Ep.28 - เจออาจารย์ซูครั้งแรก
Ep.28 - เจออาจารย์ซูครั้งแรก
เรื่องที่น่าตกใจก็คือ ซูหยุนปิงดันตอบตกลงอย่างว่าง่าย เธอรีบมุ่งหน้ามายังชุมชนตรอกมังกรฟ้าทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่ฮังอวี่ได้พบเทพธิดาที่ได้รับการยอมรับจากคนทั้งมหาลัย
เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา ฮังอวี่ต้องขอยอมรับจริงๆ ว่าในยุคที่ข้อมูลข่าวสารสามารถเข้าถึงทุกคน ในยุคที่เขาและคนอื่นๆเคยเห็นเน็ตไอดอล ดารา หรือนักแสดงหญิงผ่านทางเน็ตมาจนชินชาแล้ว แต่ซูหยุนปิงยังคงเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่เขารู้สึกว่าสมบูรณ์แบบและเซ็กซี่ที่สุด
อาจารย์ซูสูงประมาณ 170 เซนติเมตร ผิวผ่องใส มีร่างกายอันทรงเสน่ห์ หน้าอกกลมมน แน่นไปทุกสัดส่วน เอวบางราวกับภาพของงูที่กำลังเลื้อย ช่วยขับเน้นสะโพกให้ยิ่งโดดเด่นเข้าไปอีก
เธอมีขาคู่ยาวอันน่าภาคภูมิใจ มันเรียวสวยและเพรียวบางดูสมบูรณ์แบบ เวลาเดินสะโพกกับเอวจะส่ายไปมาตามการขยับตัว การเคลื่อนไหวเทียบได้เลยกับนางแบบยามเดินบนเวที แต่ขณะเดียวกันกลับดูเป็นธรรมชาติมาก ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าจงใจทำ
สรุปก็คือ เธอโคตรมีเสน่ห์เย้ายวนใจ ตลอดหัวจรดเท้าให้ความรู้สึกเป็นผู้หญิงที่เพรียบพร้อม
รูปลักษณ์ของซูหยุนปิงนั้นไร้ที่ติ แล้วอีกอย่างเธอไม่ได้ใช้เครื่องสำอาง บางทีอาจเป็นเพราะต้องการให้ดูเป็นคนจริงจัง บวกกับพยายามปกปิดเสน่ห์ที่มีมาโดยกำเนิด วันนี้จึงใส่แว่นกรอบดำหนา สวมสูทสีดำตัวเล็กๆกึ่งทางการมาพบเขา
หากเทียบกับเจียงหนานแล้ว อาจารย์ซูถือว่าเหนือกว่า เธอสามารถทำให้ผู้ชายทุกคนที่เธอเดินผ่านมองตาค้างได้โดยไม่ต้องพยายามใดๆ!
...
ณ เวลานี้ ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว
ซูหยุนปิงมาถึงสถานที่นัดหมายตามลำพัง ไม่มีใครอยู่รอบๆ วัชพืชปกคลุมทุกหนแห่ง ความมืดครอบคลุมทุกพื้นที่ ฝาครอบไฟถนนถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ ปล่อยออกมาได้แค่แสงสลัวดูน่าขนลุก
ในเวลากลางคืนไม่ได้มีแค่งู แต่ยังมีพวกแมลง และหนูออกมาวิ่งพล่าน ทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่คนบางกลุ่มออกกระทำเรื่องผิดกฏหมาย
อย่าว่าแต่ผู้หญิงสวยมีเสน่ห์ออกมาเดินคนเดียวเลย ต่อให้เป็นชายหนุ่มก็ไม่กล้าเข้ามาในสถานที่แห่งนี้
ซูหยุนปิงยกมือขึ้นขยับขอบแว่นตา กวาดสายตามองตึกหลังเก่าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เธออดเกิดความสงสัยขึ้นมาไม่ได้ ‘เจ้าเด็กนี่คงไม่ได้คิดแกล้งฉันหรอกนะใช่ไหม?’
แต่ในเวลานั้นเอง เรื่องที่ชวนให้ต้องสะดุ้งตกใจก็บังเกิดขึ้น
ข้างหน้าซูหยุนปิงห่างออกไปประมาณสามเมตร จู่ๆเงาร่างของมนุษย์ก็ปรากฏขึ้น! เงาร่างนี้โผล่ออกมาจากความว่างเปล่า เริ่มจากโปร่งใส แล้วค่อยๆเข้มขึ้นทีละนิด จนสุดท้ายกลายเป็นร่างชายหนุ่มหน้าใส โผล่มาต่อหน้าต่อตาเธอ
“สวัสดีอาจารย์ซู ผมคือฮังอวี่ที่คุณกำลังตามหา”
‘นี่คงจะเป็นสกิลจากโลกวิญญาณสินะ?’
‘คิดจะทำให้ฉันตกใจเล่นงั้นหรอ?’
‘หนุ่มน้อย! เธอมันจะทำตัวโอหังไปหน่อยแล้ว!’
ในใจของซูหยุนปิงมีหลากหลายความคิดวาบเข้ามา แต่เธอไม่กล้าประมาท ดูจากวิดีโอของเด็กคนนี้ที่ขี่จักรยานไล่ฆ่าไก่ในจัตุรัส แสดงว่าเขาต้องเลื่อนระดับขึ้นเป็นเลเวล 2 ได้ตั้งนานแล้ว
นอกจากนี้ เขายังใช้เทคนิครวมรวบวัตถุดิบเพื่อสกัดวัตถุดิบจากศพมอนสเตอร์ได้อีก ดาบสั้นที่ใช้เองก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่อุปกรณ์จากโลกวิญญาณคุณภาพแย่ ...
ซูหยุนปิงยกมือขึ้น ใช้นิ้วเรียวบางขยับกรอบแว่น เลนส์ของมันสะท้อนเป็นสีขาวบดบังดวงตาของเธอ
เป็นไปได้ว่าฮังอวี่สามารถเลื่อนระดับเป็นเลเวล 2 ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าสู่โลกวิญญาณ อีกทั้งตอนนี้ยังครอบครองสกิลมากกว่า 2 สกิล และมีอาวุธสีขาวอย่างน้อยหนึ่งชิ้น แถมยังนำเข้ามายังโลกมนุษย์ได้อีก ... หากการคาดเดาทั้งหมดนี้ถูกต้อง บอกตามตรงว่าเธอค่อนข้างกลัวนิดหน่อย
แม้ในสมองของอาจารย์ซูจะปั่นความคิดเร็วจี๋ แต่ภายนอกกลับไม่แสดงอาการใดๆ ตั้งแต่แรกที่พบกันจนถึงตอนนี้ เธอเหมือนภูเขาน้ำแข็งหมื่นปีที่ไม่มีวันพังทลาย
ที่เธอทำก็แค่ยื่นมือออกมา เชคแฮนด์กับฮังอวี่อย่างสุภาพ
“ยินดีที่ได้พบ”
เธอช่างเยือกเย็น! มีสติ! และเฉียบแหลม!
ฮังอวี่ยอมรับว่ารู้สึกประทับใจในตัวซูหยุนปิง
ตอนแรกเขาไปดักรอเธอหน้าตรอก เมื่อเธอมาถึงก็ใช้สกิลล่องหนเดินตาม กะจะโผล่พรวดมาเซอร์ไพรส์แบบให้ไม่ทันตั้งตัว
เดิมเขาอยากให้เธอกลัว เพื่อสนองรสนิยมไม่ดีของตัวเอง ภายใต้บรรยากาศแบบนี้
หากเปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนอื่น คงร้องกรี๊ดและวิ่งหนีไปแล้ว
อีกฝ่ายคือเทพธิดาอันดับหนึ่งของมหาลัยเจียงต้า ไม่เพียงขาว รวย สวย แต่ยังเย็นชา หากสามารถทำให้เธอตกใจกลัวจนตื่นตระหนกได้ มันคงสะใจไม่น้อย
ทว่าผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่คาด เธอไม่แม้จะกระพริบตาด้วยซ้ำ
น่าขายหน้ามั้ยล่ะฉัน? ผู้หญิงคนนี้ไม่มีความกลัวเลยหรือไง! ทำไมเธอถึงหนักแน่นได้ขนาดนี้??
ฮังอวี่รู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงออก “อาจารย์มาหาผม มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ”
เอาจริงๆแล้วซูหยุนปิงจะไม่รู้สึกตกใจได้อย่างไร ยังไงก็ตาม เธอเป็นผู้หญิงฉลาด การที่เธอกล้ามายังสถานที่นัดหมายเพียงลำพัง แสดงว่าเธอมีความเชื่อมั่นว่าสามารถปกป้องตัวเอง ดังนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นไม่รีบร้อนว่า “ฉันสนใจธุรกิจของนายกับต้าไห่ หวังว่าพวกเราจะตกลงกันได้ .. ฉันตั้งใจมาขอซื้อกิจการนายในราคา 10 ล้านหยวน”
ฮังอวี่ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะตรงไปตรงมาขนาดนี้
เอ่ยปากจ่าย 10 ล้านหยวนในพริบตาเดียว?
สมแล้วจริงๆที่เป็นคนรวย อ๊าาา!
มีข่าวลือว่าอาจารย์ซูมาจากตระกูลร่ำรวย ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง
ฮังอวี่ยักไหล่อย่างไม่สะทกสะท้าน “ถ้าอาจารย์ซูมาเพราะเรื่องนี้ ผมคงไม่มีอะไรจะพูดต่อ ข--”
‘เขาจะปฏิเสธ? ไม่เป็นไร นี่อยู่ในการคาดเดาอยู่แล้ว’
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ความหัวรั้นของฮังอวี่ มันทำให้เธอประหลาดใจเล็กน้อย
“ฉันหวังว่านายจะลองพิจารณาดูอีกครั้ง ฉันมีทั้งความสามารถ , คอนเนคชั่น และเงิน หากมาอยู่กับฉัน นายจะไปได้ไกลยิ่งกว่านี้”
ว่าจบ ซูหยุนปิงก็เห็นฮังอวี่ทำท่าจะปฏิเสธ เธอดันแว่นตากรอบดำขึ้น และชิงพูดขึ้นก่อนว่า “แน่นอน ถ้านายไม่เห็นด้วยกับการเข้าซื้อกิจการ ฉันพอเข้าใจได้ แต่ก็อย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ ส่วนตัวแล้วฉันสนใจธุรกิจของพวกนายมาก และยังคงยินดีจ่าย 10 ล้านหยวน โดยขอซื้อแค่หุ้น 50% และพวกนายสามารถทำธุรกิจของตัวเองต่อไปได้”
ซูหยุนปิงช่างโอหังนัก เธอพูดเหมือนกับว่าคนอื่นๆไม่มีความสามารถ , ไม่มีคอนเนคชั่น หรือเงินเลย
อย่าหาว่าฮังอวี่โม้ ขอแค่เขาหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเหล่าจ้าว แล้วบอกว่าจะขายหินคริสตัลขาวให้สองสามชิ้น เงิน 10 ล้านก็ถูกโอนเข้าบัญชีในเวลาไม่ถึงนาทีแล้ว คิดหรือว่าเขาจะไม่มีปัญญาหาเงินจำนวนแค่นี้?
“อาจารย์ซู น้ำใจนี้ผมคงรับไว้ไม่ได้”
“งั้น 40% ... ฉันเชื่อว่านายเป็นคนมองการณ์ไกล ควรรู้ว่าถ้ายังฝืนทำกันแค่สองคนต่อไป คงเป็นเรื่องยากถ้าคิดแข่งกับขุมกำลังอื่นๆ พวกนายจำเป็นต้องมีผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่ง” ซูหยุนปิงค่อยๆกล่าวเน้นทีละคำ “และฉันสามารถเป็นคนหนุนหลังของพวกนายได้ ทั้งยังยินดีสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้านการพัฒนาและการเติบโตทางธุรกิจ!”
‘พูดมาขนาดนี้ทำไมไม่บอกว่าขอเลี้ยงฉันซะเลยเล่า?’
คนหนุนหลังบ้าอะไร เรื่องนั้นไม่จำเป็นเลย
ฮังอวี่ยังคงส่ายหัวและพูดว่า “อาจารย์ซู ตอนนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ใครว่าคนธรรมดาอย่างผมจะไม่สามารถพลิกโชคชะตาได้? สำหรับผม ผมไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครเพื่อความอยู่รอด”
“งั้น 30%!”
ซูหยุนปิงมุ่งมั่นที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของผู้ถือหุ้น
ยังไงก็ตาม ต้องขอบอกเลยว่า เรื่องความจริงใจถือว่าเธอผ่านเกณฑ์
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ธุรกิจของฮังอวี่กับอ้วนต้าไห่พึ่งสร้างขึ้นได้ไม่กี่วัน ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้น ยังไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์
แต่ซูหยุนปิงกลับประเมินพวกเขาไว้สูงมาก ทว่าน่าเสียดาย ที่ฮังอวี่ต้องใจแข็งกัดฟันปฏิเสธไป
นั่นเพราะเขาไม่ต้องการก้มหัวหรืออยู่ใต้อาณัติขุมกำลังใด
“อย่าว่าแต่จ่าย 10 ล้านหยวนเพื่อซื้อหุ้น 30% เลย แม้แต่ 10% ผมก็ไม่ขาย” ฮังอวี่ปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา “เรื่องความร่วมมือสามารถเจรจากันได้ แต่การซื้อหุ้นอย่าได้พูดถึง ในตอนนี้ ผมไม่คิดยอมรับการลงทุนจากใครทั้งนั้น”
ใบหน้าที่มักไร้อารมณ์ของซูหยุนปิงเกิดอาการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ดวงตาคู่งามดั่งสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วงจับจ้องฮังอวี่ คล้ายกับว่าต้องการมองทะลุหัวใจเขา
‘ทำไมถึงยังปฏิเสธ? ด้วยเงิน 10 ล้านหยวน มันช่วยให้เขามีทุนมากพอเพื่อเปิดกิจการสาขาอื่น ทั้งยังสามารถรับสมัครพนักงานได้มากขึ้น ขยายฐานการผลิต รับส่วนแบ่งการตลาด นั่นไม่ใช่เรื่องดีหรอ?’
ก่อนมาเจอหน้า ซูหยุนปิงได้ตรวจสอบเบื้องลึกเบื้องหลังของฮังอวี่แล้ว พ่อแม่เขาเสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์ ชีวิตเขาเลยค่อนข้างลำบาก ช่วงเรียนมหาลัยต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงชีพ
หลังจากจบมาได้อย่างยากลำบาก เขาก็ยังขัดสนเรื่องเงินอยู่ดี แล้วคนแบบนี้จะไม่สะทกสะท้านกับเงินสิบล้านหยวนได้อย่างไร?
ยังไงก็ตาม การกระทำเช่นนี้ของฮังอวี่ยิ่งทำให้ซูหยุนปิงตื่นตัว เพราะการที่มนุษย์สามารถระงับความโลภภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ยอมปฏิเสธสิ่งล่อใจอย่างอำนาจเงินและความงาม นั่นหมายความว่าเขาเชื่อมั่นว่าตนเองจะได้รับผลประโยชน์มากกว่านี้ในอนาคต
ดังนั้นจึงยอมสละผลประโยชน์ตรงหน้า คนประเภทนี้ไม่เพียงมั่นใจในตัวเองเท่านั้น แต่ยังหมายความว่าเขามีความทะเยอทะยานมากอีกด้วย
“นายไม่กลัวมีคู่แข่งเพิ่มหรอ?” ซูหยุนปิงพอเห็นว่าไม่อาจใช้น้ำหวานล่อลวงฮังอวี่ จึงลองเปลี่ยนไปทดสอบเขาด้วยวิธีอื่นแทน
“ฉันเข้าใจดีถึงความสำคัญของอาหารพลังงานวิญญาณเลยเสนอเงิน 10 ล้านหยวนให้ แต่นั่นหมายความว่าฉันก็สามารถมอบให้คนอื่นได้เช่นกัน”
“ฮ่า ฮ่า อาจารย์ซูล้อเล่นแล้ว ในเมืองเจียงเฉิงมีผู้อาศัยอยู่มากกว่า 10 ล้านคน หรือก็คือเป็นตลาดใหญ่ ไม่ว่าคุณกับผมจะเก่งแค่ไหนพวกเราก็ไม่มีทางกินรวบธุรกิจนี้ได้แต่เพียงผู้เดียว ฉะนั้นเรื่องคู่แข่งไม่ต้องกังวลเลย” ฮังอวี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็แสร้งทำตัวเป็นคนลึกล้ำ “แล้วอีกอย่าง ผมมั่นใจ ว่าสุดท้ายเดี๋ยวอาจารย์ก็ต้องหันกลับมาอ้อนวอนผมอยู่ดี”
“นายมั่นใจขนาดนั้นเชียว?”
“แน่นอน เพราะผู้ชายที่มั่นใจในตัวเอง มักเป็นคนหล่อที่สาวๆหลงใหล”
“...” ซูหยุนปิงแทบสำลักเป็นเลือด ไม่รู้จะเถียงอะไรกลับไปดี
หลังจากเธอเงียบไปสองสามวินาที ก็เอ่ยขึ้นว่า “เอาตามที่นายว่าก็ได้ แต่ฉันหวังว่าพวกเราจะยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้ในอนาคต ดีกว่าต้องเป็นศัตรูกัน”
การเจรจาล้มเหลว ซูหยุนปิงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของเธอได้
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองยังคงเพิ่มเพื่อนใน Wechat ของกันและกัน
หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในอนาคต จะได้ช่วยเหลือกัน
ทั้งสองคุยกันอีกหลายนาที ก่อนซูหยุนปิงจะขอตัวกลับ และฮังอวี่อาสาเดินไปส่งเธอหน้าทางเข้าตรอก
แต่ในระหว่างนั้นเอง ปรากฏร่างสามร่างกระโดดออกมาจากมุมมืด ขวางหน้าปากซอยเอาไว้
คนซ้ายเป็นชายร่างผอม คนขวาเป็นชายร่างอ้วน ทั้งคู่ยืนประกบชายหัวล้านเอาไว้
ชายหัวล้านที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าเอ่ยปากขึ้น “สองคนข้างหน้าหยุดอยู่ตรงนั้น!”
“จงมอบของที่มีทั้งหมดมาให้พวกเรา!”
“เร็วเข้า! ขืนชักช้าอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”
“บอกให้ทำอะไรก็ทำ อย่าคิดวิ่งหนี รับรองว่าพวกแกจะปลอดภัย พวกเราพี่น้องต้องการแค่เงิน ไม่คิดทำร้ายใคร!”
ฮังอวี่กับซูหยุนปิงต่างตกใจ ทั้งคู่ไม่นึกเลยว่ากฏหมายและระเบียบสังคมจะเลวร้ายถึงขนาดนี้ แค่เดินออกมาไม่เกินสามก้าวก็เจอโจรดักปล้นซะแล้ว
กระนั้น ทั้งสองยังคงสงบมาก ไม่มีท่าทีตื่นตระหนกเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่าเขาและเธอไม่เห็นโจรสามคนนี้อยู่ในสายตา
ฮังอวี่กล่าว “อาจารย์ซู ถึงพวกเราจะเจรจากันไม่ลงตัว แต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงโลกวิญญาณก็จะเปิดแล้ว คุณกลับไปเตรียมตัวก่อนดีกว่า”
ซูหยุนปิงเหลือบมองโจรสามคนข้างหน้า “ต้องการให้ช่วยไหม?”
“เหอะๆ ก็แค่ปัญหาเล็กน้อย ไม่จำเป็น”
“งั้นก็ระวังตัวด้วย”
สิ้นคำสุดท้ายที่เปล่งออกมา เสียงเพล้ง! ดังขึ้น
พร้อมกับร่างๆหนึ่งที่หายวับไปทันที
อ่านไม่ผิดหรอก ร่างของคนทั้งคน ราวกับฟองอากาศที่ถูกเจาะ หายวับไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา ไม่หลงเหลือกลิ่นอายอยู่เลย ราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ฮังอวี่ไม่ได้เตรียมใจว่าจะเกิดเรื่องนี้เลยเผลอสะดุ้งโหยง
และเขาสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าก่อนที่ซูหยุนปิงจะหายตัวไป มุมปากของเธอยกโค้งเป็นรอยยิ้มของชัยชนะ--
--นั่นเพราะในที่สุดเธอก็สามารถทำให้เขาเสียอาการได้สำเร็จ!