บทที่ 72 ตลาดมืด
ซีฉินแย้มยิ้ม ก่อนจะกล่าวออก“เจ้าเด็กนี้นับว่าหูตากว้างไกลจริงๆ”
ก่อนที่มันจะละความสนใจมองไปยังจั่วจิงหนานเช่นเดิม “พยัคฆ์แดง ถ้าพวกเราต่อสู้กันที่นี้ เกรงว่าผู้พิทักษ์ฟ้าจะนำกำลังคนมาเชิญตัวเราทั้งคู่ไปนั่งจิบน้ำชาในจวนเจ้าเมืองเป็นแน่
ซึ่งข้าไม่ได้มีเวลามากมายถึงเพียงนั้นและเรื่องที่ทำให้ข้าต้องมาฉางผิงด้วยตัวเองไม่ใช่เพื่อที่จะสู้กับท่านแต่ข้าต้องการพบชายที่กล่าวอ้างว่าสามารถปรุงโอสถเลือดกระเรียนได้”
ซีฉินแปลเปลี่ยนสายตา มันจับจ้องไปยังหนิงเทียนพร้อมยกยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก
“ต้องการพบข้า?”หนิงเทียนก้าวออกมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้ามันกล่าวออกด้วยใบหน้าที่เป็นปกติ
“หืมม์ น้องชายเจ้านั้นรู้ตัวเองดีว่าเป็นเพียงผู้พิการลมปราณ แต่กลับกล่าวอ้างตนเองว่าสามารถปรุงโอสถเลือดกระเรียนออกมาได้ ร้อนถึงข้าต้องเดินทางมายังฉางผิงด้วยเรื่องนี้”
แม้คำพูดของซีฉินนั้นจะแสดงถึงความสุภาพแต่แววตาของมันนั้นมองไปยังหนิงเทียนราวกับมองขยะที่ตกอยู่บนพื้น พวกพิการลมปราณนั้นไร้ค่ายิ่งกว่าผู้ฝึกตนในแดนนักรบด้วยซ้ำไป
“ข้าจะปรุงมันได้หรือไม่ได้ เกี่ยวข้องอันใดกับเจ้า หรือว่าเจ้าต้องการคุกเข่ากราบข้าเป็นอาจารย์และให้ข้าสอนวิธีปรุงโอสถละ?” หนิงเทียนแย้มยิ้มพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็น
“ฮ่าๆฮาๆ น้องชายเจ้าช่างเป็นคนตลกยิ่งนัก ข้าซีฉินเป็นถึงผู้ปรุงโอสถระดับโลกที่10เหตุใดจึงต้องกราบคนพิการเช่นเจ้าเป็นอาจารย์”มุมปากของซีฉินเริ่มกระตุกมันพยามข่มโทสะออกพร้อมกล่าวต่อ
“ที่ข้ามาพบเจ้าวันนี้เพราะข้าได้ยินว่าเจ้านั้นแอบอ้างตัวว่าเป็นจ้าวโอสถ เด็กน้อยเจ้าควรรู้ไว้ในดินแดนรอบนอกอาณาจักรฟ้าสวรรค์ มีศิษย์พี่ของข้าเจ้าสำนักร้อยพิษ ซีหมิ่น เพียงคนเดียวที่อยู่ในระดับที่จ้าวโอสถปฐพี
การที่เจ้าอวดอ้างตัวเองเป็นจ้าวโอสถเท่ากับเป็นการยกตนเสมอศิษย์พี่ของข้า นั้นเป็นเรื่องที่สำนักร้อยพิษของเรายอมไม่ได้เด็ดขาด"
"เด็กน้อยถ้าเจ้ายอมป่าวประกาศออกไปแก่ทุกคนว่าเป็นเจ้าที่กุเรื่องจ้าวโอสถขึ้นมาหลอกลวงผู้คน
ข้าซีฉินจะยอมปล่อยผ่านไปแม้แต่เรื่องที่เจ้ารังแกศิษย์หลานของข้า ข้าก็จะไม่ถือสาเอาความเด็กพิการเช่นเจ้า แต่ถ้าเจ้ายังคงดื้อรั้นหลอกลวงคนอื่นต่อละก็
แม้แต่พยัคฆ์แดงก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าจากความเกรี้ยวกราดของสำนักร้อยพิษได้”
ได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น หนิงเทียนระเบิดเสียงหัวเราะออกดังลั่น “ฮาฮ่าๆ”
ใบหน้าของซีฉินบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที มันกล่าวออกเสียงดัง “เจ้าขำอันใด”
“นั้นล้วนเป็นคำพูดที่เจ้ากล่าวออกมาเองทั้งสิ้น ข้านั้นโกหกหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะมาตัดสินใจ ...หลีกทาง ข้ามีธุระที่ต้องทำมากกว่าจะมาเสียเวลาสนทนากับขยะเช่นเจ้า” หนิงเทียนกล่าวออกด้วยสายตาที่หรี่แคบ
ซีฉินได้ยินเช่นนั้นใบหน้ามองมันมืดดำลงแต่ก่อนที่มันจะกล่าวอันใดออกมา เสียงของหานเจิงที่กำลังยันกายขึ้นตะโกนออกด้วยโทสะที่คละคลุ้งจนทำให้มันลืมเลือนความเจ็บปวดไปชั่วขณะ
“บัดซบ กล้าว่าอาจารย์อาข้าเป็นขยะ อาจารย์อาของข้าเป็นผู้ปรุงโอสถอัจฉริยะในดินแดนสามเมืองใหญ่แห่งนี้ ด้วยอายุเพียง100ปีท่านสามารถไปถึงระดับโลกที่10
เจ้าเด็กสารเลว เจ้านั้นเอาแต่หลบอยู่หลังผู้หญิงและคนชรา เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาว่าอาจารย์อาของข้า”
“100ปีเป็นได้แค่ระดับโลกที่10 ความสามารถเช่นนี้แม้แต่สัตว์อสูรที่บ้านข้า ถ้ามันคิดจะปรุงโอสถละก็ มันยังมีความสามารถมากกว่าเจ้าเลย”
ด้วยคำกล่าวของหนิงเทียนั้น ทำให้ผู้คนที่แอบดูเหตุการณ์โดยรอบด้วยความอยากรู้อยากเห็นบังเกิดอาการตกตะลึงขึ้นมา พวกมันไม่มีใครไม่รู้จักซีฉิน แต่เจ้าเด็กนี้เอาหัตถ์พิษ ซีฉินไปเทียบกับสัตว์เดรัจฉาน
ซีฉินมองไปยังผู้คนโดยรอบ มันยังคงเก็บอาการโกรธไว้ภายใน พร้อมกล่าวออก“เด็กน้อย ถ้าเจ้ากล่าวออกเช่นนี้แสดงว่ามีความสามารถในการปรุงโอสถมากมายนัก
ดีดีข้าไม่เคยพบผู้เยาว์อัจฉริยะเช่นเจ้ามาก่อน ถ้าเช่นนั้นเจ้ากล้าที่จะประลองกฎฟ้ากับข้าหรือไม่!!”
เมื่อได้ยินคำนี้ พ่อค้าแม่ค้าและผู้คนโดยรอยต่างส่งเสียงออกเป็นไฟที่ลามทุ่งต่อๆกันไป
“ประลองกฎฟ้า???”
“มีการท้าประลองกฎฟ้า!!??”
“หัตถ์พิษซีฉินต้องการประลองกฎฟ้า!!!!”
เสียงของฝูงชนยิ่งทวีเสียงดังยิ่งขึ้น ใบหน้าของซีฉินยกยิ้มขึ้นที่มุมปากพร้อมกล่าวออก “ข้านั้นเคยได้ข่าวลือมาว่าเจ้าชอบมุดอยู่ใต้กระโปร่งให้สตรีคอยปกป้อง วันนี้เจ้ากล้าแสดงความเป็นสุภาพบุรุษให้ผู้คนทั้งหมดได้เห็นมัน?”
ซีฉินยังคงกล่าวต่อ "เจ้าที่กล่าวอ้างตัวว่าเป็นผู้ปรุงโอสถเลือดกระเรียนได้ แม้แต่กล้ากล่าวออกว่าแพทย์อัจฉริยะอันดับหนึ่ง กล้าที่จะรับคำท้าของข้าหรือไม่? คำท้าของผู้ที่เจ้าก่นด่าว่าเป็นขยะ?”
มันต้องการยั่วยุหนิงเทียน เมื่อไรที่เจ้าเด็กนี้ตกลงไปในหลุมที่มันขุดไว้และรับคำท้ากฎฟ้าของมันละก็เวลานั้นแม้แต่พยัคฆ์แดงก็ไม่สามารถปกป้องได้
หนิงเทียนยกยิ้มเมื่อได้ยินถึงการประลองกฎฟ้า มันกล่าวออกด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม“ต้องการประลองกฎฟ้า เจ้ากำลังนำความอัปยศมาสู่ตัวเอง”
“เด็กน้อย เจ้าไม่ต้องห่วงข้า แค่เพียงเจ้า กล่าวออกให้ทุกคนได้ยินว่า เจ้ากล้าหรือขี้ขลาดเท่านั้น”ซีฉินกล่าวออก
“เอาเถอะ ประลองก็ประลอง เจ้าต้องการประลองแบบใด?” หนิงเทียนกล่าวออกอย่างไม่แยแส
“ดี นับว่าเจ้ามีความกล้า”ซีฉินยกยิ้ม มันมองไปยังหนิงเทียนด้วยสายตาดุร้าย ราวกับว่าเหยื่อได้ตกหลุมที่มันขุดขึ้นมาแล้ว
“การประลองกฎฟ้าเดิม มันจะต้องใช้กระดานเหล็กหยินหยาง สนามประลองอสูร หรือต่อสู้เป็นตาย แต่สำหรับการประลองครั้งนี้
พวกเราให้เส้นทางแห่งโอสถเป็นผู้ตัดสินกันว่าเจ้าหรือข้าสามารถสรรสร้างโอสถปฐพีที่มีความเข้มข้นมากกว่ากัน นี้เป็นเรื่องง่ายๆสำหรับจ้าวโอสถปฐพีเช่นเจ้าสินะ”
ซีฉินยังคงกล่าวออกอย่างเหน็บแนบที่มันกล่าวออกเช่นนี้เพราะมันนั้นไม่ได้เชื่อถือว่าหนิงเทียนเป็นจ้าวโอสถแม้แต่น้อย
โดยตัวมันนั้นเป็นผู้ปรุงโอสถระดับโลกที่10โอกาสที่จะปรุงโอสถระดับปฐพีออกมาความเข้มข้น 4หรือ5ใน10ส่วนก็เพียงพอแล้วที่จะเอาชนะการประลองครั้งนี้
ในการแบ่งแยกความเข้มข้นของโอสถนั้นสามารถแบ่งแยกระดับของผู้ปรุงโอสถได้ด้วยเช่นกัน
ผู้ที่ปรุงโอสถระดับปฐพีได้ความเข้มข้น8ใน10 จะถูกเรียกว่าจ้าวโอสถ 9ใน10คือเซียนโอสถ และผู้ที่ปรุงได้ความบริสุทธิ์10ส่วนมันจะถูกเรียกว่าเทพโอสถ
การปรุงโอสถข้ามขั้นจะทำให้ความบริสุทธิ์ของมันลดหลั่งไปกว่าครึ่ง ด้วยเหตุนี้เองผู้ปรุงโอสถปฐพีแม้จะมีสูตรปรุงยาโอสถระดับสวรรค์แต่พวกมันก็ไม่สามารถสรรสร้างออกมาให้มีประสิทธิภาพได้
“ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเลือกเดินพันอันใด ชื่อเสียง เงินทอง หรือว่าชีวิต ...ว่าอย่างไร เจ้าตกลงหรือไม่?” ซีฉินถามย้ำเสียงดังหมายจะให้ทุกคนโดยรอบได้ยิน
“เป็นความคิดที่ดี แต่ว่าข้าไม่สนใจการประลองที่เหมือนกันเด็กเล่นขายของเช่นนี้”หนิงเทียนกล่าวออกอย่างไม่สนใจ
ฮาฮาๆๆ ได้ยินเช่นนั้นซีฉินหัวเราะเสียงดัง มันกล่าวออกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยลมปราณหมายจะให้ได้ยินไกลออกมากที่สุด
“ในที่สุดหางเจ้าก็โผล่ออกเสียที เมื่อเจ้าเป็นพวกขี้ขลาดใยต้องอวดอ้างเป็นจ้าวโอสถมาหลอกลวงผู้คน ดีวันนี้ถึงเจ้าจะไม่กล้าประลองแต่ข้าซีฉินได้กระชากหน้ากากจอมปลอมของเจ้าออกมาให้ ทุกคนได้ชมก็นับว่าไม่เสียเวลาแล้ว”
“เจ้านี่ช่างพูดมากเสียจริงๆ ข้าบอกเพียงว่าไม่สนใจเท่านั้น ข้าไม่ได้หมายความว่าจะไม่ประลอง”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” ซีฉินหรี่ตาลงพร้อมกล่าวออก
“ข้าบอกว่ากฎที่เจ้าคิดนั้นไม่ต่างอะไร กับเด็กที่เล่นขายของ การประลองความเข้มข้มของตัวยานั้น เป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี ถ้าเจ้าคิดจะประลองกฎฟ้ากับข้า เจ้าต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน”
“ประลองเป็นตาย!!”
“หรือว่าเจ้าเด็กนี้ต้องการประลองเป็นตาย?”
ได้ยินคำกล่าวของหนิงเทียนฝูงชนโดยรอบฮือฮาขึ้นมาในทันใด
“เจ้าต้องการที่จะใช้กฎที่3 ประลองเป็นตายกับข้า ฮาฮาๆได้ ได้นับว่าเจ้ามีความกล้า ข้าจะเล่นกับพวกเจ้าสักหน่อย
ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่โง่พอที่จะใช้การต่อสู้เป็นการตัดสิน จงรีบกล่าวมาไม่ว่าเรื่องใดข้าก็ตกลง”ซีฉินหัวเราะออกเสียงดังพร้อมกล่าวด้วยเสียงเย็น
หนิงเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นแต่ใบหน้าของมันยังคงนิ่งอยู่เช่นเคย“ข้าได้ยินว่าเจ้านั้นมีฉายาว่าหัตถ์พิษ และสำนักที่เจ้าอยู่ยังโอ้อวดตัวเองว่าสำนักร้อยพิษ
พวกเจ้าคงมีความมั่นใจในมันอยู่ไม่น้อย ดีถ้าเช่นนั้น เจ้าและข้าปรุงโอสถขึ้นมาคนละ1เม็ด ต่างฝ่ายต่างแลกกันกินมันเข้าไป ผู้ใดรอด ถือว่าเป็นผู้ชนะเป็นกฎที่ง่ายดีใช่หรือไม่?”
“ไอ้เด็กนี้สงสัยจะบ้า มันไม่รู้จักหัตถ์พิษ ซีฉินหรือยังไง?”
“มันไม่บ้า มันก็ต้องโง่แน่ๆ เห็นได้ชัดว่าถ้าเป็นการวัดที่ระดับความเข้มข้นของตัวโอสถ เจ้าเด็กนี้ยังพอมีโอกาสหนึ่งในล้านที่สวรรค์จะบันดาลให้มันชนะได้
แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นการปรุงโอสถพิษละก็โอกาสในล้านของมันก็หมดไปด้วย”
“เจ้าพูดถูกมันเห็นสำนักร้อยพิษเป็นอันใด เจ้าเด็กนั้นไม่มีทางหาวัตถุดิบระดับสูงกว่าสำนักร้อยพิษมาปรุงโอสถได้แน่ มันแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้งแล้ว”
“พวกเจ้าอย่าพึ่งดูถูกไป เจ้าเด็กนั้นใช่หัวหน้าตระกูลซือหม่าหรือไม่? ข้าเคยเห็นมันที่สมาคมการค้าจ้าวสมุทร”
“เมื่อเจ้าพูดมาข้าก็พึ่งนึกขึ้นได้ ถ้าใช่คนเดียวกันละก็ การต่อสู้ครั้งนี้ชักไม่แน่แล้ว น่าตื่นเต้นจริงๆ”
เวลานี้พ่อค้าแม่ค้ารวมถึงฝูงชนโดยรอบต่างปั่นป่วน พวกมันมองไปยังภาพตรงหน้าและการสนทนาที่ได้ยินพร้อมกับวิจารณ์ออกอย่างหนาหู
เวลานั้นเสียงของซีฉินได้ดังขึ้นมาทำให้ฝูงชนโดยรอบเงียบสงบลงทันที “ดีตกลงตามนี้ ข้าจะให้เวลาเจ้าเตรีมวัตถุดิบ ในวันนี้พรุ่งนี้ หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นกลางศีรษะไป2ชั่วยาม
เจ้าจงนำวัตถุดิบ สมุนไพรที่จะใช้ในการปรุงโอสถมายังศาลาหยางจู พวกเราจะประลองกฎฟ้ากันที่นั้น”
“ตกลง”หนิงเทียนตอบรับอย่างไม่แยแสใดๆพร้อมกล่าวต่อแก่ฝูงชนที่บัดนี้พวกมันมุงดูจนเต็มทางเดิน
“ข้ามีเรื่องที่ต้องไปทำอีก หลีกทางให้ข้า” กล่าวจบฝูงชนที่เนืองแน่นแหวกออกเป็นทางเดิน คล้ายกับถนนที่สร้างขึ้นจากตัวมนุษย์
หานเจินที่ใบหน้าซีดเซียวจากอาการบาดเจ็บเวลานี้สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มออกราวกับว่ามันกำลังเห็นความตายของหนิงเทียน ฉางอวี้ที่ช่วยพยุงมันอยู่ก็มองไปยังแผ่นหลังของหนิงเทียนด้วยสายตาเย้ยหยันในความโง่ของมัน
ขณะที่หนิงเทียนเดินจากไป ผู้ที่ติดตามมันไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาแม้แต่น้อย ทั้งจินเหล่าต้าและจั่วจิงหนาน พวกมันล้วนประจักษ์ถึงฝีมือการปรุงโอสถของหนิงเทียนด้วยตาตัวเองแล้ว
ภายในใจมันได้แต่คิดสังเวชซีฉินเป็นอย่างยิ่ง พวกมันก้าวเดินจากไปด้วยความเงียบ
ไม่นานนักจินเหล่าต้าเปล่งเสียงขึ้นมาทำลายความเงียบนั้น “พี่ชายหนิงพวกเรายังจะไปตลาดมืดกันอยู่ไม่หรือว่าเราจะไปสมาคมการค้าจ้าวสมุทรเพื่อหาซื้อสมุนไพรพิษดี?”
“แน่นอนว่าต้องเป็นตลาดมืด ข้าไม่ต้องการให้คฤหาสน์ที่ใหญ่โตของข้ามีเพียง5คนแน่ๆ อีกทั้งวันพรุ่งนี้ในยามเช้าพวกเราต้องเดินทางไปตระกูลมู่กันและในยามบ่ายข้าต้องไปประลองไร้สาระอีก เห้อ...ข้ามีภาระมากมายจริงๆ”
หนิงเทียนกล่าวออกกับจินเหล่าต้าพลันระบายลมหายใจออกมายาว
ได้ยินเช่นนั้นจินเหล่าต้ายิ้มแห้งๆออกมา จากนั้นมันนำกลุ่มของหนิงเทียนเดินตรงไปยังตลาดมืดเส้นทางเดินของพวกมันนั้นคล้ายบันไดวนที่ดำดิ่งลงไปสู่พื้นเบื้องล่าง
ตลาดมืดแห่งนี้มันไม่มีชื่อเรียกเป็นเรื่องเป็นราว ทุกคนรู้จักมันในนามตลาดมืดเท่านั้นและแม้มันจะอยู่ภายใต้เมืองฉางผิงแต่มันไม่ใช่ตลาดของเมืองฉางผิงแต่อย่างใด
ไม่มีใครล่วงรู้ว่าผู้ใดเป็นผู้ก่อตั้ง หรือมันอาจจะไม่มีผู้ก่อตั้งมาตั้งแต่แรกแล้ว
มันเป็นย่านแลกเปลี่ยนเสรีที่ผู้ฝึกตนคนใดก็สามารถขายสินค้าได้เพียงแค่วางมันลงกับพื้นและสิ่งของส่วนใหญ่ที่ขายในตลาดมืดนั้นมักจะเป็นสิ่งของที่ขโมยมาหรือสิ่งที่ได้มาจากการแย่งชิง
จินเหล่าต้านำกลุ่มของหนิงเทียนเดินมายังส่วนในสุดปรากฏเป็นชื่อ หอการค้าเหล่าตง
พวกมันทั้งห้าเดินไปยังภายใน ไม่นานนักก็มีชายชราสวมชุดคลุมยาวเดินออกมาต้อนรับอย่างเป็นมิตร
“ยินดีต้อนรับนายน้อยทั้งห้าสู่หอการค้าเหล่าตง ทางร้านเรามีการค้ามนุษย์ในทุกระดับตั้งแต่มนุษย์ธรรมดาไปยันผู้ฝึกตนดินแดนองครักษ์ให้เลือก ราคาของมันก็จะลดหลั่นกันไป”
จินเหล่าต้ากวาดสายตาไปโดยรอบ มันกล่าวออก “เถ้าแก่ มีทาสในหอการค้าเหล่าตงกี่คน”
ชายชรายิ้มตอบอย่างสุภาพ “ตอนนี้เหล่าตงของเรามีมนุษย์ธรรมดา 5000คนกลุ่มนี้มีราคาอยู่ที่1แสนเหรียญทอง แดนนักรบ 1000คนจะมีราคาอยู่ที่5แสนเหรียญทองและแดนองครักษ์200คนอยู่ที่ราคา5ล้านเหรียญทอง
ในกลุ่มมนุษย์แบ่งเป็นชาย3000และหญิง2000 ในกลุ่มนักรบมีหญิง100คนและในแดนองครักษ์มีแต่กลุ่มผู้ชาย นายน้อยต้องการข้ารับใช้ เป็นชนชั้นใดขอให้ท่านได้บอกมา”
หนิงเทียนกล่าวออก“ในตลาดมืดแห่งนี้มีเหล่าตงของเจ้าเท่านั้นที่ค้าทาส?”
ชายชราได้ยินเช่นนั้นคิ้วของมันขมวดเข้าหากันโดยทันที ในหอการค้าของมันมีจำนวนทาสมากกว่า5000คน เหตุใดคนพวกนี้ถึงยังถามหาที่อื่นอีก มันกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก
“เหล่าตงของเราผูกขาดการค้าทาสแต่เพียงผู้เดียวในตลาดมืดแห่งนี้”
จินเหล่าต้ารีบกล่าวออก “เถ้าแก่ อย่าพึ่งไม่พอใจพวกเรา พวกเราไม่ได้คิดดูถูกว่าหอการค้าท่านไม่ดี แต่พวกเราคิดว่าจำนวนแค่นี้ไม่เพียงพอ”....