บทที่ 69 ปรุงโอสถ1
เพียงไม่นานนักเอี้ยเซียวได้เดินตรงมายังหนิงเทียน มันโค้งศีรษะก่อนจะกล่าวออก“คุณชายหนิงเทียน นี้คือสมบัติที่ท่านประมูลมา
ทั้งหมด 32ชิ้นเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 150หยกนิลและคฤหาสน์ซื่อจิ้งอีก500หยกนิลรวมเป็นเงินทั้งสิ้น750หยกนิลทางเราหักออกจากบัญชีของคุณชายแล้ว และอีก7วันข้างหน้าทางเราจะนำ1แสนหยกนิลไปให้ท่านถึงคฤหาสน์ซื่อจิ้ง”
เมื่อเอี้ยเซียวกล่าวจบมันได้มอบแหวนมิติสีทองคืนแก่หนิงเทียนและแจกจ่ายแหวนมิติสีขาวได้เสี่ยวซวงและจินเหล่าต้าคนละวง
หลวนคุนได้เอ่ยต่อ “นี้คือคฤหาสน์ซื่อจิ้งของคุณชาย เพียงแค่หยดเลือดลงไปท่านก็เป็นเจ้าของมันอย่างสมบูรณ์แล้ว”
จากนั้นหลวนคุนได้นำของตราประทับขนาดสองข้อนิ้วออกมาให้หนิงเทียนหยดโลหิตทำสัญญาพร้อมกล่าวต่อไปอีกว่า
“ข้านั้นจะให้หยูหยูนำทางพวกท่านไปยังคฤหาสน์ซื่อจิ้ง”
หนิงเทียนพยักหน้าพร้อมกล่าวตอบ “ขอบคุณผู้อาวุโส เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” จากนั้นพวกมันทั้งสี่ได้เดินทางออกจากสมาคมการค้าจ้าวสมุทร แค่เพียงก้าวเดียวที่ออกมานั้นมันปรากฎร่างของชายชราผมขาวยืนรออยู่ที่หน้าประตู
“ท่านปู่” จินเหล่าต้าตะโกนเรียกเสียงดัง
“ลำบากท่านแล้วผู้อาวุโสจิน”หนิงเทียนกล่าวด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
“เรื่องเล็กน้อย เมื่อเทียบกับโอสถเลือดกระเรียนที่สหายน้อยจะปรุงให้แก่เรา พวกเราจะกลับตระกูลจินกันเลยหรือไม่”จินเหยาจางกล่าวออกด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกอ่อนโยน
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ท่านปู่ พวกเราจะเดินทางไปยังคฤหาสน์ซื่อจิ้งกันก่อน”จินเหล่าต้าไม่ได้บอกเรื่องราวทั้งหมด มันต้องการเห็นดวงตาเบิกกว้างของปู่มันในยามที่ล่วงรู้ความจริงด้วยตัวเอง คงจะเป็นภาพที่ตลกไม่น้อย
“ไปคฤหาสน์ซื่อจิ้ง!!!?? เจ้าเด็กน้อยเจ้าจะเล่นเรื่องใดก็ได้ แต่การแอบเข้าไปเล่นในคฤหาสน์ซื่อจิ้งนั้น เท่ากับวิ่งไปหาความตาย” จินเหยาจางกล่าวดุบุตรหลานของมันด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฮี่ฮี่ มันไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้แม้แต่แผลเดียวหรอก จริงหรือไม่ หยูหยูที่รัก”จินเหล่าต้าหันไปกล่าวกับหยูหยูด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวมัน
“ใครเป็นที่รักของท่าน”น้ำเสียงของหยูหยูเต็มไปด้วยความระอาใจ พร้อมกล่าวต่อ
“ท่านจิน คุณชายหนิงเทียนเป็นผู้ประมูลคฤหาสน์ซื่อจิ้งได้ ฉะนั้นตราบใดที่คุณชายหนิงเทียนอนุญาต จะไม่มีอันตรายใดๆที่เกิดจากค่ายกล7ทิศ4ผนึกอย่างแน่นอน”
“คฤหาสน์ซื่อจิ้ง? ประมูลได้? เป็นเจ้าของ? คุณชายหนิงเทียน?” เมื่อจินเหยาจางได้ยินคำกล่าวของหยูหยู ใบหน้าของมันซีดลง สองตาเบิกกว้างมันไม่สามารถปะติปะต่อคำกล่าวพวกนี้ให้เป็นประโยคที่เข้าใจได้เลย
“ฮี่ๆๆ”จินเหล่าต้าหัวเราะออกอย่างสนุกสนานพร้อมกล่าวขึ้นว่า หยูหยูน้อยรีบนำทางเถอะ”
จินเจียงหยานั้นใช้เวลาเกือบค่อนระยะทางเดินเพื่อที่จะทำความเข้าใจในเรื่องคฤหาสน์ซื่อจิ้ง แม้ระหว่างทางนั้นมันจะได้ถามหลานชายมันออกอยู่หลายเรื่องและได้ฟังถึงเรื่องราวทั้งหมดจากปากของจินเหล่าต้า
แต่สิ่งที่มันได้ยินมานั้นยากที่จะเชื่อเกินไป มันพยามถามซ้ำอยู่อีกหลายรอบเพราะกลัวว่านี้จะเป็นเรื่องตลกที่หลานของมันแกล้งหยอกเล่น แต่ไม่ว่าจะถามออกสักกี่ครั้งมันก็ยังคงได้คำตอบเดิมออกมาเสมอ
หยูหยูเดินนำกลุ่มของหนิงเทียนไปอีกราวๆหนึ่งชั่วยาม จนบัดนี้พวกมันทั้ง5มาถึงสะพานขนาดใหญ่ที่ทอดยาวลงไปกลางแม่น้ำฉางยี่ ถ้ามองดูจากลักษณะภายนอกนั้น มันคล้ายจะเป็นสะพานไม้เก่าๆที่ไม่มีคนใช้มานับร้อยปีๆแล้ว
นางก้าวเดินขึ้นไปหยุดอยู่กลางสะพานไม้ที่ปรากฎเป็นช่องว่างขนาดสองข้อนิ้ว จากนั้นนางนำตราประทับที่ได้ทำสัญญาโลหิตกับหนิงเทียนไว้ก่อนแล้ว ผลักเข้าไปในช่องว่างนั้น
เป็นที่น่าอัศจรรย์รอยต่อของช่องกับตราประทับนั้นเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์
เพียงไม่นานนักน้ำทะเลเบื้องหน้าพวกมันค่อยๆลดระดับลงเผยให้เป็นถนนสายใหญ่ที่ทอดยาวออกไป
หนิงเทียนเดินไปบนถนนสายใหญ่ มันรู้สึกเหมือนว่าบรรยากาศรอบๆพลันสว่างขึ้น ดวงตาของมันหรี่แคบลงเมื่อทะเลสาบและภูเขาเข้ามาอยู่ในทิศทางการมองเบื้องหน้าของมัน
ในขณะที่จินเหล่าต้าและจินเจียงหยาที่เดินตามหลังมานั้น ดวงตาของพวกมัน2ปู่หลานแทบจะโผล่ออกมาจากเบ้าและปากของพวกมันก็เปิดกว้างด้วยความตกใจ
เวลานี้ต่อให้สัตว์อสูรบินเข้าไปในปากของพวกมัน เกรงว่าพวกมันยังไม่สามารถหุบลงได้
หยูหยูเห็นท่าทีเช่นนั้นนางหัวเราะเอามาเล็กน้อยก่อนจะอธิบาย “คฤหาสน์ซื่อจิ้งนั้นแม้มันจะได้ชื่อว่าเป็นคฤหาสน์ก็จริง
แต่ภายในจากรัศมีสะพานที่พวกเราได้เดินข้ามมาจนถึงตัวคฤหาสน์จะประกอบไปด้วยเทือกเขาใหญ่และแอ่งทะเลสาบรายล้อมอยู่
ท่านราชันจ้าวสมุทรได้ก่อสร้างคฤหาสน์ซื่อจิ้งขึ้นที่ตีนเขาที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้นาๆพันธุ์ ที่มีรูปร่างคล้ายสัตว์ขนาดมหึมา” หยูหยูยังคงกล่าวย้ำแก่หนิงเทียน
“คุณชายหนิง ในพื้นที่ข้างหน้านั้น ถ้าคุณชายคิดว่าพวกเราเป็นศัตรูเมื่อไร อาคม7ทิศ4ผนึกจะทำงานทันที และถึงเวลานั้นนอกจากตัวคุณชายแล้ว พวกเราทั้ง4จะตกตายในทันที”
ถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นมิตรกันก็ตามที แต่จินเหล่าต้าก็ยังอดหัวรุกขึ้นมาไม่ได้เมื่อได้ยินหยูหยูอธิบายออก
หลังจากที่หยูหยูอธิบายเสร็จแล้ว นางเดินเท้าต่อไปไม่นานนักปรากฎคฤหาสน์ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางระหว่างเทือกเขาเขียวขจีและทะเลสาบมรกต ราวกับว่าทั้งสองนั้นเป็นบริวารที่โอบล้อมคฤหาสน์แห่งนี้ไว้
ด้วยลักษณะของทิวทัศน์ตามธรรมชาติอันงดงามที่อยู่ขนาบข้างทำให้ผู้ที่ได้มองไปบังเกิดความสงบขึ้นมาภายในจิตใจอย่างบอกไม่ถูกและด้วยเหตุนี้มันจึงถูกเรียกว่า ความสงบไม่หลงลืม
เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นที่พวกมันเหยียบลงบนพื้นหญ้าที่เขียวขจี พลังปราณบริสุทธิ์มากมายไหลเข้าสู่ร่างของพวกมันทั้ง5อย่างรวดเร็ว
“นี้....นี้มัน!!!”จินเจียงหยาพึมพำออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ที่นี้ตั้งอยู่ภายใต้เส้นเลือดมังกรฟ้า ความบริสุทธิ์ของลมปราณจึงมากกว่าพื้นที่ภายนอกถึง10เท่า”หยูหยูกล่าวอธิบาย
“แดนสุขาวดี” จินเหล่าต้าอธิบายภาพตรงหน้าของมันออกมาได้เพียง3คำเท่านั้นและแม้แต่เสียวซวงเองยังบังเกิดรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของนางเมื่อได้พบกับทัศนียภาพโดยรอบเช่นนี้
แม้จะไม่เทียบเท่าแต่คฤหาสน์ซื่อจิ้งนั้นให้ความรู้ที่คุ้นเคยและคล้ายคลึงกับแดนภูตเร้นลับที่มันจากมาอยู่ถึง3ใน10ส่วน หนิงเทียนจึงอดกล่าวถามออกไม่ได้ “เหตุใดที่แห่งนี้ถึงมีราคาเพียง500หยกนิลเท่านั้น”
“ในคร่าแรกที่หยูหยูมาถึงที่แห่งนี้ ได้เคยกล่าวคำถามแก่ผู้อาวุโสหลวนคุนเช่นที่คุณชายหนิงถามมา แต่หยูหยูก็ได้รับคำตอบเพียงแค่ คำว่าโชคชะตา เท่านั้นเจ้าค่ะ”
“โชคชะตา? หมายถึงอะไร”จินเหล่าต้ารีบกล่าวถามด้วยความสงสัย
หยูหยูได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างเชื่องช้า “ในเรื่องนี้หยูหยูเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”นางยังคงกล่าวต่อ “คุณชายหนิงนับแต่นี้ไปท่านเป็นเจ้าของมันโดยสมบูรณ์แล้วผู้ใดจะออกหรือเข้าล้วนอยู่ภายใต้ห้วงความคิดของคุณชายเท่านั้น”
เมื่อจบเรื่องแล้วจินเหล่าต้ารีบกล่าวออกทันที “พี่ชายหนิงคืนนี้ท่านจะกลับไปพักที่หมู่ตึกตระกูลจินหรือว่าจะพักภายในคฤหาสน์ซื่อจิ้งเลย”
หนิงเทียนครุ่นคิดอยู่ชั่วครูก่อนจะกล่าวออกมา “คงจะไม่ดี ถ้าข้าออกมาโดยไม่ได้ลาเจ้าของบ้าน อีกทั้งพรุ่งนี้ยังมีเรื่องที่ต้องทำในหมู่ตึกตระกูลจินอยู่ ข้าคงต้องรบกวนตระกูลจินอีกสักวันแล้ว”กล่าวจบเช่นนั้นหนิงเทียนหันไปกำชับแก่หยูหยู
“อย่าได้ลืม อีก7วัน ให้คนนำ1แสนหยกนิลมาให้ข้า” หยูหยูโค้งศีรษะรับคำก่อนที่จะแยกย้ายจากไป
....
.......
ภายในห้องโถงตระกูลจิน เมื่อจินเจียงหยาได้ฟังข้อความของบุตรชายมันผ่านหยกสื่อสาร ทำให้เวลานี้มันเดินงุ่นงานด้วยความกระวายใจอย่างนั่งไม่ติดอยู่ภายในห้อง
เวลานี้มันได้แต่พึมพำกับตัวเองเท่านั้น “ท่านพ่อก็ไปรับแล้วจะต้องไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นแน่”
ไม่นานนักมันสัมผัสได้ถึงพลังปราณอ่อนๆในแดนวีรชน ทำให้มันระบายลมหายใจออกอย่างโล่งอก
“ท่านพ่อพวกเรากลับมาแล้ว” เสียงของจินเหล่าต้าดังขึ้นก่อนที่ร่างของมันจะปรากฎถึงเสียอีก
จินเจียงหยายิ้มออกด้วยใบหน้าที่อบอุ่น “ให้พ่อรอเสียตั้งนาน พ่อเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น และเป็นอย่างไรบ้าง ได้อะไรติดไม้ติดมือมาจากสมาคมการค้าจ้าวสมุทรหรือไม่?”
จินเหล่าต้าเอ่ยตอบบิดาของมันด้วยท่าทีเป็นปกติ “พี่ชายหนิงได้มา สามสี่สิบชิ้นและท่านพ่อ”
“เจ้านี่นะ ยังชอบพูดเล่นจนเป็นนิสัยไม่รู้ว่าเวลาไหนควรเล่นเวลาไหนควรจริง” จินเจียงหยากล่าวตำหนิและไม่ได้สนใจในคำตอบของบุตรชายมันอีก
ขณะที่จินเหยาจางมองไปยังบุตรชาย มันไม่ยอมเล่าเรื่องที่เกิดในสมาคมการค้าจ้าวสมุทรออกมาเพราะกลัวว่าบุตรชายของมันที่เป็นถึงหัวหน้าตระกูลจินจะตกใจจนแข็งขาสั่นให้เป็นที่อับอายของคนในตระกูลเปล่าๆ
มันจึงเว้นเรื่องคฤหาสน์ซื่อจิ้งไป และกล่าวเรื่องสำคัญออกทันที “สหายน้อย ข้าได้ยินจากเหล่าต้าบอกว่า ท่านสามารถปรุงโอสถเลือดกระเรียนได้”
“ถูกต้องแม้มันจะยากไปเสียหน่อยในเวลานี้ แต่โอกาสำเร็จมันมากกว่า2ใน3ส่วน ดังนั้นข้าจึงต้องการสมุนไพรสำหรับมัน 2ชุดเพื่อป้องกันความผิดพลาดใดๆ”หนิงเทียนกล่าวออกด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบ
“น้องชายท่านทำมันได้จริงๆ” จินเจียงหยากล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแต่สายตาที่มันมองมานั้นยังเกิดเค้ารางแห่งความสงสัยอยู่ไม่น้อย
หนิงเทียนแย้มยิ้มออกมา มันไม่ได้โกรธอันใดถึงคำถามเช่นนี้ ตัวมันนั้นรู้ดี เรื่องที่เด็กอายุ16ปีเช่นมัน อยู่ในระดับเทพโอสถปฐพีจะเป็นเรื่องที่กล่าวออกไปคงไม่มีผู้ใดทั่วแดนสวรรค์เชื่อถือเป็นอันขาด
และยิ่งถ้ามันบอกว่าอีกเพียงครึ่งก้าวเท่านั้นมันจะเข้าสู่เส้นทางปรุงโอสถระดับสวรรค์กลายเป็นจ้าวโอสถสวรรค์แล้วละก็ ผู้ที่ได้ยินได้ฟังเรื่องนี้คงจะต้องตกใจจนตายเป็นแน่
ขนาดบิดารองที่เป็นผู้สั่งสอนมันยังคงประหลาดใจจนถึงทุกวันนี้ หนิงเทียนใช้เวลาเพียง1ปีครึ่งเท่านั้นในการก้าวข้ามระดับเซียนโอสถปฐพีมาสู่ระดับเทพโอสถปฐพี
คิดได้เช่นนั้นมันจึงกล่าวออกด้วยเสียงเป็นปกติ “แน่นอนข้าไม่จำเป็นต้องโกหกท่านแต่เนื่องจากข้าไม่สามารถใช้พลังลมปราณออกจากร่างได้แม้แต่น้อย
ข้าจึงต้องการแกนแท้ของอสูรธาตุอัคคีในการจุดไฟหลอมโอสถขึ้นมา จำเป็นต้องใช้แกนอสูรขั้น3 2ก้อนหรือจะเป็นของแกนอสูรขั้นที่2 ก็ได้แต่ตามที่ท่านจะสะดวกในการจัดหาแต่ถ้าเป็นอสูรขั้นที่2ละก็ข้าต้องใช้มันถึง200ก้อน ”
“สหายน้อยการใช้ไฟจากแกนแท้อสูร จะต้องเป็นผู้ที่บรรลุ10ขั้นโลกไปแล้วเท่านั้นถึงจะสามารถทำมันได้” จินเหยาจางอุทานด้วยสายตาเบิกกว้าง
จินเหล่าต้าเองคร้านที่จะตกใจในเรื่องราวของหนิงเทียนอีกต่อไปแล้ว เพียงแค่ไม่ถึง3วัน ดวงตาของมันถล่นออกมาจากเบ้านับสิบครั้งได้แล้ว
มันระบายลมหายใจออกเมื่อมองไปยังพ่อและปู่ของมันที่กำลังจะมีอาการคล้ายกับมัน จากนั้นมันจึงกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ “พี่ชายหนิง พรุ่งนี้ท่านจะเริ่มปรุงโอสถเลือดกระเรียนเลยหรือไม่”
หนิงเทียนพยักหน้าอย่างเชื่องช้าแทนคำตอบตกลง
“สหายน้อย ท่านต้องการให้ข้าเตรียมวัตถุดิบอะไรบ้าง” จินเหยาจางกล่าวด้วยความรู้สึกมีหวังและตื่นเต้นเป็นที่สุด
แต่สำหรับจินเจียงหยานั้น มันรู้สึกเชื่อเพียง6ใน10ส่วนเท่านั้น การที่เด็กอายุไม่เกิน20ปีเป็นถึงระดับจ้าวโอสถปฐพีนั้นแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
การที่จะใช้แกนอสูรในการควบคุมเปลวไฟแทนลมปราณนั้น เด็กคนนี้อาจจะมีทักษะหรือวิชาที่สืบทอดกันมา โดยไม่จำเป็นต้องบรรลุ10ขั้นโลกก็ได้
และถึงแม้เด็กนี้จะมีความสามารถสูงส่งและลึกลับ แต่นั้นเป็นเพียงการได้ยินจากปากผู้อื่นเท่านั้น
เรื่องในจวนผู้พิทักษ์ฟ้าเอง มันก็ไม่ได้เห็นกับตาแต่อย่างใด กระทั่งเรื่องราวในสมาคมการค้าจ้าวสมุทร มันเองก็ไม่ได้รู้เรื่องใดเลยแม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างไร มันก็ไม่ได้กล่าวคำพูดอะไรออกเพียงเพราะแค่ความรู้สึกที่หนิงเทียนต้องการช่วยเหลือนั้น ก็สามารถรับไว้ด้วยใจแล้ว
“ไม่ต้องห่วงผู้อาวุโสจิน ท่านสามารถใช้สมุนไพรที่ท่านจินเคยปรุงอยู่ก่อนหน้าได้เลย ในเส้นทางการสรรสร้างออกมาเป็นโอสถเลือดกระเรียนนั้นมีทั้งหมด 48วิธี ข้าสามารถใช้มันออกได้ทุกวิธี ไม่มีข้อจำกัดในตัวสมุนไพร”
ได้ยินเช่นนั้น จินเจียงหยากล่าวออกด้วยน้ำเสียตะกุกตะกัก“น้องงชาย..ท่าน..ท่านบรรลุหลักหลอมรวมสมุนไพร เป็นเป็นไปไม่ได้ มีแต่เทพโอสถปฐพีขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถหลอมรวมเส้นทางสรรสร้างโอสถได้”
ด้วยตัวตนของเทพโอสถปฐพีนั้นมันมีความสำคัญมากกว่า ผู้ฝึกตนในชนชั้นราชันทรราชด้วยซ้ำไป
มันจึงเป็นคำกล่าวที่พูดกันในอาณาจักรฟ้าสวรรค์ว่า ‘ตราบใดที่ไร้เทพโอสถก็เลิกฝันที่จะก้าวข้ามดินแดนราชันทรราช’ และด้วยเหตุนี้เองจินเจียงหยา ยากที่จะสามารถทำใจให้เชื่อได้
หนิงเทียนยิ้มออก “ข้านั้นไม่มีความคิดที่จะหลอกลวงตระกูลจินเลยแม้แต่น้อย ท่านจินอย่าได้กังวลใจไป ถ้าข้าสร้างมันได้ให้คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น แต่ถ้าข้าทำไม่ได้ ข้าจะจ่ายค่าสมุนไพรที่เสียไปให้เอง”
“ไม่ใช่เช่นนั้นน้องชาย เจ้าอย่าได้เข้าใจข้าผิด ข้าเพียงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดที่สุดตั้งแต่ข้าเกิดมาก็เท่านั้น และถึงอย่างไรท่านเองก็เป็นผู้มีพระบุญของเหล่าต้า
ข้าไม่กล้าให้ท่านต้องจ่ายค่าสมุนไพรเด็ดขาด เอาเช่นนั้นถ้าท่านหลอมโอสถเลือดกระเรียนได้ ตระกูลจินของเราจะยอมทำทุกอย่างที่ท่านร้องขอ
แค่มันไม่เป็นเพียงเรื่องที่ผิดศีลธรรมเท่านั้น ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟพวกเราพร้อม
แต่ถ้าท่านไม่สามารถปรุงมันได้ ก็ขอให้ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย ข้าจินเจียงหยานั้นขอรับน้ำใจของน้องชายด้วยความยินดี”
ได้ยินเช่นนั้นจินเหยาจางและจินเหล่าต้ามองไปยังผู้ที่เป็นพ่อและบุตรชายของพวกมันพร้อมทั้งระบายลมหายใจออกมาพร้อมกัน ภายในใจของพวกมันทั้งคู่คิดในเรื่องเดียวกันว่า
ผิดที่ตัวมันเองที่ไม่ได้เล่าเรื่องราวของหนิงเทียนโดยละเอียด
เมื่อคิดออกเช่นนั้นจินเหล่าต้ารีบกล่าวออกมา “ท่านพ่อถ้าเช่นนั้นข้าจะไปจัดเตรียมของที่พี่ชายหนิงเทียนต้องการโดยเร็ว”
แทบจะพร้อมกับจินเหล่าต้าที่พูด ในเวลาเดียวกันจินเหยาจางรีบเอ่ยออก “เจียงหยา สหายน้อยเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ให้เขาได้ไปพักเถอะ” กล่าวจบมันตะโกนสั่งให้คนรับใช้พาหนิงเทียนและเสี่ยวซวงไปพัก
เมื่อทั้งคู่เดินจากไป ใบหน้าของจินเจียงหยาเกิดอาการประหลาดใจในท่าทีของทั้งสองมันรีบกล่าวออกมา “ท่านพ่อหรือว่าข้าพูดอะไรผิด มีคำพูดใดที่ไม่ได้ให้เกียรติน้องชายหนิงเทียนหรือไม่”….
ปล. นิยายเรื่องนี้จบแล้วนะครับ จะลงในThainovelให้จบ 811ตอน ถ้าท่านใดไม่อยากรอ สามารถค้นหาในgoogle อ่านได้จนจบ แต่ถ้าเพื่อนๆท่านใดไม่รีบ ไรท์จะมาลงในthainovelให้วันละ10ตอนขั้นต่ำ