ตอนที่แล้วข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 35 สามีสามี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 37 เขตชานหลานที่เงียบสงบ

ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 36 ถึงเทศกาลวันสารทจีน


กำลังโหลดไฟล์

ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 36 ถึงเทศกาลวันสารทจีน

อารมณ์ของคงหนิงดูมุ่งมั่นตั้งใจ

แต่ปีศาจภายในบ้านนั้นกลับดูผ่อนคลายมาก

ตอนบ่าย นางกลับมาบ้านพร้อมรอยยิ้ม ไก่ตัวโตทั้งสามตัวขายออกหมด และไข่ในตะกร้าก็ขายหมดเกลี้ยง

ปีศาจสาวกลับมาพร้อมตะกร้าไม้ไผ่สานที่ว่างเปล่า ฮัมเพลงไปพลางนับเงินในมือไปพลาง

คงหนิงแอบสงสัยว่านางนับเงินมาตลอดทางเลยหรือเปล่า......

“สามี สวัสดียามบ่าย” ปีศาจสาวทักทายคงหนิงอย่างมีความสุข

หลังจากเชือดไก่และหุงข้าว ซูหยานก็ทำอาหารไว้มากมาย มีอาหารทั้งสิ้นแปดจาน ซุปอีกหนึ่งชาม มีทั้งเป็ด ไก่ ปลา และเมนูสารพัดผัก

คงหนิงไม่เข้าร่วมเทศกาลวันสารทจีน ดังนั้นจึงตัดทอนความยุ่งยากในขั้นตอนการบูชาบรรพบุรุษไปได้มาก สามารถเริ่มกินอาหารได้ทันที

“สามี หยานเอ๋อมีบางสิ่งสำคัญมากต้องทำในคืนนี้ อาจจะกลับมาดึกมาก หรือไม่ก็อาจจะลากยาวไปถึงรุ่งสาง”

บนโต๊ะอาหาร ซูหยานแย้มยิ้มยื่นขาไก่ให้คงหนิง “ในคืนนี้ที่หยานเอ๋อไม่อยู่ สามีควรอยู่แต่ในบ้าน อย่าได้เที่ยวออกไปข้างนอกเชียว”

“เทศกาลวันสารทจีนและการเปิดประตูผีไม่ใช่เป็นแค่เรื่องเล่า สิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดในเขตชานหลานคืนนี้”

“แต่สามีอย่าได้กังวลใจไป หยานเอ๋อได้กองเศษกระดาษสีเหลืองไว้รอบบ้านและทิ้งกลิ่นอายเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ตราบใดที่สามีอยู่ภายในบ้านและไม่ออกไปไหน ย่อมไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

“เรื่องนี้สำคัญมาก สามีห้ามประมาทเด็ดขาด”

ซูหยานเตือนคงหนิงอย่างจริงจัง

และคงหนิงก็พยักหน้าตอบรับอย่างเป็นธรรมชาติ โดยตอบกลับไปว่าจะอยู่บ้านแต่โดยดี ไม่ออกไปวิ่งเล่นที่ไหน

ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น

ไม่นานค่ำคืนก็ล่วงเลย และหลังมื้ออาหารเย็น ปีศาจสาวก็ทำความสะอาดโต๊ะ ล้างจาน ฮัมเพลง แล้วจึงค่อยออกไป

คงหนิงอยู่ที่ลานบ้าน เฝ้าดูควันที่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างเงียบๆ และไม่ได้รีบร้อนออกไป

มีถุงกระดาษสีเหลืองกระจายอยู่เต็มลาน ทั้งหมดเป็นถุงกระดาษที่ปีศาจสาวเคยปิดผนึกไว้ก่อนหน้านี้ คงหนิงไม่คาดคิดว่าถุงกระดาษที่อีกฝ่ายนั่งปิดผนึกอยู่นานจะไม่ได้เอาไว้เผา แต่ใช้เพื่อร่ายมนตร์

ด้วยประสาทสัมผัสในปัจจุบันของคงหนิง เขาพอจะรับรู้ได้ถึงพลังปีศาจจางๆ ที่ไหลเวียนอยู่ทั่วถุงกระดาษเหล่านี้ ซึ่งกระจายไปทั่วทั้งลานบ้าน

แต่คงหนิงรู้ว่านี่ไม่ใช่เพื่อปกป้องตัวเขา แต่เพื่อปกป้องไข่ปีศาจภายในร่างของเขาต่างหาก

จากคำอธิบายของหว่านเอ๋อ คงหนิงได้เข้าใจถึงที่มาที่ไปของไข่ปีศาจนี้แล้ว มันเป็นคาถาทดแทนชีวิตบางอย่าง เมื่อยามที่คงหนิงเผารังแมงป่องจนสิ้น คงหนิงผู้เป็นศัตรูควรจะได้รับความขุ่นแค้นบางอย่างมาจากแมงป่องที่ตายไปอย่างอนาถ

ตอนนี้ซูหยานย้อนกลับมา ร่วมห้องหอกับคงหนิง ดูดซับความขุ่นแค้นจากร่างกายของคงหนิง จากนั้นจึงใช้เคล็ดคาถาทดแทนชีวิตเพื่อฉีดไข่ปีศาจที่หล่อเลี้ยงด้วยแก่นแท้ของทั้งสองเข้ามาในร่างกายคงหนิง หลังจากผ่านไปหกเดือน แมงป่องที่ถูกคงหนิงเผายกรังก็คงฟักตัวออกมาจากร่างของคงหนิง

แม้ว่าจะไร้ซึ่งความทรงจำ แต่ก็ยังนับเป็นการฟื้นคืนชีพ

ไม่เช่นนั้น ด้วยตัวตนปีศาจระดับซูหยานที่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ กระบวนการตั้งครรภ์และคลอดบุตรก็ไม่ต่างไปจากมนุษย์ ไม่จำเป็นจะต้องวางไข่ แค่ต้องตั้งครรภ์สิบเดือนเท่านั้น

“แต่สิ่งที่ต้องจ่ายไปกับเคล็ดทดแทนชีวิตนี้สูงมาก ปีศาจธรรมดาทั่วไปไม่มีทางใช้ได้เลย”

เสียงที่ดูกังวลของหว่านเอ๋อยังคงก้องอยู่ภายในหู “ภรรยาของหัวหน้ามือปราบหนิงต้องมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา ต้องไม่ใช่ตัวตนทั่วๆ ไป”

คงหนิงรู้แล้วว่าหว่านเอ๋อกังวลเรื่องอะไร

ท้ายที่สุดแล้ว ซูหยานและแมงป่องภายในรังนั้นก็เป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ตัวนางกลับแข็งแกร่งกว่าสมาชิกในครอบครัวมาก มีพลังตบะอย่างน้อยก็สามร้อยปี ดังนั้นจึงแปลว่าอาจได้รับโอกาสพิเศษบางอย่าง

---แต่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่แล้วอย่างไรเล่า?

เขาและปีศาจตนนี้มีความเกลียดชังกันอย่างมิรู้ประมาณ ต่อให้ซูหยานจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่เพียงใด เขาต้องทนรอรับความตายอย่างเชื่องเชื่อเช่นนั้นหรือ?

ในตอนนี้ตัวเขาสามารถแปลงสภาพไข่ปีศาจภายในร่างได้อย่างง่ายดาย เหตุผลที่เก็บไข่ปีศาจไว้ก็เพราะกลัวจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น

เมื่อคงหนิงแข็งแกร่งพอที่จะสู้รบตบมือกับซูหยาน

ไข่ปีศาจไม่กี่ฟองภายในร่าง สามารถลบทิ้งได้ภายในความคิดเดียว

เขานั่งรออยู่ภายในลานบ้าน รั้งรออยู่เป็นเวลานาน กระทั่งความมืดมิดยามราตรีมาเยือน คงหนิงก็เดินออกทางประตูหลัง และออกจากตรอกฮว๋ายชู่ไปอย่างเงียบๆ

ภายในเขตชานหลานยามค่ำคืน มีเปลวเพลิงอยู่ทั่วทุกหนแห่ง

ทุกมุมถนนมีกลุ่มคนพากันนั่งยองๆ เผากระดาษบูชาบรรพบุรุษ

แสงไฟวาววับ มาจากกองไฟที่เผาไหม้แผ่นกระดาษสีเหลือง ผู้คนที่นั่งกันอยู่ในเงามืด รอบตัวพวกเขาดูทึบทึมมืดมน ควันไฟมีมากขึ้น มันล่องลอยรวมตัวกันอยู่ภายในเมือง ไม่มีที่ไป

ทั่วทั้งเขตเต็มไปด้วยกลิ่นควันไฟระคายจมูก

ควันที่ม้วนตัวขึ้นไปยังคงวนเวียนอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน คล้ายกับใบหน้าอันน่าสยดสยอง บิดหมุนไปมาในความมืด ดูน่ากลัวอย่างอธิบายไม่ถูก

คงหนิงเดินทางผ่านถนนในเมืองท่ามกลางความมืด เขาไม่ได้เดินไปตามถนน แต่โผทะยานข้ามผ่านหลังคาบ้านเรือน

ร่างที่รวดเร็วราวกับภูตผีวูบไหวไปโดยไม่มีใครรู้ตัว เขาผ่านตัวเมืองไปอย่างรวดเร็วและในที่สุดก็มาถึงสะพานชิงป่านทางตอนใต้ของเมือง

คืนนี้ไม่เห็นดวงจันทร์ในเขตชานหลาน มีแต่เมฆมืดครึ้มบดบังท้องฟ้า

บนสะพานชิงป่านมืดทะมึน เห็นกระบี่โบราณที่มีใบมีดขนาดใหญ่ลอยนิ่งอยู่สูงจากพื้นขึ้นมาสามฟุต มันถูกพันด้วยโซ่วิเศษสีน้ำเงินที่โผล่ออกมาจากความว่างเปล่า

เด็กสาวได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าเป็นเวลาสามวัน ตั้งค่ายกลกระบี่ไว้ที่ทางเข้าออกของเมืองผี ปิดผนึกช่องว่างโดยรอบทั้งหมด

เมื่อผีร้ายเหล่านั้นปีนออกมาจากเมืองผี พวกมันจะพบกับกระบี่ที่หญิงสาวจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า

และทางแยกรวมถึงถนนใกล้กับสะพานชิงป่าน ยังใช้เคล็ดขับไล่มนุษย์ เมื่อมนุษย์เดินผ่านมาจะรู้สึกอยากเดินจากไปโดยไม่รู้ตัว ทำเช่นนี้เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีมนุษย์คนใดเข้ามาในสถานที่แห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ

แม้หว่านเอ๋อจะไม่ใช่ศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ลี้ลับ แต่ด้วยความสามารถอันยอดเยี่ยมและเคล็ดวิชาที่ได้รับการถ่ายทอดมา นางก็พอจะรู้เคล็ดวิชาคาถาเล็กๆ น้อยๆ ที่มีประโยชน์อยู่มากมาย

ต่างจากคงหนิง นอกเหนือจากการฟันผู้คนด้วยปราณกระบี่แล้ว สิ่งเดียวที่เหลือคือพลังพิเศษเหนือธรรมชาติที่ได้มาจากการสังหารตัวกินวิญญาณ

ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืน หญิงสาวยืนอยู่บนท่าน้ำด้วยเท้าเพียงข้างเดียว เมื่อเห็นคงหนิงปรากฏตัวก็เผยรอยยิ้มออกมา

“หัวหน้ามือปราบหนิง”

คงหนิงพยักหน้าตอบรับ เดินไปหาหญิงสาวแล้วถามว่า “สถานการณ์เป็นเช่นไรบ้าง?”

วันสารทจีนมาถึงแล้ว และตอนนี้ภายในเมืองก็ดูหมองหม่นมาก พลังแห่งความตายฟุ้งกระจายไปทั่วจนคงหนิงสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องใช้ไหดำลึกลับ

และที่ทางเข้าเมืองผีตรงหน้านี้ อาจมีผีร้ายคลานออกมาได้ทุกเมื่อ

แต่หญิงสาวกล่าวว่า “ดูเหมือนว่า พวกมันคงยังไม่เคลื่อนไหวจนกว่าจะถึงยามสาม”

ในช่วงยามสาม ประตูผีจะเปิดกว้าง โลกหยินและโลกหยางจะทับซ้อนกัน ผีร้ายที่แข็งแกร่งจะออกมา

ในเวลานั้นจะเกิดความโกลาหลภายในเมือง

และผีร้ายในเมืองผีแห่งนี้ จะใช้ประโยชน์จากความโกลาหลเพื่อสังหารปล้นชิงเลือดเนื้อของผู้คน ตอนนี้ยังเร็วเกินไปหน่อย ผีร้ายพวกนั้นน่าจะยังไม่กล้าออกมา เพราะปีศาจภายในเมืองก็ใช่ว่าจะรับมือง่ายเสียเมื่อไหร่

คงหนิงและหว่านเอ๋อยังคงอยู่บนสะพานชิงป่านต่อไป รอคอยให้ถึงยามสาม

เวลาค่อยๆ ผ่านเลยไปทีละน้อยๆ

ท้องฟ้าเริ่มมืดขึ้นทุกขณะ

ควันไฟจากการเผากระดาษลอยอยู่ทั่วทุกที่ในเมือง คนส่วนใหญ่มักจะอยู่กันที่ใจกลางเมือง พอเลยมาจนถึงสะพานชิงป่าน คนก็เบาบางลงมากแล้ว

แต่ในขณะนั้น เด็กสาวที่ยืนอยู่บนท่าน้ำก็ลืมตาขึ้น แสดงท่าทีตกใจ

“นี่มันไม่ถูกต้อง!”

หญิงสาวโผทะยานขึ้นไปและร่อนลงมาที่ทางเข้าเมืองผี จับกระบี่โบราณด้วยมือข้างหนึ่ง

สีหน้าดูประหลาดใจ

คงหนิงตกตะลึง เร่งรุดมาอยู่ด้านข้างหญิงสาวพร้อมกับถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

ภายใต้แสงสลัวที่สะท้อนมาจากตัวกระบี่ สีหน้าของหญิงสาวดูว่างเปล่า “เมืองผีแห่งนี้......ดูเหมือนจะว่างเปล่าเสียแล้ว?”

หญิงสาวจ้องไปที่คงหนิง กล่าวบางสิ่งที่ดูเหลือเชื่อออกมา

“หัวหน้ามือปราบหนิง ข้าไม่รู้สึกถึงไอพลังของผีร้ายอีกต่อไปแล้ว......”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด