ตอนที่43 จับชู้คาห้อง
ตอนที่43 จับชู้คาห้อง
หลิงฉางเจวี่ยมิทราบว่าอยากร่ำไห้หรือหัวร่อ ยามจับจ้องไปที่แผ่นหลังของนาง แต่ด้วยวาจาคำกล่าวและน้ำเสียงอันเย็นชา เขาจึงไม่คิดจะปริปากกล่าวอันใดอีกต่อไป
หลิงฉางเจวี่ยโน้มตัวเข้ามากอดหลี่หวง ลงน้ำหนักอย่างทะนุถนอม
แม้จะมิได้ลืมตามอง แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงสายตาที่แข็งกระด้างสาดเข้าใส่ของหลี่หวง!
ไม่พูดไม่จาใดๆ เพียงแค่อยากกอดเบาๆ ให้หายคิดถึงเท่านั้น...
“เจอกันใหม่ที่เมืองหลวง”
คล้อยหลังปล่อยมือ หลิงฉางเจวี่ยก็ฉีกห้วงมิติจากไปทันที
เรือนร่างบางของหลี่หวงแข็งค้างไปชั่วขณะ นางไม่สามารถเงยหน้าขึ้นสบตากับหลิงฉางเจวี่ยได้จริงๆ เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนยังคงตราตรึงใจไม่จางหาย
เมื่อคืน หากมิใช่เพราะอีกฝ่ายยังมีสติดีอยู่ล่ะก็...คงกลายเป็นราตรีร้อนรักตลอดทั้งคืน!
แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งร่างกายและสัญชาตญาณดิบจากก้นบึ้งหัวใจของนางกลับถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตนี้ของนาง
และที่สำคัญ...นางยังเสร็จกับต้นขาอีกฝ่ายอีก!
แค่นึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อวาน นางก็แทบจะเลือดกำเดาพุ่ง!
โอ๊ย ทำไมร่างกายถึงได้พยศแบบนี้นะ!
แต่จะว่าไปแล้ว เรือนร่างอีกฝ่ายก็ทั้งขาวทั้งหอม แถม ‘ตรงนั้น’ ยังทั้งใหญ่และร้อนฉ่า...
ไม่! นี่ข้ากำลังคิดบ้าอะไรอยู่!
หลี่หวงรีบสะบัดหัว เขย่าความคิดอันโสโครกในสมองของนางทิ้งไปโดยไว
ไม่นานหลังจากนั้น ฮั่วหยางก็หิ้วร่างของฮูหยินรองที่สลบไสลกลับเข้ามา สิ่งนี้ได้ทำให้หลี่หวงตื่นกลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง
แค่ได้เห็นใบหน้าของฮูหยินรองแล้ว หลี่หวงพลันรู้สึกขยะแขยงแทบอยากอาเจียนออกมา!
คนที่วางแผนทำเรื่องสกปรกเช่นนี้ได้ ยังเหลือโอกาสใดให้กลับตัว?
ดวงตาคู่นั้นของหลี่หวงฉายแววมืดทมิฬออกมาทันใด เหลือบสายตาส่งสัญญาณให้ฮั่วหยางโยนฮูหยินรองนอนกองรออยู่บนพื้นห้อง และไปลากชายฉกรรจ์อีกคนที่นอนไม่ได้สติออกมาจากมุมมืด!
อีกฝ่ายคล้ายถูกอัดจนใบหน้าบวมเป่ง ฟังจากคำให้การณ์ของฮั่วหยางกับเหยาอวี้ ชายคนนี้บุกเข้ามาในเรือนบุปผาโปรยปรายเมื่อคืน แต่ถูกพวกมันจับได้จึงโดนลุมกระทืบจนหมดสติไป
จุดเด่นของชายคนนี้คือใบหน้าอันอัปลักษณ์และไฝเม็ดใหญ่บนใบหน้า ประกอบกับโดนฮั่วหยางกับเหยาอวี้กระทืบเละจนเป็นหัวหมู ยิ่งทวีความน่าเกลียดเข้าไปใหญ่ หลี่หวงแค่นเสียงเย็นอยู่คำหนึ่งกล่าวว่า
“นี่รึคือคนที่เจ้าเลือกให้มาข่มขืนข้า? เช่นนั้นก็ลองชิมดูเองเสียแล้วกัน!”
นางโบกมือข้างหนึ่งขึ้นมาพลันปรากฏหม้อหลอมโอสถวิเศษใบหนึ่งต่อหน้า หยิบยืมเพลิงบัวโลหิตจากฮั่วหยาง พร้อมเริ่มกระบวนการหลอมกลั่นโอสถโดยทันที!
โดยปกติแล้ว นางมักจะหลอมแต่โอสถแขนงรักษาและเสริมพลัง หรือไม่ก็โอสถแขนงพิษไปเลย ดังนั้นนางจึงไม่สามารถหลอมโอสถชนิดปลุกเร้าอารมณ์ได้
แต่อย่างลืมไปเสียว่า...นางเคยเป็นใครมาก่อน?
โอสถปลุกกำหนัดแม้นไม่รู้จักสูตร แต่ไวอากร้าที่ใช้สำหรับปลุกอารมณ์ม้าให้ผสมพันธุ์กัน ชีวิตก่อนหน้านางเคยศึกษาค้นคว้ามาก่อน!
นางเองก็อยากรู้เช่นกันถ้าเอายาปลุกอารมณ์ของม้ามาใช้กับคน ฤทธิ์มันจะดีดขนาดไหน!!
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็หลอมกลั่นเสร็จสิ้น ได้ไวอากร้าฉบับโบราณมาสองเม็ด
หลี่หวงไม่มีลังเลแม้สักนิด นางจับยัดไวอากร้าเข้าปากของทั้งสองลงไปโดยตรง
ใช้สองนิ้วทาบจับชีพจรบนข้อมือของฮูหยินรองเล็กน้อย ก่อนจะระเบิดหัวเราะเย้ยเยาะออกมา
ชีพจรของฮูหยินรองในขณะนี้ค่อนข้างเสถียร ดูแล้วร่างกายแข็งแรงเป็นอย่างมาก
แท้ที่จริงแล้ว หลี่หวงไม่ได้มอบโอสถแท้งเด็กให้ แต่นั่นกลับเป็นโอสถชนิดหนึ่งที่ช่วยบำรุงครรภ์ ป้องกันมิให้เด็กในท้องได้รับอันตรายต่างหาก!
และดูเหมือนว่าฮูหยินรองน่าโง่ก็เชื่อสนิทใจ กินโอสถตัวนี้ต่อเนื่องกันหลายวัน แถมยังครั้งละหลายเม็ดอีก นี่ยิ่งรับประกันได้เลยว่า เด็กที่อยู่ในท้องไม่มีแท้งแน่นอน!
คิดจะทำลายเด็กในท้องนับเป็นแผนการที่ไม่เลว! แต่ดันโง่ขอให้ศัตรูอย่างนางช่วยเหลือ...ไร้เดียงสาเกินไปรึเปล่า?
“เดิมทีข้าตั้งใจจะจัดการเจ้าหลังงานศพของหานชิง แต่ดูท่าคงไม่จำเป็นต้องรอแล้ว เช่นชู้สวาทกับชายอื่นท่ามกลางงานศพอันโศกเศร้า ดวงวิญญาณของหานชิงที่ตายไปคงมีความสุขเช่นกัน ฮ่าฮ่าๆๆ ...”
หลี่หวงเฝ้ามองฤทธิ์ยาที่เริ่มกระจายตัวออกไปในร่างของทั้งสอง ลมหายใจของพวกเขาที่นอนหมดสติอยู่เริ่มถี่หอบดังขึ้นอย่างต่อเรื่อง เริ่มได้ยินเสียงคราวคลอเคลียขึ้นในลำคอของฮูหยินรอง
หลี่หวงที่เห็นแบบนั้นก็แสยะยิ้มเย็นให้ไปทีหนึ่ง จากนั้นก็พาฮั่วหยางกับเหยาอวี้ออกจากเรือนนั้นไป
จวิ๋นอี้ยังคงหลับสนิทอยู่ในเรือนข้างกัน หลายวันมานี้เขาร้องห่มร้องไห้จนสูญสิ้นทั้งแรงกายและแรงใจ ทำให้เกิดสภาวะซึมเศร้าฉับพลัน
แถมไม่นานมานี้เขาก็เพิ่งสูญเสียดวงตาและการมองเห็นไป พอมาเจอคลื่นยักษ์ถาโถมจิตใจอีกระลอกใหญ่ปานนี้ มีหรือที่เด็กน้อยคนหนึ่งจะทานทนได้ไหว?
หลี่หวงหยุดลงตรงหน้าฟูกนอนของจวิ๋นอี้ ได้แต่เฝ้ามองอีกฝ่ายหลับปุ๋ยอย่างเงียบงัน
“เสี่ยวอี้ แม่ของเจ้ากำลังจะไปสู่สุคติแล้ว เจ้ามีความสุขหรือไม่?”
หลี่หวงเอ่ยรำพึง มิได้ปลุกให้จวิ๋นอี้ตื่น แต่เหมือนกำลังพูดกับตนเอง
“สำหรับทุกอย่างที่เกิดขึ้น เจ้าโทษข้าหรือไม่?”
เพราะไม่ว่าจะอย่างไร สาเหตุการตายของหานชิงโดยส่วนใหญ่เกิดจากหลี่หวงทั้งสิ้น
“หวังว่าจะเข้าใจข้าบ้าง...”
หลี่หวงยังคงนั่งเฝ้าอยู่ข้างกายจวิ๋นอี้ จนกระทั่งห้องเคียงข้างเริ่มมีเสียงร้องครวญครางดังลั่น ทำให้เรือนบุปผาโปรยปรายแห่งนี้กลายเป็นสมรภูมิร้อนรักขึ้นในพริบตา!
จวิ๋นรั่วที่ไม่รู้อะไรเลย นางยังคงดำเนินตามแผนการที่ท่านแม่สั่งมา และรีบตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อหลอกให้ทุกคนมารวมตัวกันหน้าเรือนบุปผาโปรยปราย เตรียมรับชมภาพฉากอันน่าสังเวชของนังหลี่หวง!
“รั่วเอ๋อร์ เกิดอันใดขึ้นกันแน่? ไฉนต้องเรียกทุกคนให้มาที่เรือนบุปผาโปรปราย?”
จวิ๋นจ้านมองจวิ๋นรั่วที่กำลังนำทางอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก
“ท่านพ่อ สาวรับใช้ของหลี่หวงส่งข่าวมาบอกข้าแต่รุ่งสางว่า หลี่หวงไม่สบายหนัก ตอนนี้หมอในหอโอสถกำลังวุ่นวายเพื่อจัดเตรียมโอสถรักษา พินิจแล้วอาการน่าจะไม่สู้ดีเท่าไหร่ จึงอยากให้ท่านมาเยี่ยมด้วยตัวเอง...หากมีอะไรเกิดขึ้นกับหลี่หวงจะได้ช่วยเหลือได้ทันท่วงที”
บนผิวเผินภายนอก สีหน้าการแสดงออกของจวิ๋นรั่วดูกังวลร้อนใจเป็นอย่างมาก เสมือนกับกำลังเป็นห่วงอยู่จริงๆ ทว่าภายในใจกลับรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นฉากนังแพศยาหลี่หวงโดนข่มขืนยิ่งกว่าอะไรดี
เมื่อจวิ๋นจ้านได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็เปี่ยมล้นไปด้วยความกังวล ซึ่งไม่นานมานี้เองเขาก็เพิ่งทราบถึงสถานการณ์การเคลื่อนไหวในหอโอสถว่ากำลังยุ่งเพียงใด หรือเป็นไปได้ไหมว่า...หลี่หวงจะป่วยเป็นโรคร้ายแรง?
และเพราะเหตุนี้เอง ตระกูลจวิ๋นสาขาหลักจึงส่งจวิ๋นหลี่จิวมาเฝ้าดูอาการ?
แค่คิดได้แบบนี้ จวิ๋นจ้านพลันใจเต้นแรงระสับระส่ายขึ้นทันใด!
ส่วนทางด้านจวิ๋นหลี่จิวที่เดินต่อท้ายตามมาก็ได้แต่แสยะยิ้มเยาะ ส่งแววตาอาฆาตสายหนึ่งสาดใส่จวิ๋นรั่วราวกับต้องการจะสับนางเป็นหมื่นชิ้น
ไฉนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถึงมีจิตใจต่ำทรามปานนี้ได้?
ขนาดเขาเองยังไม่กล้าจินตนาการเลยว่า หากเมื่อคืนหลิงฉางเจวี่ยไม่ได้เข้ามาช่วยน้องสาวของเขาเอาไว้ และวันนี้ต้องถูกทุกคนในตระกูลพบเห็นภาพฉากอันสังเวทโดยพร้อมเพรียง จิตใจของนางจะย่ำแย่ถึงเพียงใด?
ไม่กล้าคิดต่อเลยจริงๆ!
ทั้งจวิ๋นรั่ว จวิ๋นจ้านและจวิ๋นหลี่จิว อีกทั้งยังมีหมอและคนรับใช้อื่นๆ อีกนับหลายสิบกำลังเดินตรงเข้ามาในเรือน หลี่หวงที่ลอบมองจากหน้าต่างก็เค้นเสียงหัวเราะเยาะออกมาอย่างสนุกสนานเช่นกัน ผลกรรมที่คิดจะทำลายชื่อเสียงของนางให้ป่นปี้ คืออนาคตของพวกเจ้าที่ดับสูญ!
หลังจากที่ทุกคนเดินตรงเข้ามาในเรือนบุปผาโปรยปราย ยิ่งเดินเข้าใกล้ห้องนอนของหลี่หวงเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที โดยเฉพาะกับจวิ๋นจ้านที่หน้าถอดสีอย่างมาก
เพราะเสียงครางเสียวที่ดังกระหึ่มออกมาจากในห้อง เขาทราบดีว่านั่นเป็นสุ้มเสียงของใคร!
จวิ๋นจ้านถึงกับมือไม้อ่อนไม่กล้าเปิดเข้าไปเผชิญหน้ากับความจริง
แต่จวิ๋นรั่วที่ได้รับคำสั่งกำชับจากท่านแม่ พอได้ยินเสียงครางกระเส่าเหล่านั้นก็นึกดีใจ...นังแพศยากำลังบรรเลงรักกับชายเลี้ยงหมูอยู่พอดี! นี่แหละโอกาสทองแล้ว!
เห็นว่าจวิ๋นจ้านลังเลไม่กล้าเปิดประตูเข้าไปสักที จวิ๋นรั่วจึงชิงจังหวะนี้พุ่งตัวเข้าไปเปิดแทนโดยตรง!
“กรี๊ดดดด!!!!”
จวิ๋นรั่วกรีดร้องเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งจวนตระกูลจวิ๋นราวกับโดนเชือด!
สีหน้าการแสดงออกของจวิ๋นจ้านมืดทมิฬลงถึงขีดสุด เมื่อได้เห็นความจริงว่า ใครกันที่อยู่ในห้อง!
บนหน้าผากปรากฏเส้นเลือดปูดโปนเป็นเส้นหนาสีเขียวคล้ำ
จวิ๋นหลี่จิวและคนอื่นๆ ที่เหลือรีบวิ่งเข้ามาดูทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง ก่อนจะรีบปิดจมูกเพราะกลิ่นคาวสีข้นขาวกระจายไปทั่วทั้งห้อง!
“ได้! ได้! ได้!!!”
จวิ๋นจ้านระเบิดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ยามนี้เขาโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด ทำให้จวิ๋นรั่วที่ได้ยินเสียวสันหลังวูบ ใจสั่นระรัวด้วยความหวาดกลัวสุดขีด!
ชั่วขณะนั้นเอง นางรีบวิ่งออกไปเพื่อที่จะพยายามแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้า และฉุดลากร่างของแม่ออกจากสมรภูมิรักเดือด
“ท่านแม่! ตื่นสิ! ตื่นเดี๋ยวนี้! ขอร้องเถิดท่านแม่!!!”
จวิ๋นรั่วเขย่าร่างของแม่ตัวเองอย่างแรงไม่หยุด หวังว่าจะสามารถดึงสติของนางกลับมาได้
แต่ยาที่หลี่หวงจับกรอกปากเป็นถึงไวอากร้าสำหรับใช้ผสมพันธุ์ม้า มีหรือจะลบล้างฤทธิ์ยาออกไปได้โดยง่าย?
สีหน้าการแสดงออกของฮูหยินรองส่อแววไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง นางออกแรงสะบัดร่างของจวิ๋นรั่วจนล้มหัวคะมำและกล่าวว่า
“ไสหัวไป นังแพศยา!”
“ท่านพี่~ เรามาต่อกันอีกยกเถอะ...”
จวิ๋นรั่วถึงกับทรุดร้องนิ่งอยู่กับพื้นด้วยความหดหู่เกินบรรยาย จบสิ้นแล้ว!
ทันทีที่จวิ๋นจ้านได้ยินคำกล่าวนั้นของฮูหยินรอง เขาก็ไม่พูดพล่าม ย่างสามขุมตรงไปหาทั้งสองที่กำลังบรรเลงเพลงสวาทกันอยู่
“อ๊ากกก!!!”
ฮูหยินรองถูกจวิ๋นจ้านถีบตัวปลิวไปติดอยู่ข้างกำแพงมุมหนึ่งของห้อง นางกรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
ส่วนชายฉกรรจ์ใบหน้าอัปลักษณ์ก็ถูกจวิ้นจ้านกระทืบเข้าที่กลางอกจนพื้นดินทั่วบริเวณสั่นไหว จนหัวใจแตกสลายเป็นเสี่ยง ตายคาที่
หลี่หวงที่แอบเฝ้าดูอยู่ห้องเคียงข้าง พอเห็นว่าสถานการณ์มันพัฒนาถึงขั้นนี้ แล้วแสยะยิ้มเยาะฉีกกว้างอย่างมีความสุข
ลูกถีบของจวิ๋นจ้านค่อนข้างแรงมาก แรงซะจนฮูหยินรองที่สะลึมสะลือพลันตื่นจากภวังค์ความใคร่ นางกะพริบตาปริบๆ กวาดสายตามองไปโดยรอบ ก่อนจะวกกลับมาสำรวจดูสภาพตัวเองในขณะนี้
!!!!!
สัญชาตญาณจากเบื้องลึกสุดของจิตใจได้บอกนางว่า ทุกอย่างมันจบสิ้นแล้ว!
“นังแพศยา! สันดานเนื้อในของเจ้าช่างสกปรกโสโครก!”
จวิ๋นจ้านยกมือทั้งสองขึ้นไพล่หลัง มองดูฮูหยินรองที่หน้าเสียจนซีดเผือดเป็นแผ่นกระดาษ ความโกรธเกรี้ยวและจิตสังหารที่ทอประกายออกมานั้นช่างเข้มข้นยิ่ง!