ตอนที่ 293+294 กำลังคิดอะไรอยู่
ความเงียบอย่างกะทันหันของเจียงเหยา ทำให้บรรยากาศที่ละเอียดอ่อนภายในห้องรุนแรงขึ้น ลู่ชิงสีจ้องมองดูหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงของเขา
บังเอิญที่สายตาสบเข้าหากัน เมื่อสังเกตว่าเธอกำลังมองเขาอย่างตรวจสอบอยู่ ลู่ชิงสียิ้มออกมา และนั่งลงที่ขอบเตียงพร้อมกับถาม “คุณกำลังคิดอะไรอยู่”
“เอ่อ ฉันคิดว่าคุณหล่อมาก ทำไมตอนนั้นคุณไม่ยั่วยวนเพื่อจีบฉันด้วยหน้าตาของคุณนะ?” เจียงเหยายกคางของลู่ชิงสีขึ้นและจูบที่ริมฝีปากของเขา เธฮเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว “ครั้งหน้าอย่าปิดบังอาการบาดเจ็บจากฉันอีกนะคะ”
เธอถอนหายใจ “ใช่ค่ะ ว่าฉันไม่ได้อยากให้คุณได้รับบาดเจ็บ มันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้”
เป็นที่เข้าใจว่าเธอไม่ต้องการให้ลู่ชิงสีลาออกจากกองทัพ เธอเคารพการตัดสินใจของเขา สิ่งที่เธอขอคือความซื่อสัตย์และการบอกกล่าวที่เหมาะสมจากเขา
“เราเป็นสามีภรรยากัน ฉันไม่อยากให้คุณบอกเฉพาะเรื่องที่ดีกับฉันหรอกนะคะ เข้าใจไหม” เธอพุ่งไปที่ขอบเตียงอีกด้าน ส่งสัญญาณให้ลู่ชิงสีเข้ามาใกล้
เหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ทั่วท้อง นั่นคือทั้งหมดที่ลู่ชิงสีรู้สึกได้จากการฟังเจียงเหยาพูด
เขานอนลงบนจุดที่เจียงเหยานอนในตอนแรก รู้สึกถึงความอบอุ่นที่เธอทิ้งไว้เบื้องหลัง ฟังเสียงอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความรัก เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอ่อนไหว
“ยั่วยวน?” นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ชิงสีถูกอธิบายด้วยคำดังกล่าว เขามั่นใจในรูปลักษณ์ของเขา อย่างไรก็ตามเขามักจะดูห่างเหิน เขาไม่เข้าใจว่าลักษณะที่เยือกเย็นของเขาจะถูกนำมาใช้เพื่อการจีบผู้หญิงได้ยังไง
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยนิสัยที่เยือกเย็นของเขา มีคนไม่มากที่จะกล้าทำเป็นตลกโปกฮาโดยไม่สนใจค่าตอบแทนที่จ่าย
“ใช่ ยั่วยวน” เจียงเหยาพยักหน้าเบา ๆ และดุนจมูกเข้ากับร่างกายของเธอ
“ถ้าคุณยั่วยวนฉันตั้งแต่ครั้งแรกที่เราแต่งงานกัน ฉันคงคลั่งไคล้คุณมาก” นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงเหยาพูดถึงเหตุการณ์เริ่มต้นของการแต่งงานของพวกเขา
ลู่ชิงสีไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้
มันเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนเมื่อเธอเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาตกใจมาก แต่เขาไม่ได้ถามคำถามใด ๆ ออกมาเลย
เขาดูแลเจียงเหยาที่เปลี่ยนไปอย่างระมัดระวังและอ่อนโยน ปกป้องความสัมพันธ์ของพวกเขา
ถ้าอนาคตยังคงเหมือนเดิม เขาจะไม่พูดถึงมัน เขาคิดว่าเจียงเหยาจะทำเช่นเดียวกัน
ทันใดนั้น ช่วงเวลาที่น่าอึดอัดในอดีตก็ถูกกล่อมเกลาโดยเจียงเหยา ผ่านท่าทางกึ่งล้อเล่นนั่น
เขาลูบศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน เธอได้กลิ่นตัวเขา ผมของเธอเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของแชมพูกลิ่นเลมอนที่เขาใช้ เธอขดตัวเข้าหาเขา เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเธอวางใจและศรัทธาในตัวเขาอย่างที่สุด
“เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น? ทำไมคุณถึง...” หลังจากลังเลยอยู่บ้าง ลู่ชิงสีจึงถามขึ้น
ทำไม? คุณปกป้องฉันด้วยชีวิตของคุณ การดำรงอยู่ของคุณคือการทำให้แน่ใจว่าฉันจะอยู่อย่างมีความสุข การสนับสนุนการแสวงหาความดื้อรั้นและทัศนคติที่ดื้อรั้น ความหลงใหลและความเมตตาของคุณปลุกเร้าอารมณ์ที่ฝังลึกในใจของฉัน
“ลู่ชิงสี” เจียงเหยาเรียกชื่อของเขาออกมา แม้ว่าเธอจะบอกเหตุผลให้ฟัง แต่เขาก็ไม่เข้าใจ
ดังนั้นเธอจึงยิ้มและพูดว่า “ฉันคิดว่าตัวเองคงจะป่วย หลังจากที่รู้ว่าตัวเองทำตัวดื้อรั้นโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา คุณก็ต้องคอยรับผิดชอบทั้งหมดและเผชิญหน้ากับผลสะท้อนที่เกิดจากการกระทำของฉัน ตั้งแต่ตอนนั้นฉันก็ตกหลุมรักคุณ”
__
เจียงเหยารู้สึกว่ามือของเขาสั่นจากการพูดเรื่องความรักของเธอออกไปอย่างกะทันหัน
ก่อนที่เธอจะเกิดใหม่ เขาได้ติดตามเธอและรอเธอ
ถึงคราวที่เธอต้องติดตามและสนับสนุนเขาบ้าง
เขาจับเอวเจียงเหยาแน่น ก้มศีรษะลงจูบที่ต้นคอของเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก แต่ด้วยกำลังของเขา ราวกับกำลังลงโทษเธอเสียอย่างนั้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็กัดลงที่คอของเธออย่างแรง เมื่อได้ยินเสียงคร่ำครวญของเธอ เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ทำไมถึงหัวช้าจังล่ะหะ ยังกับแรด ใช้เวลาตั้งปีแหนะกว่าจะตกหลุมรักผม?”
เจียงเหยาสัมผัสรอยยิ้มที่เขาเพิ่งประทับลง โดยรู้ว่ารอยนี้คงไม่จางหายในเร็ววันนี้แน่
“เจ้าสัตว์ร้าย” เจียงเหยาพึมพำ
“เข้าใจอะไรช้าเสียจริง! ถ้าเป็นแบบนี้ คุณต้องเป็นคนแรกที่ตายในสนามรบ” ลู่ชิงสีหัวเราะ
เขาใช้เวลาเพียงมองครั้งเดียวก็ตกหลุมรักเธอแล้ว ใช้เวลาอีกสองสามเดือนเพื่อตามหาเธอ และอีกสองสามเดือนเพื่อทำทุกอย่างให้ได้แต่งงานกับเธอ
เมื่อมาถึงจุดนี้ ลู่ชิงสีได้ลืมทุกสิ่งทุกอย่างในช่วงก่อนแต่งงานกับเจียงเหยาไปแล้ว
เธอกลอกตามองเขา โดยเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรจริง ๆ ขณะที่อ่านใจเขา เธอรู้ว่าเขากำลังบ่นว่าเธอที่ใช้เวลาเสียเนินนานกว่าจะตอบสนองต่อความรู้สึกของเขา
เธอจับมือเขาไว้ เผยให้เห็นว่ามือของเขาใหญ่แค่ไหน
ด้วยมือคู่นี้ เขาได้ใช้ชีวิตของเขาแลกกับชีวิตของเธอ
“พรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้า เราจะไปซื้อของกันด้วย” ลู่ชิงสีกอดเจียงเหยาและกล่าวต่อ “งานแต่งของพี่เหลียงจัดอย่างเป็นทางการ เราต้องแต่งตัวไปงานนี้ อีกอย่างผมต้องหาซื้อเสื้อกันหนาวหนา ๆ ให้กับคุณด้วย”
“แล้วคุณล่ะคะ? ใส่สูทหรือเครื่องแบบทหาร?” เจียงเหยาถาม
“ชุดสูท” ลู่ชิงสีบีบจมูกของเจียงเหยา เธออยากรู้ว่าเขาจะดูเป็นอย่างไรในชุดนั้น เพราะเธอไม่เคยได้เห็นเขาสวมชุดสูท
ในงานแต่งงานของเขา เขาสวมเครื่องแบบทหาร ในขณะที่เขาเป็นทหาร เขารู้สึกว่ามันเป็นชุดที่เหมาะสมที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับวันสำคัญอย่างวันแต่งงานของเขา อีกอย่างเขาไม่ค่อยชอบใส่สูทเสียเท่าไหร่
ชีวิตในกองทัพนั้นน่าเบื่อ ไม่มีสถานบันเทิงยามค่ำคืนใด ๆ เมื่อนาฬิกาบอกเวลา 4 ทุ่ม ในกองทัพไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงของจิ้งหรีด
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีวิทยุเป็นของตนเอง และน้อยคนกว่านั้นที่ในบ้านจะมีโทรทัศน์
ขณะที่นอนอยู่บนเตียง เจียงเหยาได้ยินเสียงหัวใจเต้นและเสียงลมหายใจขยับเข้ามาใกล้
เขาจุมพิตเธอที่หน้าผาก แล้วเลื่อนลงมาที่ปาก ลิ้มรสริมฝีปากอันบอบบางของเธอ
“เดี๋ยวสิ อาการบาดเจ็บของคุณล่ะ...” เจียงเหยาเป็นกังวล เธอถูกลู่ชิงสีตรึงไว้ กระทั่งไม่สามารถทำให้ได้ นอกจากเขยิบนิด ๆ หน่อย ๆ “ระวังด้วยสิ”
“คิดเสียว่ามันได้อยู่ตรงนั้น โอเคไหม? ไหนบอกว่าจะทำอีกไง” ลู่ชิงสียกมือทั้งสองข้างขึ้น “คืนนี้ผมไม่ปล่อยคุณไปง่าย ๆ หรอกนะ”