415 - บุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อน
415 - บุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อน
“ไม่มีวี่แววว่าจะหายไป ดูเหมือนจะใช้ได้อยู่นะ” เย่ฟ่านยิ้มอย่างมีความสุข
“เจ้า... แกะสลักของแบบนี้ได้จริงๆ!” จักรพรรดิดำขยี้ดวงตาของตัวเองอีกครั้งเพื่อมองที่ชัดเจน
“มีอะไรพิเศษหรือเปล่า” เย่ฟ่านถาม
"นี่เป็นตัวอักขระโบราณที่มีเพียงจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่สามารถศึกษาได้ เจ้าไปได้มันมาได้อย่างไร?"
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นไหว แต่เขาไม่ได้พูดอะไรมากเขาสงบสติอารมณ์ลงและเริ่มแกะสลักตัวอักษรอีกครั้ง
"ชัว"
แสงวูบวาบ ตัวอักษรโบราณที่สอง ตัวอักษรโบราณที่สาม... เขาสลักอักขระโบราณเจ็ดตัวติดต่อกัน และแรงสั่นสะเทือนที่อยู่ด้านในของเตาเทพอัคคีก็ดูเหมือนจะสงบนิ่งลงมาก
อย่างไรก็ตามคนอื่นๆไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็จดจ่ออยู่ที่ต้วนเต๋อซึ่งพยายามพาคัมภีร์โบราณหนีออกจากที่นี่
"บูม"
ที่ด้านนอกมีเสียงระเบิดจากการทำลายค่ายกลอย่างต่อเนื่อง และเมื่อการสั่นสะเทือนรุนแรงครั้งสุดท้ายดังขึ้นยอดฝีมือหลายสิบคนก็เดินเข้ามาในห้องโถงทันที
ผู้คนเหล่านี้ดูเหมือนจะอยู่ในช่วงอายุสามสิบถึงสี่สิบปี แต่ไม่มีใครรู้ว่าอายุที่แท้จริงของพวกเขาเท่าไหร่กันแน่ จากท่าทีที่สงบนิ่งของทุกคนนั้นเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นยอดฝีมือรุ่นอาวุโสอย่างแน่นอน
หนึ่งในนั้นสวมเสื้อคลุมขนนกหลากสีสันและมีท่าทีหยิ่งยโสอย่างยิ่ง ดวงตาที่คมกริบของเขากำลังจับจ้องไปยังจี้ฮ่าวเยว่
"กงเติ้ง เจ้าจะทำอะไร" คนข้างๆถามขึ้น
ในห้องโถงใหญ่ทุกคนต่างก็งุนงง ใครคือกงเติ้ง? นี่คือทายาทที่แท้จริงของราชานกยูง ทุกคนต่างก็เรียกเขาว่าราชานกยูงน้อยมาหลายปี แต่คนที่รู้ชื่อจริงของเขานั้นมีน้อยยิ่งกว่าน้อย
เมื่อหลายปีก่อนเขาไล่ล่าจี้ฮ่าวเยว่อย่างเอาเป็นเอาตายในภาคใต้ แต่สุดท้ายจี้ฮ่าวเยว่ก็สามารถเอาตัวรอดได้สำเร็จ
“อย่ากังวล ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่ง ข้าสนใจเพียงเผ่าพันธุ์อสูรของข้าเท่านั้น” กงเติ้งตอบอย่างเย็นชา
"ชัว" "ชัว"
แสงสว่างวาบอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดเย่ฟ่านก็แกะสลักตัวอักษรสุดท้ายลงบนเตาเทพอัคคีได้สำเร็จ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเขาจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ
“นักพรตต้วนเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?”
กงเติ้งกวาดสายตาไปที่แท่นศิลาแห่งความโกลาหลก่อนจะหันกลับมามองต้วนเต๋อด้วยสายตาเย็นชา
“ทุกอย่างสามารถต่อรองได้...” ต้วนเต๋อฉีกยิ้มจอมปลอมพร้อมกับหยิบม้วนคัมภีร์โบราณออกมา
“ผู้อาวุโสโปรดช่วยบุตรศักดิ์สิทธิ์และสตรีศักดิ์สิทธิ์ด้วย!” ศิษย์ของดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงก้าวไปข้างหน้า
ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือชายที่มีอายุประมาณสามสิบเจ็ดปี เขาร่างกายสูงใหญ่ราวกับเทพโลกกบาล กลิ่นอายทรงพลังแผ่ออกมาจากร่างกายของเขาไม่หยุด
แม้ว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่จะไม่เคยพบกับคนคนนี้เป็นการส่วนตัว แต่ลักษณะภายนอกของเขาก็ชัดเจนว่านี่คือจูหลิงกงจากดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วง ซึ่งเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์คนก่อนนั่นเอง
“อย่าบอกนะว่ามีใครบางคนจับตัวบุตรศักดิ์สิทธิ์และสตรีศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราไปพร้อมกัน!” จูหลิงกงกวาดสายตาไปรอบๆ
เย่ฟ่านมีท่าทีสงบนิ่ง เขานั่งอยู่บนแท่นศิลาแห่งความโกลาหลในขณะที่ยังคงเร่งเร้าพลังศักดิ์สิทธิ์เพื่อเผาผลาญยอดฝีมือทั้งสามต่อไป
และเมื่อเห็นสายตาของทุกคนในห้องกำลังจ้องมองมาทางนี้ เย่ฟ่านก็เงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า
"ข้าต้องการปราบปรามพวกเขาเป็นเวลาหนึ่งปี หลังจากนั้นจะปลดปล่อยพวกเขากลับไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เอง ."
ทุกคนหน้าเปลี่ยนสี ผู้บ่มเพาะตัวเล็กๆในอาณาจักรตำหนักเต๋ากล้าที่จะจับตัวบุตรศักดิ์สิทธิ์และสตรีศักดิ์สิทธิ์ต่อหน้าผู้อาวุโสของพวกเขา
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปชื่อเสียงของเย่ฟ่านก็จะถูกกล่าวขานขึ้นอีกครั้ง
"อาจารย์ลุงเจ้าสาระเลวน้อยคนนั้นคือเย่ฟ่าน" ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับประสานมือรายงานต่อชายวัยกลางคนที่แต่งกายคล้ายกับบัณฑิต
"เจ้าใจกล้าจริงๆที่กล้าปรากฏตัวที่นี่" ผู้อาวุโสของตระกูลจี้มองเย่ฟ่านด้วยรอยยิ้ม
หลายคนที่อยู่ในห้องโถงจดจำได้ว่าคนนี้คือ จี้หยวนชิงแห่งตระกูลจี้
เขาไม่ใช่บุคคลที่มีลักษณะภายนอกหล่อเหลางดงาม แต่หากพูดกันในเรื่องของพรสวรรค์ ในบุคคลรุ่นเดียวกันของตระกูลจี้ยากที่จะหาใครมาเทียบกับเขาได้
ย้อนกลับไปตอนนั้นเขาต่อสู้กับราชานกยูงน้อยกงเติ้งตั้งแต่ภาคใต้มาจนถึงภาคเหนือ ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกตนธรรมดาจะเทียบได้
ว่ากันว่าเขาคือผู้ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดของตระกูลจี้ เขามีพรสวรรค์มากกว่าจี้ฮ่าวเยว่ด้วยซ้ำ หากไม่ใช่ว่าจี้ฮ่าวเยว่มีร่างศักดิ์สิทธิ์รกร้างตะวันออก เขาจะต้องถูกวางตัวเป็นผู้นำตระกูลจี้คนใหม่อย่างแน่นอน
“ราชาเผิงน้อยไปไหน?”
ในเวลานี้กงเติ้งกวาดสายตาไปทั่วห้องโถงด้วยความสงสัย เขาไม่เชื่อว่าในบรรดาคนรุ่นเดียวกันทั้งหมดจะมีใครสามารถฆ่าราชาเผิงน้อยปีกทองได้
นอกจากเอี๋ยนหรูหยูแล้วยังมีผู้ฝึกฝนเผ่าพันธุ์อสูรอื่นๆอยู่ในห้องโถงนี้ หนึ่งในนั้นก้าวไปข้างหน้าและรายงานว่า
"ราชาเผิงน้อยปีกทองก็ถูกเย่ฟ่านปราบปรามเช่นกัน"
“อะไรนะ!!”
ใบหน้าของยอดฝีมืออาวุโสเหล่านั้นเปลี่ยนสีทันที เพียงแค่กวาดตามองพวกเขาก็รู้ว่าเย่ฟ่านมีความสามารถอยู่เท่าไหร่ เรื่องนี้ต่อให้ตีพวกเขาจนตายพวกเขาก็ไม่มีทางเชื่อ!
กงเติ้งก้าวไปข้างหน้า แม้ว่าเขาจะหยิ่งผยองแต่สายตาของเขาที่มองเย่ฟ่านก็ไม่ได้มีความโกรธเคืองอะไร
“อาจารย์ของข้าชื่นชมเจ้าอย่างยิ่ง จากความสามารถในการปราบปรามคนทั้งสามนั่นพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเจ้าคือของจริง และอาจารย์ของข้าไม่ได้มองคนผิด”
ผู้พิทักษ์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงจูหลิงกงก็ก้าวไปข้างหน้า สายตาของเขาจับจ้องไปยังเย่ฟ่านและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
"ปล่อยคนของเราเดี๋ยวนี้!"
เย่ฟ่านปราบปรามคนทั้งหมดสามคนอย่างยากลำบาก ตอนนี้ผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงปรากฏขึ้นและสั่งให้เขาปล่อยคน มันไม่ง่ายเกินไปหรือ?
เย่ฟ่านยืนขึ้น เขายิ้มอย่างสดใสและกล่าวว่า
“ข้าบอกแล้วไงว่าข้าจะจับพวกเขาทั้งสามคนไว้หนึ่งปี หากว่าตลอดทั้งปีนี้พวกเจ้าไม่ไล่ตามข้า ข้าก็จะปลดปล่อยทั้งสามอย่างปลอดภัยแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาทุกคนก็ตกตะลึง ไม่มีผู้ใดคิดว่าเย่ฟ่านจะมีความกล้าถึงขนาดนี้
“คำพูดของเจ้ามีเหตุผล แต่นั่นมันอยู่ในเงื่อนไขที่ว่าเจ้าสามารถมีชีวิตรอดออกจากที่นี่ได้” จูหลิงกงดูสงบแต่ดวงตาของเขาเป็นประกายเย็นชาเล็กน้อย
“บูม!”
ทันใดนั้นกงเติ้งก็ลงมือโจมตีต้วนเต๋อในทันที ยอดฝีมือบางส่วนก็เคลื่อนที่ออกไปปิดกั้นประตูทางเข้าของห้องโถงเพื่อไม่ให้ผู้ใดหลบหนีออกไปได้
ในเวลาเดียวกัน จูหลิงกง จี้หยวนชิง และคนอื่นๆก็ดำเนินการปิดกั้นเส้นทางของต้วนเต๋อ
“เจ้าจะไปที่ไหน?”
ทุกคนต่างก็จับจ้องสถานการณ์ด้วยความตื่นเต้น ภายใต้การลงมือของทายาทดินแดนศักดิ์สิทธิ์และตระกูลขุนนางโบราณเหล่านี้ แม้แต่ต้วนเต๋อผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมาหลายปีก็ยังไม่สามารถเอาตัวรอดได้
คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์สูงล้ำ พูดกันตามตรงหากพวกเขาสิบคนลงมือพร้อมกันต่อให้เป็นผู้สูงสุดระดับสูงก็ยากที่จะได้เปรียบ ไม่ต้องพูดถึงผู้สูงสุดระดับธรรมดาเลย!
ต้วนเต๋อมีสีหน้าขมขื่นและกล่าวด้วยท่าทีน่าสงสารว่า
“นักพรตผู้น่าสงสารคนนี้แค่อยากจะออกไปสูดอากาศเท่านั้น”
เขาไม่กล้าบุกฝ่าออกไปอย่างหักโหม มียอดฝีมือนับสิบคนที่ปิดกั้นเส้นทางของเขาอยู่ ในขณะเดียวกันที่ด้านข้างก็ยังมีเอี๋ยนหรูหยูที่ครอบครองอาวุธเต๋าสุดขั้วคอยควบคุมสถานการณ์อีกชั้นหนึ่ง
“แกรก” “แกรก” “แกรก”
ในขณะที่สถานการณ์การต่อสู้กำลังจะระเบิดขึ้นก็มีเสียงสั่นสะเทือนดังมาจากส่วนลึกของห้องโถง!
เสียงนี้ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาแต่ใบหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างก็บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
เมื่อทุกคนหันหลังกลับไปมองก็เห็นว่าเสียงที่แผ่วเบานั้นดังมาจากโลงศพขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางด้านในสุดของห้อง!