บทที่ 70 อู๋ต้าหลางหลอกให้แต่งงานด้วย
บทที่ 70 อู๋ต้าหลางหลอกให้แต่งงานด้วย
ทุกคนมองไปที่เฉินฉีดังนั้นเขาจึงอธิบายว่า “สำหรับคดีนี้ เนื่องจากความบังเอิญเกี่ยวกับแซ่ของพวกเขา ทุกคนเลยเชื่อมโยงผู้ที่เกี่ยวข้องในปัจจุบันเข้ากับกรณีศึกษาในวรรณกรรมโบราณโดยอัตโนมัติ แต่พวกเขาลืมประเด็นสำคัญไปหรือเปล่า? สังคมทุกวันนี้ไม่จำเป็นต้องฆ่าสามีเพื่อที่จะมีชู้ซะหน่อย เพราะงั้นนี่เลยไม่ใช่แรงจูงใจในการฆาตกรรมจริงอย่างที่เธอว่า”
ซีเหมินเชิ่งตบมือทันที “ดูสิ! เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนี้พูดมีเหตุผล! ความเฉลียวของเขาสูงกว่าพวกคุณเป็นไหน ๆ! ผิดเหรอที่แซ่ของผมคือซีเหมิน? ผมสืบทอดตระกูลซีเหมินมาจากพ่อของผมอีกทีนะเว้ย!”
เฉินฉียิ้ม “รบกวนพวกคุณช่วยลงไปรอข้างล่างก่อนได้ไหม? ผมอยากคุยกับคุณซีเหมินตามลำพัง”
เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดยอมถอยออกไป ซีเหมินเชิ่งยินดีต้อนรับเขาและเชิญชวนให้เข้ามาในห้องราวกับเป็นมิตรสหายคนหนึ่ง ห้องนี้เป็นห้องสวีท ดังนั้นจึงดูหรูหรามีระดับและกว้างขวางโปร่งสบาย ซีเหมินหยิบเครื่องดื่มออกมาจากตู้เย็น หลังจากนั่งลงแล้วเฉินฉีจึงชี้แจงว่า “อย่าเพิ่งเข้าใจเราผิดนะครับ พวกเราจำเป็นต้องมาสืบคดีเพิ่มเติม”
“ผมพอเข้าใจอยู่หรอกน่า จะสืบสวนก็สืบไป ผมไม่กลัวอิทธิพลมืดหรือข้อกล่าวหาเทือกนั้นตั้งแต่แรก เพราะผมไม่ได้เป็นคนฆ่าเขา ผมไม่เคยคิดเรื่องการฆาตกรรมใครมาก่อน ต่อให้ทรมานผมจนตายผมก็จะพูดแบบนี้”
“ใช่แล้วค่ะ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ยอมปล่อยเราไปเสียที” พานซิ่วยิงเสริม
เฉินฉีตั้งคําถาม “คุณสองคนรู้จักกันได้ยังไง?”
“เราติดต่อกันผ่านวีแชท” “เรานัดเจอกันที่สถานี” ทั้งสองโพล่งตอบพร้อมกันด้วยประโยคที่แตกต่าง
เฉินฉีชี้ไปที่ซีเหมินเชิ่ง “คุณเล่าก่อนเลย”
ซีเหมินเชิ่งเริ่มเล่า “เราเริ่มทำความรู้จักกันผ่านทางวีแชทก่อนครับ คุยกันได้สักพักกลับรู้สึกเหมือนเราสองคนเชื่อมโยงกันด้วยพรหมลิขิตบางอย่าง จากนั้นผมก็ขอรูปถ่ายของซิ่วยิง ผมเห็นแล้วตกหลุมรักเธอทันที... ในที่สุดเราก็นัดเจอกัน...”
“ครั้งแรกที่เราพบกันคือสถานีรถไฟฟ้าถัดจากสวนซีหู”
“วันนั้นคุณสวมชุดสีขาว งดงามเหมือนนางฟ้านางสวรรค์ที่ลงมาจุติบนโลก”
“ส่วนคุณสวมสูทแถมยังขับรถปอร์เช่ เท่ยิ่งกว่าใครที่ฉันเคยเห็น”
ทั้งสองเริ่มจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้แล้ว ขณะนั้นยังไม่วายจีบกันผ่านทางสายตา ไม่แคร์ว่ามีบุคคลที่สามอยู่ในห้องกำลังรับฟังเรื่องราวทั้งที่ขนลุกซู่ เฉินฉีรีบขัดจังหวะ “โอเค โอเค ผมพอเข้าใจ แล้วคุณสองคนก็เริ่มคบกันอย่างเป็นทางการใช่ไหม?”
“ใช่ ความรักกำลังตกผลึกได้ที่เลยล่ะ” ซีเหมินเชิ่งพูดพลางส่งยิ้มหวานหยดย้อย
ในที่สุดเฉินฉีก็ทนมองไม่ไหวอีกต่อไป “ผมอยากคุยกับคุณตามลำพัง รบกวนสักครู่ได้ไหมครับ?”
“กลัวว่าเราสองคนจะให้การแบบสมรู้ร่วมคิดกันล่ะสิ? ผมไม่มีอะไรต้องกลัว ชั้นล่างมีบาร์ขนาดเล็กอยู่ เราค่อยไปคุยกันที่นั่น”
ก่อนที่เขาจะจากไป เฉินฉีอธิบายสองสามประโยคให้หลินถงซู จากนั้นจึงเปลี่ยนสถานที่พูดคุยไปที่บาร์เล็ก ๆ ภายในโรงแรมพร้อมกับซีเหมินเชิ่ง เขาสั่งเครื่องดื่มแต่หัววัน ต่างจากเฉินฉีที่รับชาแค่ถ้วยเดียว เฉินฉีถามว่า “คุณพานเคยพูดถึงสถานการณ์ในครอบครัวของเธอให้คุณฟังบ้างไหม?”
“อืม เธอพูดถึงอยู่บ้าง ความจริงแล้วช่วงเวลาตั้งแต่ผมได้รู้จักกับเธอมา ผมบอกได้เลยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะขาดความรัก...”
“อ่าห้ะ คุณเป็นนักกวีเหรอ? ตอบตรงไปตรงมาก็ได้ ไม่เห็นต้องพรรณนาอะไรยืดยาวเลย”
ซีเหมินเชิ่งประสานมือเข้าด้วยกัน “จริง ๆ แล้วผมสงสารและเห็นใจเธอมาก”
“ทำไม?”
“เป็นดอกไม้งามแต่กลับแทรกอยู่ในมูลวัว สามีของเธอไม่ต่างอะไรไปจากขยะไร้ค่า ไม่เคยหยิบจับทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ก่อนที่เราจะพบกันสภาพของเธอโทรมและหม่นหมองกว่านี้หลายเท่า แต่หลังจากเจอผมและได้รับการเทคแคร์แบบไม่อั้นจากผม เธอก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง”
“เฮ้อ อย่าคลั่งรักเธอออกนอกหน้าสิ ผมรู้สึกเขินแทนยังไงก็ไม่รู้... ว่ากันตามตรงนะ ไม่ใช่เรื่องแปลกซะหน่อยที่ผู้หญิงสวย ๆ จะอยู่กับผู้ชายที่ไม่ได้หล่อเหลาราวเทพบุตร จริงไหม?”
“เหอะ” ซีเหมินเชิ่งแค่นเสียงอย่างดูถูก “คุณรู้ไหมว่าทำไมพวกเขาถึงได้แต่งงานกัน? สมัยยังวัยรุ่นเจ้าเต่านั่นทำตัวอู้ฟู่อย่างกับตัวเองเป็นเศรษฐี เขาใช้เงินจากการขายบ้านของครอบครัวเพื่อพาเธอไปท่องเที่ยวสารพัดที่ หลอกลวงเธอด้วยเงินอย่างแยบยล เวลานั้นเธอยังเด็ก ไม่สามารถแยกแยะระหว่างความเป็นจริงกับภาพลวงตาที่เขาแสดงให้เห็นได้ กว่าจะรู้ว่าเนื้อแท้ของเจ้าเต่านั่นเป็นแค่คนจน ๆ ก็สายไปซะแล้ว!”
“ที่ว่าจนน่ะจนแค่ไหน?”
“ไม่เรียกว่าจนได้ยังไง? เขาได้เงินตกเดือนละเจ็ดแปดพันหยวนเอง”
เฉินฉีรู้สึกเหมือนถูกแทงใจดำ “เงินเดือนของผมก็ได้ประมาณนั้นแหละ”
“ขอโทษ ผมไม่ได้มีเจตนาจะพาดพิงถึงใคร ผมหมายถึงเจ้าเต่าเฒ่าที่ปลอมตัวเป็นเศรษฐีทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่ พฤติกรรมของเขาส่อทุจริตแต่แรก”
“เมื่อกี้นี้คุณบอกว่าเธอดูมีชีวิตชีวากว่าเมื่อก่อน?”
“ใช่ ตั้งแต่เราเริ่มคบกันแรก ๆ แล้ว... คุณก็รู้ว่าผู้หญิงไม่มีทางดูแลตัวเองอย่างไร้เหตุผล เว้นแต่พวกเธอจะเจอกับความรักที่สมบูรณ์แบบเข้าแล้วจริง ๆ”
“นานแค่ไหนแล้ว?”
“สามเดือน หรืออาจจะมากกว่านั้นนิดหน่อย”
“เธอเปลี่ยนไปยังไงบ้าง?”
“ผิวพรรณของเธอเปล่งปลั่ง สีผมก็กลับมาเงางามดำสนิท คุณรู้ไหม? ก่อนหน้านี้เธอเครียดซะจนมีผมหงอกแทรกเป็นหย่อม ๆ นอกจากนี้แล้วรูปร่างของเธอดูก็มีน้ำมีนวลขึ้นด้วยนะ จุดนี้คือสิ่งที่ผมพูดได้เลยว่าเธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด”
เฉินฉีจับเงื่อนงำที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขาได้บางอย่าง เขาลูบคางตัวเองพลางครุ่นคิดตามไปด้วย ซีเหมินเชิ่งถามกลับบ้าง “ทำไมคุณดูสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษล่ะ? คุณก็มีปัญหากับภรรยาตัวเองเหมือนกันเหรอ?”
“เปล่าครับ ผมยังไม่มีภรรยา”
“งั้นคุณคงต้องทำงานให้หนักหน่อยแล้ว! ในฐานะผู้ชายถ้าไม่ได้ปลดปล่อยซะบ้างแก่ตัวไปจะลำบากเอา ถ้ามีโอกาสผมจะเชิญคุณมาสังสรรค์ด้วยกันที่นี่หลังคดีคลี่คลายลงแล้ว”
“ขอบคุณ แต่ผมยังไม่ว่างเร็ว ๆ นี้หรอก” เฉินฉีฝืนยิ้มตอบ “ขอโทษนะครับ แต่ผมยังต้องถามเรื่องเงินห้าหมื่นหยวนที่หายไปอีกครั้ง”
“ทำไมคุณยังไม่เลิกสงสัยผมเรื่องนี้อีก? ผมบอกแล้วไงว่า...” ซีเหมินเชิ่งระเบิดอารมณ์อีกครั้ง
“อย่าเพิ่งโมโหสิครับ คุณแค่เล่าให้ผมฟังตามจริง ผมจะฟังแบบไม่ขัดอะไรเลย”
ซีเหมินเชิ่งได้ยินแบบนั้นจึงสงบสติอารมณ์ลง เขาก้มหน้าพลางพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่ “ผมถูกหลอก!”
“ยังไงล่ะ?”
“วันนั้นผมชวนซิ่วยิงไปพักผ่อนที่รีสอร์ต ก่อนที่เราจะเจอกัน จู่ ๆ ผมก็ได้รับสายเบอร์แปลกที่โทรเข้ามา ฟังแล้วเสียงคล้ายกับซิ่วยิงมาก เธอร้องไห้หนักมาก บอกว่าเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์กับรถคู่กรณี อีกฝ่ายขอเงินห้าหมื่นหยวนเป็นค่าชดใช้ ขอตัดผ่านบัตรเครดิต ผมก็ไม่ทันคิดมากรีบโอนเงินเข้าไว้ในบัตรใบหนึ่งทันที พอซิ่วยิงมาพบผม เธอกลับบอกผมว่าวันนี้เธอไม่ทันได้แตะพวงมาลัยด้วยซ้ำ นั่นคือตอนที่ผมรู้ว่าตัวเองถูกมิจฉาชีพโกงเงินซะแล้ว!”
“คุณเป็นถึงนักธุรกิจ มาถูกหลอกเอาง่าย ๆ เพราะเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ?”
“ก็เสียงปลายสายเหมือนเสียงของซิ่วยิงอย่างกับแกะขนาดนั้น แล้วตอนนั้นผมก็เป็นห่วงเธอมากจนลืมคิดเรื่องเงินไปซะสนิท ใครจะคิดว่ามิจฉาชีพทางคอลเซนเตอร์สมัยนี้จะหลอกกันแนบเนียนขนาดนั้นล่ะ?”
“ขอถามเรื่องส่วนตัวอีกข้อได้ไหม?”
“เอาเลย”
“ตอนที่พวกคุณคบกัน ได้มีการป้องกันขณะมีเพศสัมพันธ์กันอะไรแบบนี้บ้างไหม?”
“เรื่องป้องกันแทบไม่ต้องกังวลเลย หลังจากที่ผมมีลูกคนที่สอง ผมก็ไปที่โรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดทำหมันเรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นไม่มีปัญหาอะไรทำนองนี้แน่นอน”
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากสำหรับความร่วมมือนะครับ”
ซีเหมินเชิ่งยืนขึ้นและยื่นมือไปจับมือเขา “น่ายินดีมากที่ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เก่งและมีเหตุผลแบบคุณ คุณไม่เหมือนกับตำรวจพวกนั้นที่เอาแต่ตั้งคำถามไม่รู้จบ ผมควรเรียกคุณว่าอะไรดี? สักวันแวะมาทานอาหารด้วยกันสิครับ”
เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนมีฐานะที่พยายามสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เฉินฉียิ้มตอบ “ต้องขออภัยคุณไว้ล่วงหน้า เรามีกฎระเบียบที่เคร่งครัดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขอโทษด้วยที่ต้องปฏิเสธความหวังดีจากคุณ”
“หวังว่าพวกคุณจะไขคดีให้ได้ภายในเร็ววันนี้”
หลังออกมาจากบาร์ เฉินฉีพบเข้ากับหลินถงซูและสวีเสี่ยวตง เขาถามว่า “เธอพูดอะไรบ้าง?”
“เธอบอกว่าเธอถูกอู๋ต้าหลางหลอกลวง ในตอนแรกอู๋ต้าหลางแสดงละครตบตาทำเหมือนว่าตัวเองมีเงินจำนวนมหาศาลแล้วแต่งงานกับเธอ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มทะเลาะกันทุกวัน อู๋ต้าหลางเปิดร้านค้าออนไลน์ ธุรกิจที่ว่าพอประคับประคองชีวิตของพวกเขาให้พ้นไปในแต่ละเดือนได้ แต่ไม่ถึงขั้นร่ำรวยอะไรมากมาย นอกจากนี้เธอยังบอกว่าพี่น้องตระกูลอู๋มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน”
“เรื่อง ‘อู๋ต้าหลาง’ หลอกลวงให้เธอแต่งงานด้วย ตรงกันกับที่ ‘ซีเหมินชิง’ พูดเป๊ะ”
หลินถงซูหัวเราะ “ดีแต่สอนคนอื่น คุณเองก็เรียกเขาว่า ‘ซีเหมินชิง’ เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? เอาล่ะ เราจะไปที่ไหนต่อดี?”
“บ้านของอู๋ต้าหลางถูกปิดกั้นเป็นเขตหวงห้ามแล้วรึยัง?”
“นั่นไม่ใช่ที่เกิดเหตุซะหน่อยเลยไม่ได้มีการปิดกั้นอะไร แต่ถ้าคุณต้องการเข้าไปตรวจสอบ คงต้องติดต่อขออนุญาตจากอู๋ฮ่าว...” ว่าแล้วหลินถงซูทําหน้าขยาด “ฉันรู้สึกว่าเขาออกจะมีอาการทางประสาทมากไปหน่อย เป็นไปได้ฉันไม่อยากเจอเขาเลย”
“บางทีเขาอาจจะมีอาการอย่างที่คุณว่า พอพูดถึงเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจก็ระเบิดลงเป็นระยะ แถมยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้...” เฉินฉีออกความเห็นก่อนจะเงียบไปอีกครั้ง
-------------------------------------------------------------------------
ขอโทษน้า วันนี้อัปช้าไป 3 ชม. เพราะผู้แปลติดธุระค่ะ ชดเชยให้ด้วยการไม่ติดเหรียญตอนนี้นะคะ ^^