ตอนที่แล้วตอนที่69 วิญญาณคืนฝัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่71 ครึ่งชีวิตคือกษัตริย์ ส่วนอีกครึ่งคือพ่อคน

ตอนที่70 องค์จักรพรรดิเผด็จการ


ตอนที่70 องค์จักรพรรดิเผด็จการ

เห็นได้ชัดว่าวิธีที่ซูจิ่งเยว่คิดขึ้นมาเป็นคนละวิธีการหลี่หวง แต่ก็นับเป็นอีกหนึ่งหนทางเป็นไปได้

สิ่งที่หลี่หวงคิดไว้ก็คือ หากฝ่าบาทรักและเป็นห่วงบุตรชายคนนี้จริงๆ ล่ะก็ เขาไม่มีวันต้องยอมให้อีกฝ่ายสละอายุขัยแน่นอน

แต่ถึงอย่างไร ในตอนนี้หลี่หวงทำอะไรไม่ได้มาก เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่ายอดฝีมือ นางกลับเป็นเพียงเศษสวะชิ้นหนึ่งเท่านั้น!

“ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทบัดเดี๋ยวนี้แหละ เข้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อน”

ซูจิ่งเยว่รีบก้าวเท้าย่างออกไปทันทีเพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาทโดยเร็วที่สุด

“ข้าจะไปกับเจ้า”

หลี่หวงกล่าวไล่หลังขึ้นมาเสียงหนึ่ง

นางจำเป็นต้องไปกำกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ เผื่อว่าวิธีของซูจิ่งเยว่จะไม่ได้ผล ยามนั้นนางจะเสนอวิธีรักษาของนางให้อีกฝ่ายได้พิจารณา

มิฉะนั้นมันก็เท่ากับว่า นางไม่ได้ยื่นมือช่วยเหลืออะไรเลย!

แล้วนั่นจะไปสร้างความดีความชอบต่อฝ่าบาทได้อย่างไร?

ซูจิ่งเยว่พยักหน้าตอบตกลงโดยแทบไม่คิดอันใด ไม่มีเตรียมตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าแพรพรรณ เผ้าผมกระเซอะกระเซิง ออกไปทั้งแบบนั้นในทรงเล้าไก่โสโครก!

พระราชวังหลักที่ฝ่าบาทประทับอยู่ ตั้งอยู่ใจกลางวังหลวง ห่างจากตำหนักหลอมกลั่นโอสถของซูจิ่งเยว่อยู่ไม่น้อย

ทว่าอย่างไรทั้งสองอยู่ในสถาการณ์เร่งด่วน ต่างคนต่างเร่งฝีเท้าก้าวสับไม่หยุดหย่อน

เนื่องด้วยมีกฎเหล็กที่ว่า ทางไปพระราชวังหลักที่ฝ่าบาทประทับไม่สามารถสำแดงใช้พลังบ่มเพาะได้ พอทั้งคู่มาถึงก็แข้งขาอ่อนยวบนั่งกองอยู่หน้าพระราชวังพร้อมเสียงหายใจถี่หอบ

โคตรจะไกล!

หลี่หวงอดสบถเป็นภาษาปัจจุบันมิได้

“ใต้เท้าซู! คุณหนูจวิ๋น! ฝ่าบาททรงประทับรอพวกท่านอยู่ข้างในนานแล้ว โปรดตามข้าเข้ามา!”

เดิมทีซูจิ่งเยว่กำลังจะเดินไปบอกเรียกขันทีว่า พวกตนมาขอเข้าเฝ้า แต่ที่ไหนได้ ราวกับฝ่าบาทรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว จึงสั่งให้ขันทียืนรอด้านหน้าพระราชวังเพื่อต้อนรับการมาถึงของทั้งสองอยู่นานแล้ว

หลี่หวงกับซูจิ่งเยว่ถึงกับมองหน้ากัน ฉายแววสงสัยอย่างอดมิได้

ฝ่าบาทรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะมา?

ยิ่งไปกว่านั้น ยังรู้อีกว่าหลี่หวงจะมาด้วย?

คล้อยหลังเก็บซ่อนความสงสัยภายในใจ หลี่หวงกับซูจิ่งเยว่ก็เดินตามขันทีที่นำทางเข้าไปภายในพระราชวัง

บนบัลลังก์สีทองอร่ามอันแสนโองอาจกลับว่างเปล่า ขันทีที่เห็นดังนั้นจึงพาพวกเขาเข้าไปในตำหนักที่อยู่ติดกันแทน

เมื่อเข้ามาภายในตำหนักนี้ สิ่งแรกที่หลี่หวงเห็นก็คือ บุรุษรูปงามผู้หนึ่งที่กำลังนอนอ้าซ่าอยู่บนฟูกในท่วงท่าแสนสบาย มือข้างซ้ายเท้าศีรษะ ส่วนมือข้างขวากำลังถือฎีกาม้วนหนึ่งอยู่ ดูท่าแล้วกำลังอ่านอย่างเอาจริงเอาจัง

บุรุษผู้นี้เพียงเคลื่อนสายตามองฎีกาจากบรรทัดหนึ่งไปยังอีกบรรทัดหนึ่ง ยังสามารถสร้างแรงกดดันที่แผ่สะท้านออกมาได้ขุมหนึ่ง กลิ่นอายที่พรั่งพรูออกมาช่างแกร่งกล้าเกินบรรยาย!

นี่น่ะหรือ...องค์จักรพรรดิ!

“ฝ่าบาท ใต้เท้าซูและคุณหนูจวิ๋นมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ขันทีคนนั้นเอ่ยขานอย่างสุภาพยิ่ง

ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นกลับโบกมือปัด ไล่ขันทีคนดังกล่าวออกไปราวกับรำคาญ

จากนั้นก็โยนฎีกาทิ้งด้านหลัง ลุกขึ้นยืนพร้อมจับจ้องทั้งสองที่อยู่เบื้องหน้า

“กว่าจะมาได้”

สุ้มเสียงของเขาค่อนข้างแผ่วอ่อน ระหว่างเอ่ยกล่าวพลางบิดขี้เกียจเสียงกระดูกดังเปรี๊ยะปร๊ะ แต่ฟังแล้วพลันสัมผัสได้ถึงบารมีอันยิ่งใหญ่

“คาราวะ...”

ขณะที่ซูจิ่งเยว่กำลังจะคุกเข่าทำการคาราวะ ทว่ากลับถูกชายหนุ่มผู้นี้กล่าวขัดจังหวะขึ้นทันที

“ช่างเถอะ ช่างเถอะ ทำมันทุกวัน ไม่เมื่อยบ้างรึไง? พวกเจ้านั่งกันก่อนเถิด”

หากหลี่หวงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามหรือความคิดเห็นของฝูงชนที่มีต่อฝ่าบาทมาก่อน นางเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ชายหน้าหล่อที่ยืนอยู้เบื้องหน้าคนนี้จะเป็น องค์จักรพรรดิ! เขาคือกษัตริย์แห่งจักรวรรดิซีเหวิน!

ซูจิ่งเยว่ได้แต่ยิ้มกระอักกระอ่วน ก่อนนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นโดยไม่มีเกรงใจใดๆ

หลี่หวงเองก็ไม่กล้าพูดแทรกอะไรเช่นกัน จึงนั่งพื้นตามอย่างเงียบๆ

“เจ้าคือหลานสาวตัวน้อยของปิงปิงกระมัง? นางช่างงดงามอะไรปานนี้ ฮ่าฮ่า...”

ฝ่าบาทยิ้มและเหลือบสายตาจับจ้องไปยังหลี่หวง แต่น้ำเสียงฟังดูสบายๆ ราวกับกำลังสนทนากับคนรุ่นเดียวกันอยู่ ไร้จิตสังหาร ไร้ความกดดัน ไร้ซึ่งความห่างเหิน

เดี๋ยวนะ? สถานการณ์ในตอนนี้คือ หลี่หวงกับซูจิ่งเยว่กำลังเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิอยู่ไม่ใช่เหรอ? บรรยายการไม่ควรดูผ่อนคลายแบบนี้สิ?

หลี่หวงนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนนึกขึ้นได้ว่าปิงปิงที่ฝ่าบาทกำลังพูดถึง แท้ที่จริงแล้วคือท่านปู่ของนาง จวิ๋นปิง!

นางพยักหน้าตอบเล็กน้อย

องค์จักรพรรดิจับจ้องหลี่หวงเจือแววสนุกสนาน ทว่ากลับไม่ทราบเลยว่า เขากำลังคิดอะไรอยู่

“ท่านทราบอยู่แล้วว่าพวกเราจะมา?”

ซูจิ่งเยว่โพล่งกล่าวขึ้นมาแทบไม่ต้องคิด

ฝ่าบาททรงคำนวณทำอย่างไรอยู่แล้ว?

“ก็มาหาเรื่องเสี่ยวเฉินไม่ใช่เหรอ?”

หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก องค์จักรพรรดิก็เอ่ยตอบกลับมา

แสดงว่าฝ่าบาทเฝ้ามองเหตุการณ์ที่ผ่านมาอย่างเงียบๆ มาโดยตลอดงั้นรึ?

และทราบอยู่แล้วว่า หลี่หวงเองก็อยู่ในทุกช่วงเวลาของเรื่องราวดังกล่าว?

นี่ยังไม่ชัดเจนอีกรึ? องค์จักรพรรดิที่อยู่เบื้องหน้าตรงนี้ รอหมอทั้งสองอย่างพวกเขามาเพื่อไถ่ถามอาการปัจจุบันขององค์รัชทายาท!

“พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ เจ้าเสี่ยวเจวี่ยมันน่าจะมาแล้ว”

องค์จักรพรรดินั่งลูบคางตัวเอง มุมปากกระตุกยิ้มอย่างชั่วร้าย เหลือบหางตาใส่ซูจิ่งเยว่และกล่าวว่า

“เสี่ยวเจวี่ยเป็นคู่หมั้นของเจ้าหนูจวิ๋นเขา อนุญาตให้อยู่ได้ยังพอเข้าใจ ทว่าเจ้าควรออกไปได้แล้วกระมัง?”

ทว่าทันทีที่ได้ยินแบบนั้น หลี่หวงขมวดคิ้วแน่นกล่าวแทรกขึ้นก่อนว่า

“เดี๋ยวก่อน ข้าไม่เคยเห็นองค์ชายเก้ามาก่อนเลยสักครา กล่าวเช่นนี้คงไม่เหมาะสม”

“หะ?”

น้ำเสียงของจักรวรรดิเข้มขึ้นทันใด ร้องอุทานคำหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

หลี่หวงขี้เกียจเกินจะกล่าวอธิบายอันใดไปมากกว่านี้ ทำไมเวลานางกล่าวแบบนี้เกี่ยวกับเรื่องขององค์ชายเก้า ทุกคนมักจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้กันหมด?

“ก็คือ...สรุปว่าข้าหมดประโยชน์แล้ว? แต่เดี๋ยวก่อน ฝ่าบาทรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร?”

“เสี่ยวเจวี่ยบอกข้าเอง แถมยังย้ำอีกว่า ขอให้ข้าเชื่อใจเจ้าหนูจวิ๋น”

องค์จักรพรรดิยักไหล่ให้ซูจิ่งเยว่อย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะหันไปมองหลี่หวงอีกครั้ง

หลี่หวงได้ยินแบบนั้น แทบจะพองขนใส่ในบัดดล องค์ชายเก้าอะไรนั่นแค้นนักแค้นหนาอะไรกับนางปานนั้น ถึงต้องกล่าวแบบนี้?

“ข้าช่างไร้ความสามารถนัก คงไม่...”

หลี่หวงรีบกล่าวปฏิเสธทันควัน

นี่มันเรื่องลูกชายตัวเองมั๊ยล่ะ! อย่ามายุ่งกับข้า!

“อืมม...จะว่าไปศีรษะของปิงปิงก็สวยดี ตัดมาประดับตำหนักข้าน่าจะไม่เลว”

เสียงแหบเย็นขององค์จักรพรรดิเอ่ยขึ้นแทรกในชั่วอึดใจ

เส้นเลือดสีเขียวปูดโปนขึ้นบนหน้าผากของหลี่หวง นางแทบจะระเบิดอารมณ์โกรธทันทีที่ได้ยิน

โหดชิ*หาย!

“อะแหม! ข้าจะทำให้ดีที่สุด!”

องค์จักรพรรดิพยักหน้าตอบด้วยความพึงพอใจยิ่ง

เมื่อได้ยินหลี่หวงกล่าวเช่นนี้ มันก็เท่ากับว่านางได้เอ่ยปากสัญญาแล้วว่าจะช่วยรักษาหลิงชิงเฉิงให้หาย

ในอีกด้านหนึ่ง พอได้เห็นท่าทางการแสดงออกเช่นนี้ขององค์จักรพรรดิ ก็ดูไม่เหมือนว่าเขาผู้นี้จะเป็นคนใจจืดใจดำอะไรเลย กลับกันดูท่าจะห่วงชีวิตของบุตรชายตัวเองเป็นอย่างมาก

หลี่หวงในตอนนี้รู้สึกหมดสิ้นหนทางอย่างบอกไม่ถูก องค์จักรพรรดิผู้นี้นี่มันจิ้งจอกเฒ่าในคาบหนุ่มหล่อชัดๆ! นางแทบจะมองไม่ออกด้วยซ้ำว่า อีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่!

แต่...องค์ชายเก้าไปรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง? หรือเป็นไปได้ไหมว่า องค์ชายเก้าจะแอบได้ยินบทสนทนาระหว่างนางกัลซูจิ่งเยว่ก่อนหน้านี้?

“ข้ายังอยู่ที่นี่ทั้งคน! อย่าเพิ่งลืมกันสิ!”

ซูจิ่งเยว่เดือดจะพลุแตกแล้ว นี่ชักจะหยามศักดิ์ศรีกันมากไปแล้ว!

“จิ่งเยว่เอ่ยจิ่งเยว่ เจ้าได้ยินที่เจ้าหนูจวิ๋นน้อยกล่าวหรือไม่ นางบอกจะพยายามให้ดีที่สุด แน่นอน! นางต้องรักษาเสี่ยวเฉินได้อยู่แล้ว คง...ไม่ต้องเพิ่งนักหลอมโอสถแถวนี้~”

ระหว่างที่องค์จักรพรรดิกล่าวขึ้น เขาก็มองไปที่หลี่หวง ก่อนจะเหลือบหางตาเย้ยหยั่นใส่ซูจิ่งเยว่

ดวงตาคู่นั้นเปี่ยมล้นไปด้วยแววเย้าหยอก!

“ท่านเอานางมาฮา แต่เอาข้ามาฆ่า! ข้าขอตัว! ไม่! ไม่! หยุดเลย! ไม่ต้องมาห้ามข้าด้วยฝ่าบาท!”

ซูจิ่งเยว่ลุกขึ้นและเดินจากออกไปทันที ที่นี่ไม่จำเป็นต้องมีเขาแล้ว!

เขาเดินจากไปอย่างรู้ความ!

“ฝากปิดประตูตำหนักด้วย ข้าไม่ว่างไปส่ง!”

องค์จักรพรรดิตะโกนไล่หลังตอบ

ทันทีที่ประตูตำหนักปิดลงสนิท หลี่หวงก็ได้ยินสุ้มเสียงถอนหายใจดัง ‘ฮึ่ม’ ออกมาอย่างชัดเจน

ความสัมพันธ์ระหว่างซูจิ่งเยว่กับองค์จักรพรรดิค่อนข้างแปลกโดยแท้!

“ในเมื่อซูจิ่งเยว่ไปแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ควรพูดความจริงออกมาได้แล้วกระมัง?”

หลี่หวงหรี่ตาแคบจับจ้ององค์จักรพรรดิที่อยู่เบื้องหน้า แววตาไร้ระลอกคลื่นอารมณ์ผันผวนใด น้ำเสียงเอ่ยเรียบฟังดูเย็นชาสะท้านใจ

“นี่เจ้าพูดกับฝ่าบาทเช่นนี้รึ?”

น้ำเสียงขององค์จักรพรรดิเองก็พลันเร้นแฝงความเยือกเย็นอยู่หนึ่งส่วน เสมือนว่าไม่ค่อยพอใจกับทัศนคติของหลี่หวงในยามนี้

“ก็เจ้ามีเรื่องต้องการขอร้องให้ข้าช่วย โดยปกติแล้วข้าในตอนนี้อยู่เหนือกว่าเจ้า”

หลี่หวงเอ่ยน้ำเสียงเรียบ

“เจ้าเองก็มีเรื่องต้องการขอร้องให้ข้าช่วยเช่นกัน ถือว่าเจ๊า”

องค์จักรพรรดิสวนตอบทันทีพลางยักไหล่ให้ไปอีกทีหนึ่ง

หลี่หวงแหงนหน้าขึ้นมองในทันใด นัยน์ตาสีม่วงคู่บริสุทธิ์ของนางพลันฉายแววสยดสยองลึกล้ำขึ้นหลายส่วน!

บรรยากาศเริ่มจะน่ากลัวขึ้นเล็กน้อย!

และนี่ยังพิสูจน์ให้เห็นอีกว่า หลี่หวงไม่ดีมีความเกรงกลัวอะไรต่อองค์จักรพรรดิผู้นี้เลย!

“ช่างแปลกคนเสียจริง”

องค์จักรพรรดิจ้องหลี่หวงตาเขม็งอยู่พักหนึ่ง จนในท้ายที่สุดก็จำต้องถอนสายตาเบี่ยงหลบไปอย่างช่วยไม่ได้ พลางบ่นขึ้นมาคำหนึ่ง

“เจ้าพบว่าภายในร่างกายของเสี่ยวเฉินมีจิตวิญญาณชนิดหนึ่งกำลังกลืนกินพลังชีวิตเขาอยู่ แล้วพอมีวิธีรักษาได้หรือไม่?”

“ไม่”

หลี่หวงเอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมา

“ไม่?”

องค์จักรพรรดิขมวดคิ้วแน่น เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่า หลี่หวงจะกล่าวปัดด้วยท่าทีสบายๆ เช่นนี้

หลี่หวงเอ่ยต่ออีกว่า

“แล้วท่านทราบหรือไม่ว่า มันคือวิญญาณคืนฝัน?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด