ตอนที่ 265 : ก็ว่าไป....อันจวี้กรุ๊ปจะล้มละลาย??
ตอนที่ 265 : ก็ว่าไป....อันจวี้กรุ๊ปจะล้มละลาย??
อีกด้านหนึ่ง
ในเวลาเดียวกันกับตอนที่ชุยเสี่ยวม่านกำลังค้นหาข้อมูลหน่วยรักษาความปลอดภัยจากบริษัทรักษาความปลอดภัยเทียนเฉินก็เริ่มทำการสืบการกระทำของเธออย่างลับๆ
และพวกเขานั้นก็พบว่าตระกูลชุยนั้นกำลังเริ่มทำการโจมตีอันจวี้กรุ๊ปของอันเจี่ยนหยวน
เจียงเฉินนั้นไม่จำเป็นต้องให้อันฉิงเข้ามากังวลเพราะเขานั้นสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง
เขานั้นมีธุรกิจมากมายอยู่ในของเขาทั้งบาร์เทียนเฉินและบาร์เทียนฉู่ โรงแรมผางกู่ โรงแรมแอตแลนติส บริษัทกฏหมายเทียนกวน อาคารศูนย์กลางทางการเงิน......
ดังนั้นปีนี้เขาจึงมีเงินปันผลเยอะมาก ตอนนี้ในบัญชีธนาคารของเขานั้นมีเงินเกินหมื่นล....
[[ธนาคารก่อสร้างจีน] เลขลงท้าย 8577 ยอดเงิน 10,363,000453.3 หยวน!]
ส่วนธุรกิจบางส่วนที่เขาเพิ่งจะได้รับมานั้นยังไม่ได้จ่ายเงินปันผล แต่ตอนนี้หากเขาปล่อยเอาไว้โดยไม่ได้ยุ่งอะไรตลอดทั้งปีคาดว่าปีหน้าเงินในบัตรของเขาคงจะพุ่งขึ้นถึงหลักแสนล้าน!
หรือถ้าจะให้พูดก็คือ วิกฤตการณ์ทางการเงินของอันจวี้นั้นเจียงเฉินสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดายด้วยทรัพยากรทางการเงินของเขาเอง
แต่อย่างไรก็ตามเจียงเฉินนั้นมีแผนอื่นเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรไปหาโจวหมิงจากบริษัทลงทุนกั๋วดู่
“ฮัลโหล พี่โจว ผมมีธุรกิจมาแนะนำให้พี่น่ะ พี่รู้จักบริษัทอันจวี้กรุ๊ปไหม? นั่นบริษัทพ่อตาของผมเอง มันเป็นแบบนี้...”
เจียงเฉินเล่าเรื่องออกไปสั้นๆ เกี่ยวกับบริษัททางการเงินทั้งสามแห่งที่ปล่อยเงินกู้และตัดสินใจยื่นข้อเสนอให้กับโจวหมิง
ให้บริษัทของโจวหมิงนั้นเป็นผู้ปล่อยกู้ให้กับอันจวี้กรุ๊ปแทน
โดยที่เจียงเฉินนั้นจะเป็นผู้ค้ำประกันให้เองและรายได้จากการปล่อยกู้นั้นจะเป็นเงินของบริษัทโจวหมิงทั้งหมด!
สำหรับที่มีความมั่นคงอย่างบริษัทอันจวี้กรุ๊ปนั้นตราบใดที่ยังมีเงินทุนให้หมุนเวียนการปล่อยกู้นั้นจะให้ผลกำไรตอบแทนกลับมาได้อย่างแน่นอน!
“ตกลง! น้องเจียง ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องค้ำประกันด้วย! ในเมื่อเขาเป็นพ่อตาของนายฉันจะจัดการให้ดีที่สุดเอง!”
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเจียงเฉินแล้วโจวหมิงนั้นก็ตอบตกลงอย่างเต็มใจและมีความสุขมาก!
ทุกคนต่างเป็นคนฉลาดและคนฉลาดนั้นจะไม่อ้อมค้อมกัน!
เห็นได้ชัดว่าบอสเจียงกำลังส่งมาให้ฉัน!
ฉันยังจะต้องการรับประกันจากบอเจียงอยู่อีกหรอ?
บทเรียนมีทรัพย์สินมูลค่าหลายแสนล้าน เห็นด้วยชัดเลยว่าเขานั้นกำลังแนะนำช่องทางธุรกิจให้ฉันคนนี้!
.....
มณฑลเจ้อเจียง อันจวี้กรุ๊ป
ห้องทำงานประธานบริษัท
อันเจี่ยนหยวนที่กำลังเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าก็ได้รับโทรศัพท์
โจวหมิง “สวัสดีครับ นั้นอันเจี่ยนหยวนใช่ไหมครับ? ผมชื่อว่าโจวหมิงจากบริษัทลงทุนในเมืองหลวง ผมได้ยินมาว่าห่วงโซ่เงินทุนบริษัทของคุณเพิ่งจะพังลง คุณต้องการเงินทุนหมุนเวียนไหม?”
“ครับ ครับ ครับ คุณมาถูกเวลาจริงๆ!” เจี่ยนหยวนนั้นราวกับเจอฟางช่วยชีวิต
โจวหมิงหยิบซิการ์ออกมาและพูดอย่างไม่จริงจัง “บอกผมหน่อยได้ไหมว่าคุณต้องการเงินทุนเท่าไหร่?”
เจี่ยนหยวนนั้นรู้สึกกังวลเพราะกลัวว่าโจวหมิงนั้นจะไม่พอใจหากเขานั้นเรียกเงินมากเกินไป
“คุณโจวผม...ต้องการสองพันล้านครับ...”
ในความเป็นจริงหลินหมิง เหลียนหยุนเฟยและหวงเมิ่งเต๋อนั้นให้เขากู้เงินถึงสองพันห้าร้อยล้านแต่อันเจี่ยนหยวนนั้นไม่กล้าที่จะเรียกเงินมากขนาดนั้นในครังเดียว
แต่ใครจะไปคิด~
ดูเหมือนว่าโจวหมิงนั้นจะได้ข่าวมาก่อนแล้ว เขาหัวเราะและพูดออกมาว่า “คุณอันวงเงินที่สามคนเลวอย่างหลินหมิง เหลียนหยุนเฟยและหวงเมิ่งเต๋อให้คุณกู้นั้นมากถึงสองพันห้าร้อยล้าน ผมเองก็ได้ยินมาอยู่บ้าง ในเมื่อพวกเขาให้คุณสองพันห้าร้อยล้านงั้นผมให้สามผันล้านดีไหมครับ?”
ใบหน้าของอันเจี่ยนแดงก่ำ เขานั้นคาดไม่ถึงเลยว่าโจวหมิงคนนี้จะเป็นคนใหญ่คนโตในเมืองหลวงจนถึงขั้นที่รู้ถึงสถานการณ์ของบริษัทของฉันเป็นอย่างดี!
โจวหมิงพูดออกมา “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว! เพียงแค่คุณเป็นพ่อตาของเจียงเฉินน้องชายของฉัน~~ อา.....เพื่อนเก่าของคุณ! ฉันก็เลยเพิ่มให้คุณเพิ่มจากสองพันห้าร้อยล้านเป็นสามพันล้านเลย!”
“จริงหรอ?”
อันเจี่ยนหยวนตกตะลึง~~
เจียงเฉินเพื่อนเก่าของฉัน?
เขาคือใครกัน?
แต่อย่างไรก็ตามเขานั้นไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป
เขานั้นคาดไม่ถึงเลยว่า “เจียงเฉินเพื่อนเก่าของฉัน” จัมีใบหน้าใหญ่โตจนถึงขั้นให้ โจวหมิงให้ฉันกู้เงินสามพันล้าน!
แม้ว่าสิ่งที่โจวหมิงกำลังทำนั้นคือธุรกิจ แต่การที่ให้เขานั้นกู้เงินถึงสามพันล้านอย่างเร่งด่วนนั้นก็ช่วยให้เขานั้นสามารถแกปัญหาได้มากจริงๆ!
“ขอบคุณมากครับ!”
อันเจี่ยนหยวนรู้สึกขอบคุณมาก
“เดี๋ยวผมจะส่งคนนำสัญญาไปให้กับคุณ หลังจากที่คุณเซ็นสัญญาแล้วเงินจะถูกส่งไปให้คุณทันที!”
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง.....
อันเจี่ยนหยวนก็ทำการเซ็นสัญญา
หลังจากเซ็นสัญญาแล้ว โจวหมิงก็สั่งให้เลขาของเขาดำเนินการตามขั้นตอนการโอนเงิน
ติ๊ง!
บนโทรศัพท์มือถือของอันเจี่ยนหยวนก็มีเสียงเตือนอันน่ายินดีดังขึ้น!
“บัญชีบริษัทของคุณได้รับเงินเข้าจำนวน 3,000,000,000 หยวน!”
อันเจี่ยนหยวนตกตะลึง~~
ฉันไม่เคยเห็นตัวเลขจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน!
โจวหยวนคนนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ!!
อันจวี้กรุ๊ปใช้เงินทุนจำนวนนี้คลี่คลายสถานการณ์อย่างรวดเร็ว
อันเจี่ยนหยวนในตอนนี้ก็กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับความสงสัย
เขานั้นมีคำถามอยู่ในใจแต่ก็ไม่กล้าถามออกไป
มันคือคำพูดของโจวหมิงที่พูดถึงเจียงเฉินเพื่อนเก่าของเขา แต่เมื่อเขาคิดอย่างรอบคอบ เขานั้นไม่รู้จักคนที่ชื่อว่าเจียงเฉินเลยแม้แต่คนเดียว!
เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมอีกฝ่ายถึงให้ฉันยืมเงินมันคงไม่ใช่การเข้าใจผิดใช่ไหม?
อันเจี่ยนหยวนตกตะลึงและพึมพัมกับตัวเองช้าๆ
“ยังไงก็เถอะ ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างก็ออกมาดีแล้ว....”
......
ชุยเสี่ยวม่านกำลังรอข่าวอยู่ในบ้านของเธอ~~
รอวันแล้ววันเล่า....
เธอนั้นรอให้อันจวี้กรุ๊ปนั้นไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคงอีกต่อไปจนอันเจี่ยนหยวนนั้นต้องมาคุกเข่าขอขมาต่อหน้าเธอ เธอนั้นจะได้หยิบยกเงื่อนไขที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เธอคิดได้ให้กับเจียงเฉินและอันฉิงให้ทั้งสองนั้นได้อับอายขายหน้า
แต่ใครจะรู้~~
เธอนั้นรอมานานมากแต่กลับไม่มีผลลัพธ์อะไรเลย~~
เธอนั้นกลั้นใจส่งคนไปตรวจสอบบริษัทอันจวี้กรุ๊ป
ผลก็คือ~~
ในบัญชีของอันจวี้กรุ๊ปนั้นมีเงินทุนถึงสามพันล้านหยวน!
มั่งคั่งแถมยังทรงพลังมาก!
ไม่ใช่ว่าผลที่ออกมาควรเป็นบริษัทที่ขาดห่วงโซ่เงินทุนรึยังไง? ทำไมมันถึงได้ดีกว่าเดิม?
และตอนนี้ก็ยังมีข่าวอีกว่าอันจวี้กรุ๊ปกำลังมีสถานการณ์ทางการเงินที่ดีจนสามารถเร่งแผนโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองจินหัวได้อีก!
เมื่อเห็นแบบนี้ชุยเสี่ยวม่านนั้นก็โกรธจนปอดแทบระเบิดออกมา!
โกรธมากๆ!
เธอนั้นรอให้อันเจี่ยนหยวนมาคุกเข่าต่อหน้าเธอตั้งนาน!
แต่ทำไมเพียงแค่พริบตาเดียวมันกลับกลายเป็นแบบนี้?!
เธอนั้นโทรไปถามหลินหมิง เหลียนหยุนเฟยและหวงเมิ่งต๋าทันที
“พวกนายกำลังทำอะไรกันอยู่?”
แต่ใครจะไปถิดว่าหลินหมิง เหลียนหยุนเฟยและหวงเมิ่งต๋าจะถามกลับมาพร้อมกัน!
“บ้าเอ๊ย! คุณยังจะถามพวกเราอีกหรอ?”
“จะให้ทำยังไงได้อีก?”
“พวกเรายุติการให้กู้เงินกับอันเจี่ยนหยวนพร้อมๆกัน แถมยังตัดช่องทางการระดมทุนของเขาไป! แต่ปรากฏว่าเขากลับไปพบโจวหมิง!”
“ประธานบริษัทหลักทรัพย์กั๋วดู่! ความแข็งแกร่งของเขาเพียงแค่คนเดียวก็มากกว่าพวกเราสามคนที่รวมกันแล้ว!”
“โจวหมิงคนนั้นถึงกลับตัดสินใจให้อีกฝ่ายกู้เงินสามพันล้านในเวลาเพียงแค่ลมหายใจเดียว!”
“ตอนนี้อันเจี่ยนหยวนไม่ต้องการเงินกู้ของพวกเราก็สามารถอยู่ได้อย่างสบายๆแล้ว!”
“ตอนนี้พวกเราสามคนไร้ค่าแล้ว!”
“กำไรก่อนหน้านี้ของพวกเราเกือบทั้งหมดนั้นก็ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยการกู้เงินของอันจวี้กรุ๊ป แต่ตอนนี้ธุรกิจของพวกเราหายหมดแล้ว! สิ่งที่กำลังรออยู่ข้างหน้าพวกเรามีแต่ความยากลำบาก!”
โศกนาฎกรรม!
ตอนนี้ตับของทั้งสามคนนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด!
ชุยเสี่ยวม่านตกตะลึง! Σ(⊙▽⊙“a
พระเจ้า!
ฉันอุตส่าห์บังคับให้ หลินหมิง เหลียนหยุนเฟยและหวงเมิ่งต๋ายุติการให้กู้กับอันเจี่ยนหยวนเพื่อที่จะได้บีบคอของอันจวี้กรุ๊ปได้แต่โจวหมิงกลับมาช่วยชีวิตไปอย่างดื้อๆ?!
โจวหมิงคนนี้ยังไงกัน?
เขาต้องการต่อต้านฉันงั้นหรอ?
ชุยเสี่ยม่านโกรธมากเธอนั้นต้องการพบโจวหมิงทันที
แม้ว่าบริษัทหลักทรัพย์กั๋วดู่ของโจวหมิงนั้นจะมีชื่อเสียงและความแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษแต่ชุยเสี่ยวม่ายก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะอย่างน้องด้วยตระกูลของเธอกับโจวหมิงคนนี้ก็ยังอยู่ในระดับเดียวกัน
เธอเชื่อว่าแม้โจวหมิงจะไม่กลัวเธอแต่ตราบใดที่เธอนั้นยื่นข้อเสนอที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์มากมายให้โจวหมิงเขานั้นก็คงคิดได้ว่าการเป็นศัตรูกับเธอและยืนอยู่ข้างอันเจี่ยนหยวนคงจะไม่ใช่ทางที่ดี?
เพื่อเกลี้ยกล่อมโจวหมิงชุยเสี่ยวม่านนั้นพยายามอย่างหนัก
เธอนั้นตั้งใจเลือกคลับเฮ้าส์ที่หรูหราที่สุดในเมืองหลวงและยังเชิญลุงใหญ่และลุงสามของเธอมางานเลี้ยงนี้ด้วย
ตอนแรกโจวหมิงนั้นก็ไม่เข้าใจว่าตระกูลชุยนั้นจะมีปัญหาอะไรกับเขา แต่เขานั้นก็ไปตามคำเชิญ
ชุยเสี่ยวม่านดื่มกับลุงใหญ่และลุงสามของเธอพร้อมกับโจวหมิง
ช่วงแรกบรรยากาศนั้นก็ดี
หลังจากที่พวกเขาพากันดื่มไปสามแก้ว
ชุยเสี่ยวม่านก็ยิ้มและถามออกมา “ประธานโจว ฉันได้ยินมาว่าคุณนั้นกำลังทำธุรกิจกับอันจวี้กรุ๊ปใช่ไหมคะ?”
โจวหมิงขมวดคิ้วและพบว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายแล้ว
ปรากฏว่างานเลี้ยงวันนี้ไม่ใช่แค่การกินดื่มเท่านั้น
“ใช่แล้วครับ”
โจวหมิงหัวเราะและพูดออกมา “ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คุณชุยจะสนใจกับธุรกิจของผมด้วย”
“จริงๆแล้ว”
ชุยเสี่ยวม่านยิ้มและผลักกล่องใบใหญ่ไปให้โจวหมิง “นี่เป็นส่วนหนึ่งสำหรับการแสดงความจริงใจของฉัน ฉันขอให้ประธานโจวรับมันไปด้วยนะคะ”
โจวหมิงเปิดมันออกมาดู
และเขานั้นก็ต้องตกตะลึง
เพราะข้างในนั้นมี~~ กระทิงทองคำบริสุทธิ์อยู่
มันเป็นประติมากรรมกระทิงทองคำบริสุทธิ์ที่เลียนแบบมาจากประติมากรรมกระทิงบนถนนวอลล์สตรีท มันดูมีความดุดันและรายละเอียดที่ดีมากๆ!
และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ~~
มันทำมาจากทองคำบริสุทธิ์!
หนักมาก!
ประติมากรรมกระทิงทองคำบริสุทธิ์ตัวนี้น้ำหนักของมันนั้นไม่น้อยกว่าสิบกิโลกรัมแน่ๆ!
ทองคำบริสุทธิ์ในตอนนี้มีราคาอยู่ที่กรัมละสี่ร้อยหยวน!
แล้วประติมากรรมชิ้นนี้มีราคาเท่าไหร่?!
ยิ่งไปกว่านั้นดวงตาทั้งสองข้างของมันยังมีทับทิมธรรมชาติประดับอยู่ด้วย!
“ประติมากรรมชิ้นนี้ฉันสั่งทำจากชั่งที่มีชื่อเสียงให้กับคุณโจวโดยเฉพาะ! มันมีชื่อว่ากระทิงทะยานฟ้า! ขอให้ธุรกิจของคุณแข็งแกร่งและเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆนะคะ”
สมแล้วที่ชุยเสี่ยวม่านนั้นเป็นลูกสาวของชนชั้นสูง แม้ว่าเธอนั้นจะเย่อหยิ่งแต่เมื่อต้องอยู่ในเวลาทำงานเธอนั้นจะเป็นคนที่อ่อนน้อม!
ชุยเสี่ยวม่านเยาะเย้ยอยู่ในใจ
“ฮ่าฮ่า ของขวัญจากฉันชิ้นนี้มีราคากว่าสิบล้าน!”
“และยังมีหน้าของตระกูลชุยและตระกูลหวังหนุนหลังอยู่ด้วย!”
“ฉันเชื่อว่าโจวหมิงจะต้องไม่มีวันปฏิเสธมันอย่างแน่นอน!”
“เขานั้นไม่มีเหตุผลที่จะอยู่เคียงข้างกับอันเจี่ยนหยวนและยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะต่อต้านฉันคนนี้!”
ลุงใหญ่ของชุยเสี่ยวม่านและลุงสามของเธอก็แสดงความยินดีกับโจวหมิง
คิ้วของโจวหมิงขมวด
เมื่ออยู่ระหว่างการเจรจานั้นไม่ควรมีของกำนัล
โจวหมิงนั้นเป็นคนที่ชัดเจนมากโดยเฉพาะระหว่างการเจรจาเขานั้นจะไม่มีการนำเรื่องของบุญคุณและของกำนัลเข้ามาเกี่ยวข้องเด็ดขาด!
เขาโบกมือ “ของขวัญชิ้นนี้มีมูลค่าหลายสิบล้าน! ผมรับไว้ไม่ได้หรอก!”
“ทำไมกันคะ?”
ชุยเสี่ยวม่านตกตะลึง
“นอกเสียงจากว่าคุณนั้นจะบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงของคุณ”
โจวหมิงพูดออกมาอย่างแข็งกร้าว “ไม่อย่างนั้น ผมก็คงได้แค่พูดว่าขอโทษและออกจากที่นี่ทันที”
“โอ้~~”
ชุยเสี่ยวม่านยิ้มออกมาเล็กน้อย “จริงๆแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรค่ะ ขอแค่คุณยุติการร่วมมือกับอันเจี่ยนหยวนทันที! ก็เท่านั้นค่ะ”
โจวหมิงขมวดคิ้ว
จริงๆด้วย!
ชุยเสี่ยวม่านคนนี้เชิญเขามาที่นี่ก็เพราะเรื่องของอันเจี่ยนหยวนจริงๆ!
และแผนการของชุยเสี่ยวม่านนั้นก็คงจะเป็นไปอย่างราบรื่น ถ้าโจวหมิงนั้นไม่รู้จักเจียงเฉิน เขาก็คงตอบตกลงไปแล้ว!
แต่!
เขารู้จักกับเจียงเฉินไปแล้ว!
โจวหมิงนั้นจะกล้าทำให้พ่อตาในอนาคตของเจียงเฉินขุ่นเคืองได้ยังไงกัน? สำหรับของขวัญเล็กๆน้อยๆนี้และใบหน้าของตระกูลชุยกับเจียงเฉินอะไรมันสำคัญกว่า?
หึหึ~~
“ไม่ครับ!”
โจวหมิงตอบปฎิเสธอย่างเด็ดขาด!
“อะไรนะ?!”
ชุยเสี่ยวม่านที่กำลังยิ้มออกมาก็ตกตะลึง!
ช็อก! Σ(°△°|||)︴
เป็นไปได้ยังไงกัน?
โจวหมิงปฏิเสธเธอ?
“ฉัน...ฉันได้ยินถูกต้องแล้วใช่ไหมคะ คุณโจว?”
ชุยเสี่ยวม่านตกตะลึง “คุณปฏิเสธของขวัญจากฉันและเลือกอยู่กับอันเจี่ยนหยวนจริงๆหรอ?! ปฏิเสธใบหน้าของตระกูลชุยและตระกูลหวัง? คุณโจวคุณนี่ไม่ฉลาดเลยนะ คุณก็น่าจะรู้ถึงพลังของตระกูลชุยของฉัน~~”
เมื่อได้ยินเธอพูดข่มขู่ด้วยอิทธิพลของตระกูลชุยโจวหมิงก็หัวเราะออกมา!
“พลังของตระกูลชุยนั้นมีไม่น้อยและพลังของตระกูลหวังก็ไม่น้อยเหมือนกัน และของขวัญของคุณก็นับว่าหนักไม่น้อย้ช่นกัน!”
โจวหมิงยืนขึ้นและพูดอย่างใจเย็น “แต่น่าเสียดายเพราะผมขอปฏิเสธ!”
พูดจบเขาก็ออกไปทันที
เหลือไว้เพียงชุยเสี่ยวม่าน ลุงใหญ่และลุงสามของเธอพวกเขามองหน้ากันด้วยความตกตะลึง~~
“เกิดอะไรขึ้น?”
ลุงใหญ่ขมวดคิ้วและถามชุยเสี่ยวม่าน “ถ้าเธอต้องการจัดการกับอันเจี่ยนหนวนคนนี้ เธอมีอย่างอื่นที่ไม่รู้อยู่บ้างรึเปล่า? ไม่งั้นและทำไมโจวหมิงคนนี้ถึงกล้าหักหน้าของเราได้ขนาดนี้?”
ลุงสามมีใบหน้าที่มืดครึ้มลงเขามองไปที่ชุยเสี่ยวม่าน “ใช่แล้ว โจวหมิงคนนี้ไม่ใช่คนโง่ เขาจะต้องมีเหตุผลถึงได้กล้าปฏิเสธเรา ฉันคิดว่าเขาจะต้องมีความลับอยู่!”
ชุยเสี่ยวม่านตกตะลึง~~
o((⊙﹏⊙))o.
เธอนั้นโกรธมาก แต่~~
เธอนั้นทำอะไรโจวหมิงไม่ได้!
เพราะโจวหมิงคนนี้ไม่มีจุดอ่อนเหมือนกับหลินหมิง เหลียนหยุนเฟยและหวงเมิ่งต๋า!
แถมความแข็งแกร่งของเขานั้นก็ไม่ใช่น้อยมันมากพอๆกับตระกูลชุยและตระกูลหวัง!
ดังนั้นชุยเสี่ยวม่านจึงทำได้แค่พยายามชักชวนให้โจวหมิงร่วมมือกับเธอแต่น่าเสียดายที่โจวหมิงนั้นปฏิเสธอย่างเด็ดขาด!
“สารเลว! หนูจะไปตรวจสอบอีกครั้ง! หนูไม่เชื่อว่าหนูจะหาไม่เจอ!”
ชุยเสี่ยวม่านกระทืบเท้าด้วยความเกลียดชัง!
……
โจวหมิงเดินออกจากห้องส่วนตัว ดวงตาของเขาก็มืดมนลงทันที
เรื่องตอนนี้มันไม่ง่ายเลยจริงๆ!
ครั้งก่อนเจียงเฉินนั้นไม่ได้พุดอะไรถึงชุยเสี่ยวม่าน มีเพียงแค่เรื่องของบริษัททางการเงินทั้งสามที่หยุดปล่อยเงินกู้เท่านั้น แต่วันนี้โจวหมิงนั้นก็เข้าใจแล้วว่าใครคือศัตรูที่แท้จริงของอันเจี่ยนหยวนที่กำลังลงมือบงการอยู่อย่างลับๆ
เขานั้นโทรหาเจียงเฉินและบอกเรื่องนี้ทันที
“น้องเจียง ฉันมีเรื่องบางอย่างอยากจะบอกนาย ฉันเพิ่งจะถูกชุยเสี่ยวม่านจากตระกูลชุยชักชวนให้ยุติการสนับสนุนทางการเงินกับอันจวี้กรีป! ดูเหมือนว่าเธอนั้นจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆด้วย!”
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากพี่โจว!”
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเจียงเฉินนั้นได้สั่งให้บริษัทรักษาความปลอดภัยเทียนเฉินนั้นทำการตรวจสอบ หลินหมิง เหลียนหยุนเฟยและหวงเมิ่งต๋า
เขานั้นพร้อมที่จะทำการตอบโต้อยู่ตลอดเวลา
ไม่เพียงแต่จะตอบโต้กลับเท่านั้นแต่เขานั้นจะทำลายกระดูกสันหลังของศัตรูด้วย!
ในเวลานี้เองทีมสืบสวนของบริษัทรักษาความปลอดภัยเทียนเฉินก็ส่งข้อมูลมาให้เจียงเฉินได้ดู
และเมื่อเจียงเฉินได้ดูแล้วเขาก็ต้องตกตะลึง!
ปรากฏว่าบริษัททั้งสามของหลินหมิง เหลียนหยุนเฟยและหวงเมิ่งต๋านั้นมีเบื้องหลังเป็นธนาคารเซี่ย!
เจียงเฉินตกตะลึงไม่น้อยเลย!
ธนาคารหัวเซี่ย?
นี่ไม่ใช่ธนาคารที่ฉันเพิ่งได้มาหรอ?
เจียงเฉินนั้นเพิ่งจะได้รับหุ้นของธนาคารหัวเซี่ย 29.2% มูลค่า สองแสนหนึ่งหมื่นแปดพันล้าน และยังได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดด้วย!
บริษัทการเงินทั้งสามของหลินหมิง เหลียนหยุนเฟยและหวงเมิ่งต๋านั้นมีทุนแค่เล็กน้อย
ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็แค่คนคนหนึ่งพวกเขาจะมีเงินได้มากแค่ไหนกัน? พวกเขาจะสามารถเทียบกับธนาคารได้หรอ?
บริษัททางการเงินของทั้งสามจึงไม่ได้มีความต่างจากเงาของธนาคารแม้แต่น้อย!
พูดตามตรงก็คือพวกเขาทั้งสามนั้นมีวิธีการกู้เงินจากธนาคารด้วยดอกเบี้ยที่ค่อนข้างต่ำ จากนั้นพวกเขานั้นก็จะนำเงินตรงนี้ไปเพื่อปล่อยกู้ต่อ!
และพวกเขานั้นก็จะเอาดอกเบี้ยมาใช้ธนาคารและเก็บส่วนต่างเข้ากระเป๋าของตัวเอง!
แน่นอนว่าธนาคารสามารถให้บริษัทต่างๆเข้ามากู้ยืมโดยตรงได้ อย่างอันจวี้กรุ๊ปเองก็สามารถเข้ามากู้ได้โดยตรง แต่บางครั้งด้วยกระบวนการที่ซับซ้อนและยาวนาน เมื่อบริษัทนั้นต้องการเงินทุนมาหมุนเวียนอย่างเร่งด่วนพวกเขานั้นก็จะไม่สามารถกู้ยืมเงินจากธนาคารได้ ดังนั้นจึงมีเพียงแค่บริษัททางการเงินเท่านั้นที่ตอบโจทย์ และด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้ทั้งหลินหมิง เหลียนหยุนเฟยและหวงเมิ่งต๋ามีโอกาศสร้างกำไรได้อย่างมหาศาล!
หลินหมิง เหลียนหยุนเฟยและหวงเมิ่งต๋าต่างก็พากันพึ่งพาการสนับสนุนจากธนาคารหัวเซี่ย!
หากพวกเขานั้นปราศจากความร่วมมือของธนาคารหัวเซี่ยแล้ว พวกเขานั้นก็จะไม่เหลือเงินอยู่ในบัญชีอีกเลย!
พูดตามตรงก็คือทั้งสามนั้นเป็นเหมือนกับสุนัขที่ต้องคอยพึ่งพาธนาคารหัวเซี่ยในการใช้ชีวิต!
“หึหึ~”
เมื่อเห็นแบบนี้เจียงเฉินก็หัวเราะออกมาก่อนจะโทรหาเว่ยเฉิงเหรินประธานของธนาคารหัวเซี่ย
“ผมเจียงเฉินเอง!”
“อ่า~~ คุณเจียง!”
ประธานของธนาคารหัวเซี่ยตกใจมากจนรีบลุกขึ้นจากที่นั่งของเขาทันที “คุณ เจียงต้องการจะสั่งอะไรงั้นหรอครับ?”
ในฐานะที่เขานั้นเป็นผู้บริหารของบริษัท เขานั้นรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของผู้ถือหุ้นดี!
หุ้นจำนวน 29.2% นั้นถูกซื้อไปโดยบุคคลลึกลับคนหนึ่ง!
และได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด!
และชื่อของผู้ถือหุ้นคนนั้นก็คือเจียงเฉิน!
เขานั้นได้ทำการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์อย่างระมัดระวังและพบว่านี่คือเบอร์โทรศัพท์ที่เจียงเฉินทิ้งไว้จริงๆ!
ไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย!
เจียงเฉินพูดออกมา “ไม่ได้มีเรื่องสำคัญอะไรหรอก ฉันแค่ต้องการตรวจสอบว่าธนาคารหัวเซี่ยนั้นได้ร่วมมือกับคนที่ชื่อ หลินหมิง เหลียนหยุนเฟยและหวงเมิ่งต๋ารึเปล่า?”
“มีอยู่ครับ!”
ประธานเว่ยรีบตอบทันที “หลินหมิง เหลียนหยุนเฟยและหวงเมิ่งต๋า พวกเขาต่างก็พึ่งพาเงินกู้จากธนาคารหัวเซี่ยครับแลได่รับความไว้วางใจจากทางเราให้เปิดเป็นบริษัททางการเงินครับ”
“หยุดให้ความช่วยเหลือพวกเขา!”
เจียงเฉินพูดอย่างเฉยชา “หยุดการให้กู้และยุติความสัมพัน์ลงทันที”
“ครับ!”
ประธานเหว่ยเฉิงเหริน ตอบตกลงทันทีโดยที่ไม่ลังเล
แม้ว่าหลินหมิน เหลียนหยุนเฟยและหวงเมิ่งต๋า จะเป็นหุ้นส่วนของธนาคารมาโดยตลอดมีทั้งการร่วมมือในระยะยาวและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแต่ประธานเว่ยเฉิงเหรินกลับไม่ลังเลเลย
เรื่องตลก!
ทำไมยังต้องลังเลด้วย?
ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดรายใหม่ ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นแค่สุนัขสามตัวที่อาศัยลมหายใจจากธนาคาร!
จะให้เลือกอันไหนดีล่ะ?
ถ้าเขายังไม่รู้ว่าควรเลือกฝั่งไหน เขาคงไม่มีวันได้ตำแหน่งนี้มาหรอก!
“ผมจะจัดการทันทีครับ!”
…….
ในอีกด้านหนึ่ง
หลินหมิง เหลียนหยุนเฟยและหวงเมิ่งต๋าที่กำลังเฝ้ารอข่าวดี แต่ตอนนี้พวกเขาก็ต้องตกตะลึง~~
เพราะไม่มีอะไรผิดปกติกับอันจวี้กรุ๊ปเลย!
โจวหมิงคงไม่ได้ยินดีที่จะร่วมมือกับอันจวี้กรุ๊ปหรอกนะ?
อันจวี้กรุ๊ปนั้นจะจ่ายเงินต้นคืนให้ทุกๆเดือนและโจวหมิงนั้นก็จะทำเพียงแค่เรียกเก็บดอกเบี้ยเท่านั้น
ส่วนหญิงสาวตระกูลชุยจอมเสแสร้งคนนั้นก็หายตัวไปและไม่ดำเนินการอะไรกับอันจวี้กรุ๊ปอีกเลย!
หลินหมิง เหลียนหยุนเฟยและหวงเมิ่งต๋าระเบิดความโกรธออกมา!
พวกเขาตะโกนออกมา!
“บัดซบ! แล้วแผนการล้มอันจวี้กรุ๊ปล่ะ?!”
“เวรเอ๊ย! แล้วไหนอันจวี้กรุ๊ปที่กำลังมีปัญหาและจะแบ่งหุ้น 45% ให้พวกเราสามคน?”
“พวกเราต้องสูญเสียลูกค้ารายใหญ่ไป และผลที่ตามมาก็คืออันจวี้กรุ๊ปกลับไปม่เป็นอะไรเลย?”
“ชุยเสี่ยวม่านคงไม่ได้กำลังหลอกพวกเราหรอกนะ?!”
หลิวหมิง เหลียนหยุนเฟยและหวงเมิ่งเต๋อจึงพากันโทรหาและถามคำถามกับชุยเสี่ยวม่านทันที