ตอนที่76 จวิ๋นหลี่จิวบาดเจ็บสาหัส!
ตอนที่76 จวิ๋นหลี่จิวบาดเจ็บสาหัส!
คพูดคำจาหลุดปากออกมาหมดเช่นนี้แล้วจะทำเยี่ยงไรต่อ?
ทันใดนั้นจวิ๋นปิงก็เอ่ยกล่าวออกมาคำหนึ่ง
“ไม่มีใครสามารถแทนตำแหน่งคุณหนูใหญ่ของหลี่หวงได้!”
คำกล่าวนี้ได้เรียกเสียงฮือฮาของทุกคนรอบข้าง
แต่ไม่มีใครสามารถโต้เถียงอะไรได้เช่นกัน เพราะจวิ๋นปิงเองก็มีหลานสาวในสายเลือดแค่คนเดียว ที่หวงแหนขนาดนี้จึงไม่แปลกเช่นกัน!
สีหน้าของหลี่หวงยังคงเรียบนิ่งไม่ผันแปร ทว่าภายในใจกลับลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ อันที่จริงท่านปู่ไม่เห็นจะต้องพูดถึงขนาดนี้เลย
แต่เพื่อปกป้องนาง...จวิ๋นปิงจึงต้องการกล่าวให้ทุกคนในที่นี่ได้รับรู้เป็นนัย
ใครกล้าลองดี มีเจ็บตัว!
งานเลี้ยง ณ จวนตระกูลจวิ๋นล่วงเลยไปจวบจนเที่ยงคืน เหล่าสมาชิกคนสนิทของจวิ๋นปิงที่เป็นเหล่าผู้อาวุโสยังดื่มสังสรรค์ต่ออย่างสนุกสน่าน ไม่ว่าจะอย่างไร หากเครื่องติดพวกเขาไม่มีหยุดแน่นอน!
จวิ๋นปิงเห็นแบบนี้ก็เข้าใจทุกคนดี ในที่สุดวันนี้ตนก็ได้กลับบ้านมาอย่างปลอดภัย ทุกคนดีใจเป็นเรื่องธรรมดา จึงไม่อยากเอ่ยปากห้ามสักเท่าไหร่
สายตาของเขาเลื่อนลอยออกไปโดยมิตั้งใจ ก่อนจะตกลงบนร่างของหลานสาวของเขา
เห็นเพียงหลี่หวงเอาแต่นั่งเงียบ ฟังเยาวชนที่อยู่เคียงข้างเอ่ยสนทนารับตอบเป็นระยะ บ้างก็ยกถ้วยชาขึ้นมาริมจิบ ดูสงบนิ่งแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ โดยสิ้นเชิง
“หลี่หวง ปู่เองก็อายุมากแล้ว นับแต่วันนี้เป็นต้นไปคงมีแค่โม่เทียนเท่านั้นที่ปกป้องเข้าได้...”
จวิ๋นปิงเอ่ยรำพึงกับตัวเองด้วยความอาลัย ด้วยอายุปูนนี้เขาจะได้เห็นหลานสาวเติบโตอีกสักเท่าไหร่เชียว?
แต่ด้วยสถานการณ์ของตระกูลจวิ๋นยามนี้ เขายังตายไม่ได้เด็ดขาด! อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปก่อน!
หลี่หวงที่อยู่โต๊ะไม่ฝกล้ไม่ไหลก็พลางสังเกตเห็นสายตาของจวิ๋นปิงที่มองมาทางนี้ ทว่าพอหันไปหาอีกฝ่ายกลับหลบสายตาถอนออกไป
จวิ๋นปิงไม่อยากเห็นหลานสาวตัวเองสังเกตเห็นแววทุกข์โศกภายในใจที่สาดสะท้อนผ่านแววตาของตน!
ท่านปู่มีเรื่องทุกข์ยากจะอธิบายอันใดหรือไม่?
หลี่หวงครุ่นคิดอยู่วูบหนึ่ง นางค่อนข้างสงสัยกับปฏิกิริยาของท่านปู่ แต่จะให้เอ่ยถามออกไปตอนนี้ คงเป็นสถานการณ์ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าใด
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั่น กลับมีเสียงดังขุมหนึ่งเรียกสตินางและทุกคนให้ตื่นขึ้น!
“ตุบ…!”
เสียงอะไรบางอย่างกระแทกประตูเข้ามาและล้มลงกับพื้น!
เบื้องหน้างานเลี้ยงปรากฏร่างสูงใหญ่ล้มกระแทกพื้นอย่างแรง เสื้อผ้าบนร่างขาดลุ่ยเสมือนขอทาน ดูท่าจะหมดสติไปโดยสมบูรณ์ สภาพโดยรวมช่างอนาถยิ่งนัก!
“ศิษย์พี่ใหญ่!!”
โต๊ะของบรรดาเยาวชนของตระกูลจวิ๋นอยู่ใกล้บริเวณประตูที่สุด ทันทีที่เห็ร่างดังกล่าวล้มลงกับพื้น ก็กรีดร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจสุดขีด!
ปรากฏว่าเป็นจวิ๋นหลี่จิว!
หลี่หวงหอบหายใจถี่รัว ยามนี้ปราศจากร่องรอยความสงบนิ่งอีกต่อไป คู่เท้ากระตุกวูบพุ่งโฉบไปยังหน้าประตูโดยทันที!
ทุกคนล้วนไม่ทันตอบสนองอันใด สัมผัสได้เพียงว่า มีเงาสายหนึ่งสีม่วงอ่อนเฉี่ยววูบผ่านสายตา พอเหลียวหลังกลับไปคุณหนูใหญ่ของพวกเขาก็หายไปจากที่นั่งเดิมแล้ว และเมื่อหันกลับมาก็พบว่านางมาถึงหน้าประตูแล้ว!
ความเร็วนี่มันอะไรกัน!?
น่าเกรงขามยิ่ง!
ที่แท้คุณหนูใหญ่ของพวกเขาก็ซ่อนคมไว้ในฝักโดยตลอด!
และที่ต้องเก็บซ่อนระดับพลังบ่มเพาะที่แท้จริงเอาไว้ ก็เพื่อไม่ต้องการให้เยาวชนคนอื่นในตระกูลจวิ๋นดูแย่!
“พี่จิว!?”
เมื่อหลี่หวงเห็นร่างที่นอนสลบมอดอยู่กับพื้น นางก็ถึงกับร้องอุทานออกมา!
จวิ๋นหลี่จิว! เป็นพี่ชายของนางจริงๆ ด้วย! ไฉนเขาถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสปานนี้ได้!
“หลี่จิว!!!”
จวิ๋นโม่เหวินรีบพุ่งเข้ามาเช่นกัน เขาตื่นตระหนกอย่างมากเมื่อเห็นลูกชายตนเองนอนสิ้นสติกองอยู่กับพื้นแบบนี้!
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!!”
หลี่หวงรีบยกมือขวางมิให้จวิ๋นโม่เหวินเข้าใกล้และกล่าวว่า
“อย่าแตกต้องเขา!”
ทั่วทั้งร่างกายของจวิ๋นหลี่จิวมีแต่บาดแผลเต็มไปหมด บางจุดยังลึกมากจนเห็นกระดูกขาวด้านใน การแตะต้องสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนี้ อาจทำให้อาการของเขายิ่งทรุดหนักมากขึ้น!
“บาดแผลพวกนี้...”
จวิ๋นปิงรีบตรงมาดูหลานชายของตนเอง กวาดสายตาพินิจรอยบาดแผลต่างๆ บนร่างกาย ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นราวกับคิดอะไรอยู่
“ตระกูลเย่...”
จวิ๋นโม่เทียนเสาะพบเบาะแสของบาดแผลเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว ฟังจากน้ำเสียงที่หนักแน่นของเขา ดูท่าทางจะค่อนข้างมั่นใจ!
จวิ๋นหลี่หวงหยิบโอสถห้ามโลหิตออกมาจากแหวนมิติและยัดมันลงในปากของจวิ๋นหลี่จิว งัดคางอีกฝ่ายให้เงยขึ้นเพื่อให้กลืนลงไป ยังไม่ได้รับการรักษาในทันทียังพอทำเนา แต่สิ่งที่ควรทำโดยเร่งด่วนที่สุดคือการห้ามเลือด!
“นั่นมันโอสถ!!”
ทุกคนล้วนสังเกตเห็นได้อย่างชัดแจ้ง หลี่หวงหยิบโอสถออกมาจากแหวนมิติให้จวิ๋นหลี่จิวกลืนลงไป ทุกสายตาในขณะนี้ต่างจับจ้องหลี่หวงราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาดพิสดาร
หลี่หวงไม่มีเวลามาอธิบายอันใดให้มากความ จำเป็นต้องรีบจัดการกับบาดแผลฉกรรจ์เหล่านี้ของพี่ชายนางโดยเร็วที่สุด นางหันไปบอกจวิ๋นโม่เหวินทันทีว่า
“ลุงใหญ่ พาพี่จิวไปที่เรือนพักที!”
จวิ๋นโม่เหวินเองก็พอทราบถึงอาการสาหัสสากรรจ์ของลูกชายตัวเองดี จึงไม่เอ่ยถามอะไรให้เสียเวลาอีกต่อไป รีบอุ้มจวิ๋นหลี่จิวขึ้นอย่างเบามือที่สุด ยิ่งเห็นสภาพของลูกชายตัวเองตอนนี้ ก็ยิ่งทำให้ความเกรี้ยวโกรธภายในใจปะทุขึ้นไปใหญ่!
จวิ๋นโม่เหวินเลือกเรือนพักที่ใกล้ที่สุด และวางร่างของจวิ๋นหลี่จิวลงบนเตียงด้วยความระมัดระวัง
คู่สายตาจับจ้องหลี่หวงเขม็งด้วยความวิตกกังวล และเอ่ยถามขึ้นว่า
“หลี่หวง อาการของหลี่จิวเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลี่หวงส่ายหน้าอาน
“ข้ายังต้องตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดอีกครา ลุงใหญ่ ท่านออกไปรอข้างนอกก่อนเถิด ผลออกเมื่อใดจะรีบแจ้งทันที!”
จวิ๋นโม่เหวินได้ยินแบบนั้นก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับคำอย่างช่วยไม่ได้
แต่หลังจากที่จวิ๋นโม่เหวินเดินออกมาจากเรือนพักหลังนั้น ทุกคนต่างก็รีบมามุงเป็นวงกลมล้อมรอบเอาไว้จนแทบไม่เหลือช่องว่างไว้หายใจ
บางคนเอ่ยถามขึ้นด้วยความเหลือเชื่อว่า
“คุณหนูใหญ่ของพวกเราเป็นนักหลอมโอสถหรือหมอกันแน่?”
เมื่อคำถามข้อนี้ถูกยกขึ้นมา ทุกคนโดยรอบต่างตระหนักได้โดยพร้อมเพรียงจนลืมไปแล้วว่าตอนนี้เกิดเหตุอะไรขึ้น!
“คุณหนูใหญ่ของพวกเรา...ซ่อนคมเร้นประกายได้แยบยลยิ่งนัก!”
“ถูกต้อง! เมื่อครู่เจ้าเห็นท่าทางของคุณหนูใหญ่หรือไม่ สามารถหยิบใช้โอสถได้โดยปราศจากความตระหนี่ นางจะต้องเป็นนักหลอมโอสถแน่นอน!”
“....”
สุ้มเสียงคาดเดาต่างๆ นาๆ เอ่ยลั่นดังกึกก้อง หน้าเรือนพักหลังนี้เต็มไปด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมราวกับอยู่ในโรงน้ำชา
“หุบปากซะ!”
จวิ๋นปิงคำรามเสียงดังลั่น สีหน้าและน้ำเสียงเย็นชายิ่งในขณะนี้ กวาดสายตาพยายามมองเข้าไปภายในเรือนว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังกังวลมากจริงๆ
จวิ๋นปิงทราบดีถึงความสามารถและพลังฝีมือของจวิ๋นหลี่จิว คนที่สามารถทำร้ายหลานขายของเขาจนสาหัสปานนี้ได้ เห็นได้ชัดว่า...หาใช่บุคคลธรรมดาทั่วไป!
หลานในสายเลือดของเขามีเพียงจวิ๋นหลี่จิวและจวิ๋นหลี่หวงเท่านั้น เขาไม่ต้องการให้หลี่หวงต้องมาเสี่ยงกับอันตรายแม้สักนิด ส่วนจวิ๋นหลี่จิวเองก็เช่นกัน!
จะให้ตระกูลจวิ๋นต้องจัดงานศพทุกปีเลยรึไง? ไม่แน่นอน!
ทันใดนั้น จวิ๋นปิงเผลอกระชับกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
คนที่บังอาจทำร้ายตระกูลจวิ๋นของเขา มันผู้นั้นจะต้องชดใช้คืนนับพันหมื่นทวีเท่า!
เมื่อทุกคนรสัมผัสได้ถึงคลื่นจิตสังหารของท่านประมุขตระกูลที่แผ่ซ่านออกมา พวกเขาก็รีบหุบปากในทันใด แม้เบื้องลึกในแววตาจะเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและโลภ แต่ไม่มีใครสักคนกล้าถามอีกเลย!
ภายในเรือนพัก จวิ๋นหลี่หวงเรียกหม้อหลอมโอสถวิเศษและเหยาอวี้ออกมา พร้อมถอดเสื้อผ้าที่ชาดรุ่ยของจวิ๋นหลี่จิวออกไป รอยแผลภายในร่มผ้าปรากฏขึ้นอย่างชัดแจ้ง หากสังเกตให้ดีจะเห็นรอยจ้ำสีม่วงจางๆ กระจายอยู่ทั่วทั้งร่าง!
“เหยาอวี้ เจ้าคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”
หลี่หวงกำลังรอผลการวินิจฉัยของเหยาอวี้อย่างใจจดใจจ่อ! มิใช่ว่าหลี่หวงไม่มีความสามารถที่จะวินิจฉัย แต่ถึงอย่างไรบาดแผลฉกรรจ์กลับมีมากเกินไปทุกซอกทุกมุม ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของเหยาอวี้อีกแรง
“บาดแผลภายนอกโดยส่วนใหญ่ค่อนข้างฉกรรจ์ มีรอยถากลึกเป็นบางจุด อวัยวะภายในบอบช้ำโดยเฉพาะช่วงปอดและหัวใจ แข้งขาอ่อนแรง และที่สำคัญยังโดนพิษ ยังโชคดีที่ยังไม่ลามเข้าส่วนสำคัญ”
ไม่นานเกินรอ เหยาอวี้ก็รายงานผลให้ทราบโดยละเอียด
หลี่หวงถอนหายใจด้วยความโล่งอก สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคงหนีไม่พ้นพิษ และยังดีที่พิษยังไม่กระจายไปยังอวัยวะสำคัญ!
ในเมื่อทราบผลวินิจฉัย หลี่หวงจึงเริ่มกระบวนการหลอมกลั่นโอสถทันที
“นายท่าน ข้าจะหลอมกลั่นโอสถให้เอง เจ้าไปทำรักษาบาดแผลภายนอกของเขาดีกว่า”
เหยาอวี้ที่เห็นว่าหลี่หวงกำลังยุ่งกับการทำแผลบนร่างกายของจวิ๋นหลี่จิว จึงอดเสนอตัวหลอมกลั่นโอสถให้มิได้
หลี่หวงตะลึงงันเล็กน้อย ก่อนหันมากล่าวติดตลกว่า
“ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าต้องหลอมโอสถยังไง ให้เจ้ารับผิดชอบน่าจะดีกว่าจริงๆ”
นางมอบหมายเรื่องหลอมกลั่นโอสถให้เหยาอวี้ หลังจากบอกสูตรโอสถถอนพิษให้เหยาอวี้เสร็จสรรพ มันก็เริ่มจุดไฟหม้อหลอมโอสถวิเศษด้วยเพลิงเทพไพลินของมันเอง และเริ่มกระบวนการหลอมกลั่นโอสถโดยทันที!