409 - แผนการใหญ่
409 - แผนการใหญ่
ในตอนนี้ยอดฝีมือมากมายต่างก็มุ่งหน้าเข้าหาแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์เพื่อแย่งชิงคัมภีร์โบราณ
ร่างศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเจียงนั้นเด็ดขาดมาก เขาหยิบเตาศักดิ์สิทธิ์สีแดงออกมา
รูปร่างของหม้อถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาวยากที่จะมองเห็น แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเทพหงสาที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากภายใน
"มา!"
ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตของตระกูลจี้ได้ปลดปล่อยดวงจันทร์ศักดิ์สิทธิ์บนศีรษะของเขาทำให้ผู้คนที่อยู่ข้างๆสั่นไหวด้วยความกลัว พลังของอวตารดวงจันทร์นี้กดดันทำให้ทุกคนไม่สามารถขยับตัวได้
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกห้องโถง ซิงยี่และเผ่าพันธุ์อสูรรุ่นเยาว์อีกสามคนก็ปรากฏตัวขึ้นและเข้าร่วมการต่อสู้อย่างรวดเร็ว
นอกเหนือจากพวกเขาแล้ว อู๋จงเทียน, หลี่เหอซุย, หลิวเกา,เจียงฮวยเหรินก็เข้ามาเช่นกัน
“โลงศพพวกนั้นข้าเปิดมันไม่ได้!”
แน่นอนด้วยการต่อสู้ที่รุนแรงนี้ย่อมมีผู้คนที่มองเห็นโลงศพโบราณเช่นกัน อู๋จงเทียนนำพี่น้องของเขาไปสำรวจโลงศพโบราณอยู่นานเมื่อไม่ได้รับอะไรเขาจึงกลับมาเข้าร่วมการต่อสู้ที่นี่
"ของวิเศษต้องเป็นของเรา!"
พวกเขามุ่งหน้าเข้าหาศิลาแห่งความโกลาหลด้วยความตื่นเต้น
แต่ทันทีที่พวกเขาเข้าใกล้แท่นบูชาที่สร้างจากศิลาแห่งความโกลาหลใบหน้าของพวกเขาก็บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
"ทำไมมันหนักขนาดนี้!"
ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าไม่ใช่ว่าไม่มีใครหยิบคำภีร์ออกจากแท่นบูชา แต่ความจริงก็คือทุกคนได้ทดลองแล้วและไม่มีใครสามารถเข้าใกล้แท่นศิลาแห่งความโกลาหลได้
"โจมตี!"
ถึงตอนนี้การต่อสู้ก็ได้ดำเนินมาจนถึงช่วงเวลาสำคัญ ผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลายคนต่างก็ร่วมมือกันเพื่อเปิดเส้นทางเข้าสู่แท่นศิลาแห่งความโกลาหล
ในอีกด้านหนึ่งบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงได้ระเบิดพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกมาเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่ง
ร่างกายของเขางดงาม อาบไล้ด้วยความงดงามศักดิ์สิทธิ์ ผมของเขาเป็นสีทองเขาเคลื่อนที่อย่างช้าๆในขณะที่คนอื่นอยากที่จะติดตามความเคลื่อนไหวของเขาได้
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ไม่มีใครปิดบังความแข็งแกร่งของตัวเองอีกต่อไปแล้ว คัมภีร์โบราณมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากผู้ใดได้ครอบครองก็มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต
นี่เป็นการทดสอบสำหรับพวกเขา และเป็นการปะทะกันครั้งใหญ่ครั้งแรก ใครที่อ่อนแอและใครที่แข็งแกร่งจะได้เห็นกันในตอนนี้
เหยาซีมีแสงสีฟ้าโอบล้อมร่างกายไว้ นางผอมเพรียวเหมือนไข่มุกที่เจิดจ้า นางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตของตระกูลเจียงผู้ลึกลับคนนั้นยังไม่ได้เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเขาจนถึงตอนนี้ ร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มอยู่ในชุดเกราะเหล็กและอัดแน่นไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์
ทุกย่างก้าวที่เขาเดินไปข้างหน้านั้นมั่นคง เขาตั้งใจที่จะเป็นคนแรกในการหยิบคัมภีร์โบราณนั้นให้ได้
ขุมพลังสูงสุดของเผ่าพันธุ์อสูรไม่เต็มใจที่จะล่าช้าและเริ่มเข้าใกล้ศิลาแห่งความโกลาหลเช่นกัน ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะฝึกทักษะในคัมภีร์โบราณได้หรือไม่ แต่หินสีดำเพียงอย่างเดียวก็มีค่ามหาศาลแล้ว
ทายาทของ 13 โจรผู้ยิ่งใหญ่ก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับโจมตีผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย ในขณะเดียวกันผู้ติดตามของพวกเขาหลายร้อยคนก็ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
“สมบัติของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตจะแย่งชิงมาครองง่ายๆได้อย่างไร!” จักรพรรดิดำเยาะเย้ย
เย่ฟ่านขมวดคิ้วนี่คือสมบัติของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตคนใด เจ้าสุนัขสีดำตัวใหญ่ยังคงไม่เปิดเผยเรื่องนี้?
“ไม่ใช่แน่นอน!”
เย่ฟ่านรู้สึกเช่นกันว่าหากเป็นสุสานของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ คงจะน่ากลัวกว่านี้
ในตอนนั้นหลุมศพหยินหยางของจักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่ก็ทำให้เกิดการแย่งชิงของผู้คนมากมาย จนนิกายเล็กๆหลายแห่งต้องถูกทำลายไปในการต่อสู้ครั้งนั้น
"นี่คือหลุมศพของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน เพียงแต่ข้าไม่ทราบว่ามีผู้ใดมาปรับเปลี่ยนมันให้กลายเป็นวังโบราณ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือสามโลงศพที่อยู่ด้านหลังนั้นมันมีกลิ่นอายที่น่ากลัวอย่างยิ่ง” จักรพรรดิดำกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
"มีวิธีใดที่พวกเราจะเอาศิลาแห่งความโกลาหลออกไปได้?” เย่ฟ่านถาม
“สมบัตินี้น่าดึงดูดจริงๆ แต่มันหนักเกินไป หากเจ้าเอามันติดตัวไปด้วยเจ้าจะไม่สามารถหลบหนีจากการไล่ล่าของคนอื่นๆ” จักรพรรดิดำไม่เต็มใจแต่ก็ต้องปล่อยวาง
“น่าเสียดาย...” เย่ฟ่านรู้สึกเสียใจอย่างมาก
“มีวัตถุศักดิ์สิทธิ์ในศิลาแห่งความโกลาหลซึ่งจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่สกัดเพื่อหลอมอาวุธ แต่หินสีดำก็มีค่าเช่นกัน หากใช้ในการฝึกฝนความเร็วจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า
มันคือสมบัติล้ำค่าไม่มีทางที่อาวุธระดับผู้สูงสุดธรรมดาจะทำลายมันได้ ของชิ้นนี้มีคุณสมบัติคล้ายกับผลึกต้นกำเนิด แต่ส่วนมากแล้วผู้คนมักจะนิยมใช้ทำอาวุธกัน” สุนัขตัวใหญ่สีดำน้ำลายไหล
“ใครคือจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่เจ้ากำลังพูดถึง?” เย่ฟ่านรู้สึกว่าสุนัขบ้าตัวนี้ลึกลับเกินไป
“เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า สิ่งที่เจ้าควรสนใจคือคัมภีร์เล่มนั้นต่างหาก”
“บูม!”
ราชาเผิงน้อยปีกทองเดินกลับไปกลับมา เขามองไปรอบๆแล้วพูดว่า
“คราวนี้ไม่มีใครเจาะจงข้าเป็นพิเศษ ได้เวลาคว้าขุมทรัพย์แล้ว ไสหัวไปอย่ามายืนอยู่ข้างๆ” เขาหันมาตะคอกเย่ฟ่านอย่างเย็นชา
ราชาเผิงน้อยปีกทองก้าวไปข้างหน้า และบางคนที่รู้จักถึงความแข็งแกร่งของตัวเองก็ต้องถอยหลังให้เขาด้วยความกลัว
ทันใดนั้นเขาก็หันศีรษะกลับมาและพูดกับเย่ฟ่านว่า
"เจ้ากล้ามองข้าเช่นนี้ เด็กน้อยตำหนักเต๋าเช่นเจ้าข้าสามารถฆ่าได้เป็นร้อยคนด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!"
แต่ก่อนที่เขาจะได้ลงมือร่างกายของจี้ฮ่าวเยว่ที่กำลังสำรวจแท่นศิลาแห่งความโกลาหลก็ถูกพลังลึกลับกระแทกบินเข้าหาราชาเผิงน้อยปีกทองในทันที
ราชาเผิงน้อยปีกทองตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อได้สติเขาก็รีบฟาดฝ่ามือใส่จี้ฮ่าวเยว่
"บูม"
แรงปะทะกันของพวกเขาทำให้บรรยากาศบิดเบี้ยวจนเกิดรอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ตรงกลางความว่างเปล่า พวกเขาทั้งคู่กระเด็นออกไปคนละทางก่อนจะตั้งหลักได้อีกครั้ง
"เตียงของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณไม่ใช่ทุกคนที่ขยับมันได้!" จักรพรรดิดำพึมพำกับตัวเอง
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นไหว จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่โบราณนั้นเหนือจินตนาการและศิลาแห่งความโกลาหลนั้นน่ากลัวมาก เพียงแค่สำรวจมันเล็กน้อยก็อาจได้รับอันตรายถึงชีวิต
“ตอนนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆถูกศิลาแห่งความโกลาหลระงับไว้แล้ว เจ้ามีรากปฐพีต้นกำเนิดที่สามารถสะกดข่มศิลาแห่งความโกลาหลได้ นี่คือโอกาสของเรา” จักรพรรดิดำส่งเสียงร้อนรน
“บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงในเวลานี้ดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากกว่าแต่ก่อนพวกเราไม่อาจประมาทได้” เย่ฟ่านยังมีความลังเล
"จักรพรรดิคนนี้จะเข้าไปในหม้อของเจ้า สิ่งที่เจ้าต้องทำก็เพียงแค่ผลักดันมันให้เข้าใกล้ศิลาแห่งความโกลาหลก็พอ" สุนัขสีดำกล่าว
"นักพรตอ้วยผู้ชั่วร้ายยังไม่ปรากฏตัว เจ้าต้องระวังเรื่องนี้ไว้ด้วย” เย่ฟ่านกำชับอีกครั้ง
“มันเป็นเพียงนักพรตตัวเล็กๆไม่ใช่หรือ หากมันคิดจะแย่งของวิเศษของข้าก็ให้มันเข้ามา!
“เจ้าไปเถอะส่วนข้าจะหาโอกาสฆ่าราชาเผิงน้อยปีกทองและบุตรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้” เย่ฟ่านก้าวถอยหลัง เสียงของเขาสงบนิ่ง แต่เจตนาของเขานั้นน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง
เย่ฟ่านเดินไปที่วิหารในขณะที่หม้อวิเศษลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา ปราณปฐพีต้นกำเนิดไหลออกมาจากหม้อสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน
จักรพรรดิดำซ่อนตัวอยู่ในหม้อและรอช่วงเวลาสำคัญเพื่อลงมือ
ทันทีที่เย่ฟ่านเข้าไปในห้องโถงใหญ่การเคลื่อนไหวของเขาก็ทำให้ทุกคนตกตะลึง สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังหม้อวิเศษที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา
"ที่แท้เจ้าก็เป็นเด็กเหลือขอคนนั้น”
ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งกระโดดออกมาด้วยความตื่นเต้น
"ปราณปฐพีต้นกำเนิดต่อให้เป็นปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของนิกายใหญ่ก็ไม่มีไว้ในครอบครอง เจ้าเป็นเพียงผู้บ่มเพาะอาณาจักรตำหนักเต๋าตัวเล็กๆ เจ้ากล้าดียังไงที่มาปรากฏตัวที่นี่?!"
“หากว่าเจ้าต้องการสมบัติของข้า เจ้าสามารถเข้ามาทดลองได้?” เย่ฟ่านยิ้มอย่างลึกลับ