WS บทที่ 362 พิชิตหอคอย PART 2
หมาป่าสีดำขนาดยักษ์เป็นวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งชั้นสี่ มันเปรียบได้กับนักเวทย์ระดับสี่ แม้ว่านักเวทย์สามคนก่อนหน้านี้สามารถเอาชนะหมาป่าสีดำยักษ์ได้แม้ว่ามันจะยากก็ตาม พวกเขาใช้เวลาค่อนข้างนานในการเอาชนะมัน
ก่อนหน้านี้ เมอร์ลินก็ดูความพยายามของพวกเขาที่ด้านข้างเช่นกัน ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเข้าใจลักษณะเฉพาะของหมาป่าสีดำขนาดยักษ์ มันมีความเร็วและการป้องกันที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะถูกโจมตีด้วยคาถาระดับสี่ มันก็ยังสามารถรับมือได้ มันเป็นคู่ต่อสู้ที่ค่อนข้างยุ่งยากสำหรับนักเวทย์ระดับสามหรือระดับสี่โดยทั่วไป
“ความเร็วที่คล่องตัว? การป้องกันที่แข็งแกร่ง?”
เมอร์ลินยิ้ม ลักษณะเฉพาะของหมาป่าสีดำขนาดยักษ์เหล่านี้แทบจะถูกควบคุมโดยเขาเกือบทั้งหมด ด้านความเร็วเมอร์ลินมีสายลมแสงวาบซึ่งเร็วมากอย่างเหลือเชื่อ ในด้านพลังป้องกัน เมอร์ลินมีผสานผืนพิภพซึ่งรวมอยู่ในคาถา มันสามารถต้านทานการโจมตีของคาถาระดับหกได้
*หวู่ม*
หมาป่าสีดำขนาดยักษ์กลายเป็นลำแสงสีดำและพุ่งเข้าหาเมอร์ลิน เมอร์ลินค่อย ๆ กางนิ้วออกและระหว่างนิ้วที่มีผิวขาวมีร่องรอยของไฟสีขาวปรากฏขึ้นมา
*พรึ่บ*
เมอร์ลินสะบัดนิ้วของเขา เปลวไฟสีขาวลุกโชนและลุกลามอย่างรวดเร็ว กลายเป็นลูกไฟขนาดเท่ากำปั้น
*บูม!*
ลูกไฟพุ่งเข้าชนหมาป่าดำยักษ์ หมาป่าสีดำขนาดยักษ์ไม่มีเวลาแม้แต่จะตอบโต้เมื่อมันถูกไฟดูดกลืนไปในทันที ร่างของมันทรุดตัวลงทันทีท่ามกลางอุณหภูมิสูง
"อ่อนแอเกินไป!"
เมอร์ลินส่ายหัวเบา ๆ บางทีสำหรับนักเวทย์ทั่วไป การทดสอบที่แท้จริงเริ่มต้นอย่างแท้จริงที่ชั้นสี่ของหอคอยแห่งรูน เพราะมีเพียงที่นั่นมีจิตวิญญาณผู้พิทักษ์จะเทียบได้กับนักเวทย์ระดับสี่ นอกจากนี้ ระดับสามยังเป็นระดับสูงสุดสำหรับนักเวทย์ที่สามารถเข้าไปในหอคอยแห่งรูนได้
โดยพื้นฐานแล้วจะเป็นความท้าทายข้ามระดับสำหรับนักเวทย์นั้น นี่ถือได้ว่าเป็นบททดสอบที่แท้จริง!
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่ใช่นักเวทย์ทั่วไป ดังนั้นชั้นสี่จึงไม่ใช่เรื่องท้าทายสำหรับเขา
“ถัดไปก็เป็นชั้นห้าสินะ!”
ร่างกายของเมอร์ลินปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวและเขาก็หายตัวไปในทันที
…
บนชั้นห้า นักเวทย์ทั้งสามคน แม่มดซาร่าห์, พ่อมดเอนเวียและพ่อมดอิลแมนต่างจ้องมองไปที่เสาหินสองสามต้นที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาด้วยท่าทางจริงจัง
พ่อมดเอนเวียมองย้อนกลับไปและมองลงไปข้างล่าง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “เราต้องรีบแล้ว ฉันไม่คิดว่าเมอร์ลินจะตามมาเร็วขนาดนี้ เขาเกือบจะตามเรามาทันแล้ว เราต้องปราบวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งชั้นห้าให้เร็วที่สุด!”
น้อยคนนักที่จะผ่านชั้นห้าของหอคอยรูนได้ พวกเขายังคงรู้สึกว่ามันจะเป็นงานที่ยุ่งยากแม้ว่าพวกเขาจะรวมตัวกันแล้วก็ตาม
ความหวังเดียวของพวกเขาคือแผ่นวงเวทย์รูนไคลน์แมนที่พ่อมดเอนเวียได้มาโดยราคาที่จ่ายไปมหาศาล ทั้งสามคนได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านอักษรรูนมากที่สุดในดินแดนมนต์ดำ พวกเขาเป็นนักเวทย์คาถาที่ศึกษาอักษรรูนอย่างลึกซึ้ง
ด้วยเพราะเหตุนี้เองที่ทั้งสามเปิดใช้งานวงแหวนเวทย์ที่ซับซ้อนเช่นแผ่งวงเทย์รูนไคลน์แมน เนื่องจากเป็นความหวังเดียวของพวกเขา ในการท้าทายหอคอยแห่งรูนในครั้งนี้
ในยุครุ่งเรืองที่สุดของนักเวทย์ วงแหวนเวทย์ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพลังปีศาจแพนโดร่าเลย ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของมันก็คือ ผู้ใช้งานวงแหวนเวทย์ต้องเสียสละเวลาและพลังงาน ดังนั้นนักเวทย์หลายคนจึงเลือกที่จะฝึกฝนพลังปีศาจแพนร่าแทน มากกว่าที่จะศึกษาเกี่ยวกับอักษรรูน
ตอนนี้เป็นยุคที่นักเวทย์ตกต่ำลง ดังนั้นองค์ความรู้เรื่องอักษรูนจึงลดน้อยลงมากยิ่งขึ้น นักเวทย์ที่เชี่ยวชาญในอักษรรูนนั้นหายากมาก ยังดีที่ดินแดนมนต์ดำเป็นองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านอักษรรูน นั่นจึงเหตุผลที่พวกเขามีนักเวทย์ที่โดดเด่นในด้านนี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสามคนนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่คนในดินแดนมนต์ดำที่มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมในด้านอักษรรูน มิฉะนั้น หากเป็นคนอื่น แม้ว่าพวกเขาจะได้รับแผ่นวงเวทย์รูนไคลน์แมนมา พวกเขาก็จะไม่สามารถเปิดใช้งานได้เช่นกัน
เมื่อเห็นท่าทางกังวลใจบนใบหน้าของพ่อมดเอนเวีย พ่อมดอิลแมนดูเหมือนจะสงบและผ่อนคลายแทน “พ่อมดเอนเวียวางใจได้เลยว่าหมาป่าสีดำขนาดยักษ์บนชั้นสี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะ แม้ว่าเมอร์ลินจะเป็นอัจฉริยะอย่างไคลส์ แต่ก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการจัดการกับหมาป่าสีดำยักษ์ เรามีเวลาเหลือเฟือที่จะท้าทายชั้นห้า!”
พ่อมดเอนเวียพยักหน้าเล็กน้อย เขาเองก็รู้เช่นกันว่าหมาป่าสีดำขนาดยักษ์บนชั้นสี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะได้ เนื่องจากพวกเขาทั้งสามต้องใช้เวลานานกว่าจะผ่านชั้นนั้น
อย่างไรก็ตาม เขาพูดอย่างระมัดระวังว่า “ยังไงก็ตาม เรายังต้องรีบแล้ว ขั้นแรก ให้รวมพลังจิตของเราเข้ากับแผ่นวงเวทย์รูนไคลน์แมน แล้วเตรียมการที่จำเป็นทั้งหมด เมื่อวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งชั้นห้าปรากฏขึ้น เราจะเปิดใช้งานแผ่นวงเวทย์รูนทันที เราจะรวมพลังจิตทั้งสามของเราเข้าด้วยกันและเปิดใช้งานเพื่อฆ่าวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งชั้นห้า!”
เมื่อสิ้นเสียง แผ่นวงเวทย์รูนเปล่งแสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นในมือของพ่อมดเอนเวียมีอักษรรูนลึกลับสลักอยู่บนนั้น
นี่คือแผ่นวงเวทย์รูนไคลน์แมน มันมีค่ามาก พ่อมดเอนเวียซื้อมันมาในราคาสูง มันต้องใช้นักเวทย์อย่างน้อยสามคนที่มีทักษะอักษรรูนเพื่อเปิดใช้งานมัน
หากสามารถเปิดใช้งานแผ่นวงเวทย์รูนไคลน์แมนได้ มันจะสามารถปลดปล่อยพลังที่ไม่มีใครเทียบได้
เมื่อเห็นแผ่นวงเวทย์รูนไคลน์แมน ความอิจฉาก็ปรากฎขึ้นในสายตาของแม่มดซาร่าห์และพ่อมดอิลแมน แผ่นวงเวทย์รูนแบบนี้มีค่ามาก ในฐานะองค์กรนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญด้านอักษรรูน ที่นี่ย่อมมีแผ่นวงเวทย์รูนอยู่ในหอสมุด พวกเขายังมีแผ่นวงเวทย์รูนซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าแผ่นวงเวทย์รูนไคลน์แมน
อย่างไรก็ตามราคาของแผ่นวงเวทย์รูนนั้นสูงเกินจินตนาการ มันต้องหลายพันแต้มสนับสนุนเพื่อซ้อมันซึ่งมันแพงเกินไป แม้แต่นักเวทย์ระดับสี่หรือระดับสูงเหล่านั้นก็ยังไม่กล้าใช้จ่ายมากขนาดเพื่อซื้อมันมา
ส่วนแผ่นวงเวทย์รูนไคลน์แมน พ่อมดเอนเวียไม่ได้แลกเปลี่ยนจากหอสมุดแต่ได้มาจากภายนอกด้วยวิธีการพิเศษบางอย่าง
เหตุผลเดียวที่พ่อมดเอนเวียมีโชคลาภมหาศาลในการซื้อแผ่นวงเวทย์รูนเพราะเขาเกิดในตระกูลนักเวทย์ที่ทรงพลัง สำหรับแม่มดซาร่าห์และพ่อมดอิลแมน พวกเขาทำได้เพียงแอบอิจฉาเขาเท่านั้น
“รีบไปใส่พลังจิตของคุณลงในแผ่นวงเวทย์รูน…”
พ่อมดเอนเวียสั่งการ แม่มดซาร่าห์และพ่อมดอิลแมนก็ต้องอดทนอดกลั้น แม้ว่าพวกเขาจะเคยจำลองสิ่งนี้มาก่อน แต่ก็เป็นเพียงการจำลอง พ่อมดเอนเวียไม่เคยแม้แต่จะนำแผ่นวงเวทย์รูนอันล้ำค่าออกไปให้พวกเขาลอง เมื่อมีคราวจำเป็นต้องใช้งานจริง ๆ เท่านั้นจึงจะได้รับอนุญาตให้สลักพลังจิตของตนลงในแผ่นวงเวทย์รูน
*หวู่ม*
ทันใดนั้นมีแสงสีขาวส่องผ่านชั้นห้า พ่อมดเอนเวียและคนอื่น ๆ สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในทันที พวกเขาจ้องไปที่แสงสีขาวซึ่งจู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้น
ในไม่ช้า ร่างชุดดำก็ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากแสงสีขาว
เมื่อเห็นรูปนี้ สีหน้าของเอนเวียและคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปทันที
“เขามาเร็วขนาดนี้ได้ยังไง? วิญญาณผู้พิทักษ์บนชั้นสี่สามารถปราบได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
“เขามาถึงชั้นห้าจริง ๆ ตอนแรกฉันคิดว่าชั้นสี่จะทำให้เมอร์ลินล่าช้า แต่ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเมอร์ลินจะไปถึงชั้นห้าในชั่วพริบตา ดูเหมือนว่าหมาป่าสีดำยักษ์บนชั้นสี่ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับเมอร์ลินเลย”
พ่อมดอิลแมนที่เพิ่งปรามาสว่าเมอร์ลินจะใช้เวลาอยู่บนชั้นสี่ เขารู้สักอับอายอย่างยิ่ง ทว่าในเวลานี้ ไม่มีใครสังเกตเห็นความอับอายของเขา มีเพียงความเร่งด่วนในใจของพ่อมดเอนเวีย
“รีบสลักพลังจิตของพวกคุณลงในแผ่นวงเวทย์รูนเร็วเข้า เมอร์ลินแข็งแกร่งกว่าที่เราคิด เราไม่สามารถปล่อยให้เขาบุกเข้าไปในชั้นหกต่อหน้าเราได้!”
พ่อมดเอนเวียเร่งเร้าทันที ดังนั้น แม่มดซาร่าห์และพ่อมดอิลแมนจึงตั้งสติได้และระดมพลังจิตใส่แผ่นวงเวทย์รูนทันที
*ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม*
ทันใดนั้นแผ่นวงเวทย์รูนที่อยู่ในมือของพ่อมดเอนเวียก็ปะทุขึ้นพร้อมกับแสงระยิบระยับ อักษรรูนลึกลับปรากฏขึ้นกลางอากาศติดต่อกัน จากนั้นจึงบินไปยังร่างด้านนอกของนักเวทย์ มันเหมือนกับชั้นเกราะที่ปกป้องทั้งสามในอักษรรูนลึกลับ
หลังจากทำสิ่งนี้เสร็จแล้ว พ่อมดเอนเวียและอีกสองคนก็ไม่ลังเลใจ พวกเขากระโดดเข้ามาระหว่างเสาสีแดงสองสามต้นทันทีและเริ่มเผชิญหน้ากับวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งชั้นห้า
เมอร์ลินที่เพิ่งมาถึงชั้นห้าขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เขาสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังเล็กน้อยจากสีหน้าของนักเวทย์ทั้งสาม
เมอร์ลินจำได้ชัดเจนมากว่าเขาไม่รู้จักทั้งสามคนเลย ดังนั้นพวกเขาจะเป็นศัตรูกับเขาได้อย่างไร? เรื่องนี้มันทำให้เขางงจริงๆ!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นพ่อมดเอนวียและคนอื่น ๆ วิ่งเข้าไปในเสาสีแดงเพลิงและเริ่มท้าทายจิตวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งชั้นห้า เมอร์ลินก็เข้าใจอย่างแผ่วเบาว่าทำไม
ปรากฎว่าสามคนนี้กลัวว่าเขาจะผ่านชั้นห้าก่อนและแม้กระทั่งผ่านชั้นหกก่อนหน้าพวกเขา หลังจากผ่านไปนับพันปีนับตั้งแต่การก่อตั้งดินแดนมนต์ดำก็ไม่มีใครสามารถผ่านชั้นที่หกได้ ดังนั้นจึงยังคงมีสมบัติส่วนตัวที่จอมเวทย์เหลือทิ้งไว้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เมอร์ลินก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ‘ความเกลียดชัง’ แบบนี้มันอธิบายไม่ถูกจริง ๆ ในความเห็นของเขา ทั้งสามคนไม่ได้แข็งแกร่งมาก ชั้นห้าถือเป็นขีดจำกัดของพวกเขาแล้ว มันยากมากที่จะผ่านชั้นที่ห้า นับประสาอะไรกับชั้นหก
ดังนั้น เมอร์ลินจึงไม่กังวลเลย เขายักไหล่เล็กน้อยและยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างนักเวทย์ทั้งสามและวิญญาณผู้พิทักษ์ของชั้นห้าอย่างใกล้ชิด
เมอร์ลินอาจจะแข็งแกร่ง แต่หลังจากไปถึงชั้นห้าของหอคอยแห่งรูนแล้ว เขาก็ต้องระมัดระวังมากขึ้นเช่นกัน วิญญาณผู้พิทักษ์ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่จากจอมเวทย์ฟิเดลจะแข็งแกร่งขึ้นในแต่ละชั้น
*ซ่า!*
เสียงน้ำสาดกระเซ็น เมื่อพ่อมดเอนเวียและคนอื่น ๆ ยืนอยู่ระหว่างเสาสีแดง เสาหินทั้งหมดก็เริ่มเปล่งแสงสีขาวหนาแน่น แสงสีขาวเหล่านี้รวมตัวกันราวกับกระแสน้ำเล็ก ๆ ในที่สุดก็รวมกันเป็นมหาสมุทร!
ในแสงสีขาวที่หนาแน่น มีพลังชีพที่ ‘รุนแรง’ ซึ่งไม่เคยปรากฏในชั้นหนึ่งถึงชั้นสี่ของหอคอยแห่งรูน
“โฮก!”
ทันใดนั้น ในแสงสีขาวที่เจิดจ้าพร้อมกับวงเวทย์รูนหนาทึบ เสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้นที่ชั้นห้าของหอคอยแห่งรูน