โดยทั่วไปแล้ว วัตถุดิบระดับสามัญจะไม่มีคุณสมบัติพิเศษ(บัฟ) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเอฟเฟกต์ของสกิลติดตัวของผังต้าไห่ ซึ่งในระหว่างทำอาหารมีโอกาส 5% ที่จะมอบคุณสมบัติพิเศษแก่อาหารที่ปรุงได้

นั่นเป็นสาเหตุที่อาหารปรุงสุกของเขา ได้รับเอฟเฟกต์บัฟบางอย่างมา

น่องไก่ย่างนี้มาจากสกิลรวบรวมวัตถุดิบที่ฮังอวี่ได้รับจากราชาไก่ภูเขา บวกกับถูกกระตุ้นเอฟเฟกต์ระหว่างการปรุงอาหารจากผังต้าไห่

ดังนั้นจึงเลยได้รับเอฟเฟกต์เพิ่มขีดจำกัดค่าพลังชีวิตชั่วคราว

รู้ใช่ไหมว่าค่า HP ‘เกราะเหล็กศักดิ์สิทธิ์’ ของจ้าวหมิงจะเพิ่มขึ้นตามอัตราส่วนของค่าพลังชีวิตทั้งหมด และความทนทานของมันจะขึ้นอยู่กับพลังป้องกันของเหล่าจ้าว หรือก็คือยิ่งพลังชีวิตและพลังป้องกันสูงเท่าไหร่--

--โล่พลังงานนี้ก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้น!

หากสามารถเพิ่มขีดจำกัดพลังชีวิตได้ชั่วคราวอีก 5 หน่วย ไม่เพียงช่วยให้มีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้นเท่านั้น แต่การป้องกันของจ้าวหมิงจะแข็งแกร่งขึ้นด้วย

จ้าวหมิงไม่เสียเวลาอีก ก้มแทะน่องไก่นี้จนเสร็จ และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็สัมผัสได้ถึงพละกำลังที่หลั่งไหลเข้ามาในร่างกาย สถานะอ่อนแอได้หายไปแล้ว

‘อาหารสามารถสลายสถานะอ่อนแอได้อย่างงั้นหรือ?’

จ้าวหมิงเป็นคนฉลาด เขานึกถึงสิ่งที่เจียงหนานพูดก่อนหน้านี้ทันที

หลังจากฮังอวี่กลับมาสู่โลกมนุษย์ เขาได้ออกล่าไก่ภูเขาอย่างโหดเหี้ยม หรือใช่เป็นเพราะตระหนักถึงเรื่องนี้?

แต่นี่ยังไม่ใช่เวลามาใช้สมอง

ก็อบลินนักรบตอนนี้เหลือค่าพลังชีวิตน้อยกว่า 5 หน่วยแล้ว มันเข้าสู่โหมดเบอร์เซิร์ก สีผิวเปลี่ยนจากเขียวเป็นแดง ความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังไม่ช่วยอะไร สุดท้ายถูกหัวหน้าโนมปล้นศพใช้สกิลล่องหนและแทงหลัง

ค่าพลังชีวิตของก็อบลินนักรบลดลงเหลือ 0 ทันที

เนื่องจากเป็นมอนสเตอร์อัญเชิญ มันเลยไม่ดรอปไอเท็ม เมื่อถูกฆ่า ร่างก็กลายเป็นแสงและระเหยหายไปในอากาศ

แต่โชคดีที่ฮังอวี่เตรียมตัวพร้อมแล้ว!

แม้หัวหน้าโนมปล้นศพจะเอาชนะก็อบลินนักรบได้อย่างง่ายดาย แต่มันก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเช่นกัน นี่ช่วยลดทอนความตึงเครียดของทั้งสี่ได้มาก

ในความเป็นจริงแล้ว หัวหน้าโนมปล้นศพแทบไม่ต่างจากโนมปล้นศพทั่วไป มีดีก็แค่ตรงพลังชีวิตสูงกว่า และความสามารถแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย ว่องไวกว่านิดหน่อย

ขณะเดียวกันก็มีความตื่นตัวและระยะสอดแนมที่กว้างกว่า

และด้วยเหตุนี้เอง มันจึงสังเกตเห็นทั้งสี่จากระยะไกล และใช้ท่าล่องหนลอบประชิด เข้าใกล้โดยที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น

หากไม่ใช่เพราะฮังอวี่ตาดีและระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา ต่อให้เขาค้นพบรอยเท้าบนพื้นได้ก็ตาม แต่เกรงว่าทั้งสี่คงถูกฆ่าตายไปแล้ว

จ้าวหมิงดึงดูดความเสียหาย เจียงหนานเป็นผู้รับผิดชอบในการรักษา ฮังอวี่กับจางเสี่ยวเฉียงรับผิดชอบในการโจมตี

แม้หัวหน้าโนมปล้นศพจะมีพลังโจมตีสูง แต่จ้าวหมิงก็สวมใส่อุปกรณ์เช่นกัน บวกกับขีดจำกัดพลังชีวิต +5 จึงเพียงพอที่จะทำให้เกิดความสมดุล

ในที่สุดหัวหน้าโนมปล้นศพก็หนีไม่พ้นชะตากรรมเดียวกันกับพรรคพวกของมัน

ภายใต้แรงระเบิดจากลูกไฟของจางเสี่ยวเฉียง มันล้มลงกับพื้น กองไอเท็มมากมายดรอปออกมา

“เฉียดฉิว!”

“เจ้าหมอนี่ร้ายกาจจริงๆ”

“ขืนสู้กันนานกว่านี้ซัก 2-3 นาทีพวกเราคงรับมือไม่ไหวแน่”

สีหน้าของทุกคนตกใจมาก

ประสบการณ์ครั้งนี้อันตรายเกินไป ต้องขอบคุณการตัดสินใจของฮังอวี่ ไม่อย่างนั้นทุกคนคงตายกันหมดแล้ว

สมกับที่เป็นพี่มหาเทพ อ๊าาา!

ตอนนี้ระดับความชื่นชมที่เจียงหนานมีต่อฮังอวี่ มันได้กลายเป็นความเลื่อมใสแล้ว!

ฮังอวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบเดินไปหาศพของโนมทันที เพื่อตรวจสอบไอเท็มที่ดรอปจากขั้นบรอนซ์เลเวล 3

สายตาของเขาถูกดึงดูดไปยังบอลแสงสีขาวใส

ขั้นบรอนซ์ชั้นยอดมีโอกาสดรอปอุปกรณ์สวมใส่สีขาวก็จริง แต่ที่พบได้ทั่วไปคืออุปกรณ์สีขาวขุ่น น้อยนักที่ดรอปอุปกรณ์สีขาวอ่อน ส่วนคุณภาพสูงอย่างสีขาวใส อัตราการดรอปจะต่ำมาก

เขาเข้าตรวจสอบบอลแสงสีขาวใสทันที และแล้วก็เจอสิ่งที่เฝ้ารอมานาน!

[หินสกิล : ล่องหน] ชิ้นส่วนมรดกของนักสอดแนม ระดับความต้องการเลเวล 1 , ต้องใช้ 50 แต้มพลังวิญญาณในการเรียนรู้

ออกมาแล้ว!

ในที่สุดก็ดรอปซักที!

ฮังอวี่มายังพื้นที่ฝังศพก็อบลิน จุดประสงค์หลักก็เพื่อตามหาหินสกิลนี้

ทว่าไล่ฆ่าโนมปล้นศพอยู่นานก็ยังไม่ดรอปซักที แต่ในตอนที่เขาผิดหวังและยอมแพ้ คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะดรอปลงในวินาทีสุดท้าย

สกิลนี้มีประโยชน์มากในช่วงเริ่มต้น หากมีมัน แผนการมากมายต่อจากนี้จะง่ายขึ้นมาก!

หัวหน้าโนมปล้นศพสมแล้วที่เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตพื้นที่ฝังศพ ไอเท็มที่ดรอปมีค่ากว่ามอนสเตอร์ชั้นสูงทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากโชคหล่นทับอย่างหินสกิลที่ดรอปแล้ว หัวหน้าโนมปล้นศพยังดรอปไอเท็มสีขาวอีกสองชิ้น และเทาอีกหนึ่งชิ้น

[กางเกงหนังหัวหน้าโนม] เลเวล 3 , สีขาวคุณภาพต่ำ , พลังป้องกันทางกายภาพ +3 , ความว่องไว+1 (ต้องใช้หินคริสตัลขาวสองก้อนในการนำกลับสู่โลกมนุษย์)

[ไม้เท้านักเวทย์แห่งป่าสภาพเก่า] เลเวล 3 , สีขาวคุณภาพต่ำ , การโจมตีทางเวทมนตร์ +3 , ค่าพลังจิต +2 ความทนทาน 10 (ต้องใช้คริสตัลขาวสามก้อนในการนำกลับมาสู่โลกมนุษย์)

[สูตรโพชั่น : ยาเสริมความว่องไวก็อบลิน] สีขาวคุณภาพต่ำ บันทึกสูตรลับในการกลั่นยาที่ช่วยเสริมความปราดเปรียวของก็อบลิน เงื่อนไขการเรียนรู้ : เทคนิคกลั่นยาขั้นกลาง

สุดท้ายเป็นหินคริสตัลขาวสามก้อน

เริ่มตกดึกแล้ว เป็นสัญญาณว่าการผจญภัยของวันนี้สิ้นสุดลง

ทั้งสี่รวบรวมของที่ได้มา ทั้งหมดมีดังต่อไปนี้

หินคริสตัลขาว 16 ก้อน , หินคริสตัลเทา 74 ก้อน , อุปกรณ์สีขาว 7 ชิ้น , อุปกรณ์สีเทา 6 ชิ้น , สูตรกลั่นยา 8 ชุด , หินสกิล 1 ก้อน

ทุกคนรู้ดีว่าหินสกิลล้ำค่าที่สุด แม้ทุกคนจะตื่นเต้นกับหินสกิลนี้มาก แต่พวกเขาตระหนักดี ว่าหินสกิลนี้เป็นของฮังอวี่ และมันต้องเป็นของฮังอวี่เท่านั้น

ฮังอวี่หยิบหินสกิลและหินคริสตัลส่วนใหญ่ไป เป็นหินคริสตัลขาว 10 ก้อน และหินคริสตัลเทา 50 ก้อน

สำหรับแบบแปลนสูตรโพชั่นก็อบลิน เขาเอาไปสามชุด ได้แก่ : สูตรโพชั่นพลังจิต , พลังชีวิต , และแก้ปวด

แล้วแจกจ่าย 6 หินคริสตัลขาว และ 24 หินคริสตัลเทาที่เหลือแก่จ้าวหมิง เจียงหนาน และจางเสี่ยวเฉียง

ว่าแต่สูตรโพชั่นที่เหลือล่ะ ใครได้อันไหนไปบ้าง?

เจียงหนานรับเอาสูตรโพชั่นไปสองสูตร ได้แก่ โพชั่นพลังชีวิตและพลังจิต ตามลำดับ

จ้าวหมิงกับจางเสี่ยวเฉียงเป็นคนบริษัทเดียวกัน พวกเขาจึงได้สามสูตรที่เหลือไป : โพชั่นพลังจิต , โพชั่นแก้ปวด และโพชั่นเสริมความว่องไวซึ่งมีคุณภาพสีขาว

ฮังอวี่ทำตัวเป็นปากสิงโต รับทรัพย์ก้อนใหญ่กว่าใครเพื่อน เวลานี้เขามีหินคริสตัลขาวทั้งหมด 12 ก้อน และหินคริสตัลเทาอีก 51 ก้อน

เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าอีกสามคนเองก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจไม่น้อย ดังนั้นด้านไอเท็มที่ดรอป พวกเขาจึงสมควรได้รับมันกลับไปบ้าง

นอกจากอุปกรณ์สีขาวขุ่นอย่าง [กางเกงหนังหัวหน้าโนม] กับอุปกรณ์สีเทาอ่อน [หน้ากากโนมปล้นศพ] แล้ว อุปกรณ์สวมใส่สีขาวอีก 6 ชุด และสีเทาอีก 5 ชุด ล้วนถูกแจกจ่ายออกไป

เจียงหนานได้รับสร้อยคอสีขาว , รองเท้าขาวอีกหนึ่งคู่

จางเสี่ยวเฉียงได้รับไม้เท้านักเวทย์แห่งป่า อุปกรณ์เลเวล 3 และชุดสีขาวเข้มที่ช่วยเสริมคุณสมบัติได้ไม่เลว

จ้าวหมิงได้รับอุปกรณ์สวมใส่มากที่สุด เขาเปลี่ยนหมวกเกราะและเสื้อผ้ากลายเป็นอุปกรณ์สีขาวทั้งหมด บวกกับรองเท้าสีเทาอีกคู่หนึ่ง

โดยรวมแล้ว สิ่งที่ทั้งสามได้รับนั้นเทียบไม่ได้กับของฮังอวี่อย่างแน่นอน แต่ไม่มีใครไม่พอใจกับการแจกจ่ายดังกล่าว

ต้องรู้นะว่า อุปกรณ์ของพวกเขาในตอนนี้ มันนำหน้าผู้เล่น 99.99% ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หากไม่มีผู้นำทางขั้นเทพอย่างฮังอวี่ พวกเขามีหรือจะสามารถวางรากฐานได้ดีเช่นนี้?

ฮังอวี่เปิดใช้หินสกิล ต้องบอกว่าหินสกิลนี้ค่อนข้างตะกละ มันเรียกร้องแต้มพลังวิญญาณถึง 50 แต้ม

ปัจจุบันฮังอวี่มีแต้มวิญญาณ 140 แล้ว เหลืออีกแค่ 10 แต้มก็จะอัพเลเวล

ตอนนี้แต้มวิญญาณลดลงเหลือ 90 แต้ม

แต่ก็ไม่เป็นไร เมื่อเทียบกับคุณค่าของสกิลนี้ 50 แต้มวิญญาณนั้นกลายเป็นเล็กน้อยไปเลย!

ฮังอวี่เรียนรู้สกิลได้อย่างราบรื่น ข้อมูลการใช้งานหลั่งไหลเข้ามาในใจเขา

‘สกิลล่องหน’ : ชิ้นส่วนมรดกของนักสอดแนม เลเวลสกิล 1 , แต้มวิญญาณ (0/80) , ความชำนาญ (300/300) , อัพสกิลขึ้นได้สูงสุดเลเวล 3 , ใช้ค่าพลังจิต 5 เพื่อเข้าสู่สถานะล่องหน ความเร็วในการเคลื่อนที่ +3 ใช้เวลาร่าย 1 วินาที , ระยะเวลาคงอยู่ 15 วินาที , เวลาคูลดาวน์ 35 วินาที

ฮังอวี่ทดลองเปิดใช้งานมันครั้งหนึ่ง ร่างเขากลายเป็นโปร่งใสในพริบตา หายวับไปต่อหน้าต่อตาทุกคน

จางเสี่ยวเฉียงอดอุทานไม่ได้ว่า “สุดยอดไปเลย! สกิลนี้โคตรเด็ด เป็นสกิลที่เหมาะกับการลอบฆ่า , วางเพลิง , ลักขโมย แล้วก็ส่องสาวตอนอาบน้ำมากๆ!”

เจียงหนานมองไปทางจางเสี่ยวเฉียงด้วยสายตาดูแคลน “สมองนายมีแต่เรื่องอัปปรีย์แบบนี้หรอ? พี่มหาเทพจะเป็นคนแบบนั้นได้ยังไง? แต่ว่าก็ว่าเถอะสกิลนี้ไม่เลวเลยจริงๆ”

ล่องหนคือหนึ่งในสกิลสายลอบเร้น อันที่จริงแล้วมันถือได้ว่าเป็นสกิลระดับต่ำสุดเท่านั้น และจะกลายเป็นไร้ประโยชน์ยามเผชิญหน้ากับเป้าหมายที่มีจิตรับรู้สูง เพราะอีกฝ่ายจะสัมผัสได้ก่อนถูกเข้าใกล้

นอกเหนือจากนี้ ท่าล่องหนยังไม่สามารถซ่อนกลิ่นและร่องรอยได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงเป็นอันตรายเช่นกัน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่มีประสาทสัมผัสเฉียบแหลมหรือรับกลิ่นได้ดี

แต่โดยรวมแล้วสกิลนี้ถือว่ามีประโยชน์มากในช่วงเริ่มเกม

และจุดสำคัญที่สุดก็คือ ชิ้นส่วนมรดกของอาชีพนักสอดแนม!

ซึ่งการได้รับชิ้นส่วนมรดกเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังๆที่มีอาชีพลำดับสูงหลายอาชีพ

ฮังอวี่จำได้ว่า ‘นักสอดแนม’ จะประกอบไปด้วยชิ้นส่วนมรดกสามชิ้นตามลำดับ อันได้แก่ : ล่องหน , ขว้างอาวุธ และตาเหยี่ยว

หลังจากนี้คงได้เปลืองแรงอีกมาก เพราะเขาพึ่งได้รับมรดกมาแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น

หากต้องการรวบรวมชิ้นส่วนมรดกของอาชีพนักสอดแนมให้ครบ หนทางยังอีกยาวไกล!

...

ทั้งสี่ถอนตัวจากสนามรบและกลับมายังค่าย

เมื่อพวกเขากลับมาค่ายก็อบลินก็ต้องตกใจ เพราะในค่ายที่เดิมว่างเปล่า เวลานี้มีผู้คนมารวมตัวกันอย่างน้อยหลายสิบคน

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคงสังเกตเห็นแสงสว่างของมัน ดังนั้นจึงดึงดูดผู้คนเข้ามา

หลังจากกวาดสายตามอง พบว่าในค่ายมีทั้ง ชาย หญิง เด็ก และผู้ใหญ่ แต่ส่วนใหญ่โป๊เปลือยไม่มีชุดสวมใส่ ทุกคนได้แต่สานใบไม้ใหญ่มาคลุมเพื่อปกปิดความอับอาย

และเมื่อคนในค่ายเห็นทั้งสี่เดินเข้ามาในสภาพชุดจัดเต็ม ทุกคนต่างแสดงสีหน้าตกตะลึง

สายตาที่มองมา เห็นได้ชัดว่ามันคือสายตาแบบเดียวกับที่ใช้มองทวยเทพ!