416 - ข้ามความว่างเปล่า
416 - ข้ามความว่างเปล่า
ต้วนเต๋อที่มองไปยังการเคลื่อนไหวของโลงศพขนาดใหญ่ก็มีใบหน้าซีดเผือด คอของเขาย่นลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า
“ทุกคนหนีไป หากสิ่งที่อยู่ในโลงศพออกมาได้มันจะสายเกินไปที่พวกเจ้าจะหนีออกจากที่นี่”
“นักพรตต้วน เจ้าควรอยู่เฉยๆดีกว่า” จี้หยวนชิงกล่าวอย่างเย็นชา
กงเติ้งและจูหลิงกงต่างก็จับตาดูสายฟ้าที่แตกออกมาจากโลงศพทั้งสาม
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่าโลงศพนั้นมีอันตรายอย่างแน่นอน แต่หากจะให้พวกเขาถอนตัวไปแบบนี้ก็ดูเหมือนจะเรียบง่ายเกินไปหน่อย
“ข้าทำสิ่งนี้เพื่อประโยชน์ของเจ้าจริงๆ นักพรตผู้น่าสงสารนี้สาบานกับท้องฟ้าก็ได้ สามโลงศพนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราควรยุ่งเกี่ยว พวกเราต้องออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” ต้วนเต๋อชี้ไปที่ฟ้าท้องฟ้าพร้อมกับเริ่มสาบาน
“ไม่ต้องกังวล ในไม่ช้าผู้อาวุโสของพวกเราก็จะมาถึง” จูหลิงกงตอบอย่างเฉยเมย
“เจ้า...เจ้ากล้าเคลื่อนไหวจริงๆ นั่นคือโลงศพสามโลก สิ่งที่อยู่ด้านในว่ากันว่าคือสิ่งมีชีวิตอมตะ ผู้อาวุโสของพวกเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหนถึงกล้าท้าทายมัน” ใบหน้าของต้วนเต๋อเปลี่ยนเป็นสีเขียว
“หากสิ่งที่อยู่ในนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะจริงแล้วพวกเขาจะไปซ่อนตัวอยู่ในโลงศพเพื่ออะไร รอให้อาจารย์ของพวกเรามาถึงก่อนเจ้าจะได้เห็นเอง” กงเติ้งกล่าวอย่างเฉยเมย
ท่าทางของต้วนเต๋อเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า ราชานกยูงคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของภาคใต้ และปรามาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ก็ไม่ใช่คนที่ใครจะท้าทายได้เช่นกัน
หากทุกคนเข้ามาที่นี่พร้อมกันรับรองว่าตัวเขาจะไม่มีโอกาสต่อรองผลประโยชน์อย่างแน่นอน
"บูม"
ด้วยผลกระทบด้านพลังงานที่รุนแรง สุสานจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดสั่นสะเทือนเหมือนจะพังลง
แต่สุสานขนาดใหญ่นี้ถูกยกมาจากดินแดนที่เคยเป็นที่พำนักของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ปราศจากจุดเริ่มต้น ของทุกชิ้นล้วนเคยสัมผัสกับกลิ่นอายของเขา
ดังนั้นต่อให้พวกผู้สูงสุดลงมืออย่างเต็มที่ก็ไม่มีทางที่จะทำลายมันได้ง่ายๆ
“ตาย!!!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังก้อง เสียงคำรามดังอย่างต่อเนื่องถึงสิบเอ็ดครั้ง ผู้ฝึกตนที่อ่อนแอบางคนในห้องโถงใหญ่แทบจะไม่สามารถยืนอยู่ได้!
ในขณะเดียวกัน คนที่สามารถยืนอยู่ตรงนี้ก็ยังมีใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความกลัว
“นี่เป็นฝีมือของอาจารย์” กงเติ้งดูเคร่งขรึม
เย่ฟ่านก็ได้ยินเช่นกัน มันเป็นเสียงของราชานกยูงที่กำลังโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
ในตอนนี้ใบหน้าของจี้หยวนชิงและจูหลิงกงก็เปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ราชานกยูงองอาจกล้าหาญอย่างยิ่ง แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าราชานกยูงโจมตีใคร แต่โดยพื้นฐานแล้วคนที่สามารถต่อสู้กับราชานกยูงได้ก็มีเพียงปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเท่านั้น
"รีบปิดประตูก่อน ไม่เช่นนั้นพลังการโจมตีจากด้านนอกจะสร้างความเสียหายให้กับผู้บ่มเพาะที่มีระดับอ่อนแอจนเสียชีวิต!" กงเติ้งกล่าว
แม้ว่าบุคคลที่มีระดับบ่มเพาะระดับต่ำส่วนมากที่นี่จะเป็นมนุษย์ แต่ก็มีเผ่าพันธุ์อสูรของพวกเขาอยู่เล็กน้อย ชัยชนะที่ได้จากการฆ่าศัตรู 1000 และตัวเองสูญเสีย 800 ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องคุ้มค่าเท่าไหร่
“บูม”
ข้างหน้าพระราชวังโบราณสั่นสะเทือนครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงคำรามของราชานกยูงยังคงดังอย่างต่อเนื่องสร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้บ่มเพาะที่อยู่ที่นี่ทุกคน
เย่ฟ่านเคยเห็นราชานกยูงเช่นกัน เขามีลักษณะภายนอกคล้ายกับเด็กหนุ่มอายุแค่สิบหกหรือสิบเจ็ดปีเท่านั้น แม้ว่าภายนอกของเขาจะดูอ่อนโยน แต่เห็นได้ชัดว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่มีผู้ใดทัดเทียมได้
“เจ้าหนูเลิกขัดเกลาคนเหล่านั้นได้แล้ว ราชานกยูงคนนี้ลึกลับเกินไป หากเขาเข้ามาที่นี่ได้บางทีเขาอาจจะไม่ปล่อยพวกเราไปอีก” จักรพรรดิดำเร่งเร้า
เย่ฟ่านพยักหน้าและกำลังค้นหาเส้นทางในการหลบหนี แต่ก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้ทำอะไร ท้องฟ้าของห้องโถงชั้นหกก็แตกออกและมีนกตัวหนึ่งบินเข้ามา
"เผิงเฒ่าปรากฏตัวแล้ว!" ผู้บ่มเพาะเผ่าพันธุ์มนุษย์ใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
เย่ฟ่านยิ่งหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด คนคนนี้เป็นบรรพบุรุษของราชาเผิงน้อยปีกทองและผู้นำที่ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าพันธุ์อสูร
นี่คือคนที่สามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมากที่สุดในดินแดนรกร้างตะวันออก หากไม่นับชายชราผู้บ้าคลั่ง
“เด็กน้อยรีบปล่อยราชาเผิงน้อยปีกทองออกมาเดี๋ยวนี้” ผู้บ่มเพาะพันธุ์อสูรคนหนึ่งตะโกนขึ้น
“ปล่อยคนของเราด้วย” จูหลิงกงพูดอย่างเฉยเมย “อย่าต้องให้ข้าบังคับเจ้า”
เย่ฟ่านไม่ตื่นตระหนกและกล่าวว่า
“ขอยืนยันคำเดิม อย่ารบกวนข้าเป็นเวลาหนึ่งปีมิฉะนั้นสามคนนี้อาจจะตายก็ได้”
"บังอาจ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาต่อรองกับเรา" มีคนส่งเสียงร้องด้วยความไม่พอใจ
แม้ว่าคนพวกนี้จะยับยั้งชั่งใจ แต่ผู้ฝึกตนเล็กๆอาณาจักรตำหนักเต๋าคนนี้กลับไม่รู้จักดีชั่วเกินไป เขาพยายามเสนอเงื่อนไขของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่รู้ถึงสถานะของตัวเอง
"เด็กน้อยความตายอยู่ใกล้เจ้าเพียงแค่เอื้อม เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้สูงสุดหรือ?”
เย่ฟ่านได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะและพูดว่า "ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงและตระกูลจี้น่าทึ่งจริงหรือ สักวันข้าจะไปเยี่ยมพวกเจ้าและเปิดดูคัมภีร์โบราณที่พวกเจ้าหวงแหนที่สุด"
นี่เป็นคำพูดที่ดื้อรั้นมาก การที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สามารถดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบันนั้นก็ล้วนแล้วแต่อาศัยคัมภีร์โบราณของพวกเขา คำพูดของเย่ฟ่านยังคงห่างไกลจากความเป็นจริงเหลือเกิน
“ข้าไม่รู้จริงๆว่าคนพิการเช่นเจ้าอาศัยอะไรมาต่อรองกับพวกเรา อนาคตของเจ้ามืดมนอย่างยิ่ง แม้แต่วันนี้เจ้าก็ยังไม่มีโอกาสรอดชีวิต ยังจะพูดถึงเรื่องอนาคตอะไรอีก!”
เหล่ายอดฝีมือวัยกลางคนที่กำลังล้อมรอบต้วนเต๋อแค่นเสียงอย่างเย็นชา
“พวกเจ้าจะพูดอย่างไรก็ได้ สักวันหนึ่งคนพิการคนนี้จะไปเยี่ยมพวกเจ้าถึงบ้านเอง แต่ตอนนี้ข้าต้องขอตัวก่อน!” เย่ฟ่านที่ยืนอยู่บนแท่นศิลาแห่งความโกลาหลมองดูทุกคนอย่างเย็นชา
"ดำใหญ่ไปกันเถอะ"
ทันทีที่สิ้นเสียงจักรพรรดิดำก็วางอะไรบางอย่างลงบนแท่นศิลาแห่งความโกลาหลและแสงสีทองก็สว่างวาบในทันที
“ไม่ หยุดเขา!”
เมื่อแสงสว่างวาบเย่ฟ่านและจักรพรรดิดำรวมทั้งแท่นศิลาแห่งความโกลาหลก็หายสาบสูญไปจากที่นี่ในทันที
ในช่วงที่ประตูมิติยังไม่ได้ปิดลงอย่างสมบูรณ์ ต้วนเต๋อก็กระโดดเข้าไปในประตูมิติที่กำลังปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว
“ปัง!”
อย่างไรก็ตามกำปั้นสีทองขนาดใหญ่ของเย่ฟ่านก็กระแทกมาจากรูเล็กๆนั้นทำให้ต้วนเต๋อตกลงมาจากท้องฟ้าทันที
“เจ้าเด็กไร้ยางอาย ครั้งหน้าบิดาจะไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน!” ต้วนเต๋อคำรามด้วยความโกรธแค้น
ที่ด้านหลังมีผู้คนนับสิบรายล้อมรอบเขาอยู่ พวกเขาทั้งหมดปล่อยให้เย่ฟ่านหนีไปโดยไม่คาดคิด มันไม่มีทางที่พวกเขาจะปล่อยให้ต้วนเต๋อหนีไปอีกคน
"ทุกคนพวกเรามาศึกษาคัมภีร์โบราณนี้ด้วยกันเถอะ" รอยยิ้มของต้วนเต๋อขัดตายิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก
……………….
ห่างออกไปหลายพันลี้เมื่อแสงสว่างวาบหม้อวิเศษที่สร้างจากปราณปฐพีต้นกำเนิดก็พุ่งออกมาจากความว่างเปล่าก่อนจะกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
เย่ฟ่านและจักรพรรดิดำเดินออกมาจากหม้อด้วยสีหน้าแช่มชื่นเป็นอย่างมาก
"รีบเลย เผิงเฒ่าตัวนั้นมีความเร็วที่ประมาทไม่ได้ พวกเราต้องหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด" เย่ฟ่านไม่กล้าวางใจ
จักรพรรดิดำไม่รอช้าและเริ่มเขียนเครื่องหมายบนพื้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็ข้ามความว่างเปล่าอีกครั้งในทันที
หลังจากข้ามความว่างเปล่าหลายครั้งและมั่นใจว่าไม่มีทางที่เผิงสวรรค์จะไล่ตามพวกเขาทัน เย่ฟ่านก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุดพวกเขาก็พ้นอันตรายแล้ว
ในวันเดียวกันนั้นดูเหมือนข่าวจะขยายวงออกไปและกระจายไปทั่วพื้นที่โดยรอบ ผู้ฝึกตนชื่อเย่ฟ่านเขย่าสิบทิศด้วยการจับตัวบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง ราชาเผิงน้อยปีกทองและเหยาซีไปพร้อมกัน
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ชื่อของเย่ฟ่านได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนในภาคเหนืออีกครั้ง หลายคนรู้ว่าผู้ฝึกฝนที่ชื่อเย่ฟ่านต้องการจับตัวยอดฝีมือทั้งสามเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี
เย่ฟ่านคือใคร? ในอดีตมีข่าวลืออยู่บ้าง แต่นิกายส่วนใหญ่ไม่เคยใส่ใจในเรื่องนี้ หลังจากวันนี้เป็นต้นไปผู้คนในภาคเหนือจะไม่มีผู้ใดลืมชื่อของเย่ฟ่านอีก
ราชาเผิงน้อยปีกสีทอง บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงผู้ที่คาดว่าจะกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคตคือบุคคลที่หายากของคนรุ่นใหม่แห่งดินแดนรกร้างตะวันออก
อย่างไรก็ตามพวกเขาถูกกดขี่โดยผู้ฝึกตนตัวน้อยที่มีประวัติไม่ชัดเจน!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าข่าวจะแพร่กระจายไปในวงกว้างและผู้คนจะทราบเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากนี้ต่อให้เหยาซี ราชาเผิงน้อยปีกทองและบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงจะสามารถรอดชีวิตกลับมาได้จริงๆ ชื่อเสียงของพวกเขาก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป