ตอนที่ 283+284 ขาดสามัญสำนึก
“ทำไมถึงได้ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเล่า ก่อนที่จะขึ้นมาล่ะคะ” เจียงเหยาถามขณะที่เธอเปิดประตูให้กับลู่ชิงสี
“เพราะคุณสวยมากยังไงล่ะ” เขาตอบอย่างจริงใจ มีเพียงเขาเท่านั้นที่สังเกตเห็นทรงผมของเธอที่มัดไว้อย่างพิถีพิพัน เขาลูบศีรษะเธอเบา ๆ แล้วพูดว่า “ผมของคุณยาวขึ้นแล้ว ผมเดาว่าคุณคงไว้มานานกว่าจะถึงช่วงก่อนปีใหม่”
“คุณบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่าชอบผมยาว ฉันก็ตั้งใจไว้ผมอยู่นี่ไง” เจียงเหยาหัวเราะเบา ๆ เธอแปลกใจเล็กน้อยที่ลู่ชิงสีพูดคำหวานออกมาเช่นนี้ มันหวานราวกับน้ำผึ้ง แม้ว่าจะเป็นแค่น้ำผึ้งง่าย ๆ เพียง ‘คุณสวยมาก’
ลู่ชิงสีพยักหน้าอย่างจริงจัง แล้วขอให้เธอสวมรองเท้า พวกเขากำลังจะออกไปโรงอาหารเพื่อทานอาหารเย็น
ก่อนออกไป เขากดเธอเข้ากับประตูแล้วจูบอย่างเร่าร้อนอยู่ครู่หนึ่ง แต่ทันทีที่พวกเขาออกจากประตู เขาไม่มีความตั้งใจแม้แต่จะเดินจูงมือเธอ
ในที่สุดเจียงเหยาก็เข้าใจพฤติกรรมของลู่ชิงสีได้ เขาอยู่ในโหมดจริงจังโดยอัตโนมัติ เมื่อเขาสวมเครื่องแบบทหาร ทว่าหลังประตูปิด เขาจะเปลี่ยนเป็นโหมดคนขี้โกงโดยทันที
อย่างไรก็ตาม เขาลังเลที่จะปล่อยให้ภรรยาของเขาหนาว แม้ว่าเขาจะไม่ได้จับมือเธอ แต่เขาก็เดินเคียงข้างเธอ
มีระยะห่างระหว่างอาคารที่พักกับโรงอาหาร ขณะที่พวกเขากำลังเดินไปด้วยกัน เจียงเหยาเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับการมาเยี่ยมของนางเกอ
“บอกตามตรง ฉันไม่ชอบเธอเลยค่ะ เธอเป็นคนโลภ เห็นแก่ตัว และใจแคบ”
เจียงเหยาแสดงความไม่พอใจอย่างตรงไปตรงมา ขณะที่เธอรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่เธอควรจะปิดบังหรือเก็บเป็นความลับจากลู่ชิงสี เธอสามารถบอกความคิดและความเห็นที่แท้จริงของเธอกับเขาได้ เพราะเธอมั่นใจอย่างยิ่งว่าเขาจะไม่เห็นว่าเธอเป็นคนใจแคบ หรือเป็นคนไร้หัวใจ
“เธอค่อนข้างไม่มีจิตสำนึก คุณไม่ต้องไปคลุกคลีกับเธอ แค่สุภาพและมีมารยาทก็พอ” ลู่ชิงสีขมวดคิ้วด้วยความรำคาญเมื่อกล่าวถึงนางเกอ
“เมื่อกี้ เธอมาบ้านเราพร้อมกับผักหนึ่งกำมือ เธอบอกว่าเธอกังวลว่าคืนนี้ฉันจะไม่มีอะไรกิน ฉันเลยบอกเธอไปเกี่ยวกับงานเลี้ยง คุณรู้ไหมว่าเธอตอบกลับมาว่าอย่างไร เธอบ่นใหญ่เลยว่าไม่เห็นมีงานเลี้ยงต้อนรับเธอกับเวินเวิน ตอนที่พวกเธอมาที่นี่ต่อหน้าฉัน”
เจียงเหยากล่าวต่อว่า “คุณคิดว่าเธอจะต่อว่าเรื่องนี้กับสามีของเธอภายหลังไหมคะ”
“ไม่ใช่ว่าภรรยาของทุกคนในกองทัพจะมีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้สักหน่อย” ลู่ชิงสีเยาะเย้ยอย่างเหยียดหยาม
“ค่าใช้จ่ายสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้มาจากเงินส่วนตัวของหัวหน้า เพราะผมกับเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน”
สำหรับผัก ลู่ชิงสีพบว่ามันน่าขบขันมากและเขาก็งง
“คนทั้งกองรู้ดีว่าที่บ้านผมไม่มีจานชาม และผมไม่เคยทำอาหาร เธอจะไม่รู้ได้ยังไง เธอแค่ไปหาคุณพร้อมกับถือผักไปด้วย ทั้งที่เธอรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่มีทางรับมัน”
เขาพูดออกมาโดยไม่ลังเล
เจียงเหยาดีใจที่ลู่ชิงสีไม่สนใจเสียงคร่ำครวญของเธอและเธอก็ไม่ได้กวนรังแตนอีก เธอทำหน้าบูดบึ้งเมื่อได้รู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของนายเกอในการใช้ผักเป็นพร็อพเพียงเท่านั้น
“หัวหน้าก็เพิกเฉยต่อฌธอ แม้ว่าเธอจะแสดงความโกรธเคืองใส่สามีของเธอ” ลู่ชิงสีหรี่ตาและขมวดคิ้วในขณะที่เขาพูดต่อ “ตอนที่เธอมาที่นี่ครั้งแรก เธอได้ก่อเรื่อง รบเร้าจะว่าต้องการบ้านไร่เป็นที่พักของครอบครัวเธอ เธอชอบที่นั่น มีลานกว้างและมีที่ดินสำหรับทำการเกษตร อีกอย่างไม่ต้องขึ้นบันไดทั้งวันด้วย แต่ปัญหาคือบ้านบริเวณนั้นเต็มแล้ว สุดท้ายเธอก็หยุดพูดไร้สาระหลังจากที่หัวหน้าออกไปแล้ว และบอกว่าจะอยู่ที่นี่ก็ได้ แต่ยังไงเธอก็จะต้องมีที่ปลูกผัก”
เจียงเหยาผงะเล็กน้อย ดูเหมือนว่าพลังการต่อสู้ของนางเกอจะมีอยู่จริง ๆ
“อ๋อ คุณเกอเขายังอยู่ที่โรงพยาบาลใช่ไหมคะ อาการบาดเจ็บของเขาเป็นยังไงบ้าง ร้ายแรงไหม ทำไมภรรยาของเขาถึงไม่ไปดูแลเขาที่โรงพยาบาลล่ะคะ มีอะไรที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า เจียงเหยากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ภรรยาแบบไหนที่จะอยู่บ้านและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่สามีของตนนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล?
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เจียงเหยารู้สึกถึงพายุค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นรอบ ๆ ตัวลู่ชิงสี ซึ่งลดแรงกดดันลงมาอย่างมากในสภาพแวดล้อมของพวกเขา
__
“หึ จะอะไรอีกล่ะ ก็เพราะเธอนั่นล่ะตัวปัญหา!” ลู่ชิงสีคำราม “ตอนแรก เธอก็บ่นว่าการดูแลสามีที่โรงพยาบาลทำให้เธอต้องเสียเงินไปมากกว่าความรับของครอบครัวเธอ จากนั้นเธอก็บ่นว่าทำไม่ได้ เพราะไม่อยากปล่อยให้ลูกสาวอยู่บ้านตามลำพัง ความจริงก็คือเธอไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาบาลและรู้สึกว่าการดูแลคนป่วยทั้งวันเป็นงานหนัก”
เจียงเหยาพยักหน้ารับรู้เรื่องราว “คุณพูดถูก เด็กหกขวบไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไม่ไปหาสามี มีหลายครอบครัวในกองทัพที่มีลูกสาวอายุไล่เรื่อกัน อีกอย่างเธอก็อายุหกขวบแล้ว ก็แค่หาคนเอาข้าวให้เธอวันละสามมื้อ ไม่ต้องดูแลเธออย่างใกล้ชิด”
“เวินเวินไปโรงเรียนอนุบาลในกองทัพ เธอไม่ต้องให้ใครดูแลเธอตลอดทั้งวัน” ใบหน้าของลู่ชิงสีเปลี่ยนเป็นสีเทาน่าเกลียดเมื่อเขา พูดถึงเด็กผู้หญิง “เกอเวินเวินนิสัยเสียก็เพราะแม่ของเธอนั่นแหละ นางเกออยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูแลสามีในช่วงสองวันแรกของการรักษาตัวในโรงพยาบาล เธอฝากให้เพื่อนบ้านที่อยู่ชั้นล่างช่วยดูแลลูกสาวให้ สองวันต่อมา ทั้งสองครอบครัวก็ทะเลาะกันใหญ่ เพราะเด็กคนนี้ ตอนนี้พวกเขาไม่แม้แต่จะมองหน้าพูดคุยกันอีกแล้ว”
เจียงเหยามองดูใบหน้าของลู่ชิงสีที่ดูดุร้าย สำรหับคนที่ต้องการมีลูกเป็นของตัวเองอย่างกระตือรือร้นอย่างลู่ชิงสี
เธอส่ายหน้าเมื่อเธอจำได้ว่าเกอเวินเวินกระทืบเท้าอย่างดื้อรั้นและเรียกร้องให้เปิดกระเป๋าของเธอเพื่อดูว่ามีของกินหรือไม่ “การศึกษาในช่วงอนุบาลสำหรับเด็ก ๆ มีความสำคัญมาก หวงเฉินเฉินอายุแค่สามขวบ มีไหวพริบมากกว่าเด็กหกขวบอย่างเวินเวินเสียอีก”
ลู่ชิงสีพ่นลมหายใจขณะที่เจียงเหยาพูดถึงหวงเฉินเฉินอีกครั้ง นอกจากนี้เขายังตระหนักว่าเธออาจจะชอบเด็กจริง ๆ
ดังนั้น หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เขาตัดสินใจบอกฌธอเกี่ยวกับสิ่งที่เกอเวินเวินทำ เขาเล่าว่า แม่กับลูกสาวคู่นี้เป็นเหมือนหมากฝรั่งที่ติดหนึบ ควรหลีกเลี่ยงในทุกกรณี ทั้งยังเป็นเครื่องเตือนใจไม่ให้เธอผูกมิตรกับเกอเวินเวินมากจนเกินไป
“เกอเวินเวินเป็นคนหยาบคายและดูไร้มารยาทเวลาอยู่กับเพื่อนบ้าน เธอค้นของโดยไม่ไดรับอนุญาต ไม่ว่าจะเป็นตู้เสื้อผ้า ลิ้นชัก ตู้เก็บของ ยอ่างที่รู้ ๆ กันอาหารบางอย่างของครอบครัวจะเก็บไว้ แต่ถูกเธอค้นออกมากินเสียหมด เธอเรียกร้องที่จะกินไข่ในมื้อกลางวัน และจะกินเนื้อในมื้อค่ำ วันนั้นเมื่อนางเกอกลับมาจากโรงพยาบาล เธอได้เห็นฉากที่เกอเวินเวินกำลังร้องไห้เพราะไม่สามารถแย่งอาหารจากลูกของเพื่อนบ้านได้ รู้ไหมว่าเธอทำอะไร เธอชี้นิ้วไปที่เพื่อนบ้าน กล่าวหาว่าพวกเขารังแกลูกของเธอ เพราะเลือกปฏิบัติที่เธอมาจากบ้านนอก กล่าวหาว่าพวกเขาไม่ให้อาหารกับลูกของเธอ จนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต พวกเขาไม่คุยกันอีกเลยตั้งแต่วันนั้น และนางเกอก็ไม่ไปโรงพยาบาลอีกเลยเช่นกัน”
ลู่ชิงสีถอนหายใจหนัก ๆ หลังจากเล่าเรื่องยาว ๆ ไม่แน่ใจว่าการถอนหายใจนั้นมีไว้สำหรับนางเกอและเกอเวินเวิน หรือสำหรับนายเกอกันแน่
ในทางกลับกัน เจียงเหยาหดตัวด้วยความตกใจ ดวงตาของเธอเบิกกว้าง นางเกอคนนี้เป็นคนฉลาดแกมโกงจนน่ารังเกียจอย่างที่ไม่เคยพบเคยเจอมากก่อน
“ลู่ชิงสี ไม่ต้องกังวล ฉันสัญญาว่าฉันจะสอนลูก ๆ ของเราให้เชื่อฟังและมีมารยาทดีในอนาคตนะคะ” เจียงเหยากล่าวด้วยความมุ่งมั่น
ลู่ชิงสีรู้สึกว่าเมฆที่มืดครึ้มที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาสลายไปอย่างกะทันหัน และมันก็ถูกแทนที่ด้วยท้องฟ้าที่มีแสงแดดจ้า
“อืม ผมรู้ว่าผมวางใจคุณเมื่อพูดถึงลูก ๆ ของเรา”
เขารู้สึกประหลาดใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าเธอต้องการมีลูกกับเขาอย่างจริงจัง เธอไม่ได้เกลี้ยกล่อมหรือปลอบโยนเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เธอพูดก่อนเปิดเทอมเท่านั้น ในใจของเธอ เธอต้องการมีลูกกับเขาจริง ๆ
หลังจากได้ยินคำตอบของลู่ชิงสีแล้ว เจียงเหยาก็อ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ โดยตระหนักว่าเธอได้โพล่งเกี่ยวกับการปลูกฝังวินัยให้กับลูก ๆ ของพวกเขาในอนาคตโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นใด
เธอหน้าแดงขึ้นอย่างเขินอายและพยายามชี้แจงว่าเธอไม่ได้กังวลเรื่องมีลูกมากนัก แต่รอยยิ้มที่บานสะพรั่งในดวงตาของลู่ชิงสีทำให้เธอขดริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวลและเต็มไปด้วยความรัก
“ฉันจะมีลูกให้คุณหลังจากที่ฉันเรียนจบ คุณชอบเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายคะ” เจียงเหยาเหลือบมองลู่ชิงสีอย่างเขินอาย