ตอนที่แล้ว409 - แผนการใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป411 - ความสามารถที่แปลกประหลาดของเตาเทพอัคคี

410 - ลงมือสังหารครั้งใหญ่


กำลังโหลดไฟล์

410 - ลงมือสังหารครั้งใหญ่

ไม่ใช่ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงจะสามารถเข้าร่วมการแย่งชิงศิลาแห่งความโกลาหลได้ หลายคนที่มีพื้นฐานการฝึกฝนที่อ่อนแอกว่าพวกเขาทําได้เพียงจับจ้องโอกาสอยู่รอบนอก

ซึ่งโอกาสที่ว่านั้นในที่สุดก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว

"สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์นี้ควรอยู่ในมือของผู้นำนิกายเพื่อที่มันจะรักษาเจตจำนงของสวรรค์และป้องกันไม่ให้ถูกสิ่งสกปรกปนเปื้อน" ชายคนนั้นกล่าวด้วยสีหน้าชอบธรรม

“เจ้าบอกว่าเจ้ามาจากนิกายไหนนะ” เย่ฟ่านมองไปที่ชายคนนั้นอย่างเย็นชา

“ข้าไม่สนทนากับคนตาย ในเมื่อเจ้ากล้าปรากฏตัวที่นี่เจ้าก็เตรียมตัวตายซะเถอะ!” ชายหนุ่มกล่าวด้วยความตื่นเต้น

เย่ฟ่านชำเลืองมองแล้วหัวเราะ บุคคลนี้อยู่ในอาณาจักรลึกลับชั้นหนึ่งของตำหนักเต๋า

แม้ว่าในบรรดาคนรุ่นเดียวกันเขาจะถือได้ว่าค่อนข้างมีพรสวรรค์ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของเย่ฟ่านคนคนนี้ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะกล่าววาจาด้วยซ้ำ!

อย่าว่าแต่คนที่มีระดับบ่มเพาะต่ำกว่า แม้ว่าจะอยู่ในอาณาจักรบ่มเพาะรุ่นเดียวกันต่อให้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็ไม่คู่ควรให้เย่ฟ่านแยแส

“ต่อให้เจ้าคิดจะมอบหม้อวิเศษออกมาเจ้าก็ไม่สามารถหนีไปจากที่นี่ได้ ศิษย์พี่ทั้งหลายมาร่วมกันฆ่าเขาด้วยกันเถอะ”

คนคนนี้ไม่ได้เป็นคนปัญญาอ่อน เขารู้ดีว่าเพียงตัวเขาย่อมไม่สามารถจัดการเย่ฟ่านได้อย่างแน่นอน แต่ต่อให้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาศิษย์พี่ของเขาก็อยู่ในอาณาจักรตำหนักเต๋าที่สามเท่านั้น

พวกเขารู้ดีว่าพวกเขาไม่มีโอกาสในการแย่งชิงศิลาแห่งความโกลาหลที่ลอยอยู่ด้านบนได้ แต่พวกเขาคิดว่าด้วยจำนวนคนที่มากกว่าพวกเขาย่อมสามารถจัดการเย่ฟ่านได้อย่างเหลือเฟือ

เย่ฟ่านยิ้มมุมปากและกล่าวว่า

"การที่เจ้ามาถึงที่นี่ได้ย่อมหมายความว่าเจ้ามาจากนิกายใหญ่เช่นกัน ไม่คิดว่าคนจากนิกายใหญ่เช่นเจ้าจะไร้ยางอายถึงขนาดนี้”

คนพวกนั้นไม่รอให้เย่ฟ่านพูดจบ สามคนก็บินเข้าหาเย่ฟ่านอย่างรวดเร็ว

“ส่งหม้อมาพวกเราจะปล่อยให้เจ้าเดินทางอย่างสงบสุข!”

คนพวกนี้เคยได้ยินชื่อเสียงของเย่ฟ่านมาเหมือนกัน แต่พวกเขาคิดว่านั่นเป็นเพียงชื่อเสียงจอมปลอม พวกเขาในฐานะลูกศิษย์ของนิกายใหญ่ย่อมไม่เห็นบุคคลอื่นนอกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ในสายตา

“ในเมื่อพวกเจ้ารนหาที่เอง พวกเจ้าก็เดินทางอย่างสงบสุขเถอะ” เย่ฟ่านพูดอย่างสงบ

ทันใดนั้นตาข่ายขนาดใหญ่ก็ครอบลงมาที่ศีรษะของเย่ฟ่าน ชายหนุ่มที่ลงมือยิ้มสดใสเมื่อคิดว่าตัวเองลงมือสำเร็จ

แต่แล้วใบหน้าของเขาก็แข็งค้าง สิ่งที่ตาข่ายของเขาดักจับได้เป็นเพียงภาพติดตาเท่านั้น

เย่ฟ่านเคลื่อนที่ออกไปอย่างรวดเร็วด้วยทักษะการเคลื่อนไหวของชายชราผู้บ้าคลั่ง

กำปั้นสีทองของเขากระแทกออกไปสามครั้งทำให้เกิดเสียงระเบิดอย่างรุนแรงดังติดต่อกันต่อเนื่อง สามผู้บ่มเพาะหนุ่มที่บุกเข้ามากลายเป็นกองเลือดสามกองในทันที

“เจ้า…”

ชายหนุ่มที่อยู่ในอาณาจักรลึกลับตำหนักเต๋าชั้นแรกใบหน้าซีดเผือดด้วยความกลัว เขาไม่ได้ลงมือร่วมกับศิษย์พี่ทั้งสามของเขาเมื่อสักครู่จึงทำให้เขาสามารถรอดชีวิตได้หวุดหวิด

“นี่คือทายาทของสำนักใหญ่ในภาคเหนืออย่างนั้นหรือ พวกเจ้าช่างอ่อนแอจริงๆ!” เย่ฟ่านหัวเราะ

“หากศิษย์พี่ใหญ่ของข้าลงมือรับรองว่าเจ้าจะตายอย่างไรที่กลบฝัง” ชายหนุ่มคนนั้นก็รักศักดิ์ศรีเช่นกัน ต่อให้ความตายขวางอยู่ข้างหน้าเขาก็ไม่คิดจะร้องขอความเมตตา

“โอ้ ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นใครช่วยชี้ให้ข้าดูหน่อย!”

เย่ฟ่านมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและศิลาแห่งความโกลาหลทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

“ศิษย์พี่ ท่านจะต้องแก้แค้นให้ข้า” ชายหนุ่มคนนั้นตะโกนเสียงดังด้วยความสิ้นหวัง

“น่าเสียดายที่ศิษย์พี่ของเจ้าไม่สามารถมาช่วยเจ้าได้ในตอนนี้” เย่ฟ่านเดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม

“ช่างไม่รูฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กล้าหาญดีจริงๆ!”

ทำไรนั้นเสียงเย็นชาก็ดังขึ้น ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชนและมองเย่ฟ่านด้วยสายตาที่ราวกับมองคนตายอยู่

“พูดต่อไปสิ!”

ด้วยน้ำเสียงของฝ่ายตรงข้ามจักรพรรดิดำที่ซ่อนตัวอยู่บนหม้อวิเศษก็โกรธมากจนแทบจะกระโดดออกมาฆ่าฟันครั้งใหญ่

แต่หัวใจของเย่ฟ่านกลับเต้นแรง คนนี้แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกฝนอาณาจักรลึกลับตำหนักเต๋าที่สี่ทั่วไป

เดิมทีเขาคิดว่าผู้ฝึกตนของตำหนักเต๋าอาณาจักรขั้นสี่ทั้งหมดต่างก็มุ่งหน้าเข้าหาศิลาแห่งความโกลาหลแล้ว เขาไม่คาดหวังว่าจะมียอดฝีมือแฝงตัวอยู่ในฝูงชน

"เจ้าคือใคร? " เย่ฟ่านถาม

“ซ่งเทียนเฟิง ตอนนี้เจ้าคุกเข่าลงได้แล้ว!”

ชายหนุ่มคนนั้นก้าวไปข้างหน้าอย่างสงบ

เย่ฟ่านเคยเอาชนะยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากมาย แต่ในความเป็นจริงเขาไม่เคยต่อสู้กับผู้ฝึกตนอาณาจักรตำหนักเต๋าขั้นสี่อย่างเท่าเทียมเลยสักครั้งดังนั้นเขาจึงขาดความมั่นใจอยู่บ้าง

"ไม่ได้ยินที่ข้าพูดเหรอ? "

ซ่งเทียนเฟิงเอามือไขว้หลังและเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย และคำรามใส่เย่ฟ่านว่า

“คุกเข่าลง!”

เย่ฟ่านไม่สนใจ เขายังคงยิ้มสดใส ฟันขาวราวหิมะของเขาเปล่งประกายเหมือนผลึกแวววับและใบหน้าอันบอบบางของเขาก็ดูอ่อนวัยและไร้เดียงสา

"หรือต้องให้ข้าหักขาเจ้าก่อน? จะคุกเข่าไหม" ซ่งเทียนเฟิงยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

"เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ?" เย่ฟ่านส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม

"ถ้าเช่นนั้นก็ตายซะเถอะ!"

ซ่งเทียนเฟิงกระแทกฝ่ามือขนาดใหญ่สีดำของเขาเข้าหาเย่ฟ่านพร้อมกับคำรามเสียงดัง

“คุกเข่าลง”

ทันใดนั้นกระบี่สีทองเล่มเล็กๆที่อยู่ตรงกลางหน้าผากของเย่ฟ่านก็พุ่งออกไปในทันที

“อา...”

ระยะห่างของคนทั้งสองมีเพียงไม่กี่จ้างการลอบโจมตีเช่นนี้เป็นเรื่องยากที่ซ่งเทียนเฟิงจะป้องกันได้สำเร็จ

เขาพยายามเอียงตัวไปด้านข้างแต่มันก็สายเกินไป เขาทำได้เพียงมองกระบี่เล่มเล็กๆนั้นตัดขาเขาไปข้างหนึ่ง

“เจ้า…”

ก่อนที่เขาจะมีโอกาสพูดอะไรอีก กระบี่สีทองเล่มเล็กๆก็วกกลับหลังมาและแทงทะลุศีรษะของเขาในทันที

“พัฟ!”

ตึง!

ซ่งเทียนเฟิงระบายลมหายใจครั้งสุดท้ายออกมาพร้อมกับล้มลงบนพื้น

หลายคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็อ้าปากค้างสีหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยความกลัว พวกเขาไม่รู้ว่าเย่ฟ่านสังหารยอดฝีมืออาณาจักรลึกลับที่ง่ายๆแบบนี้ได้อย่างไร?

“บังอาจ!”

ในขณะที่เย่ฟ่านกำลังเดินเข้าหาผู้ฝึกฝนตำหนักเต๋าชั้นแรกคนนั้นก็มีเสียงคำรามดังขึ้นจากชุมชน

ตระกูลจี้!

ใบหน้าของเย่ฟ่านเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามีความแค้นต่อผู้คนจากตระกูลนี้อย่างลึกล้ำ

อีกด้านหนึ่งมีคนมากมายที่เดินออกมาจากฝูงชน พวกเขาเป็นผู้ฝึกตนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงและมีผู้คนไม่น้อยที่อยู่ในอาณาจักรตำหนักเต๋าชั้นสี่

เมื่อตระกูลจี้และดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงเคลื่อนไหวผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆอีกสามแห่งก็ประสานเสริมอย่างรวดเร็ว

สายตาของทุกคนมองไปทางเย่ฟ่านด้วยความโลภ ในเวลาเดียวกันทุกคนก็หยิบอาวุธของตัวเองออกมาก่อนที่เย่ฟ่านจะมีโอกาสได้ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์

"ฮ่าฮ่าฮ่า..."

เย่ฟ่านอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เขาเป็นศัตรูกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายอยู่แล้ว ในวันนี้เขาตั้งใจที่จะลงมือสังหารครั้งใหญ่เพื่อสถาปนาชื่อเสียงของเขาขึ้นในภาคเหนือ

นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปชื่อเสียงของเขาจะโด่งดังขึ้นอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะมีโอกาสทำเช่นนั้นเขาต้องหาทางตั้งรับก่อน

เย่ฟ่านบินขึ้นสู่ท้องฟ้า เขาไม่สามารถต่อสู้ที่ด้านล่างได้เพราะอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันหลายอย่าง อย่างน้อยๆบนท้องฟ้าตอนนี้ก็ยังมีพลังกดดันของศิลาแห่งความโกลาหลที่ทำให้ผู้ฝึกฝนยากจะขยับตัว

หม้อวิเศษของเขาเดิมสูงมากกว่าหนึ่งวา ตอนนี้มันขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับปลดปล่อยปราณปฐพีต้นกำเนิดสีเหลืองดำออกมาปิดบังร่างกายของเขาทั้งหมด

ด้วยกำแพงปราณปฐพีต้นกำเนิดที่มีน้ำหนักมากมายมหาศาล มันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ฝึกฝนอาณาจักรตำหนักเต๋าชั้นสี่ธรรมดาจะสามารถทำลายปราการป้องกันนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด