บทที่ 73 อยู่หรือไปพวกเจ้าตัดสินใจ
“นายท่านอย่าได้ล้อ…..” ชายชราก่อนจะกล่าวอันใดออกมานั้น
จินเหล่าต้าได้นำหยกนิลยัดใส่มือของมัน พร้อมกล่าวออก “เถ้าแก่อย่าได้เข้าใจผิด นี้คือค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆ ท่านสามารถช่วยเราหาทาสจำนวนมากกว่านี้ได้หรือไม่”
ชายชรามองไปยังหยกนิลในมือของมันด้วยดวงตาเป็นประกายมันรีบกล่าวออกมาอย่างนอบน้อม “ขออภัย...ขออภัยที่ข้าได้กล่าวล่วงเกินพวกท่านไป
นายน้อยท่านสามารถเรียกข้าว่า จั่นซือ(สุขสบาย)ได้ ข้าขอถามนายน้อย ท่านต้องการทาสมากเพียงใด”
“ไม่ต้องถามถึงจำนวน เท่าที่เจ้าจะหาได้ พวกเรานั้นซื้อหมด” จินเหล่าต้าเป็นตัวแทนหนิงเทียนในการเจรจาครั้งนี้
หนิงเทียนนั้นไม่ต้องการให้ผู้ใดล่วงรู้ว่ามันกำลังซ่องสุ้มกำลังพลอยู่ มันจึงใช้เรื่องการออกหน้าของตระกูลจินครั้งนี้เป็นหนึ่งในข้อแลกเปลี่ยนโอสถเลือดกระเรียน
“ภายในวันนี้พวกเราสามารถหาได้สูงสุด1หมื่นคน แต่ถ้านายน้อยต้องการมากกว่านั้นพวกเราต้องใช้เวลาในการรวบรวม หอการค้าเหล่าตงของเราเองก็มีหูตาอยู่ทั่วทั้งสี่ทวีป
ขอให้นายน้อยโปรดวางใจและทำการค้ากับพวกเรา”ชายชรารีบกล่าวออกอย่างสุภาพ อย่างน้อยๆการค้าครั้งนี้จะสร้างกำไรให้หอการค้าเหล่าตงหลายร้อยหยกนิลเป็นแน่
ด้วยเหตุนี้มันอาจจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสของสาขาทวีปสวรรค์เลยก็เป็นได้ เมื่อมันคิดได้เช่นนี้ไม่ว่าอย่างไรมันต้องทำการค้านี้ให้สำเร็จจงได้
หนิงเทียนมองไปยังชายชราจั่นซือพร้อมกล่าวถาม “พวกเจ้าใช้วิธีจับตัว?”
“นายน้อยอย่าได้พูดเช่นนั้น ทาสทุกคนที่นี้มาด้วยความสมัครใจทั้งสิ้นไม่มีการบังคับใดๆ”ชายชรารีบกล่าวตอบโดยเร็วมันกลัวว่าหนิงเทียนจะเข้าใจผิด
หนิงเทียนยังคงถามต่อ “พวกเจ้าใช้วิธีการใดในการควบคุมพวกมัน” เรื่องนี้หนิงต้องการถามโดยละเอียดที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วมันไม่ต้องการทหารที่ไร้ใจและไร้ซึ่งคุณภาพในกองทัพของมัน
จั่นซือโค้งศีรษะพร้อมกล่าวตอบ “นายน้อยท่านไม่ต้องห่วง ในกลุ่มของมนุษย์ของเราได้ตราสัญญาทาสที่ร่างกายอีกทั้งพวกมันก็ทำด้วยความเต็มใจเอง
และส่วนของดินแดนนักรบและแดนองครักษ์พวกเราใช้การทำสัญญาจิตวิญญาณ ด้วย2เงือนไขคือ ภักดีและไม่ทรยศต่อผู้ถือสัญญา”
หนิงเทียนพยักหน้าและกล่าวขึ้น “เจ้าสามารถพาเราไปดูตอนนี้ได้หรือไม่”
“ไม่มีปัญหา”กล่าวจบ ชายชราสั่งออกเสียงดังแก่หญิงรับใช้ “เรียกรวมทุกคนให้มาที่ลานเหล่าตง” เสร็จสิ้นคำสั่งมันพากลุ่มของหนิงเทียนเดินออกไปยังชั้นสองที่สามารถมองเห็นลานกว้างได้อย่างสะดวกตา
ไม่นานนักผู้คนจำนวนมากค่อยๆทยอยกันเดินมาสู่ลานกว้างนี้ทีละน้อย ทีละน้อย ผ่านไปราวๆ1 เค่อเท่านั้น ลานกว้างเนืองแน่นไปด้วยกลุ่มคนมากมายนับพันๆคน
หนิงเทียนกวาดสายตาไปยังทาสนับพันๆคนที่ยืนเรียงรายตามคำสั่งของจั่นซือ พวกมันมีทั้งคนแก่ เด็ก ผู้หญิง ส่วนแรงงานผู้ชายที่ใช้ได้จริงๆนั้นมีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
จั่นซือเห็นสายตาของหนิงเทียนเช่นนั้นมันยิ้มแห้งๆออกมา
หนิงเทียนหัวเราะออกในลำคอ “หึหึ...ไม่ต้องห่วงว่าข้าจะเปลี่ยนใจ ไม่ว่าจะเป็นคนแก่ เด็กหรือสตรี ทุกคนล้วนมีประโยชน์ในตัวเองทั้งสิ้น ตกลงข้าซื้อพวกมันทั้งหมด”
“ซื้อทั้งหมด....ขอบคุณขอบคุณนายน้อย”จั่นซือกล่าวออกด้วยความตื่นเต้น ตัวของมันโค้งงอให้แก่หนิงเทียนจนแทบจะถึงพื้นดินแล้ว ก่อนจะนำลูกคิดขึ้นมาดีดอย่างมีความสุข
“นายน้อยทั้งหมด300หยกนิลไม่ผิดไม่เพี้ยนไปแม้แต่น้อย”
หนิงเทียนนำหยกนิลที่ได้จากส่วนแบ่งรายปีของสมาคมการค้าจ้าวสมุทรออกมา
เมื่อจั่นซือรับหยกนิลไปแล้วมันส่งมอบแหวนมิติสีเงินที่ภายในอัดแน่นไปด้วยสัญญาทาสและสัญญาจิตวิญญาณของผู้คนนับพันพร้อมกล่าวออก
“นายน้อยเห็นว่าท่านเป็นลูกค้าคนสำคัญของหอการค้าเรา ข้าน้อยอยากจะให้คำแนะนำท่านสักเล็กน้อย ถ้าท่านต้องการคนจำนวนมากจริงๆ ข้าแนะนำว่าการรับสมัครทหารรับจ้างจะคุ้มค่าแก่ราคามากกว่าทาสที่อ่อนแอพวกนี้”
หนิงเทียนได้ยินเช่นนั้นมันส่ายหน้า“ข้าไม่ต้องนักรบที่ต่อสู้เพื่อเงิน ข้าต้องการผู้คนที่ศรัทธาและต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด”
ได้ยินเช่นนั้นจั่วซือไม่ได้กล่าวอะไรแก่หนิงเทียนอีก มันได้แต่หันไปด้านหน้าและเปล่งเสียงออกด้วยลมปราณจนดังไปทั่วถึง
“พวกเจ้าทั้งหมดฟังทางนี้” มันพายมือไปยังหนิงเทียนและกล่าวต่อ “บุคคลท่านนี้คือนายคนใหม่ของพวกเจ้าทั้งหมด จงทำความเคารพแก่นายใหม่และเตรียมตัวที่จะย้ายถิ่นฐานไปตามคำสั่งของนายใหม่ผู้นี้”
กลุ่มทาสนับพันต่างคุกเข่าและก้มหัวลงแนบกับพื้น แม้ว่าพวกมันจะแสดงทีท่าอ่อนน้อมออกมาแต่หนิงเทียนสังเกตุเห็นว่าใบหน้าของพวกมันแต่ละคนนั้นไม่สู้ดีนัก
แม้ว่าหอการค้าเหล่าตง จะเลี้ยงดูพวกมันอย่างไม่ขาดตกบกพร่องก็จริงแต่การที่พวกมันถูกขายออกนั้นคล้ายกับเป็นการพนันกับสวรรค์บนฟ้า
ถ้าเจอนายใหม่ที่ดีพวกมันก็จะยิ้มรับและทำงานอย่างแข็งขัน แต่ถ้าเจอนายใหม่ที่เลวร้ายละก็ ผู้หญิงจะกลายเป็นนางบำเรอและผู้ชายจะถูกใช้แรงงานจนตาย
ส่วนคนแก่และเด็กพวกมันจะถูกทิ้งให้อดยากและจากประสบการณ์ของพวกมันที่เห็นเพื่อนพ้องถูกขายไปคนแล้วคนเหล่า โอกาสที่จะเจอนายใหม่ที่ดีนั้นมีเพียง1ใน100เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ทาสจำนวนไม่น้อยจึงกังวลและแสดงสีหน้าคล้ายจะร้องไห้ออกมา
เห็นภาพเช่นนี่หนิงเทียนได้แต่ระบายลมหายใจออกยาว พร้อมกล่าวขึ้นมา “พวกเจ้าคงได้ยินกันไปแล้ว ข้าชื่อซือหม่า หนิงเทียนจะมาเป็นนายใหม่ของพวกเจ้า
ข้าจะกล่าวโดยไม่ปิดบังใดๆ เส้นทางที่ข้าจะก้าวเดินไปนั้นตายมากกว่าเป็นและพวกเจ้าเองก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมนั้นให้ได้เช่นเดียวกับข้า แต่พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ข้านั้นไม่ชอบบังคับฝืนใจใคร
ถ้าพวกเจ้าไม่ยินยอมรับความเสี่ยงนี้ พวกเจ้าสามารถก้าวออกมาข้างหน้า ข้าจะทำลายสัญญาทาสของพวกเจ้าทิ้งและพวกเจ้าสามาถจากไปได้ทันที”
กล่าวจบมันหันไปสั่งแก่จินเหล่าต้า “มอบเหรียญทองให้คนที่ต้องการจะไปคนละ10เหรียญให้พวกมันได้ใช้ในการตั้งตัว”
เมื่อสั่งการแก่จินเหล่าต้าเสร็จแล้ว หนิงเทียนยังคงกล่าวต่อ “สำหรับผู้ที่ยินยอมจะเป็นคนของตระกูลซือหม่า พวกเจ้าจงจำไว้ว่า ความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือการเห็นคนที่เรารักตายไปต่างหาก
ฉะนั้นหน้าที่ของเจ้าคือการปกป้องคนภายในตระกูลที่เปรียบเสมือนครอบครัวและพี่น้องของเจ้าให้มากกว่าชีวิตของตัวพวกเจ้าเองและข้าจะนำพาพวกเจ้าไปสู่จุดที่พวกเจ้าไม่เคยแม้แต่จะฝันถึงมัน”
หนิงเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ประกายตาของมันบ่งบอกออกมาว่าทุกคำที่พูดนั้นออกมาจากใจ
พวกมันได้ยินที่หนิงเทียนกล่าวออกว่า "เส้นทางข้างหน้ามีโอกาสตายมากกว่ารอด" นั้นทำให้ทาสที่ฟังอยู่บังเกิดความกลัวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
แต่ที่น่าแปลกใจ แม้ว่าพวกมันจะหวาดกลั่วแต่ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ก้าวเดินออกไปรับเงินจากจินเหล่าต้า พวกมันยังคงมองหนิงเทียนด้วยสายตาตกตะลึง
เมื่อไม่เห็นผู้ใดขยับตัวออกหนิงเทียนได้กล่าวย้ำขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง “อย่าได้หวาดกลัวข้า ทุกคนมีทางเลือกเป็นของตัวเอง
ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าได้คิดอีก10ลมหายใจ ถ้าไม่มีผู้ใดก้าวออกไปข้าจะถือว่ามันพวกนั้นพร้อมใจที่จะเดินบนเส้นทางเดียวกับข้าและข้าจะยึดมันผู้นั้นประหนึ่งคนในครอบครัวของข้าซือหม่า หนิงเทียน”
ด้วยคำกล่าวของหนิงเทียนนั้น แม้แต่จินเหล่าต้าและจั่วจิงหนานยังกำสองมือแน่น พวกมันมองไปยังเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความศรัทธา
เฟิ่งหวงที่กุมมือของเสี่ยวซวงอยู่ยังกล่าวออกมาท่ามกลางความเงียบนั้น “พี่สาว ข้าก็ต้องการเป็นคนของตระกูลพี่ชาย”
เสี่ยวซวงมองไปยังเฟิ่งหวงด้วยสายคาครุ่นคิดก่อนที่จะจับจ้องไปยังแผ่นหลังของหนิงเทียนด้วยประกายแสงเลือนลางในดวงตาที่เย็นชา
จากกลุ่มทาสนับพันคน มีจำนวนเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้นที่ตัดสินใจเดินออกไปรับเหรียญทองจากจินเหล่าต้า จนเวลาผ่านเลยไป10ลมหายใจ หนิงเทียนพยักหน้าอย่างช้าๆพร้อมกล่าวออกแก่พวกมัน
“นับจากวันนี้ไป ผู้ที่อยู่ที่นี้จะไม่ใช่ทาสอีกต่อไป ข้าจะมอบแซ่ ซือหม่าของข้าให้แก่พวกเจ้า”แม้หนิงเทียนจะกล่าวออกอย่างมีคุณธรรมน้ำใจแต่มันก็ไม่ได้คิดจะทำลายสัญญาทาสให้แก่คนพวกนี้
หนิงเทียนยังคงเก็บพันธะสัญญาของพวกมันไว้ในกรณีที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมา เรื่องนี้มันเป็นการระวังตัวโดยนิสัยหรือว่าเพราะมันเคยถูกหักหลังมาก็ไม่ทราบได้
แต่ถึงอย่างไรน้ำใจของหนิงเทียนนั้นได้ตราตรึงเข้าไปอยู่ในหัวใจของกลุ่มทาสนับพันแล้ว ด้วยตัวของมันที่ถูกคนอื่นมองเหมือนเศษขยะแต่วันนี้กลับมีคนที่เห็นค่าและพร้อมที่จะเป็นครอบครัวเดียวกัน
เพียงแค่นี้พวกมันทั้งหมดก็จารึกความกตัญญูลงไปในจิตใจส่วนลึกแล้ว
บุรุษผู้หนึ่งได้เดินออกมาจากกลุ่มทาสนับพันคนมันโค้งศีรษะแก่หนิงเทียนพร้อมกล่าวอย่างไม่กล้าสบสายตา “ข้าน้อยมนามว่าหยาเฮย(ฟันดำ)เป็นตัวแทนของผู้คนทั้งหมด
ข้าน้อยยินยอมติดตามนายท่านแม้ทางข้างหน้าจะมีความตายรออยู่ก็ไม่หวั่นกลัว แต่ข้าน้อยมีเรื่องใคร่ขอนายท่านให้เมตตาพวกเราสักข้อ”หยาเฮยกล่าวออกด้วยความไม่มั่นใจ
“จงกล่าวมันออกมา?”หนิงเทียนถามออกด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม การซื้อใจคนนับพันนั้นต้องใช้ทั้งเดชและคุณในคราวเดียวกัน ในเรื่องนี้ตัวมันที่เคยเป็นถึงแม่ทัพใหญ่รู้ดีกว่าใคร
“พวกเราบางคนต่างก็อยู่ตัวคนเดียว บางคนก็ได้สร้างครอบครัวกันขึ้นมา ข้าน้อยจะขอความกรุณาแก่นายท่านอย่าแยกพวกที่เราที่เป็นครอบครัวออกจากกันเลย”
เหยาเฮยกล่าวออกด้วยน้ำเสียงกล้ำกลืน มันนั้นรู้ตัวดีว่าทาสไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับเจ้านาย สิ่งที่มันกำลังทำอยู่นั้นมันหวังโอกาสเพียงแค่1ใน1000เท่านั้น
“ฮ่าฮาๆ ข้านึกว่าสิ่งใด พวกเจ้าจงฟังให้ดี ภายในคฤหาสน์ของข้า พวกเจ้าทุกคนจะได้รับที่ดินเป็นของตัวเองและการที่เจ้าจะอาศัยอยู่กับใครมันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเจ้า
สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำคือเคารพในกฎของการอยู่ร่วมกันเท่านั้น”
เมื่อสิ้นเสียงหนิงเทียน ความปิติยินดีปรากฏบนใบหน้าของเหล่าทาสนับพันคน มันยินยอมพร้อมใจกันหมอบกราบลงไปสู่พื้น มันกล่าวออกอย่างพร้อมเพียง
“ชีวิตของพวกเราเป็นของนายท่าน จะลำบากเหน็ดเหนื่อยเพียงใดจะไม่ปริปากแม้แต่คำเดียว”
ขณะเดียวกันกลุ่มทาสที่กำลังเดินจากไปได้ยินว่าหนิงเทียนจะมอบที่ดินอาศัยให้แก่ทาสของเขา มันนั้นรู้สึกอิจฉาและอดไม่ได้ที่จะก่นด่าในปัญญาของตัวเองที่เลือกรับเพียง10เหรียญทองเท่านั้น
หนิงเทียนโยนหยิกนิลให้แก่จั่วซือพร้อมกล่าวออก “หนึ่งหยกนิลนี้สำหรับการขนคนทั้งหมดไปยังคฤหาสน์ซื่อจิ้ง”
“คฤหาสน์ซื่อจิ้ง นายน้อยท่าน ท่าน..ท่านเป็นผู้ที่ประมูลมันได้คนนั้นหรือ!!!”เมื่อได้ยินถึงคฤหาสน์ซื่อจิ้ง จั่วซือกล่าวออกด้วยความตกใจ ปากของอ้ากว้างอยู่ชั่วครู่
หนิงเทียนไม่ได้ให้ความสนใจๆใดแก่ท่าทีของมันและกล่าวขึ้นว่า “ข้าต้องการให้เจ้าแบ่งกลุ่มออกเป็น3กลุ่มและทยอยส่งคนเหล่านี้ไปยังคฤหาสน์ของข้าในยามวิกาลที่ไร้คน
แค่เพียงคืนละหนึ่งกลุ่มเพื่อไม่ให้กลายเป็นเป้าสายตาของผู้อื่นและถ้าเจ้าสามารถทำมันได้อย่างเงียบที่สุดข้าจะเพิ่มให้เจ้าอีกหนึ่งหยกนิล” เมื่อกล่าวจบหนิงเทียนเดินจากไปพร้อมกับกลุ่มของพวกมัน
จะมีเหลือเพียงจินเหล่าต้าเท่านั้นที่เดินรั้งท้ายอยู่ มันจะตบไปที่บ่าของจั่วซือพร้อมกล่าวออก“จำเอาไว้การค้าครั้งนี้เป็นของตระกูลจินและถ้าเจ้าสามารถหาทาสได้อีก อย่าได้ลังเลที่จะติดต่อหาข้าจินเหล่าต้า ลาก่อน....”
กล่าวจบมันรีบวิ่งตามกลุ่มของหนิงเทียนไปโดยเร็ว
ภายในคฤหาสน์ซื่อจิ้งที่บัดนี้มันถูกเปลี่ยนชื่อเป็นคฤหาสน์ซือหม่า
หนิงเทียนกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เบื้องหน้าของมันมีหินลมปราณระดับสูงที่ใช้แล้วนับยี่สิบก้อน
ด้วยความเข้มข้นของสถานที่บวกกับความมั่งคั่งในทรัพยากรณ์ของหนิงเทียน มันคาดว่าอีกไม่เกิน10วัน มันจะสามารถเติมเต็มตะวันทั้ง8ในร่างได้ครบ ขณะที่มันกำลังบ่มเพาะอยู่นั้นเสียงของประตูได้ถูกเคาะขึ้น
พร้อมกับร่างจั่วจิงหนานที่เดินเข้ามา มันคุกเข่าลงหนึ่งข้างพร้อมกล่าวออก “นายท่าน หอการค้าเหล่าตงได้นำคนมาให้เรา1000คนแล้ว ท่านต้องการให้ข้าจัดการอย่างไร”
หนิงเทียนนั้นครุ่นคิดอยู่ไม่นานนักมันจึงกล่าวออก “ดี เร็วกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก จิงหนานหน้าที่แรกของเจ้าคือการคัดกรองพวกมันออกเป็น3กลุ่ม
กลุ่มแรกชายชราและเด็ก ส่วนของเด็กให้เจ้าหาคนมาสอนหนังสือให้พวกมันอ่านออกและเขียนได้ ส่วนคนชราให้มันพวกมันเรียนรู้การทำอาหาร
กลุ่มที่ของสตรี เจ้าสั่งให้พวกนางทั้งหมดนำเมล็ดข้าวที่ข้าได้กว้านซื้อมาลงมือทำการเพาะปลูก
และกลุ่มที่สำคัญที่สุดคือกลุ่มของชายฉกรรจ์จงสั่งให้พวกมันทำลายทักษะบ่มเพาะเดิมทิ้งให้หมดและแบ่งย่อยออกเป็นสี่กอง”
จากนั้นหนิงเทียนนำทักษะบ่มเพาะที่ได้ประมูลมาจากสมาคมการค้าจ้าวสมุทรอออกมาสี่เล่มและโยนออกให้แก่จิงหนาน
จั่วจิงหนานรับมันออกมาด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจก่อนที่จะอ่านพวกมันออกทีละเล่ม “ทักษะร่างอัคคี กายาพสุธา จิตวารี วายุมรกต ทักษะบ่มเพาะระดับปราชญ์ นายท่านต้องการให้พวกมันฝึกทักษะบ่มเพาะพวกนี้”
หนิงเทียนพยักหน้าและกล่าวออก“ทักษะทั้งสี่แบ่งธาตุออกจากกันอย่างชัดเจน เจ้าจงแยกพวกมันออกและแบ่งทักษะเหล่านี้ให้พวกมันได้ฝึกฝน ข้าต้องการสร้างกองทัพ4ธาตุขึ้นมา
ถ้าไม่มีเรื่องใดจะถามแล้ว เจ้าออกไปได้" จั่วจิงหนานผงกศีรษะลงต่ำก่อนจะเดินจากไป
เวลาผ่านไปไม่นาน จินเหล่าต้าได้เดินเข้ามาหาหนิงเทียนพร้อมกล่าวขึ้น“พี่ชายหนิงเรียกข้ามาพบมีเรื่องใด”…..