ตอนที่แล้วตอนที่ 275+276 น่าเกลียด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 279+280 การพบปะ

ตอนที่ 277+278 สร้างปัญหาให้กับผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง


กำลังโหลดไฟล์

ลู่ชิงสีลากตัวเฉินเฟยไป่ลงไปที่ชั้นล่าง เขาผลักอีกฝ่ายออก แล้วจ้องไปที่เฉินเฟยไป่

“อะไรกับจ่าลู่ น่ากลัวเสียจริง! ผมแค่ผู้ส่งสาร ทำไมไม่ต้องกับทหารใหม่อย่างนี้ล่ะครับ รุนแรงและกดดันเสียจริง” เฉินเฟยไป่ปรับปกเสื้อของเขาในขณะที่พูดประชดประชัน เผชิญกับการแสดงออกที่น่ารำคาญ

“นายน่ะเหรอ? คนส่งข่าว?” ลู่ชิงสีเยาะเย้ยอย่างเยือกเย็น เขาจะไม่เชื่อคำพูดของเฉินเฟยไป่ เว้นแต่สมองของเขาจะได้รับความเสียหายจากปืนใหญ่อย่างไม่สามารถแก้ไขได้

“ถึงแม้ผู้บังคับบัญชาการสูงสุดจะสั่งนายมา แต่นายน่ะจะสั่งให้คนใครสักกี่คนให้มาแทนก็ได้ อาจารย์เฉิน นายคิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดของนาย ที่บอกว่าผู้บังคับบัญชาสูงสุดสั่งให้นายเป็นคนมาบอกฉันเหรอ” การที่กองทัพรับเฉินเฟยไป่เข้ามา โดยปกติแล้วถือเป็นการสร้างผลกระทบต่อทุกคนในกอง เขาเป็นทหารรุ่นที่สามของครอบครัวเขา และความสัมพันธ์ของเขาก็ดีเสียด้วย เมื่อเขาเข้ามาแล้วจึงส่งผลกระทบต่อคนอื่นในกองอย่างเลี่ยงไมได้

แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะถูกจัดให้อยู่ภายใต้การดูแลของลู่ชิงสี แต่เขาก็ไม่แยแสและไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเฉินเฟยไป่ ที่อาศัยเส้นสายเข้ามาทำงานในกองทัพ

ลู่ชิงสีรู้ดีว่า คนอย่างเฉินเฟยไป่จะไม่อยู่ร่วมกองทัพนาน เขาคงอยู่ประมาณ 2-3 ปี เมื่อครอบครัวเฉินจัดเตรียมอนาคตที่ดีให้เขา

เมื่อเห็นว่าเฉินเฟยไป่กำลังมองมาด้วยท่าทางปกติ พร้อมที่จะเป็นศัตรู ลู่ชิงสีรู้สึกว่าหัวใจของเขาสั่นไหวอยู่บ้าง

“เฉินเฟยไป่ ฉันทนกับการปรากฏตัวของนายในกองทัพได้” ลู่ชิงสีกล่าวอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาแข็งกระด้าง “ในกองทัพ นายจะหยอกล้อใครก็ได้ตามที่นายต้องการ แต่หากมีอะไรเกิดขึ้น นายก็ต้องจัดการด้วยตัวเอง ฉันไม่สนใจหรอกนะ แต่ฉันขอเตือนนายไว้ เจียงเหยาน่ะเป็นภรรยาของฉัน ถ้านายกล้าทำอะไรที่เลวร้ายต่อเธอ ฉันมีวิธีที่จะรับประกันได้ว่านายจะไม่สามารถอยู่ในกองทัพนี้ได้”

“ลู่ชิงสี อย่าคิดว่านายยอดเยี่ยมเพียงเพราะมีคนเรียกนายว่าอาจารย์ลู่นะ” เฉินเฟยไป่พูดพร้อมกับกัดฟัน กำหมัดแน่น

ไม่ใช่ว่าเขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับการคุกคามของลู่ชิงสีเสียเมื่อไหร่ แม้จะกลัวยมทูตลู่ แต่เขาก็ไม่เต็มใจยอมรับ เพราะความอวดดีและความภาคภูมิใจในตัวเองของเขา ไม่อนุญาตให้เขาแสดงความใด ๆ ออกมา

“นายลองพยาบาลออกจากมือฉันดูสิ ลองดูว่าฉันมีกี่วิธีในการจัดการกับนาย” ลู่ชิงสีกล่าว มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย “ฉันเป็นคนพูดคำไหน คำนั้นเสียด้วยสิ”

“นาย...” รัศมีอาฆาตที่เปล่งออกมาจากชายตรงหน้าทำให้เขาพูดไม่ออกครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาขาวซีดเผือดมากยิ่งขึ้น ทำให้เขารู้สึกหายใจลำบากนัก ในตอนนี้ความกลัวพุ่งผ่านเข้าไปในตัวของเขา

ท้ายที่สุด ลู่ชิงสีคนนี้เป็นคนที่แตกต่างไปจากเฉินเฟยไป่อย่างสิ้นเชิง นอกเหนือจากความช่วยเหลือจากพี่สองสองสามคนแล้ว ตำแหน่งที่ลู่ชิงสีได้มา ส่วนใหญ่ล้วนมาจากความแข็งแกร่งและความสามารถของเขาเองทั้งสิ้น

เขาอยู่ในกองทัพมาหลายปี แตกต่างไปจากเฉินเฟยไป่ เด็กหนึ่งที่ไม่เคยเห็นความน่าสะพรึงกลัวของพายุเลือด มือของเขาเปียกโชกไปด้วยเลือดและชีวิตของผู้คนนับไม่ถ้วน

เขากรีดคออาชญากรด้วยมีดสั้นที่อยู่ในมือ สัมผัสได้ถึงของเหลวอุ่น ๆ แห่งชีวิตที่พุ่งออกมาจากคอของมนุษย์คนอื่น ฝีมือความแม่นปืนที่ยอดเยี่ยม ฉายาเทพปืนไว กระสุนหลายนัดที่ออกมาจากกระบอกปืนเป็นเหตุให้กี่ชีวิตต้องจบชีวิตลง

รัศมีของการเข่นฆ่าของเขาคล้ายกับยมทูตที่มาจากนรก และนี่คือลู่ชิงสีในกองทัพที่ได้รับการขนามนามว่า ยมทูตลู่

ก่อนเข้ากองทัพ เฉินเฟยไป่เคยได้ยินคำชมมากมายเกี่ยวกับบุคคลคนนี้ในครอบครัวของเขา ทั้งปู่ พ่อ และสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวของเขา ล้วนแต่ชื่นชมและให้ความเคารพต่อบุคคลผู้นี้ ตัวเขาไม่เคยได้รับการยอมรับจากครอบครัวถึงเพียงนั้นมากก่อน และนี่คือคนที่ไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับตระกูลเฉิน ทว่าได้รับความเคารพและยกย่องจากปู่และพ่อของเขา

__

หลังจากเข้ามาเป็นทหาร เฉินเฟยไป่ก็ได้พบกับลู่ชิงสีด้วยตาของตัวเอง มองแวบแรก ลู่ชิงสีเหมือนอย่างที่คนอื่นได้บอกไว้ ชายผู้เงียบขรึมไม่เคยยิ้ม ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเฉินเฟยไป่ น่าจะเป็นเรื่องของรูปลักษณ์ของเขา

เฉินเฟยไป่ได้ตรวจสอบลู่ชิงสีก่อนหน้านี้ และรู้ว่าลู่ชิงสีมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับครอบครัวเหลียง ถึงขั้นสนิทชิดเชื้อเรียกกันว่าพี่น้อง ราวกับเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน

อย่างไรก็ตามเฉินเฟยไป่ก็รู้เช่นกันว่าลู่ชิงสีเป็นเพียงคนที่มาจากเมืองเล็ก ๆ แม้จะไม่มีปัญหาเรื่องเงินภายในครอบครัวลู่ จากมุมมองของเฉินเฟยไป่ ลู่ชิงสีก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าความต้องการเงินทองและอำนาจ

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมก่อนที่จะพบกับลู่ชิงสีเป็นการส่วนตัว การสืบข้อมูลของเขารวมกับข่าวลือที่เขาเคยได้ยิน เฉินเฟยไป่คาดว่าลู่ชิงสีจะเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาไม่ธรรมดา หรือแม้กระทั่งน่าตาดุดันคล้ายกันหมีที่ไร้กรศึกษา หยาบคาย อะไรเทือกนั้น

ความประทับใจนี้เปลี่ยนไปหลังจากที่เฉินเฟยไป่ได้พบกับลู่ชิงสี

ใบหน้าที่เย็นชาไร้อารมณ์ ปฏิเสธยาก ที่จะว่าไม่หล่อ ไม่แปลกใจเลยที่สาว ๆ ในระแวกนี้หลายคนโหยหาเมื่อพูดพวกเธอพูดถึงเขา

“จ่าลู่ ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นจุดอ่อนของคุณนะครับ!” เป็นการยากที่จะอธิบายความรู้สึกของเขาในตอนนี้ การลบความประทับใจที่ลู่ชิงสีเป็นเพียงคนธรรมดาอีกคน เฉินเฟยไป่ไม่เคยยอมรับว่าลู่ชิงสีเป็นคนที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม มันชัดเจนในหัวใจของเขา ว่าลู่ชิงสีเป็นคนที่แข็งแกร่งและเป็นคนที่เขาให้ความเคารพอย่างไม่เต็มใจ

“ใช่” ลู่ชิงสียอมรับโดยไม่ลังเลยใด ๆ “ในเมื่อนายเข้าใจแล้ว ก็ไปให้พ้นสายตาฉัน”

เฉินเฟยไป่เยาะเย้ย “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนแข็งแกร่งอย่างจ่าก็มีจุดอ่อนกับเขาด้วย”

“ตราบใดที่เป็นคน ก็ย่อมต้องมีจุดอ่อน มันไม่ต่างกันหรอกว่าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ” ลู่ชิงสีรู้ว่าเฉินเฟยไป่กำลังคิดอะไรอยู่และความคิดของเขาทำให้ลู่ชิงสีอยากจะหัวเราะเยาะความไร้สาระของมัน

ลู่ชิงสีเคยเห็นคนมาหลายประเภท

แม้แต่อาชญาการที่สามารถฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาก็ยังมีจุดอ่อน ไม่มีใครสามารถหนีจากอารมณ์หรือความปรารถนา ไม่มีใครสามารถละทิ้งครอบครัว มิตรภาพ หรือความรักได้อย่างง่ายดาย!

หากปราศจากความรู้สึกเหล่านี้แล้ว พวกเขาจะเป็นคนอยู่ได้อีกหรือ? แน่นอนว่าคนเราไม่ใช่เครื่องจักร

แม้ว่าลู่ชิงสีอยากจะแข็งแกร่ง แต่เขาไม่เคยคิดที่จะเป็นคนเข้มแข็งโดยปราศจากจุดอ่อน ตรงกันข้าม เขายึดผู้คนมากมายไว้ใกล้ ๆ หัวใจของเขา

ไม่ว่าจะเป็น พี่น้องทั้ง 4 ของเขา ครอบครัวของเขา และความรักในชีวิตของเขา ...เจียงเหยา

เขาปล่อยวางไม่ได้และวางมันไม่ลง นั่นคือเหตุผลที่เขายอมแบกรับความอ่อนแอเหล่านี้และเขายอมที่จะแบกรับมันไว้อย่างมีความสุข

ลู่ชิงสีมองดูเฉินเฟยไป่เดินจากไป ทั้งที่ไม่เต็มใจและมีความแค้น แต่ด้วยสภาพร่างกายของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง

“ทำไม ยังไม่ออกมาอีก จะอยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม” คำพูดที่ไม่ใส่ใจหลุดออกมาจากปากของเขา ทำให้ชายหนุ่มที่ยืนหันกลับมาเป็นเวลานานในขณะที่ทั้งตัวและน้ำเสียงสั่นเทา

ชายหนุ่มอ้าปาก ราวกับว่าเขาจะเริ่มร้องไห้

“จ่า ผม...ผมเจอกับเฉินเฟยไป่ระหว่างทางมาที่นี่ เขารู้ว่าผมจะมาแจ้งจ่า เขาก็ยืนกรานจะตามผมมาให้ได้” ดวงตาของชายหนุ่มเป็นสีแดง ไม่ใช่เพราะเขาถูกทรมานหรืออะไร แต่เป็นเพราะความกลัวที่เขามีต่อลู่ชิงสี

“นายยังไม่หย่านมหรือไง กลับไปอยู่บ้านก่อนแล้วค่อยมาอยู่ในกองทัพดีไหม?” การแสดงออกของลู่ชิงสีนั้นน่ากลัวและน้ำเสียงของเขาไม่เป็นมิตรเช่นกัน

ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างเร่งรีบก่อนจะเข้าใจความหมายของเขา “ผู้บัญชาการสูงสุดขอให้จ่าแวะไปหาเขา หลังจากพบกับพี่สะใภ้แล้วครับ”

“ถ้าไม่อยากถูกไล่ออกมากอง เหมือนเฉินเฟยไป่ ก็ควรจะฉลาดให้มากขึ้น” ลู่ชิงสีถ่มน้ำลายก่อนจะหันหลังและเดินขึ้นไปชั้นบน เขาไม่สนใจว่าเด็กหนุ่มที่มองตามหลังเขาจะเข้าใจคำแนะนำของเขาหรือไม่

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด