บทที่ 119 พี่ชาย อย่าหลอกฉันล่ะ (ฟรี)
คนกลุ่มหนึ่งเดินลงบันไดไปที่บ้านของซ่งหว่านชิว เธอกําลังดูข้อมูลการรับสมัครงานบนโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเศร้าใจ
ไม่รู้ว่าทําไม เธอเองก็หางานทําตั้งนานแล้วแต่ไม่มีคนรับเธอเลย
แม้ว่าผู้สัมภาษณ์จะดูพอใจกับเธอในตอนแรก และบอกให้กลับไปรอฟังข่าว แต่สุดท้ายสิ่งเดียวที่ได้มาก็คือ "ขอโทษด้วย คุณไม่ผ่านการสัมภาษณ์…"
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ครอบครัวของเธอคงจะไม่กล้าเปิดหม้อ*แล้ว
*(สำนวนจีน 揭不開鍋 แปลว่า ไม่กล้าเปิดหม้อ มีความหมายว่ายากจนมาก จนไม่มีอะไรจะกิน : เวลาที่คนเราไม่มีอะไรจะกิน เราจะอายที่ต้องเปิดหม้อเปล่าๆ มาดู ผู้คนจึงมักจะเอ่ยถึงเวลาที่ยากจนว่า ยากจนจนไม่กล้าเปิดหม้อให้ใครดูให้ตัวเองขายหน้า)
นอกจากนี้เธอยังเป็นหนี้เชิ่งเทียนสื่อจํานวนมาก
ขณะที่เธอกําลังคิดอยู่ เสียงเคาะประตูก็ดังมาจากข้างนอก ซ่งหว่านชิวเดินไปเปิดประตูทันที เมื่อเห็นคนหลายคนที่หน้าประตูเธอก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะขึ้นมา “ทําไมพวกคุณถึงมากันหมดเลยล่ะ? ฉันคิดว่าเป็นอาซื่อซะอีก เลยไม่ได้ดูตัวเองเลย”
ซ่งหว่านชิวมีเรือนผมยาวคลุมถึงไหล่ แม้ว่าเธอจะสวมชุดธรรมดา แต่ทั้งร่างก็ให้อารมณ์ที่อ่อนโยนนุ่มนวล ทําให้ผู้คนรู้สึกดีต่อเธอโดยไม่รู้ตัว
ซูจิ่วชื่นชมความงามของซ่งหว่านชิว เด็กสาวเดินไปตรงหน้า กอดขาของเธอไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมอง “ป้า หนูกําลังจะย้ายบ้านแล้ว ป๊ะป๋าบอกว่าบ้านหลังใหม่ใหญ่โตและสวยงาม แต่หนูลังเลมากเลย ป้ากับพี่ชายไปด้วยกันเถอะนะ ป๊ะป๋าช่วยป้าเช่าบ้านได้❗️”
อะไรนะ?
ซ่งหว่านชิวประหลาดใจมาก "จะทำแบบนั้นได้ยังไง?"
พวกเขาให้เธอยืมเงินเพื่อรักษาโรค แล้วเธอจะกล้าขอมากกว่านี้อีกได้ยังไง?
"ทำไมล่ะ? ทำไมป้าถึงไม่ไปล่ะ" ซูจิ่วพองแก้มของเธอ และเริ่มทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจ
ซ่งหว่านชิวมองไปที่ซูเชิ่งจิ่ง แม้ว่าเธอต้องการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของลูกชายให้ดีขึ้น แต่เธอก็ไม่สนิทสนมกับซูเชิ่งจิ่ง จึงไม่สามารถให้เขาจ่ายเงินเช่าบ้านแทนได้
เมื่อเห็นความลําบากใจของเธอ เชิ่งเทียนสื่อก็ก้าวไปตรงหน้าและพูดว่า “เอาอย่างนี้ดีไหม เรื่องเช่าบ้านให้ผมจัดการ ผมไม่มีอะไรมากหรอกแค่มีเงินเยอะอยู่แล้ว❗️ถ้าไม่มีคนอยู่ห้องตรงข้ามของเสี่ยวจิ่วผมก็จะเช่าเอง แต่ถ้าได้คุณเป็นเพื่อนบ้านก็คงจะเป็นเรื่องดีไม่ใช่รึไง?”
ซูเชิ่งจิ่งเหลือบมองเขา
ไม่ค่อยได้เห็นเขาใส่ใจผู้หญิงขนาดนี้ เขาไม่น่าจะสนใจคนอื่นสิ?
เขาไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม แล้วพยักหน้าเห็นด้วย “อพาร์ทเมนต์นั้นอยู่ใจกลางเมือง สภาพแวดล้อมดีมาก มีโรงเรียนอนุบาลกับโรงเรียนมัธยมปลายอยู่ใกล้ๆ และโรงเรียนก็ถูกจัดอยู่อันดับต้นๆ ลูกของคุณก็ถึงวัยเรียนแล้วด้วย อย่ารอช้าเลย”
ซ่งหว่านชิวเปิดปากราวกับอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เชิ่งเทียนสื่อไม่ให้โอกาสและขัดจังหวะเธอ "เอาล่ะ ผมตัดสินใจแบบนี้แล้ว ถ้าคุณไม่เห็นด้วยก็เหมือนกับการไม่ไว้หน้าผม แล้วก็เหมือนไม่ไว้หน้าซูเชิ่งจิ่งกับเสี่ยวจิ่วด้วยรู้ไหม?”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ป้า เรามาเป็นเพื่อนบ้านกันเถอะ❗️” ซูจิ่วพูดอย่างตื่นเต้นและจับมือของซ่งหว่านชิว
เมื่อถูกมือเล็กนุ่มนิ่มจับเอาไว้ ซ่งหว่านชิวก็ใจอ่อนลง และตอบตกลง "ก็ได้"
เชิ่งเทียนสื่อยิ้มอย่างพึงพอใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรู้สึกว่าเขาสงสารสองแม่ลูกรึเปล่า เขาอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อพวกเธอโดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน
ซ่งหว่านชิวลูบหัวหรงซื่อ "อาซื่อรีบขอบคุณเร็ว"
หรงซื่อมองไปที่เชิ่งเทียนสื่อแล้วพูดว่า "ขอบคุณครับคุณลุง"
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง เธอกับแม่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น”
ซ่งหว่านชิวมองเขาอย่างซาบซึ้ง "ฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไงจริงๆ ฉันจะหาวิธีจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าครองชีพ และค่าเช่าให้กับคุณ"
เชิ่งเทียนสื่อพูดเสียงดัง “ไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้ผมไม่ได้ขาดแคลนเงิน ถึงคุณจะจ่ายคืนหลังแปดปีสิบปีก็ไม่สําคัญ”
ซูจิ่วมองไปที่ใบหน้าของหรงซื่อ แล้วพูดเสียงหวาน “พี่ชาย หลังจากที่นายกับป้าจัดกระเป๋าเสร็จก็มาที่นี่เลยนะ อย่าหลอกฉันล่ะ❗️”
บทที่ 120 วายร้ายน้อย ปล่อยให้เธอปกป้องเอง❗️
หรงซื่อพยักหน้า
สิบนาทีต่อมา ขณะนั่งรถไปที่อพาร์ทเมนต์ ซูจิ่วรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ดูเป็นเรื่องเพ้อฝันไปหน่อย เธอกำลังจะกลายเป็นเพื่อนบ้านกับวายร้ายน้อย❗️
สิ่งที่เธอต้องทําต่อไปก็คือการห้ามไม่ให้ซ่งหว่านชิวทํางานแบบนั้น
และเพื่อให้วายร้ายน้อยเข้าโรงเรียนอย่างราบรื่น
ในนิยาย บอสวายร้ายคนนี้ถูกตั้งให้เป็นอัจฉริยะที่มีไอคิวสูงมาก เหลือบมองสิบบรรทัดในครั้งเดียวก็ไม่มีทางลืม ต่อให้ตอนเด็กๆ จะไม่ได้ไปโรงเรียนสองสามวันก็ไม่มีผลอะไร เพราะเขาก็ยังชนะนักเรียนทุกคน
ตอนอายุสิบหก เขาเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของต่างประเทศ และเดินทางไปต่างประเทศพร้อมทุนการศึกษาเต็มจำนวน เมื่อเขากลับมาที่ประเทศจีนอีกครั้งในหลายปีต่อมา เขาก็ได้กลายเป็นวายร้ายตัวที่มีทรัพย์สินนับพันล้านและอำนาจมหาศาล แล้วจึงเริ่มจัดการกับตัวเอกชาย
จะเป็นแบบนั้นไม่ได้ ดังนั้น เพื่อชีวิตของเขาและชีวิตของตัวเอง เธอจะต้องปกป้องวายร้ายน้อยคนนี้❗️
…
เชิ่งเทียนสื่อบอกว่าจะเช่าเขาก็ต้องได้เช่า ห้องตรงข้ามสามารถเช่าได้พอดี ขั้นตอนก็จะเสร็จเรียบร้อยในไม่ช้า สามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้ทุกเมื่อ
ซ่งหว่านชิวไม่เคยคิดเลยว่าด้วยสภาพตัวเองในตอนนี้ เธอจะสามารถอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์ที่สะอาดและสว่างสดใสแบบนี้ได้
ต้องขอบคุณสาวน้อยคนนั้น
ไม่คิดเลยว่าเด็กตัวเล็ก ๆ คนนี้จะช่วยเธอและอาซื่อได้มากมาย
นับว่าเป็นโชคดีที่ได้พบเธอ
หลังจากที่หรงซื่อเข้าไปในห้องและเห็นทีวีแอลซีดีซึ่งแขวนอยู่บนผนัง ทันใดนั้นเขาก็อารมณ์ดีขึ้น
ด้วยทีวีนี้ เขาสามารถดูรายการที่บันทึกไว้ของน้องสาวเสี่ยวจิ่วได้❗️
หลังจากที่ซูจิ่วและซูเชิ่งจิ่งย้ายเข้ามา ทุกครั้งที่พวกเขาออกไปข้างนอก ก็จะมีผู้คนมารุมล้อมรอบตัวพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปกันอย่างตื่นเต้น
ตอนนี้《ป๊ะป๋า เราไปกันเล้ย❗️》ได้กลายเป็นรายการวาไรตี้ยอดนิยมมากที่สุด ราวกับม้ามืด*ที่ไม่อาจหยุดได้ ซูจิ่วยังเป็นเด็กอีกคนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในรายการ คงเป็นเรื่องยากที่จะไม่รู้จักเธอ
*(黑馬 แปลว่า ม้ามืด หมายถึง ผู้ที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะชนะ แต่กลับชนะการแข่งขัน หรือก็หรืออยู่เหนือความคาดหมายเช่นเดียวกับสำนวนไทย)
เช่นเดียวกับตอนนี้ ซูเชิ่งจิ่งอยากพาเธอไปซูเปอร์มาร์เก็ตข้างนอกเพื่อซื้อของใช้ในชีวิตประจำวัน ต่อให้ซูจิ่วสวมหมวกและหน้ากากเพื่อออกไปข้างนอก แต่ก็ยังถูกคนจำได้
กลุ่มคนแห่กันมาตะโกน “อ๊ะ นั่นเสี่ยว เสี่ยวจิ่ว นั่นหนูใช่ไหม? แม่รักหนูนะลูก❗️”
ซูเชิ่งจิ่งปกป้องซูจิ่วไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง และวางหัวเล็กๆ ของเธอไว้ที่หน้าอกเพื่อป้องกันไม่ให้คนเหล่านั้นถ่ายรูปเธอ อีกด้านหนึ่งก็หยุดคนที่พยายามเข้ามาใกล้ “ขอโทษนะครับ อย่าทําให้เด็กตกใจได้ไหม?”
"ได้ๆ ขอโทษด้วย เสี่ยวจิ่ว แม่ไม่ได้มีเจตนาร้ายนะ ก็แค่ชอบหนูมากๆ เลย❗️”
"เสี่ยวจิ่ว เธอน่ารักมากจริงๆ❗️"
“ตั้งแต่ที่แม่ฉันเห็นเสี่ยวจิ่ว เธอก็บอกว่าอยากไล่ตามดาราเหมือนกับฉัน ใครจะคิดว่าเธอกำลังไล่ตามเด็กเล็กที่อายุแค่สี่ขวบ?”
"ฮ่าฮ่าฮ่า แม่ผมก็ด้วย เราคงมีแม่คนเดียวกัน❗️"
“อย่าพูดแบบนั้นสิ แม้แต่ปู่ย่าตายายของฉันยังชอบเสี่ยวจิ่วเลย พวกเขาบอกว่าลูกสาวของใครกันน่ารักเหมือนกับตุ๊กตา แล้วก็เร่งให้ฉันแต่งงานเพื่อมีเด็กน่ารักแบบนั้นให้พวกเขา มันยากมากสำหรับฉัน❗️”
เหล่าชายหญิงและเด็กๆ ในละแวกนั้นพูดกันคนละประโยค พวกเขาชอบซูจิ่วจากใจจริง แม้แต่การเห็นซูเชิ่งจิ่งก็ยังน่าพอใจ
## ??????? หวาาา~~~
เด็กหญิงตัวน้อยหันหน้าออกจากอ้อมกอดของซูเชิ่งจิ่ง และยิ้มให้พวกเขา “ขอบคุณทุกคนที่ชอบเสี่ยวจิ่ว แล้วก็ต้องชอบป๊ะป๋าด้วยนะ❗️”
รอยยิ้มหวานและเสียงน้ำนมของเธอ ทําให้คนรอบข้างรู้สึกสบายตัวขึ้นมาทันที จิตใจของพวกเขาเต็มไปด้วยคําว่า "น่ารักน่าเอ็นดู"
โดยเฉพาะเวลาหัวเราะ ก็หวานไปถึงหัวใจ❗️
“เอาล่ะ เอาล่ะ❗️เราจะฟังสิ่งที่เจ้าตัวน้อยน่ารักพูด❗️”
“ซูเชิ่งจิ่ง คุณจะเริ่มถ่ายทำตอนที่สองเมื่อไหร่? พวกเราอดใจรอชมแทบไม่ไหวแล้ว❗️”