอร์เพื่ออัพเลเวล หากมีความจำเป็น เขาก็ไม่รังเกียจที่จะตั้งทีม แต่อะไรที่ทำคนเดียวได้ และสามารถสร้างกำไรมากกว่า เขาก็ยินดีลุยเดี่ยวเช่นกัน
“พื้นที่ฝังศพก็อบลินเป็นสถานที่ที่ดี พวกนายจะไปล่ามอนสเตอร์ที่นั่นต่อก็ได้ ส่วนโนมปล้นศพที่ฆ่าไปครั้งก่อนไม่น่าจะรีเฟรชไวขนาดนั้น แต่อย่างน้อยต้องมีปลาหลุดรอดจากแหบ้างแน่นอน ถ้าออกค้นหาก็น่าจะเจอ ทุกคนยังมีโอกาสดรอปอุปกรณ์กับสูตรปรุงยาจากพวกมันได้อีกมาก”
ฮังอวี่พูดกับทั้งสามว่า “อีกอย่างมอนสเตอร์ที่นั่นมีค่อนข้างเยอะ เหมาะสมแก่การฟาร์มแต้มวิญญาณ”
เจียงหนานเอ่ยถามขึ้นทันที “แล้วทำไมพี่มหาเทพถึงไม่ไปด้วยกันล่ะ?”
“อืม .. นั่นเพราะฉันกะว่าจะไปสำรวจบริเวณอื่น เพื่อรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมนิดหน่อย และการเดินทางครั้งนี้ มันเหมาะที่จะไปคนเดียว เพราะยังไงซะ ตอนนี้ฉันมีสกิลล่องหนแล้ว”
จ้าวหมิง เจียงหนาน และจางเสี่ยวเฉียงมองหน้ากัน เนื่องจากพวกเขาอยู่กับฮังอวี่มาแล้วสักพัก ดังนั้นพอเข้าใจนิสัยของฮังอวี่อยู่บ้าง
อย่าเห็นว่าฮังอวี่มีดีที่รู้ข้อมูลเพียงอย่างเดียว แต่เขายังเป็นคนที่มีไอคิวสูง , เยือกเย็น , มั่นใจในตนเองมากอีกด้วย
ทุกการตัดสินใจของฮังอวี่ เห็นได้ชัดว่าผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบมาแล้ว
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว ก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง
ทั้งสามคนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย โดยเฉพาะเจียงหนาน เธอแสดงออกชัดบนใบหน้า
‘นี่พี่มหาเทพจะไม่ไปกับพวกเราหรอ! แล้วฉันจะทำยังไงต่อดี!’
เธอชินกับความรู้สึกที่ว่า หากมีฮังอวี่อยู่ด้วย ต่อให้เป็นสถานที่อันตรายแค่ไหนก็กล้าบุกไป
เมื่อฮังอวี่ออกจากทีม ความรู้สึกปลอดภัยจึงลดทอนลงเป็นอย่างมาก
“ฮ่า ฮ่า เรื่องนั้นไม่มีปัญหา บางครั้งพวกเราก็ต้องรู้จักเรียนรู้ที่จะด้นสดด้วยตัวเอง เพราะท้ายที่สุดแล้วนี่คือเวทีที่ทุกคนต้องฟันฝ่า จึงจะสามารถไปยืนอยู่เหนือผู้อื่นได้!”
เหล่าจ้าวเป็นชายใจกว้าง เขาตอบสนองต่อคำพูดนี้อย่างทันท่วงที ทั้งไม่ได้แสดงท่าทีว่าเสียใจจนเกินไป ยื่นมือเชคแฮนด์กับฮังอวี่
“ก่อนอื่นฉันขอให้นายโชคดีกับการสำรวจนี้ แล้วถ้ามีอะไรให้ช่วย อย่าลังเลที่จะติดต่อฉัน พวกเราจะรอการร่วมมือกันในครั้งต่อไป”
“ผมเองก็ขออวยพรให้พวกคุณดรอปอุปกณณ์ดีๆให้ได้เยอะๆ” ฮังอวี่ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ย้ำเตือนทันทีว่า “แต่จำไว้ให้ดี ขอให้ทำเหมือนครั้งก่อน พวกคุณต้องไล่เก็บกวาดมอนสเตอร์รอบนอกเท่านั้น อย่ามุ่งหน้าเข้าไปในส่วนลึกของพื้นที่ฝังศพ ไม่งั้นอาจเกิดอันตรายได้”
“พวกเราจะจำไว้”
“พี่มหาเทพก็ระมัดระวังตัวด้วยนะ”
ฮังอวี่พยักหน้ารับคำ แล้วกล่าวบอกลาทุกคน
ทั้งสี่แยกย้ายเป็นสองทาง ด้านหวังฉงเองก็ไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆแล้วเช่นกัน จับกลุ่มกันเดินเข้าป่าอย่างโอ่อ่าผ่าเผย