ตอนที่แล้วEp.29 - สามพี่น้องผู้โชคร้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.31 - มหาเทพขอลุยเดี่ยว

Ep.30 - ลูกหลานคนรวย


กำลังโหลดไฟล์

Ep.30 - ลูกหลานคนรวย

เจ้าหมอนี่ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นปีศาจ!

โล้นซ่า ลิงจ๋อ และเสืออ้วนต่างสิ้นหวัง บวกกับเวลานี้เสียเลือดไปมากแล้ว เกิดอาการร่างกายเริ่มเย็นลงเล็กน้อย สายตาค่อยๆพร่ามัว สมองเริ่มเบลอ

ความตายค่อยๆกัดกิน ลุกลามไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย

ที่นี่ไม่ใช่โลกวิญญาณ หากตายแล้ว ก็เท่ากับตายจริงๆ!

‘นี่พวกฉันต้องตายจริงๆน่ะหรอ?’

ฮังอวี่เห็นว่ามอบบทเรียนให้มากพอแล้ว เขาหยิบมือถือขึ้นมา จิ้มบนจอสองสามที นำผลเบอร์รี่แดงสามลูกออกมา แล้วโยนให้ทั้งสามตรงหน้า

“กินนี่สิ แล้วหยิบมือที่ขาดมาต่อกับรอยเดิม จากนั้นก็ไสหัวไปซะ! อย่าให้ฉันเห็นว่าพวกแกทำแบบนี้อีก! ไม่อย่างนั้น ครั้งต่อไปที่ขาดจะไม่ใช่มือ!”

นี่มันของจากโลกวิญญาณ?

สถานการณ์ของทั้งสามตอนอยู่ในโลกวิญญาณไม่ค่อยดีนัก จนถึงตอนนี้ก็ยังวิ่งเปลือยกายหนีมอนสเตอร์ไปทั่ว โดยไม่มีความรู้สึกละอายเลยสักนิด

อย่างไรก็ตาม โลกวิญญาณปรากฏขึ้นมาได้เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ดังนั้นเรื่องพื้นฐานบางอย่างพวกเขายังพอมีความรู้อยู่บ้าง เช่นเรื่องที่ว่าสิ่งของจากโลกมนุษย์จะไม่สามารถใส่ลงในพื้นที่เก็บของได้ ของที่นำเข้าหรือออกจากมัน ต้องเป็นสิ่งที่มีพลังงานวิญญาณเท่านั้น

และพวกเขาเห็นเต็มสองตา ว่าผลเบอร์รี่พวกนี้ออกมาจากพื้นที่เก็บของ ซึ่งหมายความว่าพวกมันเป็นของกินจากโลกวิญญาณ!

ตอนนี้ของทุกอย่าง ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน ตราบใดที่มันเกี่ยวข้องกับโลกวิญญาณ จะมีคนรับซื้อในราคาแพงมาก

แต่คนๆนี้กลับโยนผลไม้จากโลกวิญญาณออกมาสามลูกโดยไม่กระพริบตา ทำตัวใจกว้างอย่างกับเป็นมหาเศรษฐีร่ำรวย

“ขอบคุณพี่ชาย!”

“พวกฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว!”

ทั้งสามดั่งได้รับคำอภัยโทษ ทั้งหมดคุกเข่าลง โขกศรีษะกับพื้น

ร่างของฮังอวี่ค่อยๆโปร่งแสง แต่เสียงยังคงก้องอยู่ในหูของทุกคน “ถ้าพวกนายยังหางานที่เหมาะกับตัวเองไม่ได้ วันพรุ่งนี้ตอนบ่ายให้แวะมาหาฉัน”

ฮังอวี่ไม่ได้บังคับให้ทั้งสามทำงานให้ตัวเอง  เพราะวิธีการบังคับแม้ตอนแรกจะได้ผล แต่สุดท้ายจะเกิดผลเสียยิ่งกว่า

อาศัยเพียงโคลนไม่สามารถใช้แทนปูนฉาบผนัง ชายหัวล้านกับอีกสองคนต้องสมัครใจเองและหลักฐานก็คือ พวกเขาต้องเป็นฝ่ายมาหาฮังอวี่ด้วยตัวเอง

ถ้าพวกเขากล้ามา ฮังอวี่ก็ไม่รังเกียจที่จะยื่นมือชี้แนะ จ้างพวกเขาให้มาช่วยตนทำสิ่งต่างๆ แล้วจะมอบผลประโยชน์ต่างๆเป็นการตอบแทน

หรือแม้ทั้งสามจะไม่มา เขาก็ไม่รู้สึกเสียดาย เพราะโอกาสเป็นของคนที่พร้อมเท่านั้น หากโอกาสมาอยู่ตรงหน้าแต่กลับไม่มีความกล้าที่จะคว้ามัน ถึงเวลาพอตัวเองกลายเป็นปลาเน่าขึ้นมา อย่ามาบ่นทีหลังก็แล้วกัน

ฮังอวี่กลับบ้าน  ล้างหน้าล้างตา แล้วนั่งลงพักผ่อน

เวลาเที่ยงคืนตรง ประตูสู่โลกวิญญาณถูกเปิดออกอีกครั้ง

เขากดเข้าสู่โลกวิญญาณทันที

...

อีกไม่นานก็จะรุ่งสาง ค่ายก็อบลินสว่างไสว มีผู้เล่นจากโลกมนุษย์หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เทเลพอร์ตผ่านประตูโลกวิญญาณ

ฮังอวี่เตรียมแผนสำหรับการผจญภัยในรอบนี้เอาไว้แล้ว เขามุ่งหน้าไปยังแผ่นศิลาขายอาวุธ ซื้ออาวุธที่จำเป็นต่างๆเช่นหน้าไม้ก็อบลิน​ และกระบอกลูกศรอีกหลายชุด

จากนั้นยัดทั้งหมดเข้าไปในกระเป๋ามิติของตัวเอง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในครั้งนี้

แม้ปริมาณลูกศรอาจมีไม่มาก แต่หลังจากยิงออกไป บางส่วนที่ไม่เสียหายมากจะสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ดังนั้นซื้อเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

แต่ในเวลานั้นเอง มีเสียงฮือฮาดังขึ้นจากด้านหน้า ฝูงชนเข้าไปรวมตัวกัน คล้ายกำลังดูเรื่องน่าสนุกบางอย่าง

เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย?

ฮังอวี่เดินเข้าไปดูบ้าง และพบว่าทุกคนกำลังมุงชายผลไม้คนหนึ่ง ที่เรียกว่าชายผลไม้ก็เพราะเขาใช้ผลไม้ปกปิดจุดสำคัญของร่างกาย

หากเป็นสาวผลไม้ก็ว่าไปอย่าง แต่ผู้ชายผลไม้มีอะไรน่าดูกัน?

เจ้าหมอนี่สูงก็ไม่สูง หล่อก็ไม่หล่อ จู๋ก็ไม่ใหญ่ มองยังไงก็ไม่เห็นมีอะไรพิเศษเลย!

“นี่มันนายน้อยหวังไม่ใช่หรอ!”

“ก๊าก ฮ่า ฮ่า ถ่ายรูปมันซะ รีบถ่ายรูปเลย ถ้าเอาไปโพสต์ลงเว่ยป๋อ รับรองติดเทรน 100% !”

ฮังอวี่ได้ยินบทสนทนา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป หรี่ตาเพ่งมองอีกฝ่ายดีๆอีกครั้ง “เชี่ย! ไอ้หมอนี่มันหวังฉงจริงๆด้วย!”

ไม่ผิดตัวแล้ว เขารู้จักเจ้าหมอนี่ แต่เอาจริงๆ คงมีแค่ไม่กี่คนในประเทศจีนที่ไม่รู้จัก

หวังฉงคือลูกเศรษฐีที่โด่งดังที่สุดในประเทศจีน พ่อของเขา ‘หวังต้าหลิน’ คือหนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน ซึ่งคนพ่อไม่ใช่แค่รวยมากเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้มีชื่อเสียงในเว่ยป๋ออีกด้วย หลายคนเรียกเขาว่าสามีแห่งชาติ ถือเป็นคนดีคนหนึ่ง

ฮังอวี่เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงมีคนมามุงดูเยอะขนาดนี้

แต่คุณจะเป็นลูกเศรษฐี ดารา หรือสาวดาวมหาลัย หรืออะไรก็ช่าง เมื่อเข้าสู่โลกวิญญาณ ทุกคนถือว่าเท่าเทียมกันหมด

“ไอ้พวกเวร! จ้องกันอยู่นั่นแหละ ไม่เคยเห็นของใหญ่เท่านี้มาก่อนเลยรึไง? ไสหัวไปซะ!” หวังฉงเอาสองมือปิดเป้า สีหน้าท่าทีดูกระอักกระอ่วน ขณะเดียวกันก็ทั้งโกรธและอับอาย

เขามีชาติกำเนิดอันยอดเยี่ยม เป็นเจ้าคนนายคน คาบช้อนเงินช้อนทองมาตั้งแต่เกิด ได้เพลิดเพลินไปกับสิทธิพิเศษตั้งแต่เล็กจนโต เขาเป็นคนรักศักดิ์ศรีมากๆ แล้วไฉนเลยจะเคยถูกทำให้อับอายเหมือนตอนนี้

ภายใต้เสียงขับไล่ไสส่งของเขา แทนที่ฝูงชนจะแยกย้าย ทุกคนกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาซะงั้น

“ไม่น่าเชื่อจริงๆ”

“แม้แต่ลูกเศรษฐีก็มีวันนี้”

“เฮ้ๆ ไอ้ท่าทีจองหองนั่นมันอะไรกัน? นายคิดว่าตัวเองยังอยู่ในโลกมนุษย์รึไง?”

“ใช่ ใช่ ตอนนี้พวกเราอยู่ในโลกวิญญาณนะ นายมันก็ไม่ต่างอะไรกับพวกเราหรอก!”

“ใครบอกว่าไม่ต่าง? พวกเราหลายคนยังมีกางเกงไม่ก็ถักใบไม้คลุมตัว แต่เจ้านี่ไม่ใช่ กลางวันแสกๆ ยังกล้าเดินโทงๆ หน้าไม่อายสิ้นดี!”

ฮังอวี่ค่อนข้างประหลาดใจกับพฤติกรรมของฝูงชน

เจ้าพวกนี้ ... มันจะกล้าเกินไปหน่อยไหม!

มามุงดูยังไม่พอ แต่ยังกล้าหัวเราะเยาะนายน้อยหวังอย่างโจ่งแจ้ง

แต่พอลองนึกดูดีๆ ก็จะเข้าใจได้ว่ามันเป็นเรื่องปกติ ก็เหมือนกับบนแพลตฟอร์มบนโลกอินเตอร์เน็ต เวลาคนอยู่หลังคีย์บอร์ด มักจะแสดงความก้าวร้าวหนักกว่าเวลาออกไปใช้ชีวิตข้างนอก นั่นเพราะมีอินเตอร์เน็ตเป็นปราการป้องกันของตัวเอง

ทว่าหากลองให้ทุกยูสเซอร์และทุกข้อความที่เผยแพร่ทางออนไลน์มีเครื่องหมายระบุตัวตนอาทิเช่น เลขบัตรประชาชน , ที่อยู่บ้าน , เบอร์ติดต่อ ฯลฯ ดูสิ

รับรองว่าอินเตอร์เน็ตสงบสุขยิ่งกว่าตอนนี้แน่นอน ทุกคนคงหวาดกลัว ไม่กล้าพ่นอะไรออกมาตามอำเภอใจ

ขณะที่ที่นี่คือโลกวิญญาณ  ไม่ใช่สังคมจริง ผู้คนมาจากทั่วทุกมุมโลก ไม่มีการตรวจสอบชื่อจริง ไม่มีข้อจำกัดทางกฏหมาย ดังนั้นสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการ

โลกวิญญาณจึงกลายเป็นพื้นที่ที่สามารถแสดงความรู้สึกนึกคิดจากข้างในใจออกมาได้อย่างอิสระ

อยากระเบิดความในใจอะไรออกมาก็ทำได้เลย อยากจะด่าทอก็ด่า เพราะถึงพูดออกไป คนถูกด่าก็ใช้กฏหมายทำอะไรพวกเขาไม่ได้อยู่ดี ถูกไหม?

โลกวิญญาณคือสถานที่ๆคุณสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจต้องการ!

ระหว่างที่นายน้อยหวังกำลังอับอายจนแทรกแผ่นดินหนี ในตอนนั้นเอง คุณลุงหุ่นหมีเอวเสือพลันกระโดดออกมา

ใบหน้าของชายคนนี้ ดูป่าเถื่อนมาก

หวังฉงพอเห็นก็เกิดอาการตื่นตระหนก มือสองข้างที่กุมเป้า ข้างหนึ่งสะบัดออกมาปิดตูดไว้ทันที

“แก ... แกคิดจะทำอะไร? อย่าเข้ามาใกล้ฉัน!”

“อย่าเข้าใจผิด คนที่นี่เรียกฉันว่าเหล่าเซี่ยง ฉันไม่ได้มีเจตนาร้าย!”

ว่าจบเขาก็เอากางเกงผ้าหยาบตัวใหญ่ออกมา

“นายน้อยหวัง ฉันมีกางเกงขายนะ แค่ตัวละ ‘ล้านหยวน’ เท่านั้น คุณสนใจไหม?”

“สนใจ! ฉันจะซื้อ!” หวังฉงใจชื้น เขาคว้ามันแล้วสวมทันที โดยไม่ต่อรองราคาใดๆ

ใบหน้าของเหล่าเซี่ยงแทบจะยิ้มบานเป็นดอกไม้ผลิ

ขูดรีดเศรษฐีนี่มันกำไรสุดๆไปเลย!

คนอื่นรอบข้างต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

กางเกงโง่ๆตัวละล้าน? นี่อาจเป็นกางเกงที่แพงที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา!

ทุกคนอดรู้สึกเสียดายไม่ได้ สมองพวกเขาคิดแค่ว่าออกมามุงดูความครึกครื้นให้สะใจเล่นก็เท่านั้น จึงพลาดโอกาสที่จะทำเงินมหาศาลไป

หวังฉงเปลี่ยนมาสวมกางเกง ปกปิดหำน้อยของเขา ความั่นใจกลับมาอีกครั้ง

เขากวาดสายตามองฝูงชน ความรู้สึกที่สะท้อนออกมาเหมือนจะพูดเป็นคำว่า “ไงล่ะไอ้พวกยาจก! เป็นเพราะฉันรวยอย่างไรเล่า! บังอาจดูถูกฉัน  อึ้งไปเลยล่ะสิ!”

สกุลเงินในโลกจริงยังไม่ล่มสลายลงในตอนนี้ ดังนั้นคนอย่างหวังฉงจึงสามารถใช้มันฟาดหัวคนอื่นได้

กระนั้น หากเขายังไม่สามารถคว้าโอกาสในโลกวิญญาณได้ สุดท้ายข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวของเขาในโลกจริงก็จะหลุดมือไป เกรงว่าคงยโสได้อีกไม่นาน ไม่ช้าก็เร็วสุดท้ายจะลื่นไถลหล่นลงจากบนหิ้ง

หากหวังฉงเองก็เข้าสู่โลกวิญญาณ เช่นนั้นแล้ว ลุงสี (นายกจีน) , โพนี่ หม่า (เจ้าของอาลีบาบา) , หวังต้าหลิน (พ่อหวังฉง)  หรือผู้มีชื่อเสียงคนอื่นๆ ก็คงถูกส่งเข้ามาด้วยเหมือนกันสินะ

คนเหล่านี้น่าจะอยู่ในโลกวิญญาณแล้ว ตอนนี้พวกเขาคงกำลังวิ่งเปลือยกายอยู่ที่ไหนสักแห่งในป่าใช่รึเปล่า?

ฮังอวี่นึกถึงเหล่าคนใหญ่คนโตที่ในโลกมนุษย์สามารถสั่งลมสั่งฝนได้ แต่ตอนนี้อาจกลายเป็นแค่หนึ่งในคนที่วิ่งพล่านเปลือยกายในป่าใหญ่ แค่จินตนาการถึงภาพพวกนั้น ก็รู้สึกตลกไม่น้อยแล้ว

แต่เชื่อเถอะ ว่าสักวันหนึ่งเขาอาจได้เจอกับบุคคลเหล่านั้น

บอกตามตรงนะ ฮังอวี่ตั้งตารอที่จะเจอพวกเขาจริงๆ