ตอนที่ 287+288 การประเมินของคุณนายจื่อ
พันเอกหลินเคยได้รับข้อมูลเก่ยวกับเจียงเหยามาจากโจวเหวยฉีและเฉินซวีเหยา เขาจำได้ว่าเมื่อเขาได้ยินเรื่องเกี่ยวเจียงเยหาจากโจวเหวยฉีเป็นครั้งแรก น้ำเสียงของเขาดูหมิ่นและผิดหวังเล็กน้อย ทุกครั้งที่พูดถึงภรรยาของลู่ชิงสี ฟังดูเหมือนเป็นกับต่อว่าเกี่ยวกับตัวเธอในฐานะคน ๆ หนึ่ง จากนั้นพันเอกหลินพบว่าลู่ชิงสีมีปัญหาในการแต่งงานกับภรรยาของเขา แม้ว่าข้อมูลของเขาจะหายากก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่โจวเหวยฉีและเฉินซวีเหยามาถึงกองทัพ พวกเขาก็พูดถึงเจียงเหยามากขึ้น และทัศนคติและน้ำเสียงของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อพันเอกหลินรู้ว่าภรรยาของลู่ชิงสีกำลังจะมาเยี่ยมเขาที่กองทัพในช่วงวันหยุดวันชาติและพักอยู่ที่นี่สองสามวัน เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
เจียงเหยายินดีที่จะมาเยี่ยมสามีของเธอที่กองทัพ นั่นแสดงว่าเธอยอมรับสถานะของเธอในฐานะภรรยาของทหาร ลู่ชิงสีเป็นทหารที่มีอนาคตสดใส โดยคิดว่าเธออาจจะมาอยู่ที่กองทัพในอนาคต พันเอกหลินอยากจะสร้างความประทับใจที่ดีให้กับเจียงเหยา เพื่อให้เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดเมื่อมาอยู่ที่นี่
ผู้พันหลินเฝ้าสังเกตปฏิสัมพันธ์ระหว่างลู่ชิงสีและเจียงเหยา ตั้งแต่พวกเขาเข้ามาในโรงอาหาร เมื่อเขาหยอกล้อลู่ชิงสี เจียงเหยาเหลือบมองสามีของเธอด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ ในขณะที่ดวงตาของลู่ชิงสีไม่เคยทิ้งไปจากเธอ ความจริงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ทว่ากลัวหวานราวกับคู่รักเพิ่งแต่งงานใหม่เสียอีก
ที่ดตค๊ะผู้ชายกำลังกินและดื่ม ในขณะที่ผู้หญิงกำลังพูดคุยกัน
จากการสนทนาของพวกเขา เจียงเหยาได้รู้ว่า คุณนายหลินไม่ได้อาศัยอยู่ที่กองทัพ เธอทำงานเป็นครูในโรงเรียนประถมในตัวเมือง ในวันหยุดสุดสัปดาห์เธอจะพาลูก ๆ มาเยี่ยมพันเอกหลินที่กองทัพ ส่วนคุณนายจื่อเป็นครูโรงเรียนอนุบาลในกองทัพ ลูกสองคนของเธอก็เรียนโรงเรียนอนุบาลในกองทัพด้วย
ส่วนร้อยเอกหยางและครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ชั้นล่าง อาคารเดียวกับลู่ชิงสี คุณนายหยางเป็นคนที่ดูแลเกอเวินเวิน ตอนที่คุณนายเกอเฝ้าสามีที่โรงพยาบาล ตอนนี้คุณนายหยางและคุณนายเกอไม่แม้จะทักทายกันอีกต่อไป ขนาดที่ว่าคุณนายหยางถึงขั้นห้ามลูกสาวของเธอเล่นกับเกอเวินเวิน
อย่างไรก็ตาม ตลอดอาหารค่ำ คุณนายหยางไม่ได้พูดจบหยาบคายเกี่ยวกับคุณนายเกอเลย เธอเพียงแค่พูดด้วยคำพูดธรรมดาและปัดเรื่องความไม่ลงรอยกับคุณนายเกอทิ้งอย่างไม่เป็นทางการ พูดตามตรง หากเจียงเหยาไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้จากลู่ชิงสีก่อนหน้า เธอคงไม่รู้ว่าเรื่องเลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นกับคุณนายทั้งสองคน ดูเหมือนว่าคุณนายหยางไม่ใช่คนประเภทที่จะนินทาใครลับหลัง
“ใช่แล้ว เจียงเหยา ฉันได้ยินหลานคนบอกว่าคุณกำลังเรียนมหาวิทยาลัยทางใต้ คุณเรียนเอกอะไรล่ะ” คุณนายจื่อถามออกมาด้วยความสงสัย “จ่าลู่เคยบอกว่าคุณวางแผนที่จะมาอย฿ที่นี่และอาศัยอยู่ในกองทัพหลังจากเรียนจบใช่ไหม? คิดแล้วหรือยังว่าจะทำอะไร? มาเป็นครูอนุบาลในกองทัพดีไหม คุณคิดว่ายังไงบ้างล่ะ”
เจียงเหยากำลังกิน เธอฟังอีกฝ่ายกำลังพูดเรื่องต่าง ๆ และหันมาถามคำถามกับเธอ
หลังจากคำถามต่าง ๆ นานา คุณนายหลินก็ตอบอย่างรวดเร็วเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
“เหมยฮว่า เจียงเหยาน่ะยังเรียนปีหนึ่งอยู่เลย เร็วไปนะที่จะถามเรื่องนี้?” คุณนายหลินกล่าว “อีกอย่าง เธอเรียนถึงมหาวิทยาลัยชั้นนำของทางภาคใต้ คุณไม่คิดเหรอว่าความสามารถอย่างเธอมาเป็นครูอนุบาลที่กองทัพจะเสียเปล่าน่ะ?”
แม้ว่าคุณนานหลินจะไม่แน่ใจว่าวิชาเอกของเจียงเหยาคืออะไร แต่เธอคิดว่าจะให้อีกฝ่ายที่มีการศึกษามากขนาดนี้มาเป็นครูอนุบาลก็มากเกินไป
__
ทันทีที่เติ้งเหม่วยฮวา ภรรยาของผู้พันจือถามคำถามกับเจียงเหยา คุณนายหลินก็เดาเจตนาที่แท้จริงของเธอได้ ในตอนนี้ เธอรู้สึกว่าเติ้งเหม่ยฮวาค่อนข้างใจแคบ โดยคิดว่าทุกคนอยากจะได้งานตำแหน่งครูอนุบาลที่เธอทำอยู่ เช่นเดียวกับที่เธออยากจะทำงานนี้ต่อไป
ทหารจะจัดหางานให้กับคนในครอบครัวของทหารตามคุณสมบัติ คุณนายหลินจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในเมืองจินโด เธอสามารถหางานทำได้ทันทีหลังจากสำเร็จการศึกษา ดังนั้นกองทัพจึงไม่จำเป็นต้องเตรียมงานใด ๆ ภรรยาของร้อยเอกหยางทำงานเป็นพนักงานขายที่นอกกองทัพ ในหมู่พวกเขา เติ้งเหม่ยฮวาเป็นคนเดียวที่กองทัพหางานให้ทำ
มีโรงเรียนอนุบาลในกองทัพสำหรับเด็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ข้างในนี้ มีเด็กทั้งหมดน้อยกว่ายี่สิบคน ภายใต้การดูแลของครูสามคน อย่างไรก็ตาม อาชีพครูเป็นงานที่ถูกแย่งกันในหมู่ภรรยาของทหาร เพราะเป็นงานในกองทัพที่มีเงินเดือนที่เหมาะสม
พูดตามตรง คุณนายหลินดูถูกโรงเรียนอนุบาลเพราะครูของที่นี่จบการศึกษาต่ำ โดยครูที่ดีที่สุดของที่นี่จบเพียงชั้นประถมศึกษาเท่านั้น พวกเขาสามารถอะไรเด็ก ๆ ได้บ้าง? ก็ไม่ต่างจากศูนย์รับเลี้ยงเด็กเท่านั้นเอง
คุณนายหลินพบว่ามันน่าขบขันนักและเธอก็สับสนเมื่อได้ยินว่าคุณนายจื่อถามเจียงเหยาเกี่ยวกับงานในอนาคตของเธอ
อย่างไรก็ตาม เจียงเหยาไม่เห็นการพลิกผันทั้งหมดในคำถาม เธอคิดว่าไม่มีอะไรต้องปิดบัง ด้งนั้นเธอจึงพูดว่า “ฉันกำลังเรียนหมอค่ะ คิดว่าจะทำงานในโรงพยาบาลหลังจากเรียนจบ ถ้าย้ายมาอยู่ที่กองทัพ ก็คงจะมองหาโรงพยาบาลใกล้ ๆ ทำงาน สำหรับโรงเรียนอนุบาล ฉันยังใหม่กับด้านนี้ ฉันไม่มีความรู้เกี่ยวกับการสอนเด็กคะ แต่ก็เดาว่าโรงเรียนอนุบาลภายใต้การดูแลของกองทัพน่าจะยอดเยี่ยมมาก ๆ”
เจียงเหยาพูดได้ดีจริง ๆ เธอไม่ได้พูดอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับกองทัพ
คุณนายหลินเหลือบมองเจียงเหยาเป็นครั้งที่สองหลังจากได้ยินคำตอบของเธอ หนึ่งสามารถบอกได้ว่าเธอประใจเจียงเหยา โดยคิดว่าอีกฝ่ายฉลาดและหลักแหลมเมื่อเทียบกับคนอายุเท่าเธอ
“ว้าว โรงพยาบาลเหรอ! เป็นหมอก็มีรายได้ที่มั่นคงไปตลอดชีวิตสินะ!” คุณนายจื่ออุทานออกมาด้วยความประหลาดใจและยินดีปนอิจฉาเมื่อเธอได้ยินคำตอบจากเจียงเหยา “ว้าว ได้ช่วยชีวิตนี่น่าชื่มชนและน่าประทับใจมาก เป็นการดีสำหรับผู้หญิงเช่นคุณที่มีการศึกษาที่ดี มีโอกาสในการทำงานหลังจากเรียนจบ ต่างจากฉัน ฉันจบเพียง ป.5 ก็นั่นแหละ ฉันน่ะหางานดี ๆ ในสังคมไม่ได้ แต่โชคดีที่กองทัพมีโรงเรียนอนุบาล พวกเขาเลยให้ฉันมาทำงานที่นี่ มาดูแลเด็ก ๆ อีกหน่อยคุณกับจ่าลู่มีลูกก็ส่งมาให้เรา เราจะดูแลพวกเขาอย่างดีเลยล่ะ”
“ฉันยังเรียนอยู่เลยค่ะ ยังไม่ถึงเวลาที่จะมีลูก เราวางแผนที่จะมีลูกหลังจากฉันเรียนจบ ก็คงอีกนานค่ะ ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องนี้”
เจียงเหยาโพล่งออกมาอย่างไม่เต็มใจ
ในที่สุดเธอก็เข้าใจความรู้สึกแปลก ๆ กับคำถามก่อนหน้านี้ของคุณนายจื่อ คุณนายจื่อคงจะกลัวว่าเจียงเหยาจะกลายเป็นคู่แข็งหลังจากที่เธอมาอยู่ในกองทัพหรือเปล่านะ?
“ใช่ คุณพูดถูกแล้ว!” คุณนายจื่อพยักหน้าอย่างจริงจัง “นอกจากนี้ จ่าลู่ร่ำรวย ฉันพนันได้เลยว่าเขาต้องช่วยเหลือคุณได้ แม้ว่าคุณจะทำหรือไม่ทำงาน” จากนั้นเธอก็หันไปหาลู่ชิงสีและพูดเสียงดังว่า “จ่าลู่ ฉันพูดถูกไหมล่ะ?”
ลู่ชิสีไม่ได้สนใจกลุ่มผู้หญิง ในขณะที่เขากำลังดื่มกับพันเอกหลินและพรรคพวก หลังจากคุณนายจื่อตะโกนเรียกชื่อเขาอย่างกระทันหัน มือของเขาก็แข็งค้างอยู่กลางอากาศพร้อมกับแก้วที่อยู่ในมือ เขามองไปที่คุณนายจื่อแล้วเจียงเหยาสับสนราวกับว่ากำลังพยายามถามเจียงเหยา ด้วยสายตาของเขาว่า ‘พวกคุณกำลังคุยอะไรกัน’
คุณนายหลินหัวเราะคิกคักเมือ่เห็นสัญญาณเล็ก ๆ ระหว่างเจียงเหยาและลู่ชิงสี เธอกล่าวว่า “คุณนายจื่อกำลังถามคุณว่า หลังจากที่ภรรยาของคุณเรียนจบมหาวิทยาลัย คุณจะทำให้เธอเสียคน โดยการให้เธออยู่แต่บ้าน ไม่ต้องกังวลเรื่องทำงานหรือเรื่องเงินหรือเปล่า?”