ตอนที่ 289+290 ความกังวล
คุณนายหลินมีวิธีพูดของเธอ แม้ว่าคำพูดของเธอจะมีความหมายคล้ายกับคุณนายจื่อ แต่เธอก็นำเสนอในลักษณะที่สุภาพและมีน้ำใจมากกว่า
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของลู่ชิงสีก็สว่างขึ้น เขาพยักหน้า “ถ้าเธอเห็นด้วยแบบนั้น ผมก็ไม่ว่าอะไรที่เธอจะเป็นแม่บ้านหรอกครับ”
อย่างไรก็ตามลู่ชิงสีรู้สึกเจียงเหยาเป็นอย่างดี เธอจะไม่สามารถจัดการกับความเบื่อหน่ายที่มาพร้อมกับเรื่องนี้ได้
“ฮ่าฮ่า! สามีที่ดีจริงๆ” คุณนายหลินหัวเราะ “พวกคุณดื่มกันต่อไปเถอะค่ะ พวกเราผู้หญิงจะคุยกันอยู่ตรงนี้”
คุณนายหลินกวักมือบอกให้ลู่ชิงสีหันกลับไปสนทนาต่อกับกลุ่มผู้ชาย เธอแลกพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลของตัวเองกับเจียงเหยาด้วยความสนใจ
กลุ่มคนดื่มกันจนเกือบ 2ทุ่ม เจียงเหยาไม่รู้ว่าลู่ชิงสีเมามากแค่ไหน เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นแอลกอฮอล์แรง ๆ ขณะที่เขาเดินผ่านเฮไป อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เมา เพราะเขายังสามารถเดินได้อย่างมั่นคง
คุณนายจื่อและคุณนายหางไม่ได้กลับพรั้อมกับเจียงเหยาและคุณนายหลิน เพราะทั้งสองคนพักอยู่ที่เขตที่พักเดิมที่อยู่สุดทางของบริเวณนี้
เมื่อเดินออกไป เจียงเหยาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกในสายลม แม้ว่าเธอจะสวมเสื้อคลุมอยู่แล้วก็ตาม เมื่อมาถึงเมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้า อากาศยังอุ่นอยู่เลย เธอต้องการเพียงเสื้อคลุมตัวเดียวก็สามารถทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นได้
“พรุ่งนี้คุณจะไปที่เมืองจินโดใช่ไหม? ฉันคิดว่าคุณต้องมีเสื้อหนามากกว่านี้เสียหน่อยนะเจียงเหยา ไปซื้อเสื้อหนา ๆ สักสองสามตัวเถอะระหว่างที่อยู่ที่นี้ กลางวันน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ตอนกลางคืนที่นี่อากาศหนาวเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับเมืองทางใต้แล้ว ฤดูหนาวที่นี่มาถึงเร็วกว่ามาก” คุณนายหลินกล่าวหลังจากเห็นเจียงเหยาสั่นหนาว
ลู่ชิงสีกำลังเดินไปข้างหน้าพร้อมกับพนเอกหลิน เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายหลินเขาจึงหันกลับมามองเจียงเหยา
“ดูนั่นสิ จ่าลู่เป็นห่วงคุณล่ะ” คุณนายหลินแซว
“ฉันสบายดีคะ เดิน ๆ ไป ก็อุ่นขึ้นเอง” เจียงเหยายิ้มกลับให้กับลู่ชิงสี
เมื่อรู้ว่าเจียงเหยาไม่ชินกับสภาพอากาศที่นี่ กลุ่มคนก็เร่งฝีเท้า เดินให้เร็วขึ้น ระหว่างทางคุณนายหลินเริ่มคุยกับเจียงเหยาเกี่ยวกับคุณนายจื่อและคุณนายหยาง
“ทั้งคุณนายจื่อและคุณนายหยางต่างก็มีเจตนาดี แต่ละคนก็มีข้อบกพร่องเช่นกัน ใครกันเล่าที่ไม่มีข้อบกพร่อง จริงไหมล่ะ? สามีของพวกเขาสนิทกันมาก เพราะงั้นต่อไปก็พยายามทำใความเข้าใจให้มากขึ้น คุณนายจื่อและคุณนายหยางเป็นคนดีและเป็นมิตร ถ้าใครต้องการความช่วยเหลือ พวกเขามักจะเป็นคนแรกที่เข้าไปช่วย”
“ฉันเข้าใจคะ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ดูฉันสิ ฉันเองก็มีข้อบกพร่องตั้งมากมายเหมือนกัน” เจียงเหยาพยักหน้า โดยรู้ว่าคุณนายหลินกำลังพูดถึงสิ่งที่คุณนายจื่อพูดกับเจียงเหยาไปก่อนหน้านี้
คุณนายหลินพบกับเจียงเหยาเป็นครั้งแรกในคืนนี้ และเธอก็ได้พูดคุยลึกซึ้งกันหลายเรื่อง ดูเหมือนว่าทั้งผู้พันหลินและลู่ชิงสีต่างก็มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกันด้วย
เมื่อมาถึงอาคารที่พัก ทั้งสองแยกกัน พันเอกหลินอาศัยอยู่ที่ชั้นสามของอาคารที่อยู่ด้านหลังพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเดินต่อไปเข้าไป แม้ว่าเจียงเหยาและลู่ชิงสีจะมาถึงที่พักของพวกเขา ก็ยังมองเห็นทั้งผู้พันหลินและคุณนายหลินจากหน้าต่างห้องพวกเขา
สิ่งแรกที่ลู่ชิงสีทำหลังจากปิดประตูคือถอดเสื้อกันหนาวออกแล้วสวมทับให้กับเจียงเหยา เขาหันกลับมามองเสื้อผ้าที่แขนอยู่บนระเบียง รู้สึกอบอุ่นและคลุมเครือ เมื่อรู้ว่าเธอซักผ้าทั้งหมดนั้น อย่างไรก็ตามเขาก็กล่าวขึ้นว่า “ต่อไปไม่ต้องซักผ้าให้ผม เสื้อผ้าค่อนข้างสกปรก เพราะผมสวมมันออกไปฝึกซ้อม ให้ผมทำเองเถอะ”
เขาออกไปต้มน้ำร้อนให้กับเจียงเหยา
สมัยนั้น แทนที่จะมีเครื่องทำความร้อนไฟฟ้า น้ำร้อนโดยใช้แท่งทำความร้อนไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังถือว่าสามารถใช้การได้
__
หลังจากเสียบปลั๊กไฟแล้ว ลู่ชิงสีถอดแจ็คเก็ตของเขาออกแล้วคว้าซองสีแดงที่อยู่ลึกในกระเป๋า ส่งมันให้กับเจียงเหยา เขาพูด “ผู้พันหลินฝากของสิ่งนี้ให้กับพี่เหลียง เป็นของขวัญจากเขา เขาให้ผมเก็บไว้ในกระเป๋าของคุณเพื่อไม่ให้ผมลืม”
เจียงเหยาสามารถสัมผัสได้ถึงซองแดงที่โปนแน่นเมื่อเธอรับมันมาจากลู่ชิงสี แน่นอนว่าคงมีเงินสดอยู่ในนี้จำนวนมาก
“โอ้? ผู้พันหลินรู้จักกับพี่เหลียงด้วยเหรอคะ?” เจียงเหยาถามอย่างไม่ใส่ใจ
“ใช่ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน นอกจากนี้พวกเขายังเป็นญาติห่าง ๆ กันด้วย” ลู่ชิงสีพยักหน้า “ในกองนี้ ผู้พันหลินเป็นคนที่ใหญ่พอตัว และคุณนายหลินก็เป็นคนที่น่าเชื่อถือด้วย พวกเขาเป็นคนดีจริง ๆ คุณไม่ต้องเป็นห่วงไป”
ลู่ชิงสีรู้จักทั้งผู้พันหลินและคุณนายหลินเป็นอย่างดี “คุณนายหลินมาจากเมืองจินโด ทั้งพ่อแม่ของเธอเป็นบุคคลสำคัญในหน่วยงานรัฐในเมืองจินโด”
เจียงเหยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คุณนายหลินเป็นคนที่ทั้งใจดีและเป็นมิตร เธอรู้ว่าอีกฝ่ายต้องมาจากครอบครัวที่มีภูมิหลังที่ทรงอำนาจอย่างแน่นอน
ขณะกำลังใช้ความคิดมากขึ้น เจียงเหยารวบรวมข้อมูลทั้งหมดเข้าด้วยกัน เหลียงเยวี่ยจือก็มาจากครอบครัวที่ทรงอิทธิพลเช่นกัน ผู้พันหลินเป็นญาติห่าง ๆ ของเหลียงเยวี่ยจือจึงไม่แปลกที่ผู้พันหลินและคุณนายหลินแต่งงานกัน
“สำหรับคุณนายจื่อ” ลู่ชิงสีจับมือเจียงเหยา และถูมันเข้าด้วยกัน เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นบนฝ่ามือของเธอ เขาจึงนั่งลงและพูดต่อ “ผู้พันจื่อ เพิ่งบอกกับผมเมื่อหลายวันก่อน ว่าเขาตัดสินใจจะย้ายกลับไปอยู่ชนบทแล้วล่ะ เขาบอกว่าร่างกายเขาไม่ค่อยไหวที่จะอยู่ในกองทัพนี้ต่อ ด้วยตำแหน่งในตอนนี้ของเขา ถ้าย้ายไปอยู่ชนบทก็มีตำแหน่งดี ๆ รออยู่ คุณไม่จำเป็นต้องเจอกับคุณนายจื่ออีกแล้วล่ะ”
ลู่ชิงสีเป็นผู้สังเกตการณ์ที่กระตือรือร้น แม้ว่าเขาจะดื่มมากในช่วงอาหารค่ำ ทว่าสายตาของเขาโฟกัสที่เจียงเหยาอยู่เสมอ เขาได้ยินบทสนทนาของสาว ๆ ทั้งหมด แม้ว่าเขาจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินก็ตาม
เมื่อได้ยินคำถามของคุณนายจื่อ ที่ถามเจียงเหยา เขาก็รู้สึกเป็นกังวลต่อเธอ กลัวว่าเจียงเหยาจะรู้สึกไม่สบายใจกับคำถามนั้น
เขารู้ดีว่าการมาเยี่ยมกองทัพของเจียงเหยาในครั้งนี้สำคัญขนาดไหน ถ้าเธออยู่ที่นี่แล้วไม่พอใจ เธอคงจะไม่กลับมาเยี่ยมเขาอีกก็เป็นได้ ดังนั้นเขาเป็นสิ่งสำคัญที่เธอจะมีช่วงเวลาที่ดีระหว่าที่เธออยู่ในกองทัพนี้
“ไม่เป็นไรคะ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว” เจียงเหยาโบกมือเพื่อแสดงความตั้งใจที่จะหยุดสนทนา นับตั้งแต่ที่เธอมาถึงและได้พบกับคุณนายเก๋อ เธอก็พูดคุยกันไม่หยุดมาระยะหนึ่งแล้ว
เธอขยับเก้าอี้และขยับเข้าไปใกล้ลู่ชิงสีมากขึ้น โดยต้องการยกเสื้อของเขาขึ้น เขายื่นมือออกไป พยายามห้ามเธอไม่ให้ทำอย่างนั้น เมื่อเห็นเช่นนั้น เธอก็กระทืบเท้า โวยวายเบา ๆ และจ้องตรงไปที่เขา ตอนนั้นเองที่เธอสามารถยกเสื้อของเขาขึ้นได้
เมื่อเห็นบาดแผลของเขา เจียงเหยาก็ถอนหายใจ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเป็นบาดแผลภายนอกเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจอย่างช่วยไมได้
“เดี๋ยวฉันทายาให้นะคะ” เธอส่ายหน้าไปมา เธอคลายเสื้อเขาออก
ลู่ชิงสีนั่งอยู่ตรงนั้น สังเกตการณ์แสดงออกของเจียงเหยา แล้วโล่งใจที่เธอไม่ร้องไห้ออกมา
เขาจำช่วงเวลาที่คุณนายเกอเห็นหัวหน้าเกอออกจากห้องผ่าตัด เธอคร่ำครวญราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้เลย
และตอนนี้เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเจียงเหยา เขาก็มั่นใจว่าเขาเลือกผู้หญิงมาเป็นภรรยาไม่ผิดคน