ตอนที่45 ฮวงจุ้ยผลัดเปลี่ยน
ตอนที่45 ฮวงจุ้ยผลัดเปลี่ยน
น้องสาวของเขาอายุก็แค่เท่านี้ แถมยังเคยโดนวางยาพิษมาตั้งแต่เยาว์วัย ชีวิตก็มืดหม่นมาเกินพอแล้ว
ในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง คงไม่ยอมปล่อยให้ชีวิตของน้องสาวดิ่งสู่ห้วงนรกอีกต่อไป
หลี่หวงไม่เอ่ยตอบอันใดกลับไป เพราะแต่เดิมมือทั้งสองข้างของนางก็ไม่เคยสะอาดอยู่แล้ว
อย่างไรเสีย เพียงมิใช่จวิ๋นหลี่จิวต้องกังวล นางจึงส่ายหัวแฝงเป็นนัยตอบกลับไปแทน และเปลี่ยนคำถามทันทีว่า
“พี่จิว พี่กับฉางเจวี่ย...รู้จักกันอยู่แล้วงั้นรึ?”
หลี่หวงสงสัยเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ในที่สุดก็มีโอกาสได้เอ่ยถามเสียที
ตอนเช้าที่นางตื่นขึ้นมาก็พบทั้งสองนอนเฝ้าอยู่เคียงข้าง แถมเวลาพูดคุยกันยังดูสนิทสนม ไม่ใช่คนที่เพิ่งมารู้จักกันชั่วข้ามคืนแน่
“อืม พวกเราเป็นสหายสนิทกันน่ะ”
จวิ๋นหลี่จิวพยักหน้าตอบและอธิบายต่อว่า
“ยังไงก็ต้องขอบคุณฉางเจวี่ย ข้าถึงได้ทราบว่าที่ผ่านมาเจ้าต้องลำบากเพียงใด พอทราบข่าวก็รีบเดินทางมารับกลับอย่างที่เห็น”
หลี่หวงพยักหน้าสีหน้าเรียบนิ่ง ทว่าภายในใจกลับตื่นตะลึงอย่างมาก
หลิงฉางเจวี่ยกับจวิ๋นหลี่จิวเป็นเพื่อนสนิทกันงั้นรึ!?
นั่นหมายความว่า...พี่จิวจะต้องทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของหลิงฉางเจวี่ยใช่หรือไม่?
นางปริปากคล้ายต้องการจะเอ่ยถาม แต่สุดท้ายก็เงียบไป
ช่างเถอะ ข้ารอให้หมอนั่นมาบอกด้วยตัวเองดีกว่า
อดทนอีกสักหน่อยแล้วกัน
หลี่หวงสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป และฝึกกระบี่กับจวิ๋นหลี่จิวต่อ
ในช่วงบ่าย ฮูหยินรองเพิ่งจะโดนโยนเข้าคุกไม่ทันไร ตอนนี้กลับโดนเนรเทศเดินเตร่ไปทั่วเมืองพร้อมกับหนังสือยืนยันการถูกขับไล่ออกจากตระกูลจวิ๋นในมือ
นางยืนไปอย่างไร้จุดหมายข้างถนนคนเดิน พลางถูกผู้คนโดยรอบชี้นิ้วนินทา
แต่นางไม่ยอมจบเท่านี้แน่นอน! นางยังไม่ยอมแพ้!
ผู้ใดที่กล้าทำร้ายนาง! นางจะต้องเอาคืนเป็นสิบทวีเท่า!
“จวิ๋นหลี่หวง รอก่อนเถอะ!!”
ฮูหยินรองขบกรามแน่น เนื่องด้วยไร้ซึ่งหนทางใดไปต่อ นางจึงเดินเข้าไปในหอม่านพิรุณตามสัญชาตญาณ!
ที่นางถูกขับไล่ออกจากตระกูลทันทีเช่นนี้ เป็นเพราะหลังจากที่จับนางขังคุก จวิ๋นจ้านก็อดที่จะสืบเสาะหาขยายความต่อมิได้ จนท้ายที่สุด...พอรู้ความจริงเขาก็รู้สึกขยะแขยงจนแทบอยากอาเจียน
ปรากฏว่า ฮูหยิงรองเคยเป็นนางโลมอยู่ที่หอม่านพิรุณเมื่อห้าปีก่อน!
และตอนนี้จวิ๋นจ้านก็เพิ่งได้รับรายงานมาสดๆ ร้อนๆ ว่า หลังจากโดนขับไล่ออกจากตระกูล นางก็หมุดหัวกลับไปยังหอม่านพิรุณทันที ผู้หญิงคนนี้ไม่สามารถทนต่อความร่านได้เลยรึอย่างไร? เพิ่งโดนขับไล่ไร้ที่อาศัย ก็คิดจะไปเที่ยวผู้ชายต่อเลย?
“นังนี่มันร่านเสียจริง! ขยะแขยง!”
จวิ๋นจ้านถ่มน้ำลายลงพื้นไปทีหนึ่งและฉีกข้อมูลประวัติทั้งหมดทิ้งทันที
“หลังจากนี้ต่อไป นางกับตระกูลจวิ๋นจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”
จวิ๋นจ้านออกคำสั่งให้บ่าวไพร่ทุกคนนำไปประกาศทั่วเมืองโดยเร็ว
“ส่วนจวิ๋นรั่ว...”
จวิ๋นจ้านเอ่ยพึมพำ เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ที่แน่นอนก็คือ เขาจะไม่มีทางให้จวิ๋นรั่วได้ไปตระกูลสาขาหลักโดยเด็ดขาด
ทำไมให้ขายขี้หน้า?
นับแต่นี้อย่าหวังที่จะได้อะไรจากพ่อคนนี้อีกเลย!
“สมแล้วที่เป็นลูกสาวของนังแพศยา ต่ำทรามไม่ต่างกันเลย! ใครก็ได้มานี่!”
“บ่าวอยู่นี่แล้ว”
ชายรับใช้คนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามารับคำสั่ง
“ปลดตำแหน่งคุณหนูรองและสถานะศักดิ์ทั้งหมด! ให้นางย้ายออกจากเรือพิรุณร่วงโรย ไปอยู่กระท่อมหลังจวน อย่าให้ข้าเห็นหน้านางอีก!”
เห็นนางแล้วมักจะต้องนึกถึงนังแม่ไร้ยางอาย แค่คิดก็น่าโมโหแล้วจริงๆ!
ดังนั้นการขับไล่นางให้ไปอยู่ที่ลับสายตา นับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“บ่าวรับสั่ง!”
ชายรับใช้คนนั้นรีบเร่งถอยออกไป พลางถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างช่วยไม่ได้
“ฮวงจุ้ยผลัดเปลี่ยนแล้วจริงๆ ...”
ในอดีตกระท่อมเส็งเคร็งด้านหลังสุดของจวนเคยเป็นที่อยู่ของหลี่หวงมาก่อน แต่ตอนนี้ถึงตาจวิ๋นรั่วที่ต้องย้ายไปอยู่แทนแล้ว!
คล้อยหลังจากที่หลี่หวงได้รับทราบข่าวนี้ นางก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอันใดมากนัก นี่ไม่ใช่สิ่งที่เกินจินตนาการแต่อย่างใด
เหตุการณ์ในวันนี้จบลงด้วยดี
ไม่ทราบเพราะเหตุอันใด หลี่หวงขออนุญาตจวิ๋นหลี่จิวค้างแรมอีกหนึ่งคืน ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเช่นกัน
เข้าวันรุ่งขึ้น จวิ๋นรั่วรีบเดินทางมาที่เรือนวายุสงบเพื่อมาพบหลี่หวง
เพราะเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นมากมายในวานนี้ จึงทำให้เรือนบุปผาโปรยปรายสกปรกถึงเกินจำใจอยู่ต่อได้ แม้จะมีพวกบ่าวมาทำความสะอาดแล้วก็เถิด แต่นางก็ไม่สะดวกใจอยู่แล้ว
ดังนั้นนางจึงย้ายมาอยู่ที่เรือนวายุสงบ ที่เป็นเรือนต้อนรับแขกโดยเฉพาะของตระกูลจวิ๋น
จวิ๋นรั่วคุกเข่าอยู่ต่อหน้าหลี่หวง บนเรือนร่างหาได้สวมใส่ชุดแพรพรรณผ้าไหมชั้นเลิศอีกต่อไป แต่เปลี่ยนกลายมาเป็นชุดผ้ากระสอบหยาบๆ ใบหน้าดูสกปรก ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง แถมยังมีรอยคล้ำใต้ตา
เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าโดยกะทันหัน ทำให้จวิ๋นรั่วรู้สึกราวกับตนเองถูกถีบตกสวรรค์ลงมา และไม่สามารถทนรับกับสภาพแบบนี้ได้เลยสักนิด
“หลี่หวง ข้าขอร้องเจ้าเถิด! ข้าหาใช่คู่มือของเจ้าอีกต่อไปแล้ว เจ้าเองก็ควรทราบดี! ได้โปรดเมตตาข้าสักครั้ง บอกให้ท่านพ่อถอนคำสั่งคืนทีเถอะ!”
จวิ๋นรั่วคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าหลี่หวงทั้งน้ำตา ทว่าพอเงยขึ้นไปมองก็ค้นพบว่า สีหน้าของอีกฝ่ายปราศจากคลื่นอารมณ์หรือความรู้สึกใดโดยสิ้นเชิง พอเห็นเช่นนี้จู่ๆ นางก็รู้สึกหวาดผวาขึ้นมาภายในใจ
“เจ้าจำสัญญาที่เคยให้ไว้กับข้ามิได้รึ?”
หลี่หวงเอ่ยถามน้ำเสียงเฉยเมย
จวิ๋นรั่วชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า นางเคยกล่าวสัญญาไว้ จะไม่มาหาหรือยุ่งเกี่ยวกับอีกฝ่ายนับแต่นี้
“เดิมที ที่ข้าให้เจ้าสัญญาแบบนี้เพราะไม่อยากให้เจ้าเข้ามาพัวพันกับแผนการ ทว่าเจ้ากลับทำลายโอกาสสุดท้ายในมือลงไปเอง”
น้ำเสียงอันเย็นชาพุ่งทะลวงเข้าแทงจวิ๋นรั่วกระหน่ำเข้ากลางดวงใจไม่หยุดหย่อน ทันใดนั้นเนื้อตัวของนางพลันสั่นเทาทันที ยกมือไหว้ขอขมาทั้งน้ำตาว่า
“ขอร้องเถิด...ปล่อยข้าไปเถอะ...ข้าจะไม่มายุ่งกับเจ้าอีกแล้ว!”
หลี่หวงส่ายหัวและไม่สนใจนางอีกต่อไป
หากปล่อยให้นางกลับมาได้ทุกอย่างดังเดิม มีหวังนางจะยิ่งทวีความร้ายกาจและชั่วช้ามากขึ้นเท่านั้น
ย้ายภูเขาเคลื่อนมหาสมุทรนับเป็นเรื่องง่าย หากเปรียบเทียบกับการเปลี่ยนสันดานคน
แล้วคนสันดานเสียที่เน่าเฟะถึงเนื้อในเช่นนี้ มีหรือจะเปลี่ยนได้?
“น้องหลี่หวง!”
จวิ๋นหลี่จิวที่กำลังเดินเข้ามาหาน้องสาวของเขาตามปกติ พลันพบเห็นภาพฉากนี้พอดี
จวิ๋นหลฃี่จิวขมวดคิ้วถักแน่น กรนเสียงเย็นคำรามลั่นขึ้นว่า
“ไสหัวไป! อย่ามายุ่งกับน้องสาวข้าอีก! ออกไป! ข้าขยะแขยง!”
จวิ๋นหลี่จิวอดรู้สึกรังเกียจไม่ได้เลย แม่เป็นยังไงลูกมันเป็นแบบนั้นจริงๆ เป็นเด็กเป็นเล็กแต่กลับรู้จักอ้อยเพศตรงข้ามเสียแล้ว ตั้งแต่วันที่รับประทานอาหารร่วมโต๊ะกันก็ดี อย่าคิดว่าเขาไม่รู้
“พี่หลี่จิว ไหนท่านบอกว่าจะพาข้ากลับเมืองหลวง ท่านจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้...”
“ข้าไม่เคยพูดสักคำ”
จวิ๋นหลี่จิวเอ่ยปากตัดบทของจวิ๋นรั่วอย่างไร้เยื่อใย ก่อนจะกล่าวต่อว่า
“แล้วอีกอย่าง อย่าเรียกข้าว่าพี่ชาย”
จวิ๋นรั่วถึงกับพูดไม่ออก พอนางลองนึกย้อนกลับไปก็ดูเหมือนว่าจวิ๋นหลี่จิวจะไม่เคยเอ่ยปากสัญญาจริงๆ
แต่นางจะยอมแพ้เช่นนี้ไม่ได้! มิฉะนั้นอนาคตของนางต่อจากนี้จักต้องดับสูญแน่นอน!
“พี่หลี่จิว ข้าสามารถเป็นวัวเป็นม้าให้ท่านขี่ได้ จะคอยปรนนิบัติรับใช้ท่านเป็นอย่างดี! ขอเพียง...อย่าทิ้งข้าไว้ที่นี่! ได้โปรด! ได้โปรดเถิดพี่หลี่จิว!”
หลี่หวงนั่งจิบชาในถ้วยอย่างเฉยเมย พลางเหลือบสายตามองไปยังหญิงสาวที่เปลี่ยนเป้าจากนางเป็นจวิ๋นหลี่จิวแทน
นางโลมบางคนยังนิสัยดีกว่าเจ้า
หลี่หวงหัวเราะเย้ยเยาะอยู่ภายในใจ
สีหน้าการแสดงออกของจวิ๋นหลี่จิวดูไม่ถูกต้อง ราวกับสุดจะทนแล้ว เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาและระดมพลังปราณสีม่วงดำกรอกเทลงยังกำปั้น ก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีจวิ๋นรั่วโดยตรง!
จวิ๋นรั่วกรีดร้องสุดชีวิตจนเสียงหลง ฟังดูแล้วช่างน่าสังเวทยิ่งกว่าอะไรดี นางรีบยกมือกุมจุดตันเถียนเอาไว้ และนอนกลิ้งเกลือกไปมาด้วยความทรมาน!
หลี่หวงเลิกคิ้วมองภาพฉากนี้เล็กน้อย ก่อนพบว่า จวิ๋นหลี่จิวเพิ่งทำลายพลังบ่มเพาะทั้งหมดของอีกฝ่ายทิ้งไป!
ต่อจากนี้นางจะไม่สามารถใช้ชีวิตในฐานะผู้บ่มเพาะพลังได้อีก แต่จะดำรงชีวิตอยู่ในฐานะคนธรรมดา
“สำหรับที่เจ้ากลั่นแกล้งน้องสาวข้าสารพัดตลอดหกปี! แค่ความตายยังน้อยเกินไป! ปล่อยให้เจ้าอยู่อย่างไร้ค่าเช่นนี้แหละ เหมาะสมที่สุดแล้ว!”
แม้คนอย่างจวิ๋นหลี่จิวจะดูไม่ค่อยจริงจังกับสิ่งใด และเอาแต่ดื่มสุราร่ำทั้งวัน แต่โดยพื้นฐานเขาเองก็ค่อนข้างเจ้าคิดเจ้าแค้นเช่นกัน
และคนที่ชอบรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าอย่างจวิ๋นรั่ว เป็นอะไรที่เขาเกลียดชังที่สุด!
ไม่ต้องทำมาเป็นพูดว่าจะอยู่รับใช้ปรนนิบัติดั่งวัวดั่งม้า ที่ทำไปเพราะมีจุดประสงค์ขึ้นเตียงกับเขาเท่านั้น เพื่อไต่สถานะศักดิ์ขึ้นไปกลายเป็นฮูหยินอยู่อย่างสุขสบาย
แผนการเช่นนี้มีหรือจะดูไม่ออก?
คิดว่าตัวเองปิดบังเจตนาที่แท้จริงได้สนิทเลยกระมัง?
“จงใช้ทั้งชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อชดใช้ในความผิดซะ!”
จวิ๋นหลี่จิวเค้นเสียงเอ่ยกล่าวอย่างเย็นชา
จากนั้นเขาก็เรียกพวกบ่าวไพร่ให้มาลากจวิ๋นรั่วออกไปโดยทันที
ณ ปัจจุบัน สถานะของจวิ๋นรั่วในตระกูลตกต่ำจนแทบไม่เหลือ บรรดาคนรับใช้ทั้งหลายที่เคยปฏิบัติดีด้วย ต่างเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ และสันนิษฐานได้ว่า อีกไม่นานจวิ๋นรั่วคงต้องโดนบรรดาคนรับใช้พวกนี้จิกหัวใช้ให้ทำงานบ้านแทน แบบหลี่หวงในสมัยก่อนแน่นอน!
“น้องหลี่หวง หากเจ้าไม่ต้องการพบนางก็ไม่ควรปล่อยให้เข้ามาเช่นนี้ พักผ่อนเสียบ้างเถอะ หากหิวก็บอกข้า เดี๋ยวจะพาเจ้าไปเลี้ยงอาหารดีๆ สักมื้อหนึ่ง”
จวิ๋นหลี่จิวจับจ้องน้องสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่เก็บปวดใจยิ่งนัก นับตั้งแต่วันที่จากกันเมื่อหกปีก่อน หลี่หวงในตอนนี้ดูซูบผอมผิดหูผิดตา ในอดีตเขาอุตส่าห์ขุนนางให้ทานแต่เนื้อสัตว์ อาหารเลิศรสจนอ้วนฉุ อุดมสมบูรณ์ แล้วดูตอนนี้สิ? เจ้าอ้วนตุ้ยของเขาหายไปไหนแล้ว?
“ข้าเข้าใจแล้ว”
หลี่หวงคลี่ยิ้มกว้างให้จวิ๋นหลี่จิว ยามนี้นางไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่รู้สึกเพลียเล็กน้อย