ตอนที่48 เจ้าจิ้งจอกน้อย
ตอนที่48 เจ้าจิ้งจอกน้อย
“ตายซะ”
กลุ่มชายชุดคลุมดำตั้งขบวนค่ายกลเผด็จศึกในทันใด เข้าล้อมวงหลี่หวงเป็นวงกลม หันเหคมกระบี่เตรียมเสียบขั้วหัวใจของนางให้ตายภายในหนึ่งกระบวน
หลี่หวงร่ายกระบี่เทพฤทัยเข้าต้านทานรับกระบวนอย่างยากลำบาก หลากหลายส่วนทั่วร่างคล้อยปรากฏบาดแผล
“พร๊วดด!”
ฝ่ามือหนึ่งปราดพุ่งสวนเข้ามาในจุดบอด อัดกระแทกเข้ากลางหลังของหลี่หวง ชั่วขณะใจสั่นระรัว จิตกระตุก กระอักเลือดสดพ่นออกมาคำโต!
“นายท่าน!”
เมื่อเหลียวกลับมามองฮั่วหยางกลับพบว่า เจ้านายของมันกำลังตกอยู่ในอันตราย เสี้ยวพริบตามันกรีดร้องลั่นและเปลี่ยนกลับเป็นร่างดังเดิมในทันใด
คู่ปีกวิหคเพลิงสยายกว้าง ระดมเพลิงบัวโลหิตเข้าแผดผลาญร่างของชายชุดคลุมดำที่ทำร้ายหลี่หวงจากข้างหลังจากมอดไหม้ไม่เหลือแม้เพียงเถ้าถ่าน!
ฮั่วหยางรีบตีปีกทะยานเหินฟ้า พาเจ้านายของมันหนีตายออกจากโรงเตี๊ยมโดยเร็วที่สุด
เนื่องจากร่างดั่งเดิมของวิหคเพลิงโดยทั่วไปมีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นทั่วทั้งน่านฟ้าเหนือเมืองราชาภูต จึงถูกเพลิงสยายของฮั่วหยางบดบังเป็นสายเงาหนึ่ง
“ดูนั่นเร็ว! มันคืออะไรกัน!?”
“ช่างเป็นวิหคยักษ์ที่งดงามโดยแท้!”
“เจ้าคนโง่งม...เพลิงผลาญเช่นนั้นมันวิหคเพลิง!”
“สวรรค์! ชั่วชีวิตนี้ข้าได้เห็นวิหคเพลิงตัวจริงเป็นบุญตาแล้ว! ช่างสุดยอดอะไรปานนี้!”
“ช่างงดงามเกินบรรยายโดยแท้ อยากรู้เสียจริงว่า มันจะยอมรับคนอย่างข้าเป็นเจ้านายหรือไม่!”
“กล่าวกันว่าวิหคเพลิงเป็นหนึ่งในสี่สัตว์เทพ แม้แต่สวรรค์ยังไม่ยอมก้มหัวให้ แล้วนับประสาอะไรกับเจ้า!”
เสียงกรีดร้องของวิหคเพลิงดังกึกก้องไปทั่วเมืองราชาภูต มีเป้าหมายบินหนีไปยังทิศทางหนึ่ง พอสบโอกาสก็รีบตีปีกทะยานหนีออกไปนอกเมืองทันที!
จวิ๋นหลี่จิวกับจวิ๋นอี้ที่กำลังเดินเตร่อยู่ในเมือง พอเงยหน้าขึ้นเห็นวิหคเพลิงยักษ์ ทั้งสองต่างถอดสีหน้าโดยพลัน...
“น้องหลี่หวง!”
“พี่หลี่หวง!”
จวิ๋นอี้เองก็จดจำสุ้มเสียงนั้นได้เช่นกัน เขาเคยได้ยินเสียงนี้ตอนที่ฮั่วหยางดูแลเฝ้าอาการตน!
จวิ๋นหลี่จิวรีบอุ้มจวิ๋นอี้และเหินห้าวพุ่งทะยานมุ่งหน้าไปที่โรงเตี๊ยม
เกิดบ้าอะไรขึ้นกัน? สิ่งใดกันที่บีบบังคับให้ฮั่วหยางต้องกลับร่างเดิม?
“นายท่าน! อดทนไว้ก่อน!”
ฮั่วหยางที่กำลังตีปีกทะยานหนีหันกลับมาดู ก็พบว่าหลี่หวงได้รับบาดเจ็บสาหัส ยามนี้ใกล้หมดสติเต็มทีแล้ว!
“ข้า...ไม่เป็นไร”
หลี่หวงเอ่ยกล่าวน้ำเสียงอ่อนแรง
คล้อยหลังบินหนีได้สักพัก ฮั่วหยางก็พบหุบเขาลูกหนึ่งและเร่งตรงเข้าไปในส่วนลึกโดยทันที
มันใช้เวลาค้นหาอยู่สักพัก ก่อนจะได้พบเจอกับถ้ำหินตั้งอยู่ในสถานที่เร้นซ่อนในส่วนลึกสุดของหุบเขา มันรีบวางร่างของหลี่หวงลงในถ้ำ
เนื่องด้วยสัญชาตญาณดิบของสัตว์อสูร พวกมันเชื่อว่าธรรมชาติคือบ้านที่ปลอดภัยที่สุด ดังนั้นพอเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเช่นนี้ ฮั่วหยางจึงรีบพาหลี่หวงมาหลบภัยที่นี่
ฮั่วหยางแปลงกายกลับเป็นร่างมนุษย์ ตรงเข้ามากุมมือหลี่หวงทั้งน้ำตาคลอ
“ข้ามันไร้ประโยชน์ ข้าไม่เคยปกป้องนายท่านได้เลย...”
“อย่าขี้แยสิ...ข้าไม่เป็นไร... ขอพักผ่อนสักหน่อยคงพอแล้ว”
หลี่หวงเอ่ยปลอบใจอีกฝ่าย ระหว่างทางที่ฮั่วหยางพามานางตบโอสถฟื้นฟูเข้าไปหนึ่งเม็ดแล้ว แต่อย่างไรอาการบาดเจ็บทั่วร่างกลับไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ภายในเร็ววัน โดยเฉพาะกับอวัยวะภายในที่พลาดท่าโดนฝ่ามือตบเข้ากลางหลัง ในส่วนนั้นค่อนข้างสาหัสมาก!
“นายท่าน...ท่านต้องรีบหายโดยเร็ว!”
ฮั่วหยางยกมือขึ้นปาดน้ำตา
“ไม่ต้องร้อง”
หลี่หวงยื่นยิ้มเรียวยาวขึ้นมาเช็ดหางตาของฮั่วหยางด้วยความอ่อนแรง
“ข้าขอนอนพักสักหน่อย”
“ที่แห่งนี้ค่อนข้างลับสายตา คงไม่มีใครหาเจอได้โดยง่าย เจ้ารีบกลับเข้าในห้วงมิติสัตว์อสูรได้แล้ว”
“ข้าไม่กลับ! ข้าจะอยู่ปกป้องนายท่าน!”
ฮั่วหยางกล่าวปัดอย่างดื้อรั้น
“เจ้าหนู ข้าทราบว่าเจ้าเองก็บาดเจ็บไม่น้อย กลับไปรักษาตัวให้ดีก่อน แล้วค่อยกลับออกมาปกป้องทีหลัง”
“ข้า...”
“จงเชื่อฟัง!”
“ก็...ก็ได้”
ฮั่วหยางบุ้ยปากไปทีหนึ่งก่อนจะกลับเข้าไปในห้วงมิติสัตว์อสูรอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก
‘หากเกิดอะไรขึ้น ให้รีบเรียกข้าเลย!’
ฮั่วหยางยังคงไม่ลืมเลือนที่จะเอ่ยเตือน
“เข้าใจแล้ว”
หลี่หวงพยักหน้าตอบกลับไป
นางสังเกตเห็นในระหว่างศึกสัประยุทธ์เมื่อครู่เช่นกันว่า ฮั่วหยางเองก็แทบจะไม่สามารถต่อกรกับกลุ่มชายชุดคลุมดำได้เลย และอาการบาดเจ็บของมันเองก็ใช่ว่าจะดีไปกว่านางเท่าไหร่
นี่ทำให้หลี่หวงย้อนนึกถึงคำกล่าวของเหยาอวี้ก่อนหน้าได้ว่า ฮั่วหยางเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อน มิฉะนั้นเป็นถึงชนชั้นสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ จะไม่สามารถกำจัดมนุษย์เพียงไม่กี่คนได้อย่างไร?
หลังจากนั้นไม่นานหลี่หวงก็หมดสติหลับไป...
ไม่นาน...ภายในถ้ำแห่งนี้จู่ๆ ก็มีจิ้งจอกตัวน้อยใบหน้าโง่งมตัวหนึ่งปรากฏขึ้นมา
จิ้งจอกตัวน้อยมีขนาดเท่าฝ่ามือคน แต่จะเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ ประเด็นหลักคือมันตัวนี้น่ารักมาก!
ทั้งตัวขาวโพลน และมีขนปุกปุยที่สุดแสนจะนุ่มนิ่ม
หากพินิจสังเกตมันให้ดี จะสามารถพบได้ว่า ปลายขนปุกปุยแต่ละเส้นคล้ายว่าจะเปล่งแสงสีฟ้าประดุจเหมันต์ออกมา!
“หื้ม?”
“มนุษย์รึ?”
“มนุษย์คนนี้กำลังบาดเจ็บสาหัส?”
จิ้งจอกน้อยตัวนั้นได้ยกอุ้งเท้าจิ๋วของมันจิ้มไปที่ใบหน้าของหลี่หวงเบาๆ ก่อนจะพบว่ามนุษย์ตรงหน้ามันกลับไร้ซึ่งปาฏิกิริยาใดๆ
“ช่างเป็นมนุษย์เพศเมียที่งดงามจริงๆ ...”
จิ้งจอกตัวน้อยกลอกตาสีฟ้าบริสุทธิ์ไปทีหนึ่ง สะบัดหางอันแสนปุกปุยจำแลงร่างกลายมาเป็นเด็กหนุ่มอายุประมาณสิบสี่ถึงสิบห้าปี ปรากฏตัวขึ้นภายในถ้ำ
“เห็นแก่ความงดงามของเจ้า ข้าจะเมตตารับเจ้าเอาไว้เสียแล้วกัน! แต่จำไว้ว่า หลังจากนี้เจ้าจะต้องตอบแทนข้า!”
เด็กหนุ่มตนนั้นพยุงร่างของหลี่หวงแบกขึ้นทาบบนบ่า และเดินตรงเข้ามายังส่วนลึกของถ้ำ
เมื่อนางตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น หลี่หวงก็พบว่าตนเองกำลังนอนขดอยู่ในรังไหมที่อบอุ่นเหลือเกิน
อืม...จะบอกว่ารังไหมก็หาใช่เรื่องเกินจริง เพราะไม่ว่าจะมองอย่างไรมันก็ไม่ดูคล้ายกับที่นอนหรือเตียงเลย
“เจ้าตื่นแล้วรึ? มนุษย์เพศเมียคนสวย?”
ทันทีที่หลี่หวงลืมตาตื่น เจ้าจิ้งจอกน้อยก็กระโดดขึ้นโหย่งเกาะไหล่ของอีกฝ่าย
ดวงตาสีฟ้าประดุจน้ำแข็งจ้องนัยน์ตาสีม่วงของหลี่หวงเขม็งอยู่แวบหนึ่ง ก่อนพระพริบตาปริบให้อย่างไร้เดียงสา
“เจ้าช่วยข้าไว้รึ?”
หลี่หวงแผดเสียงเบาเอ่ยถาม
“เปล่า ข้าแค่ยอมให้เจ้าค้างแรมในที่ของข้า แต่อย่างไร ไฉนมนุษย์อย่างเจ้าถึงกลับฟื้นตัวได้รวดเร็วปานนี้ หากเทียบกับสัตว์อสูรอย่างเรา ศักยภาพของเจ้าก็มิได้ด้อยกว่าเลย”
น้ำเสียงของจิ้งจอกตัวน้อยเร้นแฝงความเชยชมขึ้นหนึ่งส่วน
“หึหึ”
หลี่หวงส่งยิ้มให้อย่างกระอักกระอ่วน ลอบพินิจตรวจสอบสภาพร่างกายของตนเอง พบว่าอาการบาดเจ็บก่อนหน้าเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่ร่างกายยังบอบช้ำมีอาการปวดอยู่
นี่เป็นผลจากที่พลาดท่าอย่างเลี่ยงไม่ได้ และโอสถฟื้นฟูก็หาใช่ว่าจะดีเลิศไร้ที่ติขนาดนี้ ผืนพิภพแห่งนี้จะมีสิ่งใดสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่างได้เยี่ยงไรกัน?
“ไฉนเจ้าถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?”
เจ้าจิ้งจอกน้อยที่เห็นหลี่หวงพยายามลุกขึ้น มันก็รีบกล่าวห้ามต่อทันทีว่า
“เดี๋ยวก่อน! ข้างนอกมีมนุษย์สวมชุดคลุมดำอยู่เป็นจำนวนมาก พวกมันกำลังค้นทั่วหุบเขา แนะนำให้เจ้าอย่าเพิ่งออกไปข้างนอกเสียดีกว่า”
“ค้นทั่วหุบเขา?!”
หลี่หวงแผดเสียงอุทานขึ้นด้วยความตกใจ กลุ่มชายชุดคลุมดำพวกนั้นยังไม่เลิกตามราวีนางอีกงั้นรึ!
ไฉนพวกนั้นถึงอยากฆ่านางนัก?
ข้าจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยจริงๆ
“ใช่แล้ว แต่วางใจเถิด พอเห็นว่าพวกมนุษย์บุกเข้ามา ข้าก็กางม่านพลังธรรมชาติปกปักถ้ำแห่งนี้ไว้แล้ว หากข้ามิยอมปริปากอนุญาต ก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนเข้ามาได้ทั้งนั้น!”
เจ้าจิ้งจอกน้อยเอ่ยขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ
หลี่หวงหัวเราะขึ้นคำหนึ่ง
“ขอบคุณ”
เจ้าจิ้งจอกน้อยเหลือบไปเห็นรอยยิ้มหวานของหลี่หวง ทันใดนั้นมันก็ก้มหน้ามองลงพื้นทันทีอย่างเขินอาย
“ไม่เป็นไร เห็นแก่ความงดงามของเจ้าเลยคิดช่วยเหลือ แต่ข้ามิได้มีเจตนาอื่นแอบแฝงแน่นอน!”
“เจ้าชื่ออะไรรึ?”
หลี่หวงเอ่ยถาม
“เทียนปิง! ข้าชื่อเทียนปิง! เป็นเด็กผู้ชาย!”
เจ้าจิ้งจอกน้อยเน้นคำว่า เด็กผู้ชาย เป็นพิเศษ
“เทียนปิง ข้าชื่อหลี่หวง จวิ๋นหลี่หวง”
หลี่หวงยิ้มและแนะนำตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง
“หลี่หวง? เป็นชื่อที่ไพเราะยิ่งนัก!”
ไม่ทราบว่าตามสัญชาตญาณหรืออย่างไร ศีรษะจิ๋วปุกปุยของเทียนปิงจู่ๆ ก็เบี่ยงไปถูไถกับต้นแขนของหลี่หวง
ไฉนเรือนร่างของหลี่หวงช่างนุ่มนิ่มสบายไปหมด!
ยิ่งไปกว่านั้นกลิ่นกายยังช่างหอมละมุน!
“…”
หลี่หวงคลี่ยิ้มอ่อน เทียนปิงเป็นจิ้งจอกน้อยที่น่ารักน่าชังเสียเหลือเกิน!
“เจ้าเป็นสัตว์อสูรในหุบเขาแห่งนี้รึ?”
“ใช่”
เจ้าจิ้งจอกน้อยพยักหน้า
“อยู่แต่ในหุบเขา ยังไม่เคยออกไปโลกภายนอกเลย”
“แล้วถ้ำแห่งนี้คงเป็นบ้านของเจ้ากระมัง?”
“อืม! ที่นี่คือบ้านของข้า!”
เจ้าจิ้งจอกน้อยพยักหน้ารัวเร็วเป็นไก่จิกข้าวเปลือก มันเอ่ยถามต่อด้วยความสงสัยว่า
“แต่ไฉนด้านนอกถึงมีผู้คนมากมายที่ต้องการตามล่าตัวเจ้า?”