Ep.25 - คลื่นยุคใหม่
Ep.25 - คลื่นยุคใหม่
ในอพาร์ตเมนต์ขนาดเล็กของเมืองเจียงเฉิง ฮังอวี่เปิดมือถือเลื่อนดูข่าวสาร หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เกิดขึ้น
คนธรรมดาได้สัมผัสกับการเดินทางสู่โลกวิญญาณเป็นครั้งที่สอง พวกเขามีพัฒนาการ เริ่มจับกลุ่มกัน ร่วมมือบุกยึดค่ายมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้ที่สุด
ตอนนี้มีกระทั่งกลยุทธ์ในการค้นหาและยึดค่ายปรากฏขึ้นบนโลกออนไลน์แล้ว
ไม่เลวจริงๆ ถือว่าไม่เลวเลย
มนุษย์ยังคงสามารถปรับตัวได้ดี อย่างน้อยก็มีซักหนึ่งกำมือเริ่มคลำหาวิธีเล่นเกมแล้ว แน่นอน หนึ่งกำมือที่ว่า หากเทียบกับผู้เล่นโดยรวม ยังถือว่าน้อยมากอยู่ดี
มนุษย์ส่วนใหญ่ก็เป็นเหมือนคุณกับฉัน ที่ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงสับสน มีกระทั่งคนที่ไม่ยอมเข้าไปในโลกวิญญาณเป็นครั้งที่สอง
แต่เรื่องนี้พอเข้าใจได้
ไหนจะถูกมอนสเตอร์ไล่ล่า ไหนจะต้องวิ่งเปลือยกาย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ประสบการณ์ที่ควรค่าแก่การจดจำ
กระนั้น สักวันหนึ่งพวกเขาจะได้รู้ ว่าหากไม่ยอมกัดฟันพยายามถีบตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น ยิ่งปล่อยไว้นาน พวกเขาจะยิ่งไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับโลกอันโหดร้ายได้
ทุกการเปลี่ยนแปลงใดๆในโลกนี้ถูกกำหนดให้มาพร้อมกับความเจ็บปวด หากคุณหลีกหนีจากความเจ็บปวด ก็เท่ากับคุณหลีกหนีความเจริญ --ไม่ยอมเผชิญหน้ากับแล้วจะได้ประโยชน์อะไร?
ชีวิตก็เหมือนรายการข่าว ที่ต่อให้คุณเปลี่ยนช่องสุดท้ายเดี๋ยวก็เจอรายการข่าวอื่นอยู่ดี
การหลีกหนีไม่ใช่ทางออก มีแต่ตัวคุณเองเท่านั้นที่จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้!
บนหน้าจอมือถือในเวลานี้ นอกจากเรื่องกลยุทธ์การเล่นเกมแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกเช่น
[สุดช็อค! ราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อคังซั่วฝูพุ่งสูงขึ้นห้าเท่า!]
[การขนส่งทั่วประเทศแทบเป็นอัมพาต ส่งผลให้ราคาสินค้าพุ่งกระฉูด ข้าวสาร , อาหารต่างๆ และน้ำมันในซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่หลายแห่งถูกปล้น]
[เมื่อเร็วๆนี้มีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นบ่อยครั้งในเจียงเฉิง ไม่ว่าจะเป็น ทำร้ายร่างกาย ปล้น หรือเผาทำลาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวิงวอนให้ประชาชนงดออกเดินทางช่วงดึก]
[ทุกคน ห้ามไปที่สวนพฤกษศาสตร์เด็ดขาด ที่นั่นมีสัตว์ประหลาดดุร้ายอาศัยอยู่ ฉันกับแฟนถูกทำร้าย โชคดีที่หนีรอดมาได้]
[ ... ]
แม้โลกวิญญาณพึ่งเปิดเพียงสองครั้ง แต่สินค้ากลับทยอยกันขึ้นราคาแล้ว ความวุ่นวายเริ่มบังเกิดขึ้น กฏหมายหรือความปลอดภัยกำลังเสื่อมลง
ปัญหาต่างๆเริ่มเกิดขึ้นในสังคมแล้ว ฮังอวี่รู้ว่านี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น การแทรกแซงจากโลกวิญญาณขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ต่อไปจะมีสิ่งมีชีวิตจากโลกวิญญาณปรากฏตัวขึ้นในโลกมนุษย์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน มนุษย์ทุกคนนับวันก็จะยิ่งแข็งแกร่งจากพลังที่ได้รับในเกม ระบอบเก่าจะล่มสลายลง เกิดการจัดตั้งระบอบใหม่
ก็เหมือนกับเวลาคุณทอดไข่เจียว มันจำเป็นต้องกระเทาะเปลือก จากนั้นนำไข่ข้างในออกมา หลังจากตีจนแตกฟองจึงเทลงทอด พวกมันถึงค่อยกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
ความหมายที่จะสื่อก็คือ ถ้าไม่พังทลายลงก่อนก็สร้างใหม่ไม่ได้ ความเจ็บปวดจากการเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ตอนนี้กระทั่งในเว็บไซต์รับสมัครงานยังเปลี่ยนไป
[อาลีบาบากรุ๊ปรับสมัครผู้มีพลังวิเศษ ไม่จำกัดอาชีพ , ไม่จำกัดอายุ , ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา , ไม่จำกัดจำนวน ถ้าท่านผ่านเงื่อนไข ทางเรายินดีมอบเงินเดือน 5,000 - 50,000 หยวน!]
[เพนกวินกรุ๊ปพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ขอเชิญคุณร่วมสร้างยุคสมัยใหม่ไปด้วยกัน เงินเดือนตามความสามารถ เรียกร้องได้ไม่จำกัด!]
[หัวเว่ยกรุ๊ป กำลังตามหาผู้มีพลังวิเศษ ไม่จำกัดเงื่อนไข ขอแค่คุณมั่นใจว่ามีความสามารถ โปรดติดต่อเข้ามาที่ ... ]
หน่วยงานต่างๆภายในประเทศเริ่มดำเนินการ ในความเป็นจริงก่อนที่ทางเมืองหลวงจะอนุมัติ พวกเขาก็ได้ชิงลงมือก่อนแล้ว ทำการรวบรวมผู้มีความสามารถจากกองทัพ , หน่วยงานบริหาร และสถาบันต่างๆ
มีข่าวลือในเน็ต ว่าประเทศได้เริ่มสร้างองค์กรเชิงกลุยทธ์สำหรับยุคใหม่ เงื่อนไขของพวกเขา ไม่จำกัดการศึกษา , เพศ , อายุ หรือวิชาชีพ ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ สิ่งเดียวที่พวกเขาสนใจ คือสกิลจากพรสวรรค์ที่คุณมี!
หากโลกเกิดความวุ่นวายขึ้นมาจริงๆ อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด? ก็พลังอย่างไรเล่า!
ตัวอย่างเช่นพรสวรรค์ของจางเสี่ยวเฉียง เป็นธรรมดาที่เขาจะกลายเป็นที่ต้องการตัว บริษัทใหญ่ต่างยินดีอ้าแขนรับ และมอบเงินเดือนเริ่มต้นให้เขาอย่างน้อยหลายล้านหยวนต่อปี!
ส่วนเทคนิคการทำอาหารของอ้วนต้าไห่ แม้มีบางแห่งรับสมัคร แต่เงินเดือนอยู่ในระดับเลวร้าย เพราะพรสวรรค์นี้เหมือนจะไร้ประโยชน์ และไม่เป็นที่สนใจของใครหลายๆคน
โลกได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ไม่ว่าจะเคยเป็นพวกขี้แพ้ , ไม่มีงานทำ , ขาดความฝันใช้ชีวิตไปวันๆ , ไม่เคยอยู่ในสายตาใคร หรือกระทั่งขอทาน
ตราบใดที่คุณโชคดีได้รับสกิลทรงพลังจากโลกวิญญาณ คุณก็สามารถก้าวกระโดดขึ้นมาอยู่ในระดับสูงของชนชั้นทางสังคมได้อย่างง่ายดาย
ซึ่งฮังอวี่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เกมพึ่งเริ่มต้นก็เร่งคว้าตัวคนกันซะแล้ว?
ผู้คนในปัจจุบันยังไม่เข้าใจถึงความหมายที่ชัดเจนของพรสวรรค์ คิดหรือว่าแค่ปล่อยเวทย์ปาลูกไฟหรือพ่นน้ำก็เป็นพวกน่าสนใจแล้ว?
ในอนาคตสกิลพรสวรรค์ยังสามารถพัฒนาได้อีกมาก ถ้าให้พูดกันตรงๆคือยังยากที่จะระบุว่าใครแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ การเติบโตของบุคคลไม่สามารถตัดสินได้ด้วยสกิลเริ่มต้นเพียงอย่างเดียว
เจ้าของเสียงน่าเกรงขามคนนั้นใจดีพอที่จะมอบโอกาสแก่ทุกคน ซึ่งหมายความว่าอนาคตยังไม่แน่ไม่นอน
ความสามารถที่เรียกกันว่าพรสวรรค์ ท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพรายบุคคล หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโชคของตนเอง!
สำหรับผู้กล้าที่มีไหวพริบ ต่อให้คุณต้องพลิกกระดานใหม่ ก็มีโอกาสที่จะสามารถยิ่งใหญ่ได้อยู่ดี
ตรงกันข้ามกับไอ้พวกขี้ขลาดบางคน ต่อให้ได้รับพรสวรรค์ที่ทรงพลังมา สุดท้ายก็ไร้ค่า แม้ช่วงเริ่มต้นอาจได้เปรียบคนอื่นเล็กน้อย แต่ถ้าไม่รู้จักใช้ประโยชน์จากมัน ในอนาคตมีแนวโน้มสูงที่จะกลายเป็นผู้แพ้
โลกวิญญาณมีความเป็นไปได้ไร้ขีดจำกัด คนตัวเล็กๆที่ไม่โดดเด่นใดๆในโลกจริง บางทีอาจระเบิดศักยภาพอันไร้ขีดจำกัด แล้วพลิกกลับมาเหนือทุกคนก็ได้ และสุดท้ายก็จะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือผู้คนนับล้าน
โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว ใจมนุษย์ยากจะควบคุม มีหลายปัจจัยที่ยังไม่รู้อยู่อีกมากเกินไป!
ขนาดฮังอวี่ที่ได้รับความทรงจำและประสบการณ์มามากมาย เขายังไม่กล้าพูดอย่างเต็มปากว่าสามารถทำนายอนาคตได้ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงต้องรอบคอบสุดๆ ไม่เปิดเผยช่องโหว่ใดๆ
มันยังไม่ถึงเวลาสถาปนาดินแดนของตัวเอง ตอนนี้ขอแค่ร่วมมือประกอบกิจการอาหารกับผังต้าไห่ก็พอ
คุณกำลังสงสัยล่ะสิ ว่าในเมื่อเลือกประกอบกิจการ แล้วมันต่างจากการสถาปนาดินแดนของตัวเองตรงไหน?
ไม่หรอก สำหรับเรื่องนี้ฮังอวี่คิดมาดีแล้ว! เขาตระหนักดีว่าตอนนี้ตัวเองเป็นแค่คนธรรมดา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับขุมกำลังระดับชาติหรือกองกำลังที่กุมอำนาจอย่างแท้จริง เขาในเวลานี้ยังเปราะบางเกินกว่าจะต้านทานได้
ความสามารถในการรับมือกับยุคใหม่ของเขายังไม่มากพอ ดังนั้นต้องเริ่มจากกิจการเล็กๆ ผลิตอะไรที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด แต่ได้รับผลตอบแทนมากที่สุด
อ้วนต้าไห่โทรหาเขาผ่าน Wechat “เสี่ยวฮัง ฉันมีเรื่องจะรายงาน”
ฮังอวี่ตอบทันที “ว่าไง”
อ้วนต้าไห่คนนี้ได้รับคำแนะนำจากฮังอวี่ การเดินทางไปยังโลกวิญญาณครั้งที่สองของเขาจึงทำผลงานได้ดีมาก ตอนนี้สะสมแต้มวิญญาณได้ถึง 26 แต้มแล้ว เหลืออีกครึ่งทางก็อัพเลเวล 2 ได้
อีกทั้งเวลานี้อ้วนต้าไห่ยังได้รับสมัครคนมาถึง 8 คน เขาส่งข้อมูลให้ฮังอวี่เพื่อทำการตรวจสอบ
“พวกเขาเป็นพี่น้องในมหาลัยไม่ก็เพื่อนของฉัน ตามที่นายต้องการ พยายามรับสมัครคนที่รู้นิสัยและไว้ใจได้ นายติดปัญหาอะไรไหม?”
ฮังอวี่กวาดสายตาอ่านคร่าวๆ “ไม่มีปัญหา”
“ฉันขอไปเตรียมตัวก่อน จะได้พร้อมเปิดร้านอาหารอย่างเป็นทางการ พวกเราจะเริ่มจากการบริหารร้านด้วยตัวเองก่อน พอทุกอย่างลงตัวก็ขยายสาขาต่อเป็นลูกโซ่ เดี๋ยวฉันส่งแผนให้นาย คิดยังไงก็บอกแล้วกัน”
“ไม่จำเป็น เรื่องพวกนี้นายไม่ต้องถามความเห็นฉัน ตั้งแต่ฉันมอบหมายงานนี้ให้ นั่นหมายความว่าฉันเชื่อฝีมือนาย”
“ว้าวววว! สหาย นายพูดแบบนี้ ฉันซาบซึ้งใจจริงๆ”
“เก็บความซาบซึ้งนั่นเอาไว้เถอะ พวกเรารู้จักกันมา 4 ปีแล้ว นายเคยสร้างตำนานโดยการขายหนังสือโป๊ในหอจนได้เงินเป็นกอบเป็นกำ มากพอเลี้ยงปากท้อง และจ่ายค่าเล่าเรียนได้ด้วยตัวเอง ฉันมั่นใจว่าความสามารถด้านธุรกิจของนายต้องไม่เลว”
แม้ผังต้าไห่จะเป็นชายร่างอ้วนดูซื่อๆ แต่อย่างน้อยเขาเป็นคนน่าเชื่อถือ ฮังอวี่มั่นใจในสายตาของตัวเอง
แน่นอน ฮังอวี่ไม่ใช่คนโง่! ถึงจะเป็นเพื่อนกันมานานถึงสี่ปี แต่เขาก็ใช่ว่าจะไว้ใจอีกฝ่ายโดยสนิทใจแบบ 100%
ฮังอวี่ยังคงเก็บงำความสามารถด้านการผลิตโพชั่นไว้กับตัวเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโพชั่นพลังจิต ซึ่งกิจการร้านอาหาร พลังจิตเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจคุมบังเหียนนี้ไว้กับตัว
ถ้าให้อธิบายง่ายๆก็คือ ต่อให้เขาไม่ได้เข้าไปสั่งการในกิจการร้านอาหารของผังต้าไห่ แต่ก็ยังสามารถควบคุมกระบวนการผลิตทางอ้อมได้อยู่ดี
ปัญหาใหญ่ที่สุดของอ้วนต้าไห่ในตอนนี้ คือข้อจำกัดด้านพลังจิต เนื่องจากการใช้งานเทคนิครวบรวมวัตถุดิบมันต้องใช้ค่าพลังจิตด้วย และการใช้เทคนิคทำอาการก็ต้องใช้พลังจิตเช่นกัน
สรุปก็คือ ยิ่งอีกฝ่ายปรุงอาหารมากเท่าไหร่ ก็ต้องยิ่งมีวัตถุดิบและใช้พลังจิตมากขึ้นเท่านั้น
ถึงแม้จะจ้างคนแปดคนแล้ว แต่ความสามารถในการผลิตก็ยังคงจำกัดอยู่ดี แม้ฮังอวี่จะมอบผลเบอร์รี่ฟ้าให้อ้วนต้าไห่ แต่ค่าใช้จ่ายในการใช้ผลเบอร์รี่ค่อนข้างสูง สุดท้ายจะไม่คุ้มเอา
นี่แหละอีกเหตุผลหนึ่งที่ฮังอวี่พาพวกเจียงหนานไปสู้กับโนมปล้นศพ เขาไม่เพียงต้องการสกิล ‘ล่องหน’ เท่านั้น แต่ยังต้องการรวบรวมสูตรโพชั่นด้วย
ตอนนี้มีสูตรโพชั่นอยู่ในมือแล้ว ขาดก็แต่วัตถุดิบ และสกิลในการกลั่นยา
นี่เป็นเรื่องที่ฮังอวี่ต้องจัดการแก้ไขในรอบต่อไป
อ้วนต้าไห่ส่งข้อความมาอีกว่า “อ้อจริงสิ มีอีกเรื่อง นายอาจจะไม่เชื่อที่ฉันพูด --เทพธิดาซูพึ่งติดต่อหาฉันเป็นการส่วนตัว (อีโมจิยิ้มลามก)”
เทพธิดาซู? ซูหยุนปิง? นั่นไม่ใช่อาจารย์เทพธิดาแห่งมหาลัยเจียงต้าหรอกหรือ?
ทำไมจู่ๆเธอถึงติดต่อหาเจ้าอ้วนต้าไห่กัน?
ต้าไห่รีบอธิบายว่า “เทพธิดาซูต้องการสั่งอาหารพลังงานวิญญาณ แล้วดูเหมือนจะรีบร้อนมาก เธอให้ราคาค่อนข้างน่าพอใจทีเดียว มันอาจกลายเป็นงานแรกของเรา”
ฮังอวี่ขมวดคิ้ว งานแรกงั้นหรอ? มันจะเร็วเกินหน่อยกระมัง
ซูหยุนปิงไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับฮังอวี่และผังต้าไห่ แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าเขากับต้าไห่ทำอะไรกันอยู่?
หรือว่าจะเป็นในตอนที่ ฮังอวี่รวบรวมวัตถุดิบอย่างโจ้งแจ้ง?
ไม่ก็เป็นเพราะอ้วนต้าไห่รับสมัครเพื่อนนักศึกษาในมหาลัยแล้วไปดึงดูดความสนใจจากซูหยุนปิงเข้า
ซูหยุนปิงสั่งอาหารในเวลานี้ สามารถอธิบายได้ว่าเธอตระหนักถึงความสำคัญของอาหารพลังงานวิญญาณ และอาจยกระดับเป็นเลเวล 2 แล้ว!
ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา!
ฮังอวี่ให้คำแนะนำกับต้าไห่ “คุยกับเธอไปก่อน เรียกราคาให้มากกว่านี้”
อ้วนต้าไห่เผยรอยยิ้มลามก “ไว้ใจได้เลย ตอนนี้ในสายตาของพี่ต้าไห่ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการทำเงิน ต่อให้เป็นเทพธิดา ถ้ามาขวางทาง ฉันจะจับเชือดซะ!”
ฮังอวี่ชื่นชมอ้วนต้าไห่ที่ไม่บ้ากาม ในความเป็นจริงแล้ว เงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ
ความสุขต่างหากที่สำคัญที่สุด แต่ประเด็นคือ การทำเงินมันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งเนี่ยสิ ฮี่ ฮี่
หลังจากวางสายโทรศัพท์ เดิมฮังอวี่เตรียมออกไปหาวัตถุดิบ แต่ตอนนี้พอมานึกดูแล้วอย่าพึ่งดีกว่า เนื่องจากวิดีโอฆ่าไก่ก่อนหน้านี้ถูกอัพลงโลกออนไลน์แล้ว ทำให้เขาเริ่มกลายเป็นที่รู้จัก
ฮังอวี่ไม่อยากมีชื่อเสียงในฐานะเน็ตไอดอล จะเป็นการดีกว่าหากเก็บตัวเงียบเข้าไว้
ในทางกลับกัน ฮังอวี่ยังมีแผนและงานอีกมากที่ต้องทำ
ตอนนี้เขายังเหลือเงินในบัญชีมากกว่า 5 ล้านหยวน ควรรีบใช้มันอย่างคุ้มค่าให้เร็วที่สุด!