ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 34 สถานที่นี้เรียกว่าเมืองผี
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 34 สถานที่นี้เรียกว่าเมืองผี
พระอาทิตย์ยามเช้าส่องลงมาบนสะพานชิงป่านที่รกร้างว่างเปล่า
สถานที่แห่งนี้ห่างไกลจากตัวเมืองที่พลุกพล่าน บริเวณโดยรอบวังเวงเงียบสงัด
คงหนิงขี่ม้าสี่เหลืองพุทรามาหยุดอยู่ตีนสะพานชิงป่าน ครุ่นคิดอยู่นาน
หมอกสีขาวยังคงพวยพุ่งทอดยาวออกไปด้านหน้า แต่ก็หายไปกับความว่างเปล่าบนสะพานชิงป่าน
บางที สะพานแห่งนี้อาจจะมีสิ่งพิเศษจริงๆ?
คงหนิงลังเล ในที่สุดก็ลงจากหลังม้าและเดินไปบนสะพานเพียงลำพัง
พลังปีศาจในร่างโคจรหมุนวนอย่างเงียบๆ พร้อมใช้ออกได้ทุกเมื่อ ทุกย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยความระแวดระวังและกังวลเพราะกลัวจะก้าวเข้าไปติดอยู่ในพื้นที่พิเศษ พื้นที่แปลกๆ หรือมีปีศาจกระโจนออกมาจากสะพาน
อย่างไรก็ตาม กระทั่งคงหนิงเดินไปกลางสะพานที่หมอกขาวหายไป ทุกอย่างก็ยังคงปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คงหนิงไม่ได้เข้าไปในความว่างเปล่าที่น่าขนลุกนั่น และไม่ได้มีผีร้ายหรือปีศาจน่าสะพรึงกลัวกระโจนออกมาลอบโจมตี
สิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงไปคือหมอกขาว
หมอกสีขาวที่อยู่ตรงหน้าหดงอ มันไม่ได้กระจายออกไปอีกแล้ว แต่โค้งกลับเข้าหาร่างของคงหนิง
ในไม่ช้า หมอกสีขาวทั้งหมดก็กลับเข้าไปในจุดตันเถียนของคงหนิง
ภายในไหดำลึกลับเต็มไปด้วยหมอกขาวอีกครั้ง ปริมาณของมันดูใกล้จะเต็มแล้ว และดูเหมือนว่าการค้นหาครั้งนี้จะล้มเหลว
แต่เมื่อครู่หมอกก็ชี้ชัดขนาดนั้น.......
จิตใจของคงหนิงจมเข้าไปในจุดตันเถียน สัมผัสสถานะของไหดำลึกลับ จากนั้นเขาก็รู้สึกพูดไม่ออก
คราวนี้ไหดำลึกลับได้พบเป้าหมายที่เหมาะสมกับตัวเขาแล้ว
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้และเส้นทางที่จะเดินต่อก็หยุดลงที่นี่ หมอกขาวที่นำทางไปต่อไม่ได้จึงต้องถอยกลับเข้ามาในไหสีดำ รอการก่อตัวครั้งต่อไป
…...กล่าวอีกนัยหนึ่ง สะพานชิงป่านแห่งนี้ นำไปสู่สถานที่ใดสักแห่งหนึ่งจริงๆ?
คงหนิงซึ่งกลับมายืนอยู่ตีนสะพานก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
สิ่งแรกที่เขาคิดคือ มันอาจจะเป็นสนามต่อสู้ของเหล่าปีศาจภายในเมืองที่หว่านเอ๋อหาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ
เป็นไปได้ไหมว่าปีศาจเหล่านั้นกำลังต่อสู้กันในพื้นที่พิเศษเบื้องหลังสะพานชิงป่าน? เพราะมันไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์ หว่านเอ๋อจึงหาไม่เจอ?
แต่ตอนนี้ไหดำลึกลับกลับชี้ให้เห็นทางเข้า?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ คงหนิงก็ไม่กล้ารอช้า รีบขี่ม้าสีเหลืองพุทราไปตามถนนตรอกซอกซอย มุ่งตรงไปยังบ้านร้างตระกูลเถียน
สะพานชิงป่านแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านร้างตระกูลเถียน และภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ คงหนิงก็เห็นหญิงสาวกำลังขัดสมาธิฝึกฝนบ่มเพาะอยู่บนแผ่นหิน
หญิงสาวแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นคงหนิงมาหาในตอนกลางวัน ซึ่งเป็นไปได้ยากนักที่เขาจะมาตอนนี้
“หัวหน้ามือปราบหนิง? ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?” หว่านเอ๋อกระโดดลงจากแผ่นหินแล้วถามด้วยความสงสัย
คงหนิงสูดลมหายใจเข้าแล้วพูดว่า “แม่นางหว่านเอ๋อ ตอนที่ข้ากำลังลาดตระเวนอยู่ตามถนน บังเอิญผ่านสะพานชิงป่านที่อยู่ใกล้ๆ นี่ และรู้สึกว่ามันมีพลังชั่วร้ายบางอย่างซ่อนอยู่บนสะพาน แต่หลังจากที่ตรวจสอบอย่างละเอียดก็ไม่พบสิ่งใดเลย ข้าไม่รู้ว่าข้าเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่า.......เจ้าอยากจะไปตรวจสอบดูไหม?”
คำพูดของคงหนิงทำให้หญิงสาวประหลาดใจ
“หัวหน้ามือปราบหนิงสังเกตเห็นถึงพลังชั่วร้ายงั้นหรือ?”
ในสายตาของหญิงสาว หัวหน้ามือปราบหนิงผู้นี้เป็นเพียงมนุษย์ที่มีพื้นฐานการต่อสู้ที่ดี แม้ว่าเขาจะมีความสามารถในเชิงกระบี่ที่สูงส่ง แต่เขาก็ยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกตนจริงๆ แม้ว่าพลังของผู้ฝึกยุทธจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยากนักที่จะจัดการกับปีศาจทรงพลังได้
ก่อนหน้านี้คงหนิงสามารถตรวจพบว่ามีปีศาจซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลสวีทางตอนเหนือของเมือง มันก็ทำให้หญิงสาวประหลาดใจไปทีนึงแล้ว ตอนนี้ยังจะค้นพบอะไรเพิ่มอีกหรือ?
ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ประสาทสัมผัสทางจิตวิญญาณเช่นนี้จะเฉียบแหลมเกินไปหรือไม่?
หญิงสาวรีบตรงไปที่สะพานชิงป่านทันที
อีกฝั่ง คงหนิงก็อยู่ที่ลานบ้าน รอให้หญิงสาวเดินทางกลับมา มีหูตาของซูหยานซ่อนตัวอยู่ภายในเมือง แต่คงหนิงไม่รู้ว่าเป็นใคร ดังนั้นเมื่ออยู่ข้างนอกในระหว่างวัน จะต้องหลีกเลี่ยงการปรากฏตัวพร้อมกับหญิงสาวในเวลาเดียวกัน
อย่างไรเสีย คงหนิงก็ให้ข้อมูลเท่าที่ควรจะให้ไปแล้ว ส่วนที่เหลือก็ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญอย่างหว่านเอ๋อตรวจสอบดู เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก
หลังจากรออยู่ในลานประมาณหนึ่งเค่อ คงหนิงก็เห็นหญิงสาวเดินทางกลับมา
ใบหน้าของหว่านเอ๋อเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“หัวหน้ามือปราบหนิง นี่ไม่เลวเลย!” หญิงสาวพูดอย่างตื่นเต้น “มันคือเมืองผี!”
คงหนิงประหลาดใจเล็กน้อย “เมืองผี? เมืองผีคืออะไร?”
เป็นครั้งแรกที่คงหนิงได้ยินคำคำนี้
เด็กสาวจึงอธิบายว่า “สิ่งที่เรียกว่าเมืองผี เป็นที่ที่วิญญาณชั่วร้ายมาสิงสถิต”
“มีบันทึกในสำนักผู้วิเศษบอกเอาไว้ว่า ในพื้นที่รกร้างห่างไกลบางแห่งก็จะมีผีร้ายสิงสถิตอยู่ มันถูกเรียกว่าเมืองผี เมืองผีมักตั้งอยู่บริเวณเขตแดนยมโลก และอยู่ติดกับโลกมนุษย์ เป็นพื้นที่พิเศษระหว่างยมโลกและโลกมนุษย์”
“เมื่อวันสารทจีนใกล้เข้ามา เหล่าผีร้ายจะสามารถเข้าสู่โลกได้ผ่านเมืองผี ออกมาสร้างภัยพิบัติ”
“ก่อนที่โลกใบนี้จะประสบกับหายนะ เทพเจ้าประจำเมืองจะคอยปกครองเหนือยมโลก ผีร้ายที่ตบะกล้าแกร่งจึงหนีไปซ่อนตัวอยู่ในเมืองผีเพื่อหลบหนีออกจากโลกวิญญาณ”
“และการสืบสวนในช่วงหลายวันที่ผ่านมาก็ทำให้ยืนยันได้ว่า โลกวิญญาณของเขตชานหลานได้ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ เทพประจำเมืองผู้เฝ้าโลกวิญญาณได้หายตัวไปและแม้แต่ประตูผีก็ไม่มีอีกต่อไป เป็นไปได้ว่าเทพเจ้าฝั่งโลกวิญญาณจะปิดมันเอาไว้อย่างสมบูรณ์เพื่อป้องกันไม่ให้ผีร้ายจากโลกวิญญาณเข้ามาในโลกมนุษย์”
“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เมืองผีบนสะพานชิงป่านกลายเป็นทางเข้าออกเดียวสำหรับผีร้ายที่จะเข้ามาที่เขตนี้ในวันสารทจีน ผีร้ายจะหลั่งไหลเข้ามาในโลกมนุษย์จากที่นี่”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เด็กสาวก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “และตอนนี้เรารู้ตำแหน่งทางเข้าของมันแล้ว นี่จะเป็นประโยชน์อย่างมาก!”
“ทางเข้าของที่นี่แคบและจะไม่มีผีร้ายออกมาพร้อมๆ กันมากนัก เราเพียงสองคนก็พอแล้วที่จะปิดกั้นทางเข้านี้เอาไว้ได้”
“ตราบใดที่เราปิดกั้นเส้นทางนี้ในช่วงวันสารทจีนและป้องกันไม่ให้ผีร้ายปีนออกมา เราก็สามารถปกป้องผู้คนภายในเมืองไม่ให้ถูกทำร้ายได้!”
เด็กสาวรู้สึกตื่นเต้นดีใจกับเหตุการณ์น่ายินดีนี้อย่างกะทันหัน
คงหนิงลังเล กล่าวออกมาว่า “แต่ผีร้ายที่สิงสถิตอยู่ในโลกวิญญาณอาจจะมีบางตนที่มีความสามารถเหนือพวกเราอยู่ เช่นนั้นไม่เท่ากับเรารนหาที่ตายเองหรอกหรือ?”
หญิงสาวยิ้มแล้วส่ายศีรษะ “หัวหน้ามือปราบหนิง ให้หว่านเอ๋ออธิบายให้ฟังโดยละเอียดเถิด”
“เมื่อวันสารทจีนมาถึง โลกวิญญาณและโลกมนุษย์จะซ้อนทับกัน และผีร้ายที่ทรงพลังก็ไม่จำเป็นต้องผ่านช่องทางใดเพื่อเข้ามาสู่โลกมนุษย์ เช่นเดียวกับผีร้ายสองสามตนที่เราสังหารไปก่อนหน้านี้ พวกมันนั้นหลบหนีออกมาก่อนวันสารทจีน”
“ในวันสารทจีน มีเพียงผีร้ายที่ไม่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะเดินทางผ่านเมืองผีแห่งนี้”
“ดังนั้นพวกเราที่อยู่ด้านหน้าเมืองผี จะไม่มีทางพบกับผีร้ายที่แข็งแกร่งเกินไป”
“และผีร้ายที่ออกมาผ่านเมืองผี แม้มันจะอ่อนแอ แต่ก็มีจำนวนที่มากโข เป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อสิ่งมีชีวิตภายในเมือง มนุษย์ธรรมดาไม่มีทางที่จะป้องกันผีร้ายได้เลย”
“พวกเราจะเฝ้าอยู่ที่ทางเข้านี่ ไม่ยอมให้ผีร้ายคืบคลานออกมา ปิดกั้นให้พวกมันอยู่แต่ในเมืองผี จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชาวเมือง”
หว่านเอ๋อกล่าวว่า “หัวหน้ามือปราบหนิง ยังเหลือเวลาอีกสามวันกว่าจะถึงวันสารทจีน”
“ในสามวันนี้ ข้าจะตั้งค่ายกลไว้ที่ทางเข้าเมืองผีและเตรียมการต่างๆ ไว้ล่วงหน้า ส่วนหัวหน้ามือปราบหนิง เจ้าจะต้องพักฟื้นเติมพลังอยู่ที่บ้าน”
“จนกว่าจะถึงคืนวันสารทจีน เราจะมาพบกันอีกครั้งที่สะพานชิงป่าน ร่วมมือกันป้องกันทางเข้าเมืองผีเอาไว้”
“สิ่งเดียวที่น่ากังวลตอนนี้คือปีศาจภายในบ้านของหัวหน้ามือปราบหนิง”
“ในช่วงเทศกาลวันสารทจีน นางจะต้องลงมือครั้งใหญ่อย่างแน่นอน หัวหน้ามือปราบหนิงต้องระวังไม่ให้ปีศาจตนนั้นสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ”