ตอนที่แล้วEp.26 - บ้านเก่าในตรอกมังกรฟ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.28 - เจออาจารย์ซูครั้งแรก

Ep.27 - มีคนอยากเจอนาย


กำลังโหลดไฟล์

Ep.27 - มีคนอยากเจอนาย

ฮังอวี่ซื้อบ้านเก่าหลังนี้ สาเหตุหลักๆมีสองประการ

ประการแรกคือเปลี่ยนที่อยู่อาศัย แม้บ้านหลังนี้จะโทรมไปหน่อย แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าอพาร์ทเมนต์กว้าง 20 ตาราเมตร ที่ไม่มีแม้ห้องน้ำส่วนตัวที่เขาเช่าอยู่

ประการที่สองคือการจับจองอาณาเขตวิญญาณ และข้อนี้คือสาเหตุหลัก

อาณาเขตวิญญาณหมายถึงอะไรน่ะหรือ?

อาณาเขตวิญญาณก็คือพื้นที่หรือที่ดินที่มีพลังงานทางวิญญาณเยอะเป็นพิเศษ วิธีสังเกตที่ง่ายที่สุดก็คือ ต้นไม้พืชพรรณบริเวณนั้นจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว สูงใหญ่ไวกว่าสถานที่อื่นอย่างเห็นได้ชัด

มันเร็วแค่ไหนน่ะหรอ? ก็เร็วชนิดที่ว่าหากหว่านเมล็ดพืชจำนวนหนึ่งที่ได้มาจากโลกวิญญาณแล้วทิ้งตัวลงนอนหลับซักคืน เมื่อคุณตื่นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ก็จะพบว่าพวกมันได้เติบโตเขียวขจีแล้ว

อาณาเขตวิญญาณไม่เพียงหล่อเลี้ยงพืชผลเหล่านี้ด้วยพลังงานทางวิญญาณเท่านั้น แต่มันยังสามารถช่วยเร่งการผลิดอกออกผลได้อีกด้วย

ตัวอย่างเช่น หากฮังอวี่เคลียร์พื้นที่ 1-2 ตาราเมตรตรงมุมลานบ้าน จากนั้นโรยเมล็ดกระเทียมซักหนึ่งกำมือลงไป ในเช้าวันรุ่งขึ้นก็สามารถนำตระกร้ามาเก็บเกี่ยวกระเทียมได้เลย

พวกมันจะเติบโตได้เร็วมากๆ! สามารถนำมารับประทานเป็นอาหารได้ทุกวัน! กินได้จนกว่าจะอ้วก!

แถมลูกก็ใหญ่ระดับเดียวกันกับกระเทียมเกรด A แต่ที่แน่ๆคุณค่าทางโภชนาการนั้นดีกว่ากระเทียมธรรมดาอย่างเทียบไม่ติด

แน่นอน การที่ฮังอวี่ซื้ออาณาเขตวิญญาณไม่ใช่เพราะเพื่อปลูกผัก

พืชผลในโลกมนุษย์มีความสามารถในการดูดซับพลังงานวิญญาณที่ค่อนข้างจำกัด ไม่อาจใช้ประโยชน์จากอาณาเขตวิญญาณได้อย่างเต็มที่

ปัจจุบันพลังงานวิญญาณมีอยู่ทุกหนแห่ง จะที่ไหนๆก็สามารถปลูกพืชได้ไวกว่าที่เคยเป็นมา แต่คุณค่าที่แท้จริงของอาณาเขตวิญญาณคือการปลูกพืชจากโลกวิญญาณต่างหาก อาทิเช่นสมุนไพรวิญญาณ , ผลไม้วิญญาณ หรือยาวิญญาณ เป็นต้น

ในอนาคตอาณาเขตวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งวัตถุดิบที่มั่นคงสำหรับการกิจกรรมการผลิต เช่นอาหาร , การกลั่นยา , การเล่นแร่แปรธาตุ ฯลฯ

อาณาเขตวิญญาณมีระดับสูงต่ำต่างกันไป ฮังอวี่ไล่ค้นหาในเน็ตเป็นเวลานาน ตอนนี้สามารถระบุได้คร่าวๆแล้ว ว่ามีอาณาเขตวิญญาณอย่างน้อยหลายสิบแห่งในเจียงเฉิง และชุมชนเก่าแก่อย่างตรอกมังกรฟ้าแห่งนี้ คือหนึ่งในพื้นที่ที่มีพลังงานวิญญาณอุมดสมบูรณ์ที่สุด

อนาคตทุกตารางนิ้วจะมีค่าดั่งทองคำ มูลค่าของที่ดินจะสูงเท่าใจกลางเมืองเซินเจิ้น!

นับจากนี้ไปในอนาคตอันใกล้ บ้านเก่าๆทรุดโทรมเหล่านี้ ราคาจะพุ่งทะยานสูงเสียดฟ้า!

บ้านหลังเก่าของฮังอวี่ไม่ใช่แค่ใหญ่ แต่มันยังเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่มีพลังงานทางวิญญาณเข้มข้นที่สุดในชุมชนตรอกมังกรฟ้า

และนี่เองคือสาเหตุที่พืชในบ้านหลังเก่าเติบโตเกินจริงมากกว่าภายนอก

แต่กลับสามารถครอบครองด้วยเงินเพียง 4.8 ล้านหยวน คุ้มค่าสุดๆไปเลยใช่ไหม?

อย่าลืมนะ ว่าสกุลเงินของโลกมนุษย์กำลังได้รับผลกระทบจากการรุกรานของโลกวิญญาณ และมันกำลังถูกด้อยค่าลงอย่างต่อเนื่อง  มูลค่าของบ้านเก่าหลังนี้ ต่อไปเกรงว่าคงตีค่าเป็นตัวเงินได้ยาก!

ที่ฮังอวี่ต้องทำก็แค่เฝ้าบ้านหลังนี้ไว้ ถ่วงเวลาจนเงินแข็งค่า ต่อให้ในอนาคตสถานการณ์จะย่ำแย่แค่ไหน อย่างน้อยเขาก็ยังมีหลักประกันรองรับ แม้เขาจะไม่ได้กลายเป็นผู้นำของยุคสมัยใหม่ แต่การทำฟาร์มทุกวันก็สามารถดำรงชีวิตที่ดีได้เช่นกัน

ณ ตอนนี้ อารมณ์ของฮังอวี่สามารถกล่าวได้ว่าเบิกบานเป็นอย่างยิ่ง

ห้องพักทุกห้องได้รับการตรวจสอบอย่างรอบคอบ  ตัวบ้านแยกออกเป็นหลายส่วน บ้านหลักประกอบไปด้วยห้องปีกตะวันตก , ห้องปีกตะวันออก

ส่วนโซนบ้านหลังมีห้องหับมากมาย นอกจากนี้ยังมีห้องใต้ดินด้วย พื้นที่ใช้สอยกว้างใหญ่มาก

บ้านเก่าถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงอิฐ มีสองประตูที่ด้านหน้าและด้านหลัง

ลานบ้านมีสามส่วนคือลานหน้าบ้าน , ลานกลางบ้าน และลานหลังบ้าน แค่เฉพาะลานบ้านทั้งหมดก็มีพื้นที่มากกว่า  300 ตารางเมตรแล้ว

ฮังอวี่นำเงินที่เหลืออีกราวๆ 2-3 แสนหยวน ไปจ้างคนมาขุดวัชพืช และทำความสะอาดห้องปีกซ้ายของบ้านหลัก ใช้เป็นห้องนอนของตัวเอง  ติดตั้งไวไฟ ปรับเปลี่ยนเครื่องใช้ภายในบ้าน ซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันทุกชนิด

เขาใช้เวลาทั้งวันทั้งคืน วุ่นอยู่กับการจัดระเบียบบ้าน จนตอนนี้วัชพืชถูกกำจัดออกไปหมดแล้ว กระเบื้องปูพื้นที่ขวางทางก็ถูกขุดขึ้นมาทั้งหมด

วันต่อมา เขาได้จัดการพ่นยาฆ่าวัชพืชอย่างแรง คลุมดินด้วยผืนผ้าสีดำ เพื่อป้องกันไม่ให้ตื่นมาแล้วเจอวัชพืชเต็มลานบ้านอีก

นอกจากนี้  ฮังอวี่ยังซื้อกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่มากว่า 200 กระถาง มันเป็นกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีไว้ใช้ปลูกต้นไม้ปรับภูมิทัศน์บ้าน

ทุกมุมห้องหรือแม้กระทั่งชั้นใต้ดิน ล้วนสามารถใช้ปลูกพืชวิญญาณได้

ซึ่งกระถางที่ซื้อมาเหล่านี้ มีไว้ใช้รองรับการเตรียมการล่วงหน้า

“ในที่สุดก็พอใช้ได้ซักที”

ฮังอวี่พอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ในตอนนี้มาก เขาวางกระถางต้นไม้ใหญ่สองใบลงในห้องนอน  หยิบมือถือออกมาแล้วเปิดผู้ช่วยโลกวิญญาณ นำเมล็ดต้นเบอร์รี่ที่ซื้อจากค่ายก็อบลินออกมา แล้วฝังลงในกระถางใหญ่

ต้นผลเบอร์รี่ก็อบลินไม่ใช่พืชวิญญาณระดับสูง ปลูกในกระถางแค่นี้ก็เกินพอแล้ว

รอจนต้นเบอร์รี่ออกผล ในอนาคตก็จะสามารถเด็ดพวกมันได้ทุกวัน

ทุกวันนี้ของทุกชิ้นจากโลกวิญญาณมีราคาแพงมาก นายทุนรายใหญ่กำลังกว้านซื้อพวกมันอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง

ซึ่งลูกเบอร์รี่ที่ออกผล หากฮังอวี่กินไม่หมด ก็สามารถนำไปขายได้ และแต่ละชิ้นน่าจะมีราคาอย่างน้อย 2-3 หมื่นหยวน

เมื่อเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว ฮังอวี่ปีนขึ้นชั้นบนด้วยบันไดลิง นั่งลงบนหลังคาชั้นสองของบ้านเก่า

ระหว่างนั้นกวาดสายตามองไปรอบๆด้วยหัวใจพองโต

นับจากนี้ไป ที่นี่คืออาณาเขตวิญญาณของฉัน!

ยามพลบค่ำ มองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา ด้านนอกบ้านจะพบกับภาพของต้นไม้และวัชพืชปกคลุมหนาแน่น ดังไปด้วยเสียงร้องของนกและแมลง

ยอดหญ้าแกว่งไกวเพราะมีสัตว์ขนาดเล็กวิ่งผ่าน

นั่งอยู่ตรงนี้ สายลมสดชื่นเย็นสบาย อากาศบริสุทธิ์ มันราวกับได้ไปใช้ชีวิตอยู่บนภูเขาอย่างสันโดษ

ทั้งๆที่เมืองใหญ่อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่กลับไม่รู้สึกว่าต้องเร่งรีบหรือดิ้นรนอะไรเลย

ดีมาก รู้สึกดีจริงๆ

ฮังอวี่ประสานสองมือยกขึ้นหนุนหัว นอนมองก้อนเมฆที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า เกิดความรู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาบนโลก ชีวิตเขาทุกวันมีแต่เรื่องวุ่นวาย ทำงานสายตัวแทบขาด

จุดประสงค์ของการมีชีวิตคืออะไร?

--ไม่ใช่เพื่อต้องการความสงบสุขแบบนี้หรอกหรือ!

ฮังอวี่รู้สึกขอบคุณโลกวิญญาณ ที่ได้เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเขาในชั่วข้ามคืน

มิฉะนั้นแล้ว ต่อให้ดิ้นรนทำงานไปอีกสองชาติ เขาก็ไม่มีทางได้ใช้ชีวิตแบบนี้!

นอนอยู่บนหลังคาบ้านหลังใหญ่ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นคฤหาสน์ส่วนตัว  เฝ้ามองเมฆบนฟ้าอย่างสบายอารมณ์

แต่ฮังอวี่รู้ดี ว่าเท่านี้ยังไม่เพียงพอ เขายังไม่สามารถผ่อนคลายได้

ทุกอย่างในตอนนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

และแล้วมือถือก็ดังขึ้น ไม่จำเป็นต้องยกขึ้นมาดู คงไม่พ้นเป็นสายจากอ้วนต้าไห่แน่ๆ

ก็ใครใช้ให้ฮังอวี่ชอบทำตัวเป็นสุนัขเดียวดายเล่า? ทั่วทั้งเมืองเจียงเฉิง เกรงว่าคนที่สามารถนับเป็นเพื่อนเขาได้คงมีแค่นิ้วมือเดียว

ญาติทางบ้านก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน นอกจากอ้วนต้าไห่แล้ว ยังจะมีใครอีกที่เป็นฝ่ายโทรหาเขา?

ต่อให้วันหนึ่งเขาจะหายไปจากโลกใบนี้ คงมีไม่กี่คนหรอกที่จะรู้เรื่อง

แต่ขืนมัวแต่บรรยายอะไรแบบนี้คงจะเศร้าเกินไป ฮังอวี่สลัดความคิดแล้วรับโทรศัพท์ “ว่าไง”

อ้วนต้าไห่ตอบเสียงตะกุกตะกัก “เถ้าแก่ใหญ่ เกิดเรื่องแล้ว”

“เกิดเรื่องอะไร? อธิบายให้มันชัดเจน”

“ให้อธิบายชัดๆมันยังไม่ได้ แต่ถ้าให้สรุปสั้นๆ คือเทพธิดาซูอยากพบนาย”

ฮังอวี่พอได้ยินก็อึ้งไป “นายหมายถึงอาจารย์ซู? เธอไม่รู้จักฉันซักหน่อย ทำไมถึงอยากพบฉัน?”

อ้วนต้าไห่กล่าวด้วยความเก้อเขิน “ขอโทษที ฉันบังเอิญพลั้งปากไป บอกให้เธอรู้ว่านายคือเถ้าแก่ใหญ่ที่บงการอยู่เบื้องหลัง เพราะงั้นเธอเลยอยากคุยกับนาย”

ฮังอวี่อยากจะร้องไห้ แต่พอลองนึกดูดีๆ ถ้าให้พูดตามตรง เขาก็สนใจอาจารย์ซูคนนี้อยู่เหมือนกัน

หากไม่นับเรื่องความสวยของเธอ การกระทำของอาจารย์ซูคนนี้ควรค่าแก่การจับตามอง

เธอเริ่มกว้านซื้ออาหารพลังงานวิญญาณก่อนใครเพื่อน นี่อธิบายได้ว่าเธอมีช่องทางหาข้อมูลที่พิเศษกว่าใคร ไม่งั้นก็สามารถอัพเลเวลขึ้นเป็น 2 ได้แล้ว ซึ่งไม่ว่าจะข้อไหนก็ไม่ง่ายเลย

นอกจากนี้  หลังจากกลับมาจากโลกวิญญาณครั้งแรก เธอก็เร่งรับสมัครคนเพื่อสร้างกองกำลังทันที ความทะเยอทะยานและกล้าหาญของเธอไม่ด้อยไปกว่าจ้าวหมิงเลย

บุคคลประเภทนี้ ไม่ควรประมาท

อ้วนต้าไห่ค่อนข้างกังวล “นี่ นายอยากเจอเธอรึเปล่า ถ้าไม่ แค่บอกมาคำเดียวเดี๋ยวฉันปฏิเสธให้”

“อยากเจอสิ ทำไมจะไม่เจอล่ะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ตรอกมังกรฟ้า นายบอกไปว่าให้เธอมาพบฉันด้วยตัวเอง”

อ้วนต้าไห่อุทาน “เชี่ยเถอะสหาย! ไอ้เถ้าแก่ใหญ่  สมองนายมีอะไรผิดปกติรึเปล่า? เธอคือเทพธิดาซูเชียวนะ! ขาขาวๆ หน้าอกอวบอั๋น อาา  คนอื่นอยากชวนเธอออกเดทยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วนายกล้าดียังไงถึงบอกให้เธอมาหาด้วยตัวเอง”

ฮังอวี่พูดเอาแต่ใจว่า “ถ้าเธอสนใจจริงเดี๋ยวก็มาเอง ถ้าเธอไม่สนก็ลืมมันซะ แค่นี้แหละ”

บางครั้ง คนเราก็ต้องแสร้งทำเป็นขรึม แค่เธอบอกว่าอยากเจอก็เสนอหน้าไปเจอทันที แบบนั้นมันจะไม่เสียศักดิ์ศรีเกินไปหน่อยหรอ?

เวลานี้ ยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว หากอยากให้คนอื่นประทับใจ บางครั้งต้องวางตัวเองไว้บนหิ้ง ทำตัวให้มันลึกลับและโอหังเข้าไว้