ตอนที่ 153 การต่อสู้ที่ด่านหน้า 57 ตอนปลาย(อ่านฟรี)
ตอนที่ 153 การต่อสู้ที่ด่านหน้า 57 ตอนปลาย
“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม” กายเข้ามาหามีอา ก่อนจะยื่นมือออกไป
“ข้าไม่เป็นอะไร” มีอายื่นมือไปจับมือของกาย และกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าเล็กน้อย
“ต้องเข้าไปในหอระฆังจัดการพวกพลธนูก่อน คนเหล่านั้นเป็นภัยคุกคามเกินไป” มีอากล่าวพร้อมกับหันหน้าไปมองพลธนูบนหอระฆัง
หอระฆังเป็นเหมือนกับหอคอยขนาดใหญ่ที่ยังอยู่ในสภาพที่ดี เพราะมันได้รับการซ่อมแซมในช่วงที่ทหารนครดาราสาปแช่งเป็นด่านหน้า 57
“เข้าทางนั้น” กายชี้ไปยังจุดหนึ่งซึ่งเป็นประตูหลักและทหารนครแสงเทวาก็กำลังถอย
หลังจากทั้งสองปะทะและหลบหลีกศัตรูจนเข้าประชิดหน้าประตูได้แล้ว ในตอนนั้นเองก็มีพลธนูที่อยู่บนหอระฆังสูงขึ้นไปไม่กี่เมตรโผล่หน้าออกมา ก่อนจะใช้ศรที่อัดแน่นด้วยศิลปะการต่อสู้ เจาะทะลวงขั้น 3 ยิงใส่กายและมีอา กายเห็นดังนั้นรีบผลักตัวของมีอาและถีบเท้าหลบ
ปัง!
ศรเจาะเข้าๆ ไปพื้นหินจมลงไปครึ่งก้าน พลทหารเห็นว่าตนยิงพลาดก็อ้างอีกดอก เล็งยิงและเป้าหมายก็เป็นมีอา เพราะคิดว่าพลังของมีอานั้นคุกคามพวกตนมากเกินไป
กายพ่นลมหายใจ หึ! ออกมา ก่อนจะโยนดาบหักสังหารขึ้น
“ศิลปะการต่อสู้ ทุบ ขั้น 2”
ปัง!
ค้อนสั่นสะเทือนโจมตีไปที่ด้ามจับดาบหักสังหารส่งให้ดาบหักสังหารพุ่งขึ้นไปในแนวตั้งฉากตรงเข้าหาพลธนูนายนั้น
“อะไรกัน!” พลธนูอุทานด้วยความตกใจ แต่ก็สายเกินกว่าจะหลบได้ทันแล้ว
ดาบหักสังหารเสียบเข้าเต็มหน้าอกของทหารบนหอระฆัง ก่อนที่แรงปะทะจะส่งให้ร่างลอยขึ้นและตกลงกระแทกขอบหน้าต่างหิน จากนั้นก็ร่วงลงเบื้องล่าง กายรอรับดาบที่เสียบคาอกทหารพลธนูอยู่แล้ว
“เสร็จไปอีกหนึ่ง” กายพึมพำออกมา
ในตอนนั้นเองก็เกิดเสียงระเบิดดัง ตู้ม!ทำเอาทุกคนมองไปตามเสียงระเบิด เห็นเพียงกลุ่มหมอกฝุ่นและควันไฟ จุดที่ห่างมีอาไม่มากนัก
เมื่อฝุ่นจากลงก็เผยให้เห็นหัวหน้าหน่วยทหารฝ่ายนครแสงเทวา ที่พึ่งลอยมากระแทกเข้ากับกำแพงหอระฆัง สภาพเต็มไปด้วยบาดแผลจากไฟไหม้ เกราะเหล็กที่ตัวเกิดรอยยุบแตกเสียหายหลายแห่ง ในมือมีดาบยาวที่กำไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
ใบหน้าแสดงถึงความโกรธและเดือดดาล แต่ก็ยังแฝงไว้ซึ่งความกลัว
“บัดซบ!ข้าต้องถอยก่อน” หัวหน้าหน่วยผู้นั้นสบถด้วยความหงุดหงิด พร้อมกับเช็ดเลือดที่มุมปาก
หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นมา เตรียมถอยหนีทันที ทหารนครแสงเทวาเข้ามาปกป้องหัวหน้าตนขณะหนี แต่แน่นอนว่าฝั่งของหัวหน้าหน่อยทิฟอนก็ไม่คิดจะปล่อยให้หนีไปได้ง่าย ๆ เช่นกัน ทำให้ทหารหน่วยที่ 7 ต่างทุ่มกำลังเต็มที่เข้าปะทะ
“ถ่วงเวลาไว้” หัวหน้าหน่วยกล่าวกับทหารฝั่งตนพลางลุกถอยออกมา
“หยุดเขา” ทิฟอนกล่าวขณะเช็ดเลือดมุมปาก เขาก็บาดเจ็บเช่นกันจากการปะทะกันก่อนหน้านี้
แต่ถึงหัวหน้าหน่วยทิฟอนจะบอกให้ทุกคนช่วยกันหยุดหัวหน้าหน่วยศัตรูจาการถอยหนี แต่ทหารแทบจะทั้งหมดต่างก็ปะทะกับทหารอีกฝั่ง จึงไม่มีใครที่อยู่ใกล้และละจากคู่ต่อสู้มาสกัดหัวหน้าหน่วยได้
ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนหนึ่งที่อยู่ใกล้
มีอามองไปที่หัวหน้าหน่วยศัตรู ก่อนจะพุ่งเข้าไปสกัดหัวหน้าหน่วยอย่างไร้ซึ่งความลังเล
“ขยะ! คิดจะขวางข้าอย่างนั้นเหรอ” หัวหน้าหน่วยผู้นั้นพูดเสียงต่ำและตวัดดาบฟันมีอาด้วยดาบยาวในมือ ถึงหัวหน้าหน่วยจะมีพลังสูงกว่า แต่ในเรื่องเทคนิคดาบกลับดูอ่อนด้อยกว่ามีอาอยู่ขึ้นหนึ่ง ซึ่งสิ่งนี้เรียกว่าความห่างชั้นของอัจฉริยะกับคนธรรมดา
ดาบดาซี่มือของมีอาฟันเข้าไปที่ช่วงท้อง แต่ถึงจะมีเทคนิคดาบที่ดีกว่า แต่ก็อย่างไรหัวหน้าหน่วยฝ่ายศัตรูก็ยังเป็นถึงนักรบแท้จริง จึงกลบช่องว่างนี้อย่างไม่ยากนัก
หัวหน้าหน่วยโจมตีด้วยลูกแตะรุนแรงเข้าใส่มีอา ซึ่งหญิงสาวไม่มีทางเลือกจึงต้องยกเลิกการโจมตีใส่ท้องและหันมาป้องกันตัวเองแทน เพราะมีอารู้ว่าการพลังโจมตีของเธอมีจำกัด แต่ถ้าเธอโดนลูกแตะของหัวหน้าหน่วยไปอาจจะบาดเจ็บหนักได้
มีอาตีลังกาทิ้งตัวหลบออกไปได้อย่างเฉียดฉิว แต่ทางฝั่งของหัวหน้าหน่วยก็ไม่ยอมแพ้ตามมาโจมตีซ้ำ เพราะมีอายังข้างเส้นทางของเขาอยู่
“ศิลปะการต่อสู้ รูปแบบปลดล็อกขีดจำกัด จิตใจแห่งนักรบ ขั้น 1” มีอาหลับตาก่อนจะลืมตาขึ้นมาในวินาทีต่อมา สายตาของหญิงสาวแปรเปลี่ยนเป็นมั่นคงและสงบนิ่งมาก
ก่อนที่เธอจะเสริมด้วยอีกหนึ่งศิลปะการต่อสู้ “ปลดล็อกขีดจำกัด ความเร็ว ขั้น 1”
“หึ” หัวหน้าหน่วยเห็นการเปลี่ยนแปลงของมีอาก็รู้ทันทีว่าหญิงสาวตรงหน้าตนนั้นไม่เหมือนทหารทั่วไป เพราะทหารทั่วไปไม่มีศิลปะการต่อสู้ ปลดล็อกขีดจำกัด แม้แต่ตัวของเขาก็ไม่มี นั้นจึงเป็นเหตุผลว่าที่สู้กับหัวหน้าหน่วยทิฟอนเมื่อครู่ทำไมถึงเสียเปรียบ เพราะฝั่งหัวหน้าหน่วยทิฟอนมีศิลปะการต่อสู้ ปลดล็อกขีดจำกัดความเร็วเข้ามาเสริมจึงได้เปรียบในเรื่องความเร็ว
และสะกดข่มจนจัดการหัวหน้าหน่วยของทหารนคแสงเทวาได้แบบนี้
“ถึงอย่างนั้นเจ้าเลือกขวางทางข้าก็ต้องตาย”
มีอาและหัวหน้าหน่วยปะทะกันด้วยความเร็ว คนหนึ่งโจมตีคนหนึ่งหลบหลีกและก็โจมตีสวนกลับ แต่ส่วนใหญ่แล้วมีอาเป็นฝ่ายหลบเสียมากกว่า ถึงเช่นนั้นเธอก็ยังรักษาตำแหน่งในการขวางทางหนีของหัวหน้าหน่วยฝ่ายศัตรูได้เป็นอย่างดี โดยอาศัยความเร็วและจิตใจแห่งนักรบสู้
หัวหน้าหน่วยมองด้วยความโมโห เนื่องจากรู้เห็นว่าอีกไม่กี่สิบวินาทีทางหัวหน้าหน่วยทิฟอนจะตามมาทันแล้ว
“อยากตายนัก!...ข้าจะสงเคราะห์ให้!” หัวหน้าหน่วยเปลี่ยนท่าทีของตน ดาบยาวในมือสั่นไหวเบา ๆ ก่อนจะปลดปล่อยพลังที่น่าหวาดหวั่นออกมา
มันคือดาบที่มีจิตวิญญาณผนึกอยู่ เหมือนกับของหัวหน้าหน่วยทิฟอน มีอาหรี่ตามองอย่างระวัง
“ตาย!!” หัวหน้าหน่วยตวัดดาบยาวฟาดฟันเข้าใส่มีอาอย่างเต็มกำลัง
ด้วยพลังของดาบยาวที่ไม่รู้ว่าผสานกับจิตวิญญาณ อีกทั้งแรงกดดันแปลก ๆ ซึ่งส่งมาจากจิตวิญญาณในดาบยังยับยั้งความเคลื่อนไหว จนมีอาไม่สามารถขยับตัวหลบได้ทัน
มีอาทำได้เพียงยกดาบเดซี่ขึ้นมาต้านรับไว้
ดาบยาวฟันเข้าใส่ดาบเดซี่อย่างรุนแรง แสงจากดาบทั้งสองที่ปะทะกันสนั่นหวั่นไหว จนเสียดแทงหูทุกคนที่ได้ยินและตอนนั้นเองดาบเดซี่ ดาบระดับ 5 ก็เกิดบิ่นเล็ก ๆ ขึ้นมา ก่อนที่มีอาจะรับไม่ไหวอีก ดาบเดซี่กระเด็นหลุดมือไปหล่นไกลออกไปหลายเมตร ส่วนมีอา หญิงสาวก็โดนแรงปะทะจากการโจมตีกระแทกถอยหลังก่อนจะเสียหลักกลิ้งไปหลายสิบเมตร
มีอาอยู่ในสภาพบาดเจ็บและอ่อนล้าทางจิตใจจากการใช้ศิลปะการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การต่อสู้ของมีอาและหัวหน้าหน่วยจนถึงตอนนี้ผ่านมาแค่ 15 วินาทีเท่านั้น ซึ่งถือเป็นนับเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดของมีอา
“ตายซะ”
“ศิลปะการต่อสู้ ฟาดฟัน ขั้น 4”
หัวหน้าหน่วยไม่คิดจะปล่อยมีอาไปง่าย ๆ เขาตามมาโจมตีซ้ำสองอีกครั้ง
ไม่!
กายพุ่งเข้ามารับการโจมตีรอบด้วยดาบหักสังหารโดยไม่สนใจสิ่งใด แต่การโมตีกลับรุนแรงเกินไป เข่าของกายถึงกับทรุดลงไปข้างหนึ่ง ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ยอมปล่อยดาบหักสังหารให้หลุดมือ
ใบหน้าของหัวหน้าหน่วยเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมที่โดนนักรบฝึกหัดสองคนมาขัดขวางอย่างต่อเนื่อง ดาบของหัวหน้าหน่วยขูดไปกับดาบหักสังหาร เกิดประกายไฟในจุดที่ดาบปะทะกัน แต่กระนั้นดาบยาวก็ไม่อาจจะฟันดาบหักสังหารขาดสองท่อนได้
ดาบยาวในมือของหัวหน้าขูดไปกับดาบหักสังหารจนสุดปลายดาบ โดยกายใช้ไหล่ของตนเข้ามาช่วยรับน้ำหนักการโจมตีด้วยความยากลำบาก จนในที่สุดเมื่อดาบยาวก็ลากยาวสุดปลายดาบหักสังหารทำให้การโจมตีลงบนพื้นหิน
การโจมตีนี้ของหัวหน้าทหารฝ่ายนครแสงเทวาสร้างรอยฟันลึก 2 เมตร แต่กลับไม่อาจจะสร้างความเสียหายให้กับดาบหักสังหารได้เลยแม้แต่น้อย
“ดาบระดับสูง” หัวหน้าหน่วยพูดด้วยความแปลกใจ สายตาเต็มไปด้วยความโลภ ดาบหักสังหารไม่ความเสียหายหลังจากรับพลังมากขนาดนั้นไป จึงรู้ว่าดาบนี่ไม่ธรรมดา
“เอาดาบนั้นมาแล้วข้าจะไว้ชีวิต...”
แต่ก่อนจะได้พูดจนจบในเสี้ยววินาทีนั้นใบหน้าของหัวหน้าหน่วยก็ผิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดที่กระจายมาจากตรงหว่างขา
กายใช้ค้อนสั่นสะเทือนผสานศิลปะการต่อสู้ ทุบ เสยขึ้นไปกลางหว่างขาของหัวหน้าหน่วยอย่างไร้ซึ่งความปรานี เขาไม่สนใจว่านี่จะเป็นวิธีสกปรกหรือไม่ เพราะในสงครามที่สถานการณ์เป็นตายเช่นนี้ ขอแค่ชนะก็พอ คนแพ้คือผู้ที่ลงไปนอนตายหมดแล้ว
หน้าของหัวหน้าหน่วยเขียวคล้ำ มันทั้งจุก ทั้งเจ็บและทั้งโกรธด้วยความอับอายในเวลาเดียวกัน ในใจสาปแช่งเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่หยุด
“ข้า...จะฉีก...เจ้าเป็นชิ้น ๆ!” หัวหน้าหน่วยนั้นกัดฟันกล่าวด้วยความอาฆาต แต่มันก็ได้แค่พูดเพราะในตอนนี้ขยับตัวไม่ไหวจากอาการจุก ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกศรดอกหนึ่งที่ยิงมาจากหัวหน้าหน่วยทิฟอนทะลวงยิงเข้าที่ลำคอฉีกลูกกระเดือกและหลอดลมหายไปพร้อมกับศรที่ปักเข้ากำแพงหอระฆัง
ดวงตาของหัวหน้าหน่วยทหารนครแสงเทวาเบิกกว้าง ดาบยาวในมือหล่นลงพื้นดัง เคล้ง ก่อนที่มือทั้งสองจะขึ้นมาจับคอตนเองด้วยความตกใจตามสัญชาตญาณ ขณะที่เลือดทะลักออกมาเพราะพยายามจะหายใจ
กายเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า ฉวยโอกาสตวัดดาบสังหารขึ้นด้วยกำลังทั้งหมดตัดเข้าไปที่คอซึ่งเหลือเพียงครึ่งเดียว ‘ตุบ!’ หัวของหัวหน้าหน่วยนายนั้นกลิ้งหล่นลงพื้น ภายใต้สายตาที่ตกใจของทหารสองฝ่าย
ทุกคนในที่นี้ไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วแสงสุดท้ายของชีวิตหัวหน้าหน่วยนครแสงเทวาที่คุมด่านหน้า 57 จะจบลงเช่นนี้ จบลงด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มที่เป็นเพียงนักรบฝึกหัดระดับ 2
แม้ว่าการโจมตีรุนแรงจนที่สุดจะไม่ได้มาจากกายก็ตาม แต่ดาบสุดท้ายที่กายก็ตัดหัวของหัวหน้าหน่วยนครแสงเทวา ซึ่งเป็นนักรบแท้จริง ระดับ 1 ไม่เปลี่ยน
กายไม่สนใจท่าทีของทหารทุกคน ตอนนี้ด้วยการฝืนตนเองรับการโจมตีของนักรบแท้จริงระดับ 1 แม้จะไม่ใช่พลังโจมตีในสภาพสมบูรณ์ของนักรบแท้จจริง แต่กายก็ยังปวดร้าวไปทั้งร่างกาย มือของกายไม่อาจจะยกดาบหักสังหารไหวแล้ว เขารีบปักมันลงบนพื้นหิน
ในตอนนั้นเองพลธนูที่อยู่บนหอระฆังเห็นก็คิดจะฆ่ากาย ด้วยความแค้นที่สังหารหัวหน้าหน่วยตนหลอมรวมกับไม่รู้จะทำเช่นใดต่อ จึงง้างศรคิดจะสังหารกายทีเผลอ แต่ก่อนพลธนูจะได้ทำสิ่งใดก็มีศรเพลิงยิงเข้าใส่พลธนูบนหอระฆังจนระเบิดตู้ม! สังหารพลธนูผู้นั้นจนไม่เหลือซาก
เสียงระเบิดปลุกทุกคนตื่นจากภวังค์
“หัวหน้าพวกเจ้าตายแล้วยอมแพ้ซะ!” หัวหน้าหน่วยทิฟอนฉวยโอกาสนี้กล่าวให้ทหารฝ่ายนครแสงเทวายอมแพ้ทันที