ตอนที่44 ฆ่าไม่ได้
ตอนที่44 ฆ่าไม่ได้
“ท่านพี่! มิใช่อย่างที่ท่านคิด! มันมิใช่แบบนั้น! ท่านพี่ต้องฟังข้า! ข้าอธิบายได้!!”
ฮูหยินรองรีบลุกขึ้นยืนทันทีโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่โดนถีบอันใด พุ่งไปกอดแข้งกอดขาของจวิ๋นจ้านและร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดหย่อน!
จวิ๋นจ้านในตอนนี้ไหนเลยจะรู้สึกสงสาร?
พลางกดสายตาเหลือบไปเห็นคราบสีขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนทั่วมือไม้ของฮูหยินรอง เขาสะบัดเท้าถีบยอดอกของนางจนกระเด็นด้วยความรังเกียจสุดขีด
“ยังมีอันใดต้องอธิบายอีก!? ความจริงทั้งหมดข้าเห็นหมดแล้ว! หรือยังจะบอกว่ามันเป็นภาพลวงตากัน!?”
ฮูหยินรองยังคงตะเกียกตะกายวิ่งไปคว้าชายเสื้อขงอจวิ๋นจ้านต่อไป และกล่าวขึ้นว่า
“ท่านพี่! ข้าถูกใส่ร้าย! มีหรือที่ข้าจะทำเรื่องโสโครกแบบนี้ได้? ท่านพี่ควรรู้ดีที่สุดว่าข้าถูกใส่ร้าย! ใช่แล้ว! รั่วเอ๋อร์! เจ้ารีบพูดกับท่านพ่อโดยเร็ว แม่คนนี้ถูกใส่ร้าย!!”
ฮูหยินรองเหลือบสายตามองไปทางลูกสาวของนางอย่างจวิ๋นรั่ว
ทว่าตอนนี้จวิ๋นรั่วกลับนั่งเก็บตัวอยู่มุมห้อง เนื้อตัวสั่นเทาไม่หยุดราวกับคนเสียสติ
นางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังด้วยซ้ำ
ฮูหยินรองที่เห็นแบบนั้นพลันรู้สึกผิดหวังยิ่งกว่าอะไร
จบแล้ว...ทุกอย่างมันจบสิ้นลงแล้ว!
“ข้ายังเห็นว่าเจ้ามีความสุขอยู่เลย! เรื่องพรรค์นี้หาใช่ว่าครั้งแรกกระมัง? นังร่านอย่างเจ้าคงออกไปหากินยามที่ข้าเผลอ!!”
จวิ๋นจ้านไม่แม้แต่แลเหลียวใบหน้าของฮูหยินร้องที่กำลังร้องห่มร้องไห้ขอขมาแม้สักนิด
“มันมิใช่เช่นนั้นเลย! ไม่ใช่เช่นนั้นเลย!! มันเป็น...ใช่แล้ว! มันเป็นฝีมือของจวิ๋นหลี่หวง! ต้องเป็นนังบัดซบนั่น! มันเป็นคนวางยาข้า!!”
ด้วยความคับข้องใจ ฮูหยินรองได้คิดแผนการเตรียมให้จวิ๋นหลี่หวงกลายเป็นตัวเอกในงานวันนี้ แต่ไฉนจู่ๆ กลับเป็นตัวนางแทนล่ะ?
จวิ๋นจ้านใบหน้ายิ่งมืดทมิฬลงเข้าไปใหญ่ เขาเป็นคนชวนให้จวิ๋นหลี่หวงลองดื่มสุราดู แล้วคิดดูสิว่าเด็กน้อยที่เมาคนหนึ่งจะไปคิดแผนการอะไรได้? ยิ่งไปกว่านั้นหลี่หวงอายุเพิ่งจะ13ปี จะคิดเรื่องพรรค์นี้ได้แล้วรึ?
ถ้าคิดจะอ้างเช่นนี้ สู้ยอมรับไปตามตรงเลย มันไม่ดูสมศักดิ์กว่าหรอกรึ?
น่ารังเกียจจริงๆ ผู้หญิงคนนี้
“ก่อนจะพล่ามกล่าว หัดใช้สมองอันน้อยนิดของเจ้าเสีย!”
ทันใดนั้นสุ้มเสียงของจวิ๋นหลี่จิวก็เปล่งดังมาจากด้านนอกประตู เขาตรงเข้ามาพลางชักกระบี่ขู่ไปทีหนึ่งว่า
“ถ้ายังกล้าพูดจาขยะเช่นนี้อีก ข้าจะตัดลิ้นของเจ้าซะ!”
วาจาแต่ละคำที่เปล่งดังออกมาจากปากจวิ๋นหลี่จิวหาได้ล้อเล่นเลยไม่ มันแฝงไปด้วยจิตสังหารที่พร้อมฆ่าคนได้ทุกเมื่อ!
หากเป็นจวิ๋นหลี่หวงที่นอนอยู่ข้างในห้องนี้แทนในปัจจุบัน เขาคงล้างบางทั้งตระกูลนี้ทิ้งโดยไม่ลังเลแน่นอน!
จวิ๋นจ้านเองที่ได้ยินสุ้มเสียงของอีกฝ่ายที่มากโทสะปานนี้ เขาก็รีบกวาดสายตามองไปโดยรอบทันที จวิ๋นหลี่หวงอยู่ที่ไหน?
“แล้วหลี่หวงล่ะ? นางอยู่ไหน?”
เขารีบตะโกนถามทุกคนทันที
“มีอะไรรึลุงจ้าน?”
ได้เวลาที่หลี่หวงต้องปรากฏตัว นางเดินจูงมือจวิ๋นอี้ออกมาจากห้องเคียงข้าง
“น้องหลี่หวง!”
จวิ๋นหลี่จิวเองก็ตีบทแตก พุ่งออกไปกอดน้องสาวตนเองด้วยความเป็นห่วง กล่าวว่า
“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
จวิ๋นจ้านเองก็มองไปที่หลี่หวงเช่นกัน ก่อนจะค้นพบว่า รอยคล้ำใต้ตาของหลี่หวงเผยสีเข้มกว่าวานก่อนหลายส่วนนัก
“หลี่หวง นี่เจ้า...อยู่ดูแลอี้เอ๋อร์ตลอดทั้งคืนจนไม่ได้นอนเลยกระมัง?”
“อืม”
หลี่หวงพยักหน้าตอบสั้นๆ น้ำเสียงของนางเร้นแฝงไปด้วยความอ่อนเพลีย
“เจ้าโกหก! ท่านพี่! นังแพศยานี่กำลังหลอกท่าน!!”
ฮูหยินรองรีบชี้นิ้วใส่จวิ๋นหลี่หวงและตะโกนโหวกเหวกเสียงดังลั่น
“คนที่ควรโดนข่มขืนอยู่ในห้องนี้คือเจ้า! เจ้าวางยาข้า!”
เนื่องจากโมโหจนคุมอารมณ์ไม่อยู่ ฮูหยินรองเผลอหลุดปากพูดออกมาในที่สุด
จวิ๋นจ้านที่ได้ยินแบบนั้นพลันตกตะลึงอย่างมาก ทันทีทันใดเพลิงพิโรธภายในใจก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น!
นัยน์ตาคู่สวยของหลี่หวงเผยแววสยดสยองขึ้นวูบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยวาจาเนิบนาบขึ้นว่า
“ทว่าตอนนี้กลับเป็นเจ้า หาใช่ข้าไม่”
“นังชั่ว!”
หลี่หวงไม่อยากแม้แต่จะเหลือบมองฮูหยินรองอีกต่อไป นางจูงมือจวิ๋นอี้เดินออกไปด้านนอกห้อง
“ท่านหมอต้องรบกวนแล้ว ช่วยไปตรวจชีพจรฮูหยินรองทีว่า ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
หลี่หวงกล่าวเสียงเรียบออกคำสั่งไป
หมอท่านนั้นรีบพยักหน้ารับสั่งและตรงเข้าไปตรวจชีพจรฮูหยินรองทันที
แต่เพียงพริบตาเดียว สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไป
“มีอะไร?”
จวิ๋นจ้านเอ่ยถามน้ำเสียงทุ้มต่ำเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าผิดแผกของหมอท่านดังกล่าว
“นางตั้งครรภ์...อายุครรภ์ประมาณสองเดือนกว่าแล้ว”
หมอท่านนั้นเอ่ยตอบพร้อมสีหน้ากระอักกระอ่วน
“นังร่าน!!”
เมื่อได้ยินแบบนั้น จวิ๋นจ้านพลันถีบซ้ำไปอีกดอก
เขาไม่ได้นอนร่วมเตียงกับฮูหยินรองมากว่าครึ่งปีแล้ว ดังนั้นพ่อของเด็กเป็นใครกัน? แต่ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นใคร เขาก็คร้านใจที่ตะสืบเสาะ นับว่านังแพศยาคนนี้ก็ยิ่งทำให้เขาขายหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ
“ใครก็ได้! ไปเอาพิษกระเรียนแดงมา!”
จวิ๋นจ้านตัดสินโทษตายให้นางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ท่านพ่อ! ไม่เอา! อย่าทำเช่นนี้เลย!”
จวิ๋นรั่วได้สติกลับมาก็รีบวิ่งมาคุกเข่าลงตรงหน้าจวิ๋นจ้านทันที
ท่านแม่จะตายไม่ได้เด็ดขาด! หากท่านแม่ตายขึ้นมา นางก็ไม่เหลือที่พึ่งอีกแล้ว!
“ท่านพ่อ! ข้าขอร้องเถิด! อย่าฆ่าท่านแม่เลย!”
จวิ๋นรั่วเร่งโขกศีรษะกระแทกพื้นเพื่อขอขมาทั้งน้ำตา
“เจ้าเองก็หาใช่คนดีเช่นกัน! ไฉนข้าจวิ๋นจ้านถึงมีลูกสาวอย่างเจ้า! สันดานเสียทั้งแม่ทั้งลูก!!”
จวิ๋นจ้านขี้นิ้วกรนด่าสาปแช่งจวิ๋นรั่วไม่หยุดหน่อย เผยร่องรอยความผิดหวังต่อลูกสาวคนนี้อย่างชัดเจน
เดิมทีเขาคิดเพียงว่า ลูกสาวคนนี้คงหัวดื้อและซุกซนเนื่องจากถูกเลี้ยงตามใจจนเสียนิสัยเท่านั้นเอง แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ลูกสาวผู้แสนน่ารักสดใสคนนี้ เนื้อแท้กลับช่างสกปรกโสโครกเกินวัย!
“ลุงจ้าน หยุดเถิด จะฆ่านางไม่ได้โดยเด็ดขาด”
แต่ทันใดนั้นกลับเป็นจวิ๋นหลี่หวงที่กล่าวเตือนขึ้นจากด้านนอกเรือน
“กฎเหล็กของตระกูลจวิ๋น ลุงจ้านอย่าได้ลืมเลือนเสียชั่วขณะ”
ตามกฎของตระกูลจวิ๋นแล้ว ลูกหลานคนใดที่เกิดจากสาขาย่อยสามารถเข้าตระกูลสาขาหลักได้ มารดาผู้ใดกำเนิดพวกเขาเหล่านั้นจะถูกละเว้นโทษตายโดยสิ้นเชิง
ฮูหยินรองมีบุตรสาวคนหนึ่งที่สามารถเข้าตระกูลสาขาหลักได้อย่างจวิ๋นฉี และอีกฝ่ายยังเป็นเด็กสาวที่มีพรสวรรค์มากอีกด้วย
หากจวิ๋นจ้านฆ่าฮูหยินรองก็เท่ากับว่าละเมิดกฎของตระกูลโดยตรง
คำกล่าวประโยคนี้ของหลี่หวงทำให้จวิ๋นจ้านได้สติตื่นขึ้นจากภวังค์ความโกรธ พร้อมสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่งอย่างแรง คำรามน้ำเสียงดุร้ายยิ่งว่า
“จับนังแพศยาไปขังไว้ในคุกใต้ดิน! ส่วนคุณหนูรองจับไปกักบริเวณให้คิดทบทวนความผิดที่ก่อขึ้น! เรื่องในวันนี้ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้แพร่งพรายออกไปทั้งสิ้น!”
บรรดาคนรับใช้รีบวิ่งเข้าพาตัวจวิ๋นรั่วและฮูหยินรองออกไปทันที
หลังจากที่จวิ๋นรั่วถูกลากตัวออกไป สายตาของนางยังคงจับจ้องหลี่หวงเขม็งไม่คลายอ่อน ราวกับอยากจะกินอีกฝ่ายทั้งเป็น!
“จวิ๋นหลี่หวง! นังแพศยา!! เจ้าต้องไม่ตายดี!!”
สุ้มเสียงของฮูหยินรองดังลั่นไม่หยุดหย่อนขณะนำตัวออกไป ซึ่งแต่ละคำพูดช่างสกปรกสิ้นดี
หลี่หวงทำหูทวนลมไม่ได้ใส่ใจแม้สักนิด หันหน้ากลับมากล่าวกับจวิ๋นหลี่จิวและจวิ๋นอี้
“เสี่ยวอี้ พี่จิว พวกเราไปทานข้าวเช้ากันเถอะ”
“อืม”
ทั้งสองพยักหน้าตอบ
จวิ๋นอี้ได้ยินทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นภายในวันนี้ ฝ่ามือที่เย็นเฉียบของหลี่หวงถูกเขากระชับจับแน่น ถ่ายเทความอบอุ่นไปให้และยิ้มกล่าวขึ้นว่า
“พี่หลี่หวง ขอบคุณ…”
เขาทราบดีว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นฝีมือของพี่หลี่หวงที่ต้องการเอาคืนและแก้แค้นให้แก่ตน!
จวิ๋นอี้รู้สึกขอบคุณจากใจจริง
จวิ๋นหลี่จิวมองไปที่จวิ๋นอี้ที่ไม่เคยพบหน้าพบตากันมาก่อนเป็นการส่วนตัว
เขาเป็นเด็กที่มีวุฒิภาวะไม่เหมือนเด็กทั่วไป และจุดเด่นที่ดึงดูดที่สุดคงหนีไม้พ้น ดวงตาคู่กลมโตที่ช่างงดงามเกินบรรยาย!
ทว่าน่าเสียดายที่ดวงตาคู่นั้นกลับไร้แววโดยสิ้นเชิง
เดี๋ยวก่อน...เด็กคนนี้ตาบอด!
ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมน้องหลี่หวงถึงต้องการพาเขากลับไปยังเมืองหลวงด้วยกัน ในสภาพเช่นนี้หากปล่อยให้อยู่ที่นี่ตามลำพัง จุดจบคงไม่สวยเท่าใด...
หลังจากที่ทั้งสามรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จสรรพ จวิ๋นอี้ก็เอ่ยปากขอทั้งสองขึ้นมา ก่อนจะเดินทางออกจากตระกูลจวิ๋น เขาขอไปบอกลาแม่ของตนเป็นครั้งสุดท้ายได้หรือไม่?
ซึ่งหลี่หวงกับหลี่จิวเองก็มิได้คัดค้าน และพาเขากลับมาที่โถงบรรพบุรุษ ปล่อยให้เด็กคนนี้มีเวลาอยู่กับแม่เป็นครั้งสุดท้าย
ส่วนจวิ๋นหลี่จิวกับจวิ๋นหลี่หวง ทั้งสองเดินหาพื้นที่ฝึกกระบี่รอแถวนั้น
“น้องหลี่หวง ข้าว่า...เจ้าลงโทษพวกนางเบาเกินไป”
จวิ๋นหลี่จิวที่กำลังกวัดแกว่งเพลงกระบี่ เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
“ไม่ มันยังไม่จบ”
หลี่หวงรับกระบวนกระบี่ของอีกฝ่ายพลางแสยะยิ้มมุมปากกล่าวเสียงเรียบ
คนที่บังอาจล้ำเส้นนางถึงขนาดนี้ มีหรือจะปล่อยไปง่ายๆ?
“ถ้าเช่นนั้น ต่อจากนี้ให้พี่ลงมือเองดีกว่า เจ้ายังเป็นเด็กเป็นเล็ก มือคู่นี้ยังไม่ควรเปื้อนเลือด”
จวิ๋นหลี่จิวเอ่ยกล่าวขึ้นคำหนึ่งด้วยความเป็นห่วง
แม้เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนเช้า มันจะเพียงพอแล้วสำหรับทำลายชีวิตของสองแม่ลูก แต่เขาก็ยังรู้สึกว่า มันเบาเกินไป เพราะสิ่งที่น้องสาวต้องทนทุกข์ทรมานมาเป็นเวลาหกปีเต็ม มันยังมากกว่านี้มาก!