ตอนที่73 ตาเฒ่าโฉดชั่ว
ตอนที่73 ตาเฒ่าโฉดชั่ว
มิใช่ว่าจวิ๋นโม่เทียนไม่ดีใจที่เห็นพ่อของตนกลับมา แต่การที่เห็นจวิ๋นปิงเดินทางกลับมาจากวังหลวงพร้อมหลี่หวง จะให้เขานึกเป็นอื่นใดได้อีก?
จวิ๋นโม่เทียนไม่อยากจะคิดมากคิดลึก แต่มันคงไม่บังเอิญไปใช่ไหมที่พ่อของเขาจะกลับมาในช่วงเวลาที่พอเหมาะพอเจาะกับหลี่หวงที่หายไปทั้งคืนแล้วกลับมาด้วยกันในขณะนี้?
เขาไม่พอใจอย่างยิ่งแน่นอน หากหลี่หวงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อแลกเปลี่ยนกับอนาคตของตระกูลจวิ๋น!
ไม่ใช่เพราะว่า หลี่หวงเป็นคุณหนูใหญ่หรือเป็นทายาทสืบสายตรงของตระกูลจวิ๋นใดๆ ทั้งสิ้น แต่ในสายตาของจวิ๋นโม่เทียน นางคือลูกสาวที่เป็นดั่งหัวแก้วหัวแหวนของเย่ชูเฉิน! หญิงสาวที่เขายอมสละชีวิตเพื่อปกป้องทุกสิ่งอย่าง!
และเขาจะไม่ยอมให้หลี่หวงต้องประสบความสูญเสียใดๆ อีกต่อไปแล้ว!
จวิ๋นหลี่จิวส่ายหน้า
“ข้าเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน หลี่หวงหายไปตลอดทั้งคืน ข้าเองก็เพิ่งทราบว่านางไปวังหลวง...”
“หยุดได้แล้ว! พวกเจ้าสองคน!”
จวิ๋นโม่เหวินคำรามเอ่ยขัดจังหวะทั้งสองในทันที ก่อนจะยิ้มและกล่าวว่า
“อย่าเพิ่งมีเรื่องกันตอนนี้เลย การกลับมาของท่านพ่อนับเป็นเรื่องยินดี ดังนั้นอย่าทำให้บึ้งตึงกันเลยดีกว่า คืนนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของท่านพ่อ โม่เทียน หลี่จิว พวกเจ้าไปเตรียมตัวกันเถิด!”
จวิ๋นโม่เทียนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง มิได้เอ่ยกล่าวอันใดอีก และหมุนตัวกลับไปยังตำหนักของตนทันที
จวิ๋นหลี่จิวหันมาจับจ้องผู้เป็นพ่อของตนคล้ายว่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ทันใดนั้นราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงหนีตีฝีเท้าออกจากจวนตระกูลจวิ๋นโดยทันที!
“เป็นอะไรกันสองคนนั้น?”
จวิ๋นโม่เหวินเอียงศีรษะเฝ้ามองทั้งสองจากไปคนละทางด้วยความงุนงง เขาไม่เข้าใจเลยว่า พวกนั้นกำลังคิดอะไรกันแน่?
ตามหลักแล้ว ในเมื่อพ่อถูกปล่อยตัวออกมาจากคุกและกลับมาได้อย่างปลอดภัยเช่นนี้ ก็ควรดีใจไม่ใช่รึไง?
ไฉนสองคนนี้ถึงต้องทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกัน?!
แปลกคนโดยแท้... ทั้งน้องทั้งลูกเลย...
จวิ๋นโม่เหวินเอ่ยปากรำพึงบ่นสองคนนี้อยู่สักพัก ก่อนจะแยกตัวกลับไปทำงานของตน
ภายในตำหนักประมุขตระกูลจวิ๋น
“หลี่หวง เจ้าหยุดร้องเสียที!”
จวิ๋นปิงวางหลี่หวงลงบนเก้าอี้อย่างเบามือ และนั่งลงในตำแหน่งเคียงข้าง เห็นอีกฝ่ายตาแดงก่ำก็อดใจหยอกล้อหลานสาวตัวเองมิได้
“ตาบวมเป็นตุ๋นหมดแล้ว ไม่ไหว ไม่ไหว ฮ่าฮ่า...”
จวิ๋นปิงเอ่ยปากตามด้วยเสียงหัวเราะ พลางใช้แขนเสื้อเช็คคราบน้ำตาบนใบหน้าของหลี่หวง จากนั้นก็เอื้อมมือขึ้นลูบศีรษะเป็นเชิงปลอบขวัญ
“อืม...”
หลี่หวงยกมือขึ้นขยี้ตาพร้อมพยักหน้างึกงักให้
ช่างรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด เวลามีคนมาปลอบใจเช่นนี้ นางกลับว่าตัวเองได้ปลดปล่อยหลากหลายอารมณ์ที่กักเก็บ!
หลี่หวงพลิกดูความทรงจำของตัวเองไปมา ไม่ว่าจะเป็นชีวิตก่อนหน้าหรือชีวิตนี้ นางร้องไห้นับครั้งได้ บ้างก็เสแสร้งตามน้ำ ทว่าครั้งนี้กลับเป็นน้ำตาที่กลั้นออกมาจากใจจริง น่าจะเกิดจากความรู้สึกที่ซ่อนอยู่เบื้องลึกภายในใจได้ระเบิดออกมา
“หลี่หวง เจ้าได้รับปากอะไรกับหลิงอู่ซวงหรือไม่?”
เห็นหลานสาวตัวเองหยุดร้องไห้ จวิ๋นปิงเริ่มบทสนทนาทันทีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
หลี่หวงประหลาดใจเล็กน้อย
“หลิงอู่ซวง?”
นั่นใครกัน?
จวิ๋นปิงคลี่ยิ้มบางคล้ายยากเกินที่จะสังเกตได้ และกล่าวว่า
“ก็องค์จักรพรรค์รัชกาลปัจจุบันไง”
องค์จักรพรรดิรัชกาลปัจจุบัน…
ชื่อจริงก็คือหลิงอู่ซวง?!
แต่...ไฉนท่านปู่ถึงเรียกชื่อจริงขององค์จักรพรรดิโดยตรง?
“ตาเฒ่านั่นชั่วโฉดยิ่งยวด หากเจ้าไม่เอ่ยปากสัญญาอะไรไป มันคงไม่มีทางปล่อยข้าออกมาโดยง่าย หลี่หวง เจ้าบอกกับปู่มาตามตรงเถิด เจ้าไปสัญญาอะไรกับหลิงอู่ซวงกันแน่? แล้วไยมันถึงตอบรับข้อเสนอ?”
หลี่หวงนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงหนึ่งขึ้นว่า
“ข้ารรับปากไว้ว่า จะรักษาอาการป่วยของชิงเฉิงให้หายดี...”
“ชิงเฉิง? หมายถึงองค์รัชทายาท?”
จวิ๋นปิงที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับขมวดคิ้วแน่น
“อืม”
หลี่หวงพยักหน้าตอบ
“เหลวไหล!”
จวิ๋นปิงตบโต๊ะชาที่อยู่เคียงข้างเสียงดังปัง ชั่วความคิดแรกอยากจะโขกศีรษะของหลี่หวงสักที แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า และเปลี่ยนเป็นลูบหัวนางแทน
“เอ่อ...”
หลี่หวงก้มหน้าก้มตาปล่อยให้อีกฝ่ายลูบหัว ก่อนจะค่อยๆ ชำเลืองมองใบหน้าของจวิ๋นปิง
“เจ้าหลิงอู่ซงมันแค่ต้องการขังข้าเพื่อไม่ให้เข้าร่วมงานประลองสี่ตระกูลใหญ่เท่านั้น มิได้ลงโทษหรือทรมานข้ารุนแรง หลี่หวง หลานหุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว”
หลี่หวงส่ายหน้า
“ข้าไม่เสียใจเลยท่านปู่”
หลี่หวงเอยกายพิงเก้าอี้ไม้อย่างสบายใจ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบกล่าวขึ้นว่า
“พอได้กลับมาที่นี่ เหมือนข้าได้กลับมาบ้านที่ห่างหายไปนานแสนนาน มันไม่สำคัญหรอกว่า ในอนาคตข้าคนนี้ต้องเผชิญพบอะไร ขอเพียงได้พบครอบครัวที่เรียกได้อย่างเต็มปากว่า ‘ครอบครัว’ กลับมาอีกครั้งก็พอใจยิ่งแล้ว”
“เจ้าเด็กโง่”
จวิ๋นปิงเคาะหัวหลี่หวงเบาๆ ไปทีหนึ่ง
“เกือบสิบสี่ปีที่ผ่านมา เจ้าต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาตั้งแต่เล็ก...”
ระหว่างที่จวิ๋นปิงอุ้มร่างของหลี่หวงไว้บนแผ่นหลัง เขารู้สึกได้ชัดเจน น้ำหนักตัวของหลานสาวช่างเบาเหลือเกิน หลายปีมานี้ได้คงกินไม่อิ่มนอนไม่หลับมาโดยตลอด ซึ่งนี่ทำให้จวิ๋นปิงปวดใจยิ่งนัก!
“ไม่เป็นไร ทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว”
แม้หลี่หวงกล่าวออกมาเช่นนี้ แต่เนื้อในน้ำเสียงกลับเร้นแฝงสิ่งที่เรียกว่า ‘ความน้อยเนื้อต่ำใจ’ อยู่เล็กน้อย
ฟังดูเป็นการปลอบประโลมมิให้เป็นห่วงเท่านั้น
แต่จะอย่างไร ณ ปัจจุบัน ทุกอย่างได้ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว นางมีครอบครัวให้พักพิงแล้ว
“หลี่หวง ยามนี้เจ้าสามารถบ่มเพาะพลังได้ แถมยังมีวิชาการแพทย์ติดตัวมา อย่างน้อยที่สุด ท่ามกลางความลำบากที่ผ่านมาก็ยังมีผลประโยชน์อยู่บ้าง”
จวิ๋นปิงรู้สึกปลื้มใจไม่น้อยที่ในท้ายที่สุด หลานสาวของตนเองก็กลายมาเป็นนักอัญเชิญ ทว่าชั่วขณะต่อมา กลับรู้สึกปวดใจอย่างอดมิได้
“เจ้าเหมือนกับเสี่ยวเซียวไม่มีผิด ยิ่งเจ้าเป็นแบบนี้ก็ยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่ ในปีนั้นข้าเองก็แอบเข้าไปในสมรภูมิรบเช่นกัน แต่กลับไม่เจอเขาเสียแล้ว...”
หลี่หวงนั่งปิดปากเงียบ เสี่ยวเซียวที่จวิ๋นปิงกล่าวถึงมิใช่ใครอื่นนอกจาก บิดาของนางเอง จวิ๋นโม่เซียว
“อาการป่วยขององค์รัชทายาทหลิงชิงเฉิน มันสร้างความกังวลใจให้ตาเฒ่านั่นมากว่าสามปีแล้ว หากเจ้าสามารถรักษาให้หายขาดได้ก็ดีไป แต่หากไม่ ข้าเองก็ไม่ยอมให้ผู้ใดกล้ารังแกเจ้าเช่นกัน!”
แม้ว่าน้ำเสียงที่เปล่งดังของจวิ๋นปิงจะเย็นยะเยือกจับขั้วกระดูกเพียงใด ทว่าหากมองให้ลึกลงไป จะพบว่า เขาหมายมั่นต้องการปกป้องหลี่หวงด้วยชีวิต!
“วางใจเถิดท่านปู่”
หลี่หวงเงยหน้าขึ้นมองจวิ๋นปิงด้วยสายตาที่อัดแน่นไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“หลี่หวง เจ้าเป็นสตรี ไม่จำเป็นต้องพยายามให้หนักถึงปานนั้น”
นางเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของเขา จวิ๋นปิงไม่ต้องการให้นางแข็งแกร่งชนิดที่ว่าต้องออกรบเป็นแนวหน้าของตระกูล ขอเพียงมีฝีมือพอจะปกป้องตัวเองได้บ้างก็พึงพอใจแล้ว เขาต้องการจะเลี้ยงดูนางอยู่ข้างกายให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเท่านั้น!
ทว่าหลี่หวงกลับส่ายหัว ผืนพิภพแห่งนี้ไม่มีคำว่าความสงบสุขที่แท้จริง!
นางต้องแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นถึงจะอยู่รอด นี่แหละคือความจริง!
“ท่านปู่ เห็นว่าภายในจวนตระกูลจวิ๋นของเราเองก็มีปัญหาเช่นกัน ท่านพอจะทราบหรือไม่?”
“เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้ ข้าจะจัดการให้เอง!”
ทันทีทันสีหน้าการแสดงออกของจวิ๋นปิงพลันแปรเปลี่ยน ดวงตาฉายแววเย็นยะเยือกวูบหนึ่ง จะเห็นได้ว่า เขารู้เรื่องอะไรบางอย่าง
หลี่หวงพยักหน้าตอบเล็กน้อย ไม่สนว่ามันจะเป็นใคร แต่ถ้าหลุดมาถึงนาง นางไม่มีเอาไว้แน่นอน!
“คุณหนูใหญ่!”
“ท่านประมุข!”
สาวรับใช้รีบวิ่งตรงเข้ามาคุกเข่าลงกับพื้นด้วยท่าทีกระสับกระส่ายยิ่ง
หลี่หวงฉายแววสงสัยกระตุกวูบ เอ่ยถามขึ้นทันที
“มีอะไร?”