ตอนที่ 155 ข้อเสนอของกาย(อ่านฟรี)
ตอนที่ 155 ข้อเสนอของกาย
“ข้าข้อเสนอ”
ทิฟอนและทหารในหน่วยที่ 7 หยุดคุยและหันไปมองกายที่กำลังเดินเข้ามาเป็นสายตาเดียวกัน พวกเขาแสดงสีหน้าที่ต่างกันไป บ้างก็แปลกใจ บ้างก็ไม่พอใจเล็ก ๆ ที่โดนขัดจังหวะการสนทนา แต่โดยรวมแล้วทุกคนสงสัยว่ากายต้องการจะพูดอะไรกันแน่
“เจ้าลองพูดมา” หัวหน้าหน่วยทิฟอนกล่าว เขามีความประทับใจกายอยู่จากเหตุการณ์ในวันนี้ ดังนั้นจึงอยากจะลองฟังความเห็นของกายดู
ในที่สุดเสียงของเราก็มีน้ำหนักขึ้นมาบ้าง กายเผยรอยยิ้มมุมปาก
“คิดว่าพวกนั้นรู้เรื่องที่เรายึดด่านหน้า 57 แล้ว จากทั้งมนุษย์ไฟที่หนีไปได้และจากทั้งเรื่องของการขาดการติดต่อจากที่นี่ของทหารคนอื่น ๆ ฝ่ายนครแสงเทวา แต่จากความคิดของข้า การโจมตีและยึดด่านหน้าเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่การหยั่งเชิงของนครแสงเทวา เพราะด้วยจำนวนการขัดแย้งเล็ก ๆ นี้คงไม่อาจจะสั่นคลอนป้อมปราการตะวันออกได้อยู่แล้ว” กายพูดมาถึงตรงนี้ หัวหน้าหน่วยทิฟอนและคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเข้าใจ ที่จริงแล้วเรื่องเหล่านี้หลายคนก็พอจะเดาได้บ้างอยู่แล้ว
“พูดต่อ” ทิฟอนกล่าว
กายพยักหน้าและกล่าวต่อ “ตอนนี้ข้าเดาว่าพวกเขาคงรวมพลและรอคอยจะโจมตีจุดใดจุดหนึ่งของด่านหน้าและตรงไปที่ป้อมปราการตะวันออกโดยเร็วที่สุด โดยข้าเดาว่าการโจมตีส่วนใหญ่ในช่วงแรกนั้นจะไม่ใช้กำลังทหารของนครแสงเทวาเป็นหลัก แต่จะใช้พวกมนุษย์ไฟเป็นกำลังหลัก”
“หึ พวกมนุษย์ไฟสมควรตายให้หมด พวกมันสร้างความเสียหายต่อนครเราและยังไปร่วมมือกับฝ่ายนครแสงเทวาเปิดศึกกัยเราอีก” ซิฟอนกล่าวอย่างไม่พอใจ
“ข้ารู้ เรื่องการโจมตีดี เพราะข้าคือคนที่โดนโจมตีในการทดสอบด้วย แต่อันที่จริงพวกท่านก็น่าจะรู้บางอย่างหลังจากไล่ล่าพวกมนุษย์แล้วใช่ไหม”
“เจ้าต้องการพูดอะไร”
“ข้าจะบอกว่าเรามนุษย์ไฟไม่ได้มีพวกเดียว เราควรจะใช้พวกเขาเหมือนกับที่ฝั่งของนครแสงเทวาใช้เช่นกัน อย่างน้อยในการต่อสู้แรก ๆ จะทำให้พวกเรารักษากำลังหลักไว้ได้จนกว่าฝั่งนั้นจะส่งกำลังหลักเข้ามา”
ทุกคนได้ยินคำพูดของกายก็ดูจะตกใจและพากันขมวดคิ้วเข้าหากันทันที ในฐานะหน่วยทหารที่ไล่ล่าพวกกองโจรกะโหลกแดงนั้น ทิฟอนรู้มาสักพักแล้วว่าไม่ได้มีมนุษย์ไฟแค่กลุ่มเดียว และดูเหมือนบางพวกหรือบางคนก็ไม่ชอบพวกมนุษย์ไฟที่เรียกตนเองว่ากะโหลกแดง
ที่จริงเรื่องนี้เขาเคยรายงานกับทางหัวหน้ากองพลเกล โรเดรียนมาก่อน แต่ก็ยังไม่มีคำสั่งอะไรออกมา
“เรากลับมาที่การโจมตีคืนนี้ ข้าคิดว่าที่จริงแล้วเราควรจะทำกับดักรอต้อนรับพวกนั้น แทนที่เราจะมาคอยคิดว่าพวกนั้นจะมาจากทางไหน อย่างไรทหารเหล่านั้นก็ต้องมาที่หน้า 57 อยู่แล้ว ถ้าเราทำกับดักไว้ตรงนี้และเป็นกับดักที่มากพอจะทำลายทหารหรือพวกมนุษย์ที่จะลงมือโจมตีเราทั้งหมดในครั้งเดียว” กายกล่าวด้วยท่าทีมั่นใจ ขณะที่นิ้วชี้ไปยังตำแหน่งหน้าของหน้า 57 ไปไม่ถึง100 เมตรในแผนที่โต๊ะ
“นี่มัน เจ้าแน่ใจใช่ไหม”
กายพยักหน้ายืนยัน
“ทำอย่างไร?” หัวหน้าหน่วยทิฟอนถามกลับด้วยความสนใจ ทหารคนอื่น ๆ ก็มองไปที่กายรอคอยคำตอบด้วยเช่นกัน
“ด้วยเจ้าสิ่งนี้” กายชี้ไปที่ตะเกียงน้ำมันพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมา ที่จริงแล้วสถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากเกมที่เขาเคยเล่นกับไทเลอร์ในร้านเกมเสมือนจริงหมายเลข 8 ครั้งแรก อย่างเกมยิงปืนชิงธงสักเท่าไหร่
ซึ่งกฏในครั้งนี้จะไม่ใช่การได้ธงไปครอง แต่คือการรักษาด่าหน้า 57 หรือก็คือหอระฆังไปให้ได้ และกายก็กำลังจะใช้วิธีเดียวกับที่เคยใช้กับไทเลอร์
...
ตกดึกหลังจากเที่ยงคืนมาเยือนพื้นที่รอบหมู่บ้านร้างก็เงียบสนิท ที่ด่านหน้า 57 นั้นมีทหารเฝ้ายามอยู่หลายสิบรายแต่นอกนั้นก็ไม่เห็นทหารคนอื่น ๆ อีก แสงไฟหอระฆังนั้นน้อยลงกว่าปกติ ส่วนใหญ่เปลี่ยนจากเกียงน้ำมันมาเป็นคบเพลิงไฟแทน
ทหารส่วนใหญ่ที่เหลือนั้นไม่ได้อยู่ที่หอระฆังแต่กำลังกระจายตัวกันเฝ้ารอตามซากหมู่บ้านร้างแทน พวกเขาไม่แม้แต่จะก่อกองไฟหรือจุดตะเกียงน้ำมัน
ในจุดการซุ่มโจมตีจุดหนึ่ง กาย มีอาและหัวหน้าหน่วยทิฟอน พร้อมด้วยทหารอีกไม่กี่นายต่างก็นั่งพิงกำแพงกอดอาวุธของตนเองอย่างเฝ้ารอ
“เจ้าคิดว่าแผนการของเจ้าโหดร้ายเกินไปหรือไม่” เซคาสรองหัวหน้าหน่วยที่ 7 ถามกาย
“นี่มันสงครามเจ้าก็น่าจะรู้ดีกว่าข้า” กายตอบกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ที่จริงกายก็ไม่อยากจะใช้วิธีนี้ แต่เพราะพวกเขาไม่มีทางเลือก ฝั่งนั้นมีทั้งผู้เล่นและทหารทำให้กำลังรบมีมากกว่าหน่วยที่ 7 ที่ยึดด่าหน้า 57 ซะอีก และเมื่อเทียบกับแดนสงครามแล้ว นี่ไม่นับว่าโหดร้ายแม้แต่น้อย ซึ่งสงครามที่ด่านหน้านี้เป็นสงครามย่อยเท่านั้น จำนวนทหารที่สู้กันจึงน้อยมาก แต่ถ้ารวมกับด่านหน้าอื่น ๆ มันน่าจะมีทหารร่วมมากกว่า 5-6000 คนเป็นอย่างต่ำ
เซคาสได้ยินก็ถึงกับเงียบไป ทหารคนอื่น ๆ ไม่มีใครกล่าวอะไรเช่นกัน พวกเขาเข้าใจว่านี่คือสงคราม แต่ตอนแรกพอได้ยินแผนของกายก็รู้สึกหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย พวกเขานึกภาพไม่ออกว่าถ้าแผนนี้สำเร็จจะสร้างภาพที่โหดเหี้ยมแค่ไหน
หลายคนอดมองไปที่กายไม่ได้
“หวังว่าพวกมันจะมาตามที่เจ้าว่าไว้” ทิฟอนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบามา จนได้ยินแค่กลุ่มของพวกเขา
“พวกมันจะมา ข้ามั่นใจ” กายตอบกลับไปเงียบ ๆ ตอนนี้เขากำลังสงบใจตัวเอง เพราะความตื่นเต้นต่อแผนการของเขา กายผ่านการต่อสู้ใหญ่ ๆ ในโลกราชันมาหลายครั้ง แต่เรื่องการใช้แผนการนั้นสามารถนับได้ไม่เกินสามครั้ง
ครั้งแรกคือที่การทดสอบชั้นปี 1 ป่าคาเนรีส ครั้งที่สองก็ที่การต่อสู้ของกองโจรกระทิงโลหิต ซึ่งสังหารโจรได้นับร้อย แต่ครั้งคือครั้งที่ 3 นี้ต่างออกไปมันคือสงครามกับทหารจริง ๆ ไม่ใช่โจร เขาอยากรู้ว่ามันจะทำความเสียหายได้แค่ไหน
เป็นเกมที่โหดร้ายซะจริง ๆ กายกล่าวในใจคนเดียว
การเฝ้ารออย่างเงียบ ๆ ยังคงดำเนินต่อไป แต่ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งไม่มีสัญญาณของการเริ่มโจมตี แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครบ่นอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว พวกเขาคือทหาร ถ้าทิฟอนยังคงให้รอพวกเขาก็จะรอ
ทหารหน่วยที่ 7 เฝ้ารออยู่ในความมืดท่ามกลางความหนาวเย็นรอคอยอย่างอดทน ความอดทนถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการซุ่มโจมตีและในที่สุดความอดทนของพวกเขาก็เป็นผล
เวลาตี 4.30 ซึ่งเป็นเวลาใกล้รุ่งเช้าเขาไปทุกที ในที่สุดก็มีการเคลื่อนไหวที่แนวชายป่าของหมู่บ้านร้าง ห่างจากพวกเขาไปไม่มาก ซึ่งทิฟอนได้วางแนวทหารสอดแนมไว้แค่สามจุด เพราะถ้ามากเกินไปเขากลัวว่าทหารฝ่ายนครแสงเทวาจะไหวตัวทัน
และเมื่อครู่ทหารสอดแนมทั้งสามคนก็รีบกลับเข้ามา เพราะเจอกับทหารจำนวนมากที่มุ่งหน้าตรงมายังด่านหน้า 57 นี้
เป็นอย่างที่เด็กนี่พูดจริง ๆ พวกมันจะมายังตำแหน่งนี้ ทิฟอนมองไปที่กาย
“เริ่มกันเถอะ” ทิฟอนกล่าวกับทุกคนก่อนที่จะส่งสัญญาณไปยังทหารทั้งหมด
ขณะเดียวกันก่อนหน้านั้นราวสองนาที หนึ่งในผู้นำกิลด์ประตูเหล็กได้นำสมาชิกกิลด์ของตนจำนวน 100 คน เข้าร่วมกับกิลด์ขนาดเล็กอีก 2 แห่งที่มีสมาชิกพอ ๆ กันเดินนำหน้าทหารฝ่ายนครแสงเทวาที่มีกันอยู่ 200 คนมา
“หัวหน้าด่านหน้าที่เราจะไปโจมตีคือด่านหน้า 57 ใช่ไหม หัวหน้าแน่ใจนะว่าภารกิจนี้คุ้มค่า”
“มันคุ้มอยู่แล้ว ทางกองทัพนักบวชของนครแสงเทวารับปากพวกเราแล้วว่าถ้าทำภารกิจนี้สำเร็จจะจ่ายให้ 40,000 เหรียญทอง แถมยังเลือกศิลปะการต่อสู้ขั้น 3 ได้ 2 อย่าง และถ้าเราทำผลงานได้ดีที่สุดเราจะได้ผลประโยชน์เพิ่มอีกด้วย ส่วนของพวกทหารนครแสงเทวาที่ตาย พวกนั้นไม่สนใจ ดังนั้นเราสามารถได้พวกชุดเกราะทหารมาได้อีก เจ้าลองคิดดูเราสามารถพัฒนากิลด์ได้อีกมากถ้าได้รางวัลพวกนี้” หัวหน้ากิลด์ประตูเหล็กกล่าวด้วยความโลภ เขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะเข้าโจมตีด่าหน้า 57
ขณะเดียวกันการสนทนาแบบเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับกิลด์อีกสองแห่งเช่นกัน พวกเขาหวังไว้กัลป์รางวัลเหล่านี้พอสมควร เพราะขนาดกิลด์ที่เล็กจึงมีเงินทุนที่จำกัด ถ้าได้เงินหลายหมื่นเหรียญทองไปจะทำให้กิลด์พวกเขามีเงินทุนพัฒนากิลด์ได้อีกมา
ผู้เล่นไม่ได้สนใจมากนักว่าการเลือกฝ่ายนครแสงเทวาหรือฝ่ายนครดาราฟ้าจะมีผลอย่างไรตอนนี้ เพราะสิ่งที่สนใจคือจ่ายไหนจ่ายให้มากกว่า
ด้านหลังของกองกำลังผู้เล่น ทหารนครแสงเทวาระดับหัวหน้าหน่วย 3 นายกำลังมองพวกเขาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“พวกมนุษย์ไฟเหล่านี้ทำทุกอย่างเพื่อเงินจริง ๆ แต่ทางกองทัพไม่น่าจะตอบรับให้เหรียญทองพวกมันมากขนาด”
“นั้นก็จริง แต่ท่านนักบวชกำชับมาแล้วว่าเราต้องร่วมมือกับพวกเขา อย่างไรมนุษย์ไฟพวกนี้ก็เป็นโล่มนุษย์ชั้นดี ให้มันตายแทนทหารของเราให้มันตายแทนทหารของเรา ถือเป็นการถ่ายบาปจากเทพอูทันก็แล้วกัน”
“ไปกันเถอะหน่วยอื่น ๆ ก็คงเริ่มลงมือกันแล้วเช่นกัน”
หัวหน้าหน่วยซึ่งมีพลังระดับนักรบแท้จริงขั้น 1 ต่างก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนลงมือบุกได้
เมื่อหัวหน้ากิลด์ประตูเหล็กได้รับสัญญาณเขาก็สั่งให้สมาชิกกิลด์วิ่งนำไปก่อนในทันที เพราะผ่านป่าตรงหน้าไม่กี่สิบเมตรก็ถึงด่านหน้า 57 แล้ว
แต่ทันทีที่เข้าของพวกผู้เล่นโผล่หน้าออกมาจากแนวป่าก็มีลูกศรพุ่งเข้าใส่เข้ากลางหน้าอก แม้แต่เกราะหนังก็ยังไม่สามารถป้องกันได้ ก่อนจะมีห่าลูกศรอีกหลายชุดยิงตามมา
“ซุ่มโจมตี หลบเร็ว”
“หน้าไม้กล ระวังพวกมันมีหน้าไม้กล”
ผู้เล่นต่างส่งสัญญาณให้พากันหลบหลังแนวต้นไม้ แต่ศรบางดอกนั้นรุนแรงถึงขนาดเจาะผ่าต้นไม้สังหารผู้เล่นได้ ซึ่งมันคือศรที่มีศิลปะการต่อสู้ เจาะทะลวงผสานมาด้วย
ผู้เล่นที่โดนยิงตายกลายเป็นลูกหายไปในท้องฟ้า ส่วนกองกำลังผู้เล่นคนอื่น ๆ ต่างก็ไม่มีใครเดินหน้าไปได้อีก
หัวหน้าประตูเหล็กเห็นว่าสมาชิดกิลด์ของตนโดนซุ่มโจมตีก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก แต่ก็ยังรวบรวมสติและสั่งออกไป “พวกพลโล่ตั้งแนวป้องกัน พวกพลธนูยิงสวนกลับไป เรามีคนมากกว่าอย่าไปกลัว ฆ่าพวกมัน”
“โอ้ววว....”
พวกผู้เล่นกิลด์ประตูเหล็กเริ่มปรับกลยุทธิ์ใหม่ ก่อนจะพยายามหาที่หลบและบุกเข้าไปที่ด่าหน้า 57 โดยอาศัยต้นไม้เป็นแนวหลบ ผู้เล่นอีกสองกิลด์ก็ทำแบบเดียวกัน
“เราจะลงมือทันทีที่ผู้เล่นบุกประชิดตัวพวกมันได้” หัวหน้าหน่วยฝ่ายนครแสงเทวาคนหนึ่งกล่าวอีกสองคนก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมองเหล่าผู้เล่นที่สู้ตายเพื่อพวกเขาอยู่