WS บทที่ 358 ฉุกเฉิน PART 1
กลินเด้พาเมอร์ลินไปที่ห้องนั่งเล่นสุดหรู ไม่ได้พาไปที่ห้องประชุมของคฤหาสน์แต่เป็นห้องที่องค์ชายแปดมักจะมาพักผ่อน โดยทั่วไปแล้ว องค์ชายแปดไม่ค่อยพบกับนักเวทย์คนในที่นี่
“องค์ชายแปด พ่อมดเมอร์ลินมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
พ่อมดกลินเด้รออยู่นอกห้องนั่งเล่นด้วยความเคารพในขณะที่เขาประกาศอย่างแผ่วเบาไปทางห้องนั่งเล่น
“พ่อมดเมอร์ลิน เชิญเข้ามา”
เสียงขององค์ชายแปดดังมาจากห้องนั่งเล่น ด้านนอก พ่อมดกลินเด้เผยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาและนำเมอร์ลินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
แสงไฟในห้องนั่งเล่นมืดไปหน่อย เมอร์ลินไม่ได้ใช้พลังจิตเพื่อสำรวจห้องนั่งเล่น เขากวาดตาและมองไปรอบ ๆ ห้องแทน จากนั้นเขาก็เห็นร่างขององค์ชายแปดประทับอยู่บนเก้าอี้ในห้องนั่งเล่น
มีแก้วของเหลวสีแดงเลือดอยู่ในพระหัตถ์ขององค์ชายแปด พระองค์ชิมมันอย่างรื่นรมย์ ดูเหมือนว่าพระองค์จะเพลิดเพลินกับอาหารอันโอชะที่แปลกใหม่
“องค์ชายแปด กระหม่อมสงสัยว่าพระองค์ต้องการอะไรจากกระหม่อมพ่ะย่ะย่ะ?” เมอร์ลินถามช้า ๆ หลังจากที่เขาโค้งคำนับให้เจ้าชายเล็กน้อย
เมื่อองค์ชายแปดทอดพระเนตรมาทางเมอร์ลิน พระองค์ก็ลุกขึ้นยืนทันทีและชี้ไปที่ถ้วยของเหลวสีแดงเลือดอีกถ้วยหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะ เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อมดเมอร์ลินลองชิมดูสิ นี่คือไวน์เพลิงโลหิต มันของกำนัลที่เมืองเวลส์สันเพิ่งมอบให้กับองค์ราชา มันรสชาติดีมากจริง ๆ ฉันได้รับเพียงเล็กน้อยหลังจากพยายามเอามาอย่างยากลำบาก”
“ไวน์เพลิงโลหิต?”
กลิ่นไวน์อันเป็นเอกลักษณ์ได้ล่องลอยเข้าไปในจมูกของเมอร์ลิน ความอยากรู้อยากเห็นเริ่มดีขึ้นเมื่อเขาหยิบไวน์เพลิงโลหิตขึ้นมาจากโต๊ะ
“ขอบคุณพระทัย ฝ่าบาท”
หลังจากที่เมอร์ลินแสดงความขอบคุณต่อองค์ชายแปดแล้ว เขาได้ลิ้มรสของไวน์อย่างอ่อนโยน
"อา…"
สัมผัสของความหนาวเย็นเล็ดลอดออกมาจากลิ้น จากนั้นกลิ่นหอมของไวน์ก็กระจายไปทั่วปาก รสชาติของมันกลมกล่อมจริง ๆ แต่นี่เพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะทำให้องค์ชายแปดหลงใหลได้มากนัก
ขณะที่เมอร์ลินกำลังจะวางแก้วไวน์ลง ก็มีความรู้สึกแสบร้อนที่ลามจากลำคอตรงไปยังท้องทันที ความรู้สึกแสบร้อนนี้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเขาถูกวางไว้ในเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วง อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกที่แผดเผานี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดเลย มีความรู้สึกอบอุ่นอยู่ในนั้นแทน
“มันเป็นไวน์ที่ยอดเยี่ยมพ่ะย่ะค่ะ!”
ดวงตาของเมอร์ลินเป็นประกายเจิดจ้าด้วยขณะที่เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมไวน์ ในแง่ของรสชาติ ไวน์เพลิงโลหิตนี้ติดอันดับสูงอย่างแน่นอน
“พ่อมดเมอร์ลิน เชิญนั่งลงก่อน”
องค์ชายแปดยิ้มและประทับบนเก้าอี้ เขาเขย่าแก้วไวน์เล็กน้อยและทอดพระเนตรไปทางเมอร์ลิน
หลังจากนั่งลง เมอร์ลินไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ในบรรยากาศที่เงียบสงบนี้ ในที่สุดก็เป็นองค์ชายแปดตรัสก่อน “พ่อมดเมอร์ลิน ฉันได้ยินมาว่าก่อนที่คุณมาจะถึงเมืองปรากาช คุณมาจากอาณาจักรแห่งแสง ฉันสงสัยว่าคุณรู้เรื่องโบสถ์แห่งแสงมากแค่ไหน?”
"หื้ม?"
สีหน้าของเมอร์ลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาคิดถึงศักยภาพขององค์ชายแปด มันเป็นเรื่องง่ายที่ตรวจสอบภูมิหลังของเขา ท้ายที่สุด ผู้คนจำนวนมากในเมืองปรากาชรู้ว่าตระกูลวิลสันและเมอร์ลินอพยพมาจากอาณาจักรแห่งแสง
เมอร์ลินตอบช้า ๆ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง “กระหม่อมไม่ค่อยรู้เรื่องโบสถ์แห่งแสงมากนัก หลังจากที่มาที่อาณาจักรแบล็คมูนแล้ว กระหม่อมได้ยินมาว่าโบสถ์แห่งแสงได้ควบคุมอาณาจักรแห่งแสงทั้งหมด รวมถึงกับพยายามกวาดล้างราชวงศ์แห่งแสงให้สิ้นซาก พวกเขาได้ผนวกอาณาจักรเล็ก ๆ หลาย ๆ แห่งอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างจักรวรรดิแสงศักดิ์สิทธิ์”
องค์ชายแปดพยักหน้าและค่อย ๆ ลดแก้วของพระองค์ลง พระพักตร์ของพระองค์ค่อย ๆ สงบลง พระองค์ตรัสว่า “ใช่แล้ว ตอนนี้โบสถ์แห่งแสงได้เข้ามาแทนที่ราชวงศ์แห่งแสงแล้วและเข้าควบคุมอาณาจักรก่อตั้งเป็นจักรวรรดิแสงศักดิ์สิทธิ์!”
“จักรวรรดิแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมาสองสามปีแล้ว แต่ไม่นานมานี้พวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวโดยส่งทหารสองแสนนายไปที่ชายแดน นอกจากนี้พวกเขายังคงเพิ่มจำนวนของกองกำลัง พ่อมดจากโบสถ์แห่งแสงก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน ฉันเกรงว่าในไม่ช้าจักรวรรดิแสงศักดิ์สิทธิ์จะเปิดสงครามครูเสดขึ้นอีกครั้ง!”
“ครูเสด!”
ใจของเมอร์ลินสั่นเล็กน้อย เมื่อกล่าวถึงสงครามครูเสด สงครามโรงเชือดต้องเกิดขึ้น ดูเหมือนจะเป็นสงครามที่โหดร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทหารธรรมดาและนักเวทย์จำนวนนับไม่ถ้วนเคยรับใช้ในสงครามโรงเชือด มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รอดชีวิต
ในสงครามเช่นนี้ แม้แต่นักเวทย์ระดับเจ็ดก็ต้องสิ้นท่าในเวลาไม่กี่นาที!
ก่อนหน้านี้ เมื่อเมอร์ลินกลับมายังปราสาทวิลสัน เขาเคยได้ยินเชอรีสพูดถึงเหตุการณ์นี้ จักรวรรดิแสงศักดิ์สิทธิ์และอาณาจักรแบล็คมูนได้เพิ่มกองกำลังของพวกเขาตามแนวชายแดน ทั้งสองฝ่ายดูเหมือนจะพร้อมที่จะทำสงครามเต็มรูปแบบและสถานการณ์ตึงเครียดอย่างยิ่ง
เมอร์ลินยังคงรู้สึกไม่สะทกสะท้านกับเรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อข่าวออกมาจากพระโอษฐ์ขององค์ชายแปดแบบนี้ มันก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จักรวรรดิแสงศักดิ์สิทธิ์อาจก่อสงครามครูเสดที่ป่าเถื่อนจริง ๆ
แม้ว่าข่าวคราวของสงครามครูเสดจะทำให้ใจของเมอร์ลินค่อนข้างสั่นคลอนแต่เขาก็ฟื้นความสงบได้อย่างรวดเร็ว เขากลับมามององค์ชายแปดด้วยความสงสัย เขากลัวว่าองค์ชายแปดไม่เพียงแต่บอกเขาเกี่ยวกับสงครามครูเสดเพียงเพราะว่าเขาเคยอยู่ในอาณาจักรแห่งแสงมาก่อน
จากนั้น องค์ชายแปดทรงตรัสต่อ “สงครามครูเสดอาจโหดร้ายแต่ก็เป็นโอกาสดีที่ราชวงศ์จะขยายอำนาจของเราอย่างปฏิเสธไม่ได้ หากมีสงครามครูเสดจริง ๆ เมืองทั้งหมดจะต้องเข้าร่วมในสงคราม ฉันจะทูลขององค์ราชาให้ฉันบัญชากองทหารของเราที่แนวหน้า!”
เมอร์ลินเข้าใจในทันทีว่าจุดประสงค์ขององค์ชายแปดหมายคืออะไร เขาตั้งใจจะใช้สงครามครูเสดเป็นโอกาสในการลดอำนาจของเมืองต่าง ๆ และเสริมสร้างการปกครองของราชวงศ์
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำให้อ่อนแอลงได้แต่องค์ชายแปดก็สามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อขยายอำนาจของพระองค์ เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องเผชิญกับการแข่งขันจากองค์ชายเก้าและองค์ชายสิบสาม เขาจะมีความได้เปรียบมากกว่า
นอกจากองค์ชายสี่แล้ว ยังมีองค์ชายเก้าและองค์ชายสิบสาม ซึ่งยังคงเฝ้ามองดูบัลลังก์ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าจากนอกเมืองอิมพีเรียล ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่องค์ชายแปดควรเตรียมการที่จำเป็นก่อนหน้านี้
“พ่อมดเมอร์ลิน ถ้าเกิดสงครามครูเสดจริง ๆ ฉันหวังว่าพ่อมดเมอร์ลินจะช่วยฉันได้ ฉันยังสามารถเติมเต็มความปรารถนาของพ่อมดเมอร์ลินได้ หลังจากพิชิตเมืองแบล็ควอเตอร์ ฉันจะมอบมันให้แก่พ่อมดเมอร์ลิน!”
จุดประสงค์ขององค์ชายแปดคือการรักษาความปลอดภัยของกองพันของเขา ท้ายที่สุด ความแข็งแกร่งของเมอร์ลินก็เปรียบได้กับนักเวทย์ระดับหก ยิ่งกว่านั้น เขามีพ่อมดแบมมูเป็นผู้ช่วยของเขา พวกเขาทั้งคู่อาจไม่มีความสำคัญเท่ากับพ่อมดลีโอแต่ก็มีความสำคัญที่ใกล้เคียงกัน
ในพระทัยขององค์ชายแปด ตอนนี้เมอร์ลินเป็นคนที่คู่ควรที่สุดที่จะถูกคัดเลือกนอกเหนือจากพ่อมดลีโอ
“เมืองแบล็ควอเตอร์?”
กัตต์ คุณคาริซ และคนอื่น ๆ รวมถึงการเฝ้าคิดถึงบ้านเกิดของเชอรีส สิ่งเหล่านี้แวบเข้ามาในความคิดของเมอร์ลิน เชอรีสต้องการกลับไปที่อาณาจักรแห่งแสงเสมอแต่เธอไม่มีโอกาสนั้น
หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน เมอร์ลินก็ตอบอย่างระมัดระวังว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมยินดีอย่างยิ่งที่จะช่วยฝ่าบาท แต่ในอนาคตกระหม่อมต้องกลับไปที่ดินแดนมนต์ดำ ดังนั้นกระหม่อมไม่รู้ว่ากระหม่อมจะมีโอกาสเช่นนั้นหรือไม่…”
องค์ชายแปดสามารถเข้าใจท่าทีที่ของ ‘การปฏิเสธอย่างสุภาพ’ ของเมอร์ลิน องค์ชายแปดเผยความผิดหวังออกมา แต่พระองค์ยังคงตอบสนองด้วยความกระตือรือร้นอย่างมาก “ไม่เป็นไร พ่อมดเมอร์ลิน ฉันยินดีต้อนรับคุณกลับมาทุกเมื่อ!”
เมอร์ลินโค้งคำนับเล็กน้อย หลังจากทูลขอออกไปแล้วเขาก็หันหลังออกจากห้องนั่งเล่น
…
“สงครามครูเสด เมืองแบล็ควอเตอร์ อาณาจักรแห่งแสง…”
เมอร์ลินกลับไปที่ห้องอันเงียบสงบ เขายังคงพึมพำภายใต้ลมหายใจของเขา จิตใจของเขายังคงคิดทบทวนเรื่องเกี่ยวกับสงครามครูเสดที่องค์ชายแปดตรัสถึง
มันเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งแสง เมอร์ลินไม่มีความรู้สึกหวนคิดถึงเลย เขาแค่อยากจะกลับไปที่เมืองแบล็ควอเตอร์ ในตอนแรก คำแนะนำขององค์ชายแปดทำให้เมอร์ลินสั่นคลอนเล็กน้อย เพราะเขาเสนอให้เมืองแบล็ควอเตอร์แก่เขา
เมื่อเมอร์ลินออกจากเมืองแบล็ควอเตอร์ เขาบอกว่าเขาจะกลับไปที่เมืองแบล็ควอเตอร์อย่างแน่นอน ตอนนี้มีโอกาสเช่นนั้นแล้ว เมอร์ลินต้องคิดให้รอบคอบ
อย่างไรก็ตาม สงครามครูเสดนั้นอันตรายเกินไปสำหรับเมอร์ลินในตอนนี้!
“ฉันยังไม่มีพลังเพียงพอ ในสงครามครูเสด แม้แต่นักเวทย์ระดับเจ็ดยังถูกฆ่าอย่างง่ายดาย ตัวฉันที่อยู่ระดับเจ็ดก็คงไม่ต้องพูดถึง…ถ้าฉันต้องการไปจริง ๆ อย่างน้อย ๆ ฉันก็ควรมีความแข็งแกร่งของนักเวทย์ระดับเจ็ด!”
เมอร์ลินรู้ซึ้งถึงความโหดร้ายของสงครามครูเสด ย้อนกลับไปในตอนนั้น เลห์แมนเคยประสบพบเจอกับสงครามครูเสดมาแล้วและเขาก็รอดชีวิตจากสงครามโรงเชือดที่โหดร้ายที่สุดมาได้
ในสงครามโรงเชือดอันน่าสยดสยอง นักเวทย์ที่อยู่ต่ำกว่าระดับเจ็ดก็ไม่ต่างจากทหารเดนตาย
ตอนนี้เมอร์ลินเป็นเพียงนักเวทย์ระดับสาม แม้ว่าเขาจะได้รับการเสริมพลังจากพลังปีศาจแพนโดร่าแต่เขาก็ยังไม่สามารถเทียบเท่านักเวทย์ระดับเจ็ดได้ อย่างมากที่สุด เขามีความแข็งแกร่งของนักเวทย์ระดับหกสูงสุดเท่านั้น
การเข้าร่วมในสงครามครูเสดด้วยพลังดังกล่าวจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งและชะตากรรมของเขาน่าจะมุ่งสู่หนทางที่เลวร้ายมากกว่าที่จะเป็นผลดี ดังนั้น แม้ว่าเขาต้องการกลับไปที่เมืองแบล็กวอเตอร์ แต่เขาก็ไม่ต้องการเขาตัวเองไปเสี่ยงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปฏิเสธคำเชิญขององค์ชายแปดไป
“ดูเหมือนว่ามันจะดีกว่าถ้าฉันเพิ่มพลังจิตของฉันโดยเร็วที่สุดและพยายามไปถึงขั้นที่ฉันสามารถสร้างคาถาระดับสี่ได้เร็วกว่านี้!”
ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเมอร์ลินมาถึงคอขวดแล้ว นอกเหนือจากการเป็นนักเวทย์ระดับสี่แล้ว เป็นเรื่องยากที่จะปรับปรุงเพิ่มเติมโดยพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม การสร้างคาถาระดับสี่นั้นต้องการพลังจิตที่ยิ่งใหญ่กว่ามาก พลังจิตปัจจุบันของเขายังห่างไกลจากความเพียงพอ
น้ำยาโมคราถูกใช้ไปหมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาทำได้ปรุงยาเพิ่มก่อน โชคดีที่เมอร์ลินได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากองค์ชายแปดและได้รับวัสดุปรุงยานับพันชุด
ด้วยวัสดุปรุงยาที่เพียงพอ สิ่งเดียวที่เมอร์ลินขาดตอนนี้คือเวลาที่เหมาะสม
ดังนั้น ตอนนี้เมอร์ลินจึงเริ่มปรุงน้ำยาโมครา
…
ครึ่งเดือนต่อมา เมอร์ลินได้ปรุงน้ำยาโมคราแล้ว ในช่วงเวลานี้ เขาได้อุทิศเวลาอย่างเต็มที่ในการปรุงยาและไม่สนใจเรื่องภายนอก
“นายท่าน พ่อมดลีโอต้องการพบท่าน ดูเหมือนว่ามีเรื่องด่วนมาก” อยู่ ๆ ก็มีเสียงของพ่อมดแบมมูจากนอกห้อง
เมอร์ลินขมวดคิ้ว เมื่อเขาตั้งใจจะปรุงยา สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการคือถูกรบกวน เพราะเมื่อเขาถูกรบกวน เขาอาจจะหลุดจากการควบคุมความร้อนของน้ำยาได้อย่างแม่นยำซึ่งจะนำไปสู่ความล้มเหลวของการปรุงยา
ณ ตอนนี้ เมอร์ลินกำลังปรุงน้ำยาโมคราแต่เขาถูกพ่อมดแบมมูขัดจังหวะ ยาที่กำลังจะปรุงสำเร็จได้ล้มเหลวทันที ดังนั้นจึงมีความโกรธอยู่ลึก ๆ ในใจเขา
*เอี๊ยด…*
เมอร์ลินผลักประตูอย่างดุดัน จ้องไปที่พ่อมดแบมมูอย่างเย็นชา เขาถอนหายใจ “เกิดอะไรขึ้น? ฉันจำได้ว่าอาจารย์ลีโอกำลังนั่งสมาธิอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
ด้วยความรู้สึกโกรธภายใต้น้ำเสียงของเมอร์ลิน แบมมูไม่กล้าที่จะพูดต่อ “พ่อมดลีโอดูเหมือนจะได้รับข่าวบางอย่างจากดินแดนมนต์ดำ ดังนั้นเขาจึงขอให้ข้ามาบอกนายท่าน”
“ข่าวจากดินแดนมนต์ดำ?”
เมอร์ลินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ความโกรธในหัวใจของเขาลดลงอย่างมากเช่นกัน เนื่องจากดินแดนมนต์ดำส่งข้อความมาถึงพ่อมดลีโอ บางทีอาจมีเหตุฉุกเฉินขึ้นจริง ๆ
ดังนั้น เมอร์ลินจึงไม่สนใจเรื่องการปรุงยาอีกต่อไป เขารีบวิ่งไปที่ห้องที่พ่อมดลีโอพักอยู่