ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 30 ครอบครัวสมานฉันท์
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 30 ครอบครัวสมานฉันท์
บนเตียงแต่งงาน คงหนิงนอนทับอยู่บนผ้าปูเตียง นอนหอบเล็กน้อย
แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ร่วมหลับนอนกับปีศาจ แต่คืนนี้เขาเหนื่อยมาก เขารู้สึกได้จางๆ ว่าปราณภายในร่างถูกดูดกลืนไปโดยปีศาจสาว
ทำให้เขาหมดสิ้นเรี่ยวแรง
น่าจะเป็นเพราะสิ่งที่เรียกว่าแก่นแท้ธาตุหยาง?
ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่ปีศาจสาวคิดที่จะเริ่มกิจกรรมสวาท เป็นเพราะมันได้รับผลประโยชน์บางอย่าง แต่เพราะก่อนหน้านี้นางดูดซับไปในปริมาณไม่มาก คงหนิงจึงไม่ทันสังเกตเห็น คิดว่าปีศาจตนนี้เพียงแค่มีความใคร่เท่านั้น
คราวนี้ปีศาจสาวดูดกลืนแก่นแท้ธาตุหยางของเขาไปมาก ทำให้คงหนิงรู้สึกเวียนหัว
เขารู้ว่าปีศาจสาวกำลังเตือนเขา
อีกฝ่ายสังเกตเห็นว่ามีกลิ่นอายของผู้หญิงอยู่ที่ข้อมือของคงหนิง แต่แก่นแท้ธาตุหยางภายในร่างคงหนิงนั้นไม่ได้สูญเสียไป ดังนั้นปีศาจสาวจึงยอมแพ้ ไม่ได้ตั้งใจจะสืบหาต่อไปว่าหญิงคนใดที่ต้องการมาแย่งอาหารของนาง
---ดูเหมือนว่าปีศาจสาวจะยุ่งมากในช่วงนี้?
ไม่เช่นนั้น จากบุคลิกของอีกฝ่าย หากมีเวลามากพอ จะต้องสืบสาวไปให้ถึงต้นตอก่อน ถึงจะยอมแพ้
ยิ่งกว่านั้นปีศาจสาวทรงเสน่ห์ผู้นี้ก็ออกไปข้างนอกเร็วขึ้น และกลับมาช่วงรุ่งสาง ทั้งยังได้รับบาดเจ็บบ่อยครั้งกว่าแต่ก่อน
แล้วนี่มันก็จริงๆ เลย.......เกินไปจริงๆ!
ถึงกับได้กลิ่นยามที่ข้าไปสัมผัสตัวผู้หญิงมาอีก นางเป็นหมาหรือไง?
ดูเหมือนว่าในอนาคต หากได้เจอกับหว่านเอ๋ออีก ข้าจะต้องเตือนสาวน้อยใจร้อนผู้นี้เสียหน่อยว่าอย่าตื่นเต้นมากจนเกินไปนัก ชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้กันเกินไป ง่ายที่จะสัมผัสแต่กลับกลายเป็นอันตรายถึงชีวิตสำหรับข้าเมื่อยามกลับถึงบ้าน
คงหนิงนอนอยู่บนเตียง เหยียดแขนขาออกไป หายใจยาวด้วยความเหนื่อยหอบ
ปีศาจสาวสวมใส่ชุดเรียบร้อยมัดผมเป็นมวย ออกจากห้องไปเรียบร้อยแล้ว คงหนิงจึงได้อยู่เพียงลำพังอีกครั้งหนึ่งในห้องโล่งๆ
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในที่สุดวิกฤติก็ผ่านพ้นไปแล้ว
ท่ามกลางความมืดยามราตรี คงหนิงค่อยๆ หลับใหล
ต้นฉัตรจีนขนาดใหญ่ด้านนอกลานทำให้เกิดเงาไม้ใหญ่ใต้แสงจันทร์ ลมเย็นในยามค่ำคืนพัดโชย ใบของต้นฉัตรจีนเสียดสีกันจนส่งเสียงกรอบแกรบ
เฒ่าชราสองคนที่นั่งอยู่ใต้ต้นฉัตรจีนเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน มองดูหญิงชุดม่วงเดินออกจากลานบ้านแล้วหายตัวไปในเงามืดยามราตรี
แม่ผมขาว ท่าทางใจดีถอนหายใจ “หนิงเอ๋อต้องทุกข์ตรมอีกแล้ว”
ผู้เป็นพ่อที่อยู่ข้างๆ พ่นลมหายใจเย็นชาและมองดูหนังสือเล่มเก่าในมือต่อไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ คนเป็นแม่ก็ไม่พอใจเล็กน้อย รีบคว้าหนังสือเก่าๆ ที่มีสีเหลืองออกมาด้วยความโกรธจัด พร้อมกับพูดว่า “ดูดู๊ดู ดูแล้วมันรู้อะไรบ้าง......ดูอยู่ทุกวัน เจ้าอ่านแล้วมันได้อะไรบ้าง? หนิงเอ๋อโดนนางปีศาจทรมานอยู่ทุกวันแบบนี้ เจ้ายังคงทำเฉยอยู่อีก!”
หนังสือถูกดึงออกไป ชายวัยกลางคนที่หน้าตาเย็นชาก็ลุกขึ้นนั่งหลังตรง ดวงตาจับจ้องไปที่หญิงตรงหน้า
“คืนมาให้ข้า!”
เสียงของชายวัยกลางคนดูบูดบึ้งเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ราวกับต้องการจะขย้ำผู้อื่นให้ตาย ดวงตาที่ดูดุร้ายมองตรงไปเบื้องหน้า
อย่างไรก็ตาม หญิงวัยกลางคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็จ้องกลับไปโดยไม่หวาดกลัว คว้าหนังสือเล่มเก่าๆ เอาไว้และไม่ยอมปล่อยมันไป
ภายใต้สายแสงจันทร์ ต้นฉัตรจีนสูงใหญ่เหมือนกับถูกลมพัดแรง ยอดไม้สั่นสะเทือน อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีลมพัดใกล้ๆ กับตรอกฮว๋ายชู่
หลังจากผ่านไปครึ่งเค่อ ต้นฉัตรจีนขนาดใหญ่ก็ฟื้นคืนสู่ความสงบ หยุดสั่น
ชายวัยกลางคนนั่งอยู่ใต้ต้นไม้มองดูภรรยาที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเย็นชาแล้วกล่าวว่า “เขาไปสังสรรค์ร้องเพลงอยู่ทุกคืน มีแมงป่องที่มีพลังตบะตั้งสามร้อยปีมาช่วยสร้างความสุขยามค่ำคืนร่วมกัน......จะไปมีความทุกข์อะไร? ในทั่วทั้งเขตชานหลานนี้ ไม่มีผู้ชายคนไหนอีกแล้วที่มีชีวิตดีไปกว่าเขา”
พอพูดจบ พ่อก็พูดต่อด้วยความโกรธว่า “เอาหนังสือคืนมา!”
ผู้เป็นแม่มองดูด้วยสายตาเย็นชา เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะโยนหนังสือเหลืองๆ ขาดๆ ออกไป
เมื่อเห็นคนพ่อหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ นางก็หันหน้ามองไปยังทิศของลานบ้านด้วยความทุกข์ระทม พร้อมกับกล่าวว่า “ไม่มีทาง ข้าไม่สามารถทนดูหนิงเอ๋อต้องทุกข์ทรมานได้อีกต่อไปแล้ว”
แม่ผมขาวยืนขึ้น แล้วพูดต่อไปว่า “ข้าจะช่วยเขา!”
พูดจบนางก็เดินไปที่ลานบ้าน
แต่ในเวลานั้น ต้นฉัตรจีนขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือศีรษะก็สั่นคลอน
ใบไม้สีเขียวใบหนึ่งตกลงมาเบื้องหน้าของนาง ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังวางหนังสือลงแล้วลุกขึ้นยืน ท่าทางดูบ้าคลั่ง
“เจ้ากล้าหรือ!”
ใบไม้จากต้นฉัตรจีนปลิวว่อนอยู่ที่ประตูหน้าลานบ้าน เผยให้เห็นบรรยากาศอันแสนเย็นยะเยือก
ชายที่มีใบหน้ามืดครึ้มกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าลองก้าวไปอีกสักหนึ่งก้าวสิ!”
ใบของต้นฉัตรจีนร่วงลงมามากขึ้นเรื่อยๆ
อากาศเองก็เริ่มเย็นลงด้วย
เห็นได้ชัดว่านี่คือเดือนเจ็ด อยู่ในช่วงกลางฤดูร้อน คูน้ำเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลนักเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็งบริเวณพื้นผิว
ผู้เป็นแม่ซึ่งอยู่หน้าประตู หันศีรษะกลับมามองผู้เป็นพ่อที่อยู่ด้านหลัง
แม่ที่แสนใจดีกับพ่อผู้เข้มงวด ทั้งคู่มองหน้ากัน แต่ไม่มีใครยอมหลีกทางให้แก่กัน
ใบของต้นฉัตรจีนค่อยๆ ร่วงหล่นลงมาจากด้านบนมากขึ้นเรื่อยๆ ไอพลังภายในร่างของพ่อผู้เข้มงวดเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเห็นดังนี้ คนเป็นแม่ก็ค่อยๆ นั่งลงบนม้าหิน แล้วกล่าวว่า
“ข้าแค่อยากจะช่วยหนิงเอ๋อ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี ทำไมเจ้าถึงตื่นตูมขนาดนี้?” มารดาผู้ใจดีกล่าวออกพร้อมรอยยิ้ม “อารมณ์โกรธไม่ดีต่อร่างกาย”
ผู้เป็นพ่อสูดลมหายใจเข้า ค่อยๆ นั่งลงบนม้านั่งหินของตนเอง พลิกหน้าหนังสือเก่าๆ ในมือของตนเองต่อไปโดยไม่สนใจหญิงที่อยู่ตรงหน้า
เสียงที่อ่อนโยนและใจดีของผู้เป็นแม่ดังขึ้นที่ใต้ต้นฉัตรจีน
“ข้ารู้ว่าเจ้าเองก็กังวลใจ แต่ในเมื่อเจ้าเป็นห่วงหนิงเอ๋อทำไมเจ้าถึงทำเป็นไม่สนใจเขาเลยเล่า?”
“นอกจากนี้ วันสารทจีนก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ ภายในเมืองวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้านั่งอยู่นี่ทุกวัน มันจะได้อะไรขึ้นมาไหม?”
“ลูกสะใภ้ของเราก็ไม่ได้เข้ากับคนอื่นได้ดีเท่าไหร่เลย แต่ดูเหมือนว่าเบื้องหลังของนางจะยิ่งใหญ่มาก”
“ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่หากหนิงเอ๋อคิดจะยั่วยุนาง ข้าว่าเราควรวางเรื่องอื่นๆ แล้วช่วยหนิงเอ๋อให้พ้นจากอันตรายก่อน จากนั้นค่อยคิดถึงเรื่องอื่นในอนาคต”
“เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”
เสียงของแม่อ่อนโยน ใจดี และอบอุ่น
อย่างไรก็ตาม ผู้เป็นพ่อที่อยู่ตรงหน้าของนางไม่ได้แยแสเลย ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ เพิกเฉยนางอย่างสมบูรณ์ ยังคงอ่านหนังสือเล่มเก่าสีเหลืองในมือต่อไป
เมื่อเห็นฉากนี้ แม่ก็ถอนหายใจแล้วพูดออกมาอย่างอดไม่ได้
“เจ้านี่มันไม่ต่างไปจากหินในขี้เลนเลยจริงๆ ทั้งเหม็นเน่าทั้งไร้อารมณ์ความรู้สึก......”
“นั่งอยู่นี่ทุกวัน ไม่ทำอะไรสักอย่าง จะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้?”
“วันสารทจีนใกล้เข้ามาแล้ว แต่ปีนี้ต่างจากปีก่อนๆ ลูกสะใภ้น่ารังเกียจนี่ได้สร้างปัญหาให้กับเมือง และสถานการณ์ก็ควบคุมไม่ได้แล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการเรื่องยุ่งเหยิงทั้งหมดนี่”
“ถึงแม้เจ้าจะรอดจากวันสารทจีนไปได้ แต่จะอยู่รอดในเทศกาลเก้าคู่[1]ได้หรือ?”
“เจ้าก็รู้ว่าถ้าไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย พวกเราทุกคนจบไม่สวยแน่ๆ”
ใต้ต้นฉัตรจีน เสียงของแม่เตือนเบาๆ ชวนให้ผู้คนอยากจะทำตามคำแนะนำของนาง
อย่างไรก็ตาม ผู้เป็นพ่อที่กำลังดูหนังสือเล่มเก่านั้นยังมีสีหน้าถมึงทึง ไม่เคลื่อนไหวใดๆ
เขากล่าวด้วยความเย็นชาว่า “ถ้าเจ้ากล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคงหนิง ข้าจะหักมือเจ้าเสีย!”
ดวงตาของคนพ่อเย็นชายิ่ง
แม่เองก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นจึงหัวเราะออกมา
“เจ้านี่ช่างตลกเสียจริง ฟังดูแล้วเจ้าก็เป็นห่วงหนิงเอ๋อเหมือนกัน.......ข้าล่ะปวดหัวกับเจ้าจริงๆ”
“เจ้าก็ทำให้ข้าปวดหัวเหมือนกัน!”
------------------------
[1] เทศกาลเก้าคู่ หรือเทศกาลฉงหยาง (重阳节) หมายถึงวันที่เก้าเดือนเก้าตามปฏิทินจันทรคติจีน ชาวจีนเชื่อว่าวันดังกล่าวเป็นวันมงคลน่ายินดี ทั้งยังเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเหมาะแก่การเก็บเกี่ยวอย่างยิ่ง