ตอนที่ 269+270 เสแสร้ง
เจียงเหยาเอียงศีรษะไปด้านข้างเล็กน้อย กัดริมฝีปากของเธอเบา ๆ ขณะที่เธอพยายามรักษารอยิ้มที่พยายามจะแผ่กว้างบนใบหน้าของเธอ
เธอเฝ้าดูลู่ชิงสีอย่างเงียบ ๆ ซึ่งกำลังขับรถด้วยมือเพียงข้างเดียว โดยอีกข้างกุมมือเธอไว้ตลอด เธอยิ้มเบา ๆ นี่คือลู่ชิงสีที่เธอรู้จัก
ผู้ชายที่มักจะพูดเพียงไม่กี่คำ แล้วอยู่ข้างเธออย่างเงียบ ๆ และถึงแม้เขาจะไม่พูดอะไรออกมาเลย ความจริงก็คือเขาพอใจที่จะตัดติดกับเธอตลอด 24 ชั่วโมง
เมื่อถึงกองทัพ การเดินทางจากสนามบินมาถึงกองทัพล่าช้าไปครึ่งชั่วโมง เพราะห้วงเวลาที่จอดข้างทางนั่น ลู่ชิงสีจับมือเธอจนสุดท้าย กระทั่งถึงกองทัพจึงปล่อยมือเธอ
“ขับรถแบบนี้ไม่กลัวเกิดอุบัติเหตุบ้างหรือไร” เจียงเหยาบ่นอยู่เป็นพัก ๆ ระหว่างการเดินทาง เธออดไม่ได้ที่จะกระซิบบอกลู่ชิงสีอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขามาถึง
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงเหยา ลู่ชิงสีหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อมาถึงถนนสั้นนี้ เขาสามารถหลับตาขับก็ยังได้ ไม่มีปัญหาอะไรเลยสำหรับการขับรถด้วยมือข้างเดียว เป็นเพียงแค่เรื่องง่าย ๆ สำหรับเขา
ลู่ชิงสีขับรถตรงไปยังอาคารที่พัก ที่นี่มีอาคารที่พักอยู่สองหลัง หลังหนึ่งเพิ่งถูกสร้างเมื่อไม่กี่ปีก่อนและอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย เป็นอาคารธรรมดาที่พักได้หนึ่งครอบครัว มีลานขนาดใหญ่และห้องด้านหลังยังเป็นพื้นที่โล่งสำหรับแปลงผัก
อีกอาคารหนึ่งเป็นอาคารใหม่ที่ลู่ชิงสีกำลังจอดรถ เป็นอาคารที่สร้างในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีทั้งหมด 7 ชั้น มีบ้านพักอยู่ 2 หลังต่อ 1 ชั้น โดยแต่ละห้องเป็นห้องพักแบบ 2 ห้องนอน ลู่ชิงสีอาศัอยู่ที่ชั้นห้าด้านขวาของอาคาร
รถจอดอยู่ชั้นล่าว และเจียงเหยาเห็นกลุ่มผู้ชายในเครื่องแบบยืนอยู่หน้าอาคารก่อนที่เธอจะลงจากรถ
“ถึงแล้ว ไปกันเถอะ” ลู่ชิงสีกล่าวก่อนจะลงจากรถ เขาหยิบสัมภาระของเจียงเหยาออกมา พร้อม ๆ กัน และเรียกคนที่อยู่ท่ามกลางฝูงคนออกมา “จินไฉ่เหลียง!”
ร่างนั้นสั่นสะท้านเล็กน้อย พึมพำว่าสายตาของคน ๆ หนึ่งไม่น่าจะมองเห็นได้ดีในระยะไกลขนาดนี้ ขณะที่เขาเดินผ่านฝูงชน “นี่..” ดวงตาของเขาหันไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ลู่ชิงสี รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา พร้อมกับทักทายเธอ “สวัสดีครับ คุณผู้หญิง”
ลู่ชิงสียกมือขึ้นและชกไปที่ไหล่ของจินไฉ่เหลียง ไม่แรงทว่าไม่เบา จนทำให้จินไฉ่เหลียงบ่นและยกมือขึ้นถูกบริเวณไหล่ที่ถูกกระแทก
“หยุดเสแสร้งได้แล้ว” ลู่ชิงสีพูด ขณะโยนกุญแจไปที่จินไฉ่เหลียง “ขับรถกลับที”
จินไฉ่เหลียงกลับมามีสีหน้าปกติ รับกุญแจที่เขาโยนออกมา พึมพำด้วยความขุ่นเคือง “จ่าก็งกเสียจริง แค่พูดกับคุณผู้หญิงคำสองคำก็ไม่ได้”
เขาเปิดปากตั้งใจจะพูดกับเจียงเหยาอีกสักสองสามประโยค ทว่าสายตาของจ่าก็ทำให้ความหวังของเขาดับวูบ ลืมคำพูดที่ติดอยู่ปลายลิ้น แล้วรีบกระโดดขึ้นไปในรถแล้วสตาร์ทรถ ก่อนจะออกรถไปในที่สุด
“วิ่งเร็วยังกับกระต่าย” ลู่ชิงสีหัวเราะอย่างมืดมน หันไปทางเจียงเหยา “นั่นคือจินไฉ่เหลียง เป็นหน่วยข่าวของกองทัพเรา”
หลังจากแนะนำคนที่รีบเพ่นออกไป เขาก็กวักมือเรียกคนอื่น ๆ ที่ยังคงรวมตัวกันออกมา และถามออกไป “ดูเหมือนจะมีเวลาเหลือเฟือเลยนะ สงสัยเวลาฝึกจะน้อยเกินไป?”
มีเสียงเอะอะดังขึ้นท่ามกลางชายหนุ่มที่ผลักกันไปมา ก่อนที่หนึ่งคนในพวกเขาจะก้าวออกมาข้างหน้าสุด ดูเหมือนเขาจะได้รับเลือกให้เป็นตัวแทน
“ตอบจ่าครับ! เราคิดว่าคุณผู้หญิงกำลังจะมา เลยออกมารอ เผื่อจะสามารถช่วยอะไรได้ครับ นั่นคือเหตุผลที่พวกเรามารออยู่ที่นี่ครับ!” หลังจากโจวจุนหมินพูดจบ เขาก็ไม่รอคำตอบจากลู่ชิงสี เขาหันไปทางเจียงเหยาและแนะนำตัว “สวัสดีครับ คุณผู้หญิง ผมโจวจุนหมิน เป็นมือขวาของจ่าครับ ในฐานะตัวแทนของหมวดเรา พวกเรายินดีต้องรับคุณผู้หญิงครับ!”
__
หลังจากพูดคำเหล่านั้นโจวจุนหมินก็เหลือบมองไปที่ลู่ชิงสี แล้วพูดต่อว่า “คุณผู้หญิง สวยมากเลยครับ!”
โจวจุนหมินหันหลังหนีทันทีที่พูดจบ เขาผลักคนอื่น แล้วรีบวิ่งไปซ่อนตัว!
เมื่อโจวจจุนหมินจากไป คนอื่น ๆ ก็ทำอย่างเขาบ้าง พอพูดจบก็รีบวิ่งหนีไปจากที่เกิดเหตุ ใครจะโง่พอที่จะยืนรอให้ขวานตกลงมากลางหัวเล่า!
“คนนี้พวกนี้ขาดการฝึกสินะ” ลู่ชิงสีพูดขณะที่ดวงตาของเขามืดลง มองดูกลุ่มชายฉกรรจ์หนีไป “มือขวาเหรอ ฉันไม่ยักกะรู้ว่าเด็กโง่นั้นเป็นมือขวาของฉัน หน้าหนาเสียจริง กล้าพูดมาได้ว่าเป็นตัวแทนของกองด้วย”
แม้ว่าปากของของเขากำลังวิพากษ์วิจารณ์โจวจุนหมินที่วิ่งหนีออกจากที่เกิดเหตุไปแล้ว แต่ลูกน้องคนอื่นก็รับรู้ถึงคำพูดที่แผ่วเบานั้นของเขาอย่างชัดเจน
เมื่อร่างสุดท้ายหายลับไปจากสายตาของพวกเขา ลู่ชิงสีก็พาเจียงเหยาขึ้นไปข้างบน ขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่ เขาพูด “โจวจุนหมินเป็นหนึ่งในหัวหน้ากองภายใต้การดูแลของผม แบบเดียวกับหัวหน้าของพวกเขา พวกเขาเลยเข้ากันได้ดีน่ะ”
“ดูเหมือนพวกเขาจะกลัวคุณมากนะคะ” เจียงเหยาคิดถึงฉากที่ค่อนข้างตลก โดยที่โจวจุนหมินกลัวลู่ชิงสีอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังอยากที่จะแหย่หนวดมังกรอีก เขาคงไม่มีโอกาสได้เห็นปฏิกิริยาของลู่ชิงสีที่พูดถึงเขา เขาวิ่งออกไปเกือบจะทันทีที่พูดจบ ราวกับมันเป็นปฏิกิริยาที่ฝังแน่นอยู่ในใจ
“ฮ่าฮ่า...” ลู่ชิงสีหัวเราะคิกคักโดยไม่อธิบายให้เจียงเหยาว่าในกองทัพนี้ มีเพียงไม่กี่คนที่ไม่กลัวเขา และอาจนับได้เพียงนิ้วมือเพียงข้างเดียวเท่านั้น บรรดาผู้ที่กลัวเขาต่างแอบตั้งฉายาเขาว่า ยมทูตลู่ ลับหลังเขา
พวกเขาพูดคุยกันจนขึ้นมาถึงชั้น 5 ขณะที่เขาหยิบกุญแจออกมาเปิดประตู เขาหันไปมองเจียงเหยาอีกครั้ง
เขาคิดว่าเจียงเหยาคงบ่นว่าที่พักเขาอยู่หลายชั้นเกินไปและต้องเดินจนปวดขาเสียอีก เขาจึงพยายามหันเหความสนใจเธอด้วยการชวนคุย ระหว่างที่เดินขึ้นมาไม่ได้หยุดพักเลย แต่ก็ไม่มีสัญญาณการระคายเคืองปนมากับน้ำเสียงและไม่มีอาการบึ้งตึงบนใบหน้าของเธอที่ต้องเดินขึ้นมาถึงชั้น 5
เจียงเหยาสับสนว่าเหตุผล ลู่ชิงจึงจ้องมาองเธอ เขายังไม่เปิดประตู เมื่อเห็นว่าเขายังไม่เคลื่อนไหว เธอจึงพูดขึ้น “ทำไมไม่เปิดประตูล่ะคะ มีอะไรติดที่หน้าของฉันหรือเปล่า”
ด้วยคำพูดของเธอ ทำให้ลู่ชิงสีได้สติคืนกลับมา ขณะที่เขากำลังเปิดประตู เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าใบหน้าของผู้หญิงของเขาสวยงามกว่าดอกไม้ใด ๆ ในโลกเสียอีก
บางทีอาจเป็นเสียงของพวกขเที่ดังลอดผ่านกำแพงเข้าไป ทำให้มีประตูห้องฝั่งตรงข้ามเปิดออก พร้อมกับผู้หญิงสวมเสื้อสเวตเตอร์สีเทาและกางเกงสีดำหลวม ๆ เดินจับมือกับเด็กหญิงอายุแปดขวดออกมา
“โอ้ ผู้บัญชาการลู่ กลับมาแล้วเหรอคะ นี่คงเป็นภรรยาของคุณสินะคะ” ผู้หญิงคนนั้นทักทายพวกเขาอย่างอบอุ่น แล้วเธอก็หันไปทางลูกสาวของเธอ “เวินเวิน ทักทายคุณน้าสิลูก”
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ดูเขินอาย ขณะที่เธอไปซ่อนตัวอยู่หลังขาแม่ของเธอโดยไม่พูดอะไรเลย เธอมองออกมาจากด้านหลัง มองดูลู่ชิงสีและเจียงเหยาอย่างเงียบ ๆ
“ใช่ครับ นี่ภรรยาของผมเอง เจียงเหยา เธอมาเยี่ยมในวันหยุดวันชาติครับ” ลู่ชิงสีแนะนำเธอ “เธอเพิ่งลงมาจากเครื่องบิน รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ไว้วันหลังพวกเราจะแวะไปทักทายนะครับคุณเก”
พูดจบ ลู่ชิงสีสะกิดเจียงเหยาให้เข้าไปในประตูโดยไม่พูดอะไร และปิดประตูลง พูดตามตรง วิธีการตัดบทของลู่ชิงสีค่อนข้างไร้มารยาท ทว่าเขาคุ้นเคยกับการทำสิ่งต่าง ๆ ในแบบของเขาแล้ว และไม่คิดว่าการกระทำของเขาเป็นสิ่งที่ผิด
เจียงเหยาตระหนักดีถึงอารมณ์ของลู่ชิงสีและความต้องการของเขาในการรักษาภาพลักษณ์ในกองทัพ ถ้าเขาต้องคอยกังวลกับความคิดเห็นของอีกฝ่าย เขาก็คงไม่มีความมั่นใจในการไล่ต้อนคนอื่นแบบที่เขาเพิ่งทำ
เธอเดินตามลู่ชิงสี ที่ถือกระเป๋าเดินทางของเธอไปยังห้องนอน ห้องนั้นเรียบง่าย มีโต๊ะ ตู้เสื้อผ้า เตียง ดูเหมือนภาพที่ลู่ชิงสีส่งให้เธอ
เมื่อเข้าไปในห้อง ลู่ชิงสีเริ่มคุยกับเธอเกี่ยวกับผู้หญิงคนที่เพิ่งพบเมื่อสักครู่ ไปพร้อมกับจัดเสื้อผ้าของเจียงเหยาเขาไปในตู้เสื้อผ้า