ตอนที่49 พี่ใหญ่หวง?
ตอนที่49 พี่ใหญ่หวง?
“ข้าเองก็ไม่ทราบ”
หลี่หวงส่ายหน้าไปมา จวบจนบัดนี้นางเองก็ยังปั้นหน้ามึนงง ไม่รู้ถึงหมายเหตุว่าทำไมคนพวกนี้ต้องไล่ล่านาง
“ข้าไม่รู้ว่าพี่จิวกับเสี่ยวอี้จะเป็นยังไงบ้าง พวกเขาจะตกเป็นเหยื่อด้วยหรือไม่? หนีได้รึเปล่า? บาดเจ็บตรงไหนไหม?”
“พวกเขาเป็นใคร?”
เจ้าจิ้งจอกน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เป็นครอบครัวของข้าเอง”
หลี่หวงยิ้ม
“ครอบครัว? ข้าไม่มีครอบครัวแล้ว...”
พอกล่าวถึงเรื่องนี้เจ้าจิ้งจอกน้อยหูตกทันทีด้วยความหดหู่ ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนเอ่ยต่อว่า
“พี่ใหญ่หวง ท่านมาเป็นครอบครัวเดียวกับข้าเถิด!”
พี่ใหญ่หวง?
แค่ก! แค่ก!
หลี่หวงเกือบกระอักพ่นเลือดสดออกมาอีกคำโต เมื่อครู่มันเรียกข้าว่าอันใด?
พี่ใหญ่หวง? พี่ใหญ่นี่นะ?
นี่มิใช่ชื่อที่ใช้เรียกกันระหว่างสหายสนิทหรอกรึ?
“ไยเจ้าถึงต้องเรียกข้าว่าพี่ใหญ่หวง...”
“เพราะพวกเราเข้ากันได้ดีไง!”
เจ้าจิ้งจอกน้อยพยักหน้างึกงัก
“ตกลงหรือไม่? พี่ใหญ่หวงมาเป็นครอบครัวเดียวกับข้าสิ!”
“...”
หลี่หวงเองก็พูดไม่ออกเช่นกัน เห็นได้ชัดว่า อีกฝ่ายเป็นจิ้งจอกก็ควรจะเจ้าเล่ห์มิใช่รึ? ไฉนถึงไร้เดียงสาปานนี้?
“เช่นนั้นเจ้าต้องการทำพันธสัญญากับข้า?”
หลี่หวงเอ่ยถามหยั่งเชิงออกไปคล้ายโยนหินถามทาง จิ้งตอกน้อยตนนี้ดูท่าจะมิใช่สัตว์อสูรระดับสูงอะไร ได้มาก็คิดซะว่าเป็นสัตว์เลี้ยงแก้เบื่อ นี่เป็นความคิดที่ไม่เลว!
“ได้สิ!”
เจ้าจิ้งจอกน้อยเอ่ยตอบตกลงโดยทันที
หลี่หวงกัดนิ้วตนเองพร้อมหยดเลือดลงบนลิ้นของเจ้าจิ้งจอกตัวน้อย
ทันใดนั้นวงแหวนอาคมแห่งพันธสัญญาสีฟ้าลวดลายน้ำแข็งพลันปรากฏขึ้นใต้ขาทั้งสอง และเริ่มโคจรหมุนในบัดดล
หลี่หวงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกที่คืบคลาน เป็นเกล็ดน้ำแข็งชั้นบางเกาะลามขึ้นมาบนแข้งขา
จิ้งจอกตนนี้เป็นสัตว์อสูรธาตุน้ำแข็ง?
หลังจากวงแหวนอาคมแห่งพันธสัญญาจางหายไป ก็เป็นวงแหวนแห่งพัฒนาการที่ปรากฏขึ้นมาแทน เตรียมเข้าสู่กระบวนการเลื่อนระดับชั้น!
โคจรหนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ...
วงแหวนโคจรบรรจบครบทั้งหมดหกรอบถ้วน!
เมื่อวงแหวนแห่งพัฒนาการหยุดลง หลี่หวงถึงกับตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง!
คล้อยหลังจากทำพันธสัญญากับจิ้งจอกน้อยตนนี้ ระดับพลังของนางเพิ่มขึ้นถึงหกดาว?!
หกดาว!!
ปัจจุบันนางเป็นนักอัญเชิญชั้นสูงหนึ่งดาว ตอนนี้ได้พลังเพิ่มมาอีกหกดาว เท่ากับว่านางเลื่อนขั้นกลายมาเป็น นักอัญเชิญชั้นสูงเจ็ดดาวแล้ว!
เดี๋ยวก่อนนะ? เจ้าจิ้งจอกน้อยตนนี้เป็นสัตว์อสูรสายพันธุ์อะไรกันแน่?
“เทียนปิง เจ้ามีพลังอยู่ในระดับชั้นใด?”
ด้วยความสงสัยข้อนี้ หลี่หวงจำต้องเอ่ยถามขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์แปดดาว แต่อีกนิดเดียวก็จะเลื่อนขึ้นเป็นเก้าดาวแล้ว”
เจ้าจิ้งจอกน้อยเองก็ส่งเสียงร้องดีใจขึ้นมาเช่นกัน เพราะคล้อยหลังทำสัญญากับหลี่หวง พลังบ่มเพาะของมันก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้จะมิได้มากมาย แต่ก็ถือเป็นแนวโน้มที่ดี
สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์!?
“สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์?! เช่นนั้นเจ้าก็สามารถจำแลงกายได้?”
เจ้าจิ้งจอกน้อยเหม่อมองหลี่หวงเจือสีหน้าสงสัย มันกล่าวขึ้นคำหนึ่งว่า
“แน่นอน หากข้าจำแลงกายไม่ได้ แล้วจะพาท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”
หลี่หวงรู้สึกเก้อเขินชั่วขณะ เรื่องง่ายๆ เช่นนี้นางลืมคิดไปได้อย่างไร
“แล้วเจ้าเป็นจิ้งจอกเผ่าพันธุ์อะไร?”
หลี่หวงเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“จิ้งจอกเหมันต์เก้าหาง”
เทียนปิงเอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“จิ้งจอกเหมันต์? จิ้งจอกเหมันต์เก้าหาง? นี่มิใช่สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสัตว์อสูรธาตุน้ำแข็งหรอกรึ? แต่เดี๋ยวก่อน...ในฐานะที่เป็นถึงจิ้งจอกเหมันต์เก้าหาง ไฉนถึงมาอาศัยอยู่ในป่าดิบชื้นแห่งนี้ได้?”
“เพราะพวกเราอ่อนแอเกินไป”
เจ้าจิ้งจอกน้องยกอุ้งมือปุกปุยของมันขึ้นมาปิดบังใบหน้าเล็กน้อยด้วยความอับอาย และกล่าวต่อว่า
“เผ่าพันธุ์ของเราอาศัยอยู่ในหุบเขาแห่งนี้มานับพันปีแล้ว แต่พอมาถึงรุ่นข้า กลับเหลือเพียงข้าแค่ตัวเดียว...”
“เจ้าหนู ต่อแต่นี้ไปข้าจะอยู่เป็นสหายเคียงข้างเอง”
สัตว์อสูรแต่ละตัวของนางล้วนแต่เป็นเด็กกำพร้าทั้งนั้น...เอาล่ะพวกเจ้าได้เพื่อนแล้ว!
จิ้งจอกน้อยรู้สึกตื้นตันใจอย่างมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น มันพยักหน้ารัวๆ
มันรู้สึกว่าครอบครัวใหม่ของมันไม่เพียงแค่อบอุ่นเท่านั้น แต่พี่ใหญ่ของมันยังทั้งสวยและจิตใจอ่อนโยนยิ่งกว่าอะไร...
“เจ้าโง่! ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่! อย่าถูกรูปลักษณ์ภายนอกของนางหลอกเอา! มิฉะนั้นจะโดนพิษตายไม่รู้ตัว นางน่ะ...”
โป๊กกก!!
เหยาอวี้ที่เห็นสีหน้าตื่นเต้นดีใจของเจ้าจิ้งจอกน้อย มันก็รีบโผล่ขึ้นมาจากอากาศเอ่ยปากเตือนในทันใด
ทว่ายังพูดไม่ทันจบกลับโดนมะเหงกไปทีหนึ่ง หัวของมันปูดเป็นลูกมะนาวเลยทีเดียว
........
“เหยาอวี้ เจ้าออกไปได้แล้ว”
“เฮ้ออ...เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว เชื่อมือข้าได้เลย”
หลังจากแนะนำตัวเสร็จสรรพ เหยาอวี้ก็ลอยออกจากถ้ำไป
หลี่หวงสั่งให้เหยาอวี้ออกไปตามหาจวิ๋นหลี่จิวกับเสี่ยวอี้ เพราะไม่ว่าจะยังไงเหยาอวี้เป็นเพียงร่างวิญญาณโปร่งใส ไม่มีใครสามารถแตะเนื้อต้องตัวได้ยกเว้นนาง ดังนั้นการให้มันออกไปตามหาคนอื่นๆ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
“กลุ่มคนชุดคลุมดำยังไม่จากออกไป...”
เจ้าจิ้งจอกน้อยอาศัยความว่องไว ออกไปลาดตระเวนโดยรอบไม่ใกล้ไม่ไกล ก่อนจะกลับเข้ามาในถ้ำอย่างผิดหวัง
นี่ผ่านไปหนึ่งวันแล้ว ไฉนพวกนั้นยังไม่ไปอีก?
คู่คิ้วของหลี่หวงขมวดแน่นถักเข้ามากันอีกครา
“หบุเขาทั้งลูกล้วนถูกพวกมนุษย์ทำลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จิตใจของพวกนั้นปราศจากคุณธรรมโดยสิ้นเชิง!”
จิ้งจอกน้อยโมโหอย่างมาก เผ่าพันธุ์ของมันดำรงอยู่ที่นี่มานับหลายพันปี ทว่าในท้ายที่สุดกลับถูกพวกมนุษย์ทำลายจนย่อยยับ
และประเด็นสำคัญคือ พวกมนุษย์มักเอาจำนวนเข้าสู้ หากเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว เผ่าพันธุ์จิ้งจอกเหมันต์เก้าหางย่อมกินขาด ทว่าพวกมนุษย์กลับมีเล่ห์กลสารพัดที่วางแผนไว้จัดการฆ่าพวกมันจนสิ้น
“หากพวกนั้นหาข้าไม่เจอ คงยากที่จะจากไป”
“เป้าหมายเดียวของพวกมันเกรงว่าจะเป็นข้าเท่านั้น”
หลี่หวงเอ่ยเสียงเรียบ
ใครกันแน่ที่ต้องการตามล่านางให้ถึงตาย?
“หากคิดไม่ออก เช่นนั้นก็อย่าคิดให้ปวดเศียรเลย”
จิ้งจอกน้อยเอ่ยกล่าวเจือน้ำเสียงเป็นห่วง เมื่อเห็นเจ้านายของมันระดมสมองครุ่นคิดตลอดชั่วยามไม่หยุดหย่อน มันเองก็อดใจเอ่ยเตือนมิได้
หลี่หวงส่ายหน้าอาน ปลงตกในที่สุด
ช่างเถิด ยามนี้กลับไม่มีเงื่อนงำหรือเบาะแสใดแม้สักนิด คิดไปก็มีแต่เตลิดออกทะเลแถมยังเสียเวลาเปล่า
“ท่านควรพักผ่อนมากหน่อย สภาพร่างกายยังไม่ดีนัก บาดแผลช้ำในยังไม่ดีขึ้นเลย”
เจ้าจิ้งจอกน้อยจัดรังไหมขนาดย่อมให้สำหรับหลี่หวง และปล่อยให้นางนอนหลับพักผ่อนภายในนั้น
มันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องสรีระร่างกายของมนุษย์สักเท่าไหร่ เพียงแค่ทราบว่า เจ้านายของมันบาดเจ็บสาหัส และหากไม่ยอมพักผ่อนให้ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่ อาจส่งผลให้ก่อเกิดอาการเรื้อรังได้ในอนาคต
ในจุดนี้ มนุษย์ค่อนข้างคล้ายกับสัตว์อสูร
แผลที่ไม่ยอมรักษาให้ดีย่อมส่งผลเรื้อรังต่อเนื่อง
หลี่หวงคว้าตัวน้อยปุกปุยอย่างเจ้าจิ้งจอกมากอดในอ้อมแขนและหลับไปพร้อมกัน
ช่างเป็นคืนที่ฝันดี
เมื่อหลี่หวงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็กลับกลายเป็นว่ายามนี้เป็นเวลาเที่ยงของอีกวันแล้ว!
จิ้งจอกน้อยที่กอดในอ้อมแขนยามนี้หายไปแล้ว หลี่หวงเดาว่า เจ้าตัวน้อยน่าจะไปหาอาหารให้ตนเองทานอยู่กระมัง
มันเป็นจิ้งจอกที่พิเศษจริงๆ
ใสซื่อไร้เดียงสา แต่ก็น่ารักยิ่งกว่าอะไร!
ฮั่วหยางในขณะนี้กำลังหลับอยู่ในห้วงสัตว์อสูรอยู่
ท่าทางค่อนข้างเหนื่อยล้า แถมยังมีบาดแผลตามตัว ทำให้หลี่หวงที่เห็นดังนั้นมิทาจอยู่เฉยได้
“พี่ใหญ่หวง ท่านตื่นแล้วรึ?”
หลี่หวงกลับมานั่งในรังตำแหน่งเดิม ไม่นานจิ้งจอกน้อยก็กลับมาจากการหาอาหารมาให้ทาน
“ข้ามีผลไม้สดๆ ตั้งมากมาย ท่านลองชิมดู อร่อยมาก!”
จิ้งจอกน้อยเร่งหยิบผลไม้สดออกจากห้วงมิติส่วนตัวของตนเอง และมอบมันให้แก่หลี่หวงราบกับสมบัติล้ำค่า
หลี่หวงคลี่ยิ้มบางให้ ก่อนจะหยิบขึ้นมาทาน
เห็นหลี่หวงทานอย่างเร็ดอร่อยแบบนั้น เจ้าจิ้งจอกน้อยก็หูตั้งดีใจ!
“จริงสิ พี่ใหญ่หวง คนพวกนั้นไปแล้ว”
เจ้าจิ้งจอกน้อยที่เพิ่งนึกขึ้นได้ จึงรีบเอ่ยให้หลี่หวงฟัง
“อืม แค่จากไปก็น่าจะปลอดภัยแล้ว”
หลี่หวงพยักหน้าตอบอย่างพึงพอใจ ทันใดนั้นก็มีสุ้มเสียงจากเหยาอวี้ส่งตรงเข้ามาในห้วงความคิด
‘นายท่าน บอกให้จิ้งจอกโง่นั่นคลายม่านพลังลงซะ พวกข้าจะเข้าไป!’
ดวงตาคู่สวยของหลี่หวงเป็นประกายเจิดจ้า จวิ๋นหลี่จิวกับจวิ๋นอี้มาถึงที่นี่แล้ว!
หลี่หวงจดจำได้แม่น เจ้าจิ้งจอกน้อยเคยกล่าวว่า ตนได้กางม่านพลังเอาไว้และต้องให้ตัวมันอนุญาตเท่านั้นจึงจะถอนออกได้
“เทียนปิง เจ้าพาคนในครอวครัวของข้าเข้ามาได้หรือไม่?”
“ครอบครัว?”
เทียนปิงกระพริบตาปริบๆ เผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจยิ่งก่อนจะกล่าวต่อว่า
“ครอบครัวของพี่ใหญ่หวงก็คือครอบครัวของข้า เดี๋ยวข้าจะออกไปรับเดี๋ยวนี้แหละ!”
หลี่หวงหัวงเราะคิกคักเสียงเบา เมื่อเห็นถึงความน่ารักของเทียนปิงที่รีบสะบัดหางปุกปุยของมันและรีบพุ่งออกไป
“น้องหลี่หวง!”
“พี่หลี่หวง!”
“เจ้าไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม?!”
แทบจะชั่วอึดใจเดียวกัน สุ้มเสียงของทั้งสองก็ดังกึกก้องเข้าใส่ในรูหูของนาง
พอเห็นท่าทีอันสุดแสนจะวิตกกังวลของสองคนนั้น นางก็พลางส่ายหน้าและเอ่ยว่า
“ข้าสบายดี ขอโทษทีที่ต้องทำให้ทั้งคู่ต้องกังวล!”
จวิ๋นหลี่จิวกับจวิ๋นอี้รีบวิ่งตรงไปหานาง กวาดสายตาสำรวจมองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“น้องหลี่หวง เจ้าทำข้ากลัวแทบตาย! หากรู้แต่แรกว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ ข้าคงไม่ยอมปล่อยให้เจ้ากลับโรงเตี๋ยมตามลำพัง!”
จวิ๋นหลี่จิวกระดกสุราดื่มอึกหนึ่ง เอ่ยโทษตัวเองพร้อมสีหน้าหม่นหมอง