ตอนที่แล้วSign in Buddha's palm 361 ใต้ร่มเงาภูเขาศักดิ์สิทธิ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปประกาศ

Sign in Buddha's palm 362 เดินทางมาถึง (ฟรี)


กำลังโหลดไฟล์

Sign in Buddha's palm 362 เดินทางมาถึง (ฟรี)

ภูเขาศักดิ์สิทธิ์

มันคือแก่นกลางของอาณาจักรเก้าดาบ เมื่อห้าหมื่นปีก่อน ตอนที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบ'จิ่วหลี'ได้เปิดโลกอาณาจักรเก้าดาบขึ้นมา ครั้งหนึ่งเขาเคยปิดด่านฝึกตนอยู่บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์นานหลายร้อยปี จากนั้นจึงล่องลอยออกไปภายนอก ไม่มีใครพบเห็นเขาอีกเลย

หลังจากการหายตัวไปของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบ กลุ่มบรรพชนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบก็ได้เข้ายึดครองพื้นที่รอบนอกของภูเขาศักดิ์สิทธิ์และก่อตั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบขึ้นมา ซึ่งรู้จักกันในนามมรดกของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด เข้ากวาดล้างทั่วทั้งอาณาจักรเก้าดาบทั้งหมดเป็นเวลากว่าห้าหมื่นปี

ในเวลาที่นานเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีใครคิดที่จะต่อต้านการปกครองของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบ แต่พวกเขาทั้งหมดล้มเหลว แม้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบจะเชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบเพียงไม่กี่อย่าง แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนบนโลกอาณาจักรเก้าดาบจะสามารถต้านทานได้

“ผู้อาวุโส ท่านกำลังจะไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ?”

เมื่อฉุนหยางสื่อที่อยู่ด้านข้างได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ในสายตาของฉุนหยางสื่อนั้นซูฉินแข็งแกร่งมาก เพียงขยับกาย ศิษย์ทั้งสองคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบก็สลายกลายเป็นความว่างเปล่า แต่หากซูฉินดูแคลนดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบและภูเขาศักดิ์สิทธิ์ด้วยเหตุนี้ นับว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

ภูเขาศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งใด?

นั่นคือสถานที่ที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบใช้ปิดด่านฝึกตนเมื่อครั้งกระโน้น ไม่ต้องกล่าวถึงเคล็ดวิชามากมายที่หลงเหลืออยู่ในส่วนลึกของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ด้วยพลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบเพียงอย่างเดียว แม้จะเป็นกลุ่มเซียนเทพปฐพีขั้นกลับคืนต้นกำเนิดรวมพลังกัน คาดว่าคงทำอะไรไม่ได้

“ในโลกอาณาจักรเก้าดาบแห่งนี้ มีเพียงดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบเท่านั้นที่ทำให้ข้าสนใจได้”

ดวงตาของซูฉินนิ่งสงบ เขามองไปยังทิศทางหนึ่งพร้อมกับกล่าวออกมาเบาๆ

ด้วยความช่วยเหลือของวิหารการสงคราม ซูฉินได้ผ่านช่องทางมิติจนมาถึงอาณาจักรเก้าดาบ จุดประสงค์ที่สำคัญก็คือมาลงชื่อเข้าใช้ที่นี่

โลกแห่งอาณาจักรเก้าดาบดำรงอยู่มาอย่างน้อยก็นับหมื่นปี แม้ว่าจะไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์ แต่ก็ได้สะสม'เต๋า'มาอย่างยาวนาน ไม่รู้ว่ามากยิ่งกว่าพระราชวังภายในเมืองฉางอันไปมากแค่ไหน ตามที่ซูฉินคาดเดา เกรงว่าจะมีสถานที่เพียงไม่กี่แห่ง อาทิ ประตูเซียนเท่านั้นที่สามารถเทียบกับที่นี่ได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอาณาจักรเก้าดาบจะสร้างขึ้นโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น แต่ก็กว้างใหญ่ไพศาลอย่างยิ่ง เทียบได้กับอาณาจักรถังนับสิบแห่งหรืออาจจะถึงร้อยเท่า...... ซูฉินกำลังมองหาสถานที่ลงชื่อเข้าใช้ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือน ไม่ก็เป็นปี

ดังนั้นซูฉินจึงขี้เกียจเกินกว่าจะตามหา วางแผนว่าจะไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์โดยตรง

ด้วยสถานที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ จะต้องรวบรวม'เต๋าสะสม'ส่วนใหญ่บนโลกของอาณาจักรเก้าดาบเอาไว้ หากลงชื่อเข้าใช้ที่นั่นจะต้องได้รับอะไรกลับไปไม่น้อยเป็นแน่

ส่วนสถานที่อื่นๆ ภายในอาณาจักรเก้าดาบ......หลังจากที่ซูฉินมีเวลามากเพียงพอ เขาค่อยตามหามันทีละแห่ง อย่างไรเสียช่องทางมิติระหว่างอาณาจักรเก้าดาบและโลกมนุษย์ก็ก่อตัวขึ้นมาแล้ว อย่างน้อยในยุคที่กระแสปราณฉีฟื้นคืนนี้ ซูฉินก็มีเวลามากมายที่จะใช้ค้นหาและเก็บเกี่ยวภายในโลกแห่งอาณาจักรเก้าดาบ

“ผู้อาวุโส ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ดินแดนที่ไม่มีเจ้าของ......” ฉุนหยางสื่อลังเล เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของซูฉิน แต่เมื่อซูฉินตกตายอยู่บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เขาซึ่งเป็น'คนนำทาง'......จุดจบคงไม่ได้ดีอย่างแน่นอน และจะต้องถูกคิดบัญชีโดยดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบทันที

“ไม่เป็นไร”

“ข้ารู้อยู่แก่ใจดี”

ซูฉินกล่าวเบาๆ

อาณาจักรเก้าดาบไม่ได้ยอดเยี่ยมไปกว่าประตูเซียน ประตูเซียนเปิดออกโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุดหลายคน ทั้งยังมีดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นมรดกตกทอดของคนเหล่านั้น ด้วยอิทธิพลของกลุ่มผู้ทรงพลังถึงขีดสุด ไม่เพียงแต่จะให้กำเนิดเซียนเทพปฐพีขั้นสถิตเทพเท่านั้น ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดยังกระจายสายเลือดของพวกเขาก่อนที่จะตายไปด้วย เกิดเป็นทายาททางสายเลือดที่อยู่ยงคงกระพันในดินแดนศักดิ์สิทธิ์'หลายต่อหลายคน'

แต่อาณาจักรเก้าดาบนั้นไม่เหมือนกัน

ในช่วงเวลาที่อาณาจักรเก้าดาบของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด'จิ่วหลี'เปิดออก ไม่ได้ใช้วิธีพิเศษใดๆ ในการดึงวิถีกฎเกณฑ์เข้าไป และแม้ว่าผู้ทรงพลังถึงขีดสุด'จิ่วหลี'จะดึงเศษเสี้ยวกฎเกณฑ์แห่งวิถีเข้ามาก็ตาม คาดว่ามันคงจะหายไปหลังจากผ่านไปกว่าห้าหมื่นปีแล้ว โลกใบเล็กภายในประตูเซียนหลังจากผ่านไปหมื่นปี วิถีกฎเกณฑ์ต่างๆ ก็เกือบจะหายไปหมดแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงเวลาห้าหมื่นปีบนโลกอาณาจักรเก้าดาบเลยไม่ใช่หรือ?

และด้วยข้อสันนิษฐานว่ามันไม่สามารถทำความเข้าใจกฎเกณฑ์แห่งวิถีบนโลกนี้ได้ การบ่มเพาะของเซียนเทพปฐพีนั้น อย่างมากที่สุดก็จะหยุดอยู่ที่ขั้นกลับคืนต้นกำเนิด

กล่าวคือ คนบนโลกอาณาจักรเก้าดาบในปัจจุบันนั้น ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพียงเซียนเทพปฐพีขั้นกลับคืนต้นกำเนิด ซึ่งสิ่งนี้ก็ตรงกับความเข้าใจที่ซูฉินได้รับมาจากดวงตาแห่งสัจจะยามเมื่อมองดูอาณาจักรเก้าดาบ

ในกรณีที่ไม่มีขอบเขตเซียนเทพปฐพีในขั้นสถิตเทพ ซูฉินย่อมไม่เกรงกลัวเป็นธรรมดา ด้วยไพ่ลับมากมายในมือ รวมถึงเคล็ดวิชาต่างๆ แม้จะได้เจอกับเซียนเทพปฐพีขั้นสถิตเทพก็ยังสามารถต้านรับไว้ได้ครู่หนึ่ง นับประสาอะไรกับอาณาจักรเก้าดาบที่ไม่มีแม้แต่ขั้นสถิตเทพ?

แน่นอน แม้ว่าซูฉินจะมั่นใจ แต่เขาก็ไม่ได้ละเลยโลกอาณาจักรเก้าดาบ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นโลกที่เปิดออกโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบ หากอีกฝ่ายทิ้งอะไรไว้เบื้องหลัง ซูฉินจะต้องทุกข์ทรมานเป็นแน่

อย่างไรก็ตามซูฉินก็มั่นใจชัดเจน ไม่ว่าผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ตราบใดที่มันไม่เกินขอบเขตทลายนภากาศและด้วยเวลาที่ผ่านพ้นมากว่าห้าหมื่นปี ถึงจะมีกระบวนท่าสังหารใดหลงเหลืออยู่ เกรงว่าแม้พลังที่เหลือของมันอาจจะคุกคามซูฉินได้ แต่ก็ไม่ได้อันตรายถึงแก่ชีวิต

“ไปเถอะ”

ซูฉินเหลือบมองฉุนหยางสื่อ แล้วจึงมุ่งตรงไปในทิศทางหนึ่ง

ความรู้สึกที่ถูกแอบมองอย่างกะทันหันทำให้ซูฉินจับตำแหน่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบได้โดยตรง

“ขอรับ”

เมื่อเห็นดังนี้ ฉุนหยางสื่อก็กัดฟันติดตามไปในทันที

ในตอนนี้ฉุนหยางสื่อไม่มีทางเลือกอื่น หลังจากเห็นความสามารถของซูฉินเขาก็ไม่มีความคิดที่จะหลบหนีแต่ประการใด ช่างน่าขำนัก ไอพลังที่ซูฉินแสดงออกมาเมื่อครู่นั้นให้ความรู้สึกเหมือนมองข้ามทุกสรรพสิ่งบนโลกได้เลย ในสายตาของฉุนหยางสื่อ เกรงว่าจะมีเพียงเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบและเหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเท่านั้นที่พอจะเปรียบเทียบได้

การหลบหนีจากตัวตนระดับนี้......ก็เป็นเพียงแค่การมองหาความตายเท่านั้น

สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ฉุนหยางสื่อไม่ต้องคิดอะไรมากอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าซูฉินจะถูกปราบปรามโดยดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบ และจากนั้นเขาก็จะถูกคิดบัญชีโดยดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และตอนนี้......สิ่งที่ฉุนหยางสื่อจำเป็นจะต้องทำให้ได้คือการไม่ทำให้ซูฉินขุ่นเคือง

“ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบช่างน่าทึ่งเสียจริง......”

ซูฉินรับสัมผัสอย่างพินิจพิเคราะห์ มีความประหลาดใจฉายอยู่บนใบหน้าเขาเล็กน้อย

ในการรับรู้ของซูฉิน อาณาจักรเก้าดาบทั้งหมดได้เผยเจตจำนงแห่งดาบออกมาอย่างแผ่วเบา แม้ว่าเจตจำนงนี้จะเบาบางมาก แต่ผ่านไปนานถึงห้าหมื่นปีก็ยังไม่จางหาย ฟุ้งกระจายอยู่ทั่วทุกอณูในอากาศ

ซูฉินรู้อยู่ภายในใจว่านี่คือกลิ่นอายที่เหลืออยู่ของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบ เมื่อยามที่เขาเปิดโลกอาณาจักรเก้าดาบ ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบก็ได้ใช้พลังวิถีแห่งดาบเพียงอย่างเดียวทำลายความว่างเปล่าจนเปิดออก กลิ่นอายนั้นยังคงอยู่เรื่อยมาจวบจนเวลาผ่านมาห้าหมื่นปี

ในบางแง่มุม ซูฉินที่ได้เฝ้าดูโลกอาณาจักรเก้าดาบก็เหมือนกับได้พบประสบการณ์ใหม่บนเส้นทางของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบเมื่อห้าหมื่นปีก่อน

หากเป็นเซียนเทพปฐพีคนอื่นๆ โดยเฉพาะเซียนเทพปฐพีที่บ่มเพาะในวิถีแห่งดาบ พวกเขาจะพบว่ามันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดาย เส้นทางที่ซูฉินเดินไม่ใช่วิถีแห่งดาบ อาณาจักรเก้าดาบที่เปิดออกโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบนี้ก็ทำให้เขารู้สึกประทับใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ผู้อาวุโส”

“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่เบื้องหน้า”

เมื่อซูฉินกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งการรู้แจ้ง เสียงของฉุนหยางสื่อก็ดังขึ้นด้วยความระมัดระวัง

“ถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือ?”

ซูฉินระงับความคิดของตน เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองดูภูเขาศักดิ์สิทธิ์อันงดงามจากระยะไกล มันยืนยงมาถึงห้าหมื่นปี ภูเขาทั้งลูกเหมือนกับเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด