ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 36 ถึงเทศกาลวันสารทจีน
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 36 ถึงเทศกาลวันสารทจีน
อารมณ์ของคงหนิงดูมุ่งมั่นตั้งใจ
แต่ปีศาจภายในบ้านนั้นกลับดูผ่อนคลายมาก
ตอนบ่าย นางกลับมาบ้านพร้อมรอยยิ้ม ไก่ตัวโตทั้งสามตัวขายออกหมด และไข่ในตะกร้าก็ขายหมดเกลี้ยง
ปีศาจสาวกลับมาพร้อมตะกร้าไม้ไผ่สานที่ว่างเปล่า ฮัมเพลงไปพลางนับเงินในมือไปพลาง
คงหนิงแอบสงสัยว่านางนับเงินมาตลอดทางเลยหรือเปล่า......
“สามี สวัสดียามบ่าย” ปีศาจสาวทักทายคงหนิงอย่างมีความสุข
หลังจากเชือดไก่และหุงข้าว ซูหยานก็ทำอาหารไว้มากมาย มีอาหารทั้งสิ้นแปดจาน ซุปอีกหนึ่งชาม มีทั้งเป็ด ไก่ ปลา และเมนูสารพัดผัก
คงหนิงไม่เข้าร่วมเทศกาลวันสารทจีน ดังนั้นจึงตัดทอนความยุ่งยากในขั้นตอนการบูชาบรรพบุรุษไปได้มาก สามารถเริ่มกินอาหารได้ทันที
“สามี หยานเอ๋อมีบางสิ่งสำคัญมากต้องทำในคืนนี้ อาจจะกลับมาดึกมาก หรือไม่ก็อาจจะลากยาวไปถึงรุ่งสาง”
บนโต๊ะอาหาร ซูหยานแย้มยิ้มยื่นขาไก่ให้คงหนิง “ในคืนนี้ที่หยานเอ๋อไม่อยู่ สามีควรอยู่แต่ในบ้าน อย่าได้เที่ยวออกไปข้างนอกเชียว”
“เทศกาลวันสารทจีนและการเปิดประตูผีไม่ใช่เป็นแค่เรื่องเล่า สิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดในเขตชานหลานคืนนี้”
“แต่สามีอย่าได้กังวลใจไป หยานเอ๋อได้กองเศษกระดาษสีเหลืองไว้รอบบ้านและทิ้งกลิ่นอายเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ตราบใดที่สามีอยู่ภายในบ้านและไม่ออกไปไหน ย่อมไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“เรื่องนี้สำคัญมาก สามีห้ามประมาทเด็ดขาด”
ซูหยานเตือนคงหนิงอย่างจริงจัง
และคงหนิงก็พยักหน้าตอบรับอย่างเป็นธรรมชาติ โดยตอบกลับไปว่าจะอยู่บ้านแต่โดยดี ไม่ออกไปวิ่งเล่นที่ไหน
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
ไม่นานค่ำคืนก็ล่วงเลย และหลังมื้ออาหารเย็น ปีศาจสาวก็ทำความสะอาดโต๊ะ ล้างจาน ฮัมเพลง แล้วจึงค่อยออกไป
คงหนิงอยู่ที่ลานบ้าน เฝ้าดูควันที่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างเงียบๆ และไม่ได้รีบร้อนออกไป
มีถุงกระดาษสีเหลืองกระจายอยู่เต็มลาน ทั้งหมดเป็นถุงกระดาษที่ปีศาจสาวเคยปิดผนึกไว้ก่อนหน้านี้ คงหนิงไม่คาดคิดว่าถุงกระดาษที่อีกฝ่ายนั่งปิดผนึกอยู่นานจะไม่ได้เอาไว้เผา แต่ใช้เพื่อร่ายมนตร์
ด้วยประสาทสัมผัสในปัจจุบันของคงหนิง เขาพอจะรับรู้ได้ถึงพลังปีศาจจางๆ ที่ไหลเวียนอยู่ทั่วถุงกระดาษเหล่านี้ ซึ่งกระจายไปทั่วทั้งลานบ้าน
แต่คงหนิงรู้ว่านี่ไม่ใช่เพื่อปกป้องตัวเขา แต่เพื่อปกป้องไข่ปีศาจภายในร่างของเขาต่างหาก
จากคำอธิบายของหว่านเอ๋อ คงหนิงได้เข้าใจถึงที่มาที่ไปของไข่ปีศาจนี้แล้ว มันเป็นคาถาทดแทนชีวิตบางอย่าง เมื่อยามที่คงหนิงเผารังแมงป่องจนสิ้น คงหนิงผู้เป็นศัตรูควรจะได้รับความขุ่นแค้นบางอย่างมาจากแมงป่องที่ตายไปอย่างอนาถ
ตอนนี้ซูหยานย้อนกลับมา ร่วมห้องหอกับคงหนิง ดูดซับความขุ่นแค้นจากร่างกายของคงหนิง จากนั้นจึงใช้เคล็ดคาถาทดแทนชีวิตเพื่อฉีดไข่ปีศาจที่หล่อเลี้ยงด้วยแก่นแท้ของทั้งสองเข้ามาในร่างกายคงหนิง หลังจากผ่านไปหกเดือน แมงป่องที่ถูกคงหนิงเผายกรังก็คงฟักตัวออกมาจากร่างของคงหนิง
แม้ว่าจะไร้ซึ่งความทรงจำ แต่ก็ยังนับเป็นการฟื้นคืนชีพ
ไม่เช่นนั้น ด้วยตัวตนปีศาจระดับซูหยานที่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ กระบวนการตั้งครรภ์และคลอดบุตรก็ไม่ต่างไปจากมนุษย์ ไม่จำเป็นจะต้องวางไข่ แค่ต้องตั้งครรภ์สิบเดือนเท่านั้น
“แต่สิ่งที่ต้องจ่ายไปกับเคล็ดทดแทนชีวิตนี้สูงมาก ปีศาจธรรมดาทั่วไปไม่มีทางใช้ได้เลย”
เสียงที่ดูกังวลของหว่านเอ๋อยังคงก้องอยู่ภายในหู “ภรรยาของหัวหน้ามือปราบหนิงต้องมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา ต้องไม่ใช่ตัวตนทั่วๆ ไป”
คงหนิงรู้แล้วว่าหว่านเอ๋อกังวลเรื่องอะไร
ท้ายที่สุดแล้ว ซูหยานและแมงป่องภายในรังนั้นก็เป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ตัวนางกลับแข็งแกร่งกว่าสมาชิกในครอบครัวมาก มีพลังตบะอย่างน้อยก็สามร้อยปี ดังนั้นจึงแปลว่าอาจได้รับโอกาสพิเศษบางอย่าง
---แต่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่แล้วอย่างไรเล่า?
เขาและปีศาจตนนี้มีความเกลียดชังกันอย่างมิรู้ประมาณ ต่อให้ซูหยานจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่เพียงใด เขาต้องทนรอรับความตายอย่างเชื่องเชื่อเช่นนั้นหรือ?
ในตอนนี้ตัวเขาสามารถแปลงสภาพไข่ปีศาจภายในร่างได้อย่างง่ายดาย เหตุผลที่เก็บไข่ปีศาจไว้ก็เพราะกลัวจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น
เมื่อคงหนิงแข็งแกร่งพอที่จะสู้รบตบมือกับซูหยาน
ไข่ปีศาจไม่กี่ฟองภายในร่าง สามารถลบทิ้งได้ภายในความคิดเดียว
เขานั่งรออยู่ภายในลานบ้าน รั้งรออยู่เป็นเวลานาน กระทั่งความมืดมิดยามราตรีมาเยือน คงหนิงก็เดินออกทางประตูหลัง และออกจากตรอกฮว๋ายชู่ไปอย่างเงียบๆ
ภายในเขตชานหลานยามค่ำคืน มีเปลวเพลิงอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
ทุกมุมถนนมีกลุ่มคนพากันนั่งยองๆ เผากระดาษบูชาบรรพบุรุษ
แสงไฟวาววับ มาจากกองไฟที่เผาไหม้แผ่นกระดาษสีเหลือง ผู้คนที่นั่งกันอยู่ในเงามืด รอบตัวพวกเขาดูทึบทึมมืดมน ควันไฟมีมากขึ้น มันล่องลอยรวมตัวกันอยู่ภายในเมือง ไม่มีที่ไป
ทั่วทั้งเขตเต็มไปด้วยกลิ่นควันไฟระคายจมูก
ควันที่ม้วนตัวขึ้นไปยังคงวนเวียนอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน คล้ายกับใบหน้าอันน่าสยดสยอง บิดหมุนไปมาในความมืด ดูน่ากลัวอย่างอธิบายไม่ถูก
คงหนิงเดินทางผ่านถนนในเมืองท่ามกลางความมืด เขาไม่ได้เดินไปตามถนน แต่โผทะยานข้ามผ่านหลังคาบ้านเรือน
ร่างที่รวดเร็วราวกับภูตผีวูบไหวไปโดยไม่มีใครรู้ตัว เขาผ่านตัวเมืองไปอย่างรวดเร็วและในที่สุดก็มาถึงสะพานชิงป่านทางตอนใต้ของเมือง
คืนนี้ไม่เห็นดวงจันทร์ในเขตชานหลาน มีแต่เมฆมืดครึ้มบดบังท้องฟ้า
บนสะพานชิงป่านมืดทะมึน เห็นกระบี่โบราณที่มีใบมีดขนาดใหญ่ลอยนิ่งอยู่สูงจากพื้นขึ้นมาสามฟุต มันถูกพันด้วยโซ่วิเศษสีน้ำเงินที่โผล่ออกมาจากความว่างเปล่า
เด็กสาวได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าเป็นเวลาสามวัน ตั้งค่ายกลกระบี่ไว้ที่ทางเข้าออกของเมืองผี ปิดผนึกช่องว่างโดยรอบทั้งหมด
เมื่อผีร้ายเหล่านั้นปีนออกมาจากเมืองผี พวกมันจะพบกับกระบี่ที่หญิงสาวจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า
และทางแยกรวมถึงถนนใกล้กับสะพานชิงป่าน ยังใช้เคล็ดขับไล่มนุษย์ เมื่อมนุษย์เดินผ่านมาจะรู้สึกอยากเดินจากไปโดยไม่รู้ตัว ทำเช่นนี้เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีมนุษย์คนใดเข้ามาในสถานที่แห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ
แม้หว่านเอ๋อจะไม่ใช่ศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ลี้ลับ แต่ด้วยความสามารถอันยอดเยี่ยมและเคล็ดวิชาที่ได้รับการถ่ายทอดมา นางก็พอจะรู้เคล็ดวิชาคาถาเล็กๆ น้อยๆ ที่มีประโยชน์อยู่มากมาย
ต่างจากคงหนิง นอกเหนือจากการฟันผู้คนด้วยปราณกระบี่แล้ว สิ่งเดียวที่เหลือคือพลังพิเศษเหนือธรรมชาติที่ได้มาจากการสังหารตัวกินวิญญาณ
ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืน หญิงสาวยืนอยู่บนท่าน้ำด้วยเท้าเพียงข้างเดียว เมื่อเห็นคงหนิงปรากฏตัวก็เผยรอยยิ้มออกมา
“หัวหน้ามือปราบหนิง”
คงหนิงพยักหน้าตอบรับ เดินไปหาหญิงสาวแล้วถามว่า “สถานการณ์เป็นเช่นไรบ้าง?”
วันสารทจีนมาถึงแล้ว และตอนนี้ภายในเมืองก็ดูหมองหม่นมาก พลังแห่งความตายฟุ้งกระจายไปทั่วจนคงหนิงสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องใช้ไหดำลึกลับ
และที่ทางเข้าเมืองผีตรงหน้านี้ อาจมีผีร้ายคลานออกมาได้ทุกเมื่อ
แต่หญิงสาวกล่าวว่า “ดูเหมือนว่า พวกมันคงยังไม่เคลื่อนไหวจนกว่าจะถึงยามสาม”
ในช่วงยามสาม ประตูผีจะเปิดกว้าง โลกหยินและโลกหยางจะทับซ้อนกัน ผีร้ายที่แข็งแกร่งจะออกมา
ในเวลานั้นจะเกิดความโกลาหลภายในเมือง
และผีร้ายในเมืองผีแห่งนี้ จะใช้ประโยชน์จากความโกลาหลเพื่อสังหารปล้นชิงเลือดเนื้อของผู้คน ตอนนี้ยังเร็วเกินไปหน่อย ผีร้ายพวกนั้นน่าจะยังไม่กล้าออกมา เพราะปีศาจภายในเมืองก็ใช่ว่าจะรับมือง่ายเสียเมื่อไหร่
คงหนิงและหว่านเอ๋อยังคงอยู่บนสะพานชิงป่านต่อไป รอคอยให้ถึงยามสาม
เวลาค่อยๆ ผ่านเลยไปทีละน้อยๆ
ท้องฟ้าเริ่มมืดขึ้นทุกขณะ
ควันไฟจากการเผากระดาษลอยอยู่ทั่วทุกที่ในเมือง คนส่วนใหญ่มักจะอยู่กันที่ใจกลางเมือง พอเลยมาจนถึงสะพานชิงป่าน คนก็เบาบางลงมากแล้ว
แต่ในขณะนั้น เด็กสาวที่ยืนอยู่บนท่าน้ำก็ลืมตาขึ้น แสดงท่าทีตกใจ
“นี่มันไม่ถูกต้อง!”
หญิงสาวโผทะยานขึ้นไปและร่อนลงมาที่ทางเข้าเมืองผี จับกระบี่โบราณด้วยมือข้างหนึ่ง
สีหน้าดูประหลาดใจ
คงหนิงตกตะลึง เร่งรุดมาอยู่ด้านข้างหญิงสาวพร้อมกับถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
ภายใต้แสงสลัวที่สะท้อนมาจากตัวกระบี่ สีหน้าของหญิงสาวดูว่างเปล่า “เมืองผีแห่งนี้......ดูเหมือนจะว่างเปล่าเสียแล้ว?”
หญิงสาวจ้องไปที่คงหนิง กล่าวบางสิ่งที่ดูเหลือเชื่อออกมา
“หัวหน้ามือปราบหนิง ข้าไม่รู้สึกถึงไอพลังของผีร้ายอีกต่อไปแล้ว......”