Ep.18 - โลกวิญญาณเปิดอีกครั้ง
Ep.18 - โลกวิญญาณเปิดอีกครั้ง
อาจารย์ซูเป็นคนแบบไหนน่ะหรอ?
ดูจากปฏิกิริยาของฝูงสัตว์หื่นกระหายพวกนี้ก็น่าจะพอเดาได้คร่าวๆแล้วกระมัง
ซูหยุนปิงคือสาวงามแสนจะเย็นชาแต่ร่ำรวยอย่างแท้จริง เธอมีหุ่นดินระเบิด รูปร่างหน้าตาเรียกได้ว่าแทบจะสมบูรณ์แบบ เป็นอาหารตาชั้นดีสำหรับหนุ่มๆที่เดินผ่าน
แม้ในความเป็นจริงอายุของเธอใกล้จะขึ้นเลข 3 แล้ว แต่ก็ไม่เคยได้ยินเรื่องการแต่งงานเลย
เธอเคยถูกนักศึกษาแอบถ่ายตอนสอนในห้องเรียนแล้วเอารูปนั้นไปโพสลงเน็ต ผลคือกลายเป็นที่นิยมบนโลกออนไลน์ เรื่องของเธอติดท็อปเป็นระยะเวลาหนึ่ง ได้รับการยอมรับจากชาวเน็ตว่าเป็นครูที่สวยที่สุดในประเทศจีน
ฮังอวี่เองก็เคยเห็นรูปของเธอในเน็ต เรียกได้ว่าเป็นสาวงามที่คู่ควรกับฉายา ‘เทพธิดาของเหล่าผู้คลั่งไคล้’ และ ‘ยาชูกำลังชั้นดีของผองเพื่อนชาย’
อาจารย์ซูมีชื่อเสียงมากในมหาวิทยาลัยเจียงต้า แม้แต่ดาวมหาลัยจากหลายชั้นปีก็ยังถูกรัศมีของเธอบดบังจนหมอง
ดังนั้นเหล่าสัตว์ป่าหื่นกระหายจึงพากันยกย่องเธอว่าเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของเจียงต้า และไม่ว่าสาวงามเช่นเธอจะทำอะไร ก็มักดึงดูดสายตาของผู้คน
“น่าสนใจดีนี่ ถึงฉันจะไม่เคยเข้าเรียนในวิชาของอาจารย์ซู และไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าอาจารย์ซูเป็นคนแบบไหน”
“แต่ตอนนี้ จากข้อมูลประกาศรับสมัครงาน สถานะของอาจารย์ซูค่อนข้างชัดเจนแล้ว”
“เธอน่าจะเป็นคนประเภทเดียวกับเหล่าจ้าว ที่พยายามสร้างกองกำลังของตัวเองเพื่อรับมือสถานการณ์ในอนาคต คนที่สามารถตัดสินใจก้าวเดินก่อนคนอื่นได้เร็วขนาดนี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา”
ฮังอวี่แอบระวัง ครูคนสวยอาจไม่ใช่แค่แจกันที่เป็นเพียงเครื่องประดับ แต่อาจเป็นผู้หญิงฉลาดที่ทะเยอทะยาน มีแรงผลักดัน และมองการณ์ไกล
ความโกลาหลกำลังมาเยือน ท่ามกลางสถานการณ์ที่คนส่วนใหญ่เลือกยอมแพ้ จะมีสักกี่คนที่อาจหาญ ลุกขึ้นต่อต้านโชคชะตาเช่นจ้าวหมิงและซูหยุนปิง
แต่ใครจะสน?
นั่นไม่ใช่เรื่องของฉัน! ขอแค่ทำในส่วนของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว!
พรุ่งนี้ยังมีงานยุ่งอีกมาก ขอปิดไฟแล้วหลับพักผ่อนก่อนแล้วกัน!
ฮังอวี่โยนมือถือทิ้งข้างตัว ตั้งแต่เข้าสู่โลกวิญญาณ มือถือก็ได้รับความสามารถในการชาร์จแบตด้วยพลังงานวิญญาณแล้ว มันสามารถดูดซับอณูวิญญาณเล็กๆน้อยๆที่ล่องลอยอยู่ในอากาศได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จแบตอีกต่อไป
สองวันผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
ฮังอวี่ออกล่ากระต่ายกับไก่ภูเขาทั้งวันทั้งคืนเพื่อรวบรวมวัตถุดิบ ด้านเผิงต้าไห่มีหน้าที่รับผิดชอบในการซื้ออุปกรณ์และรับสมัครพนักงานใหม่
เวลานี้ทั้งสองมีวัตถุดิบที่เก็บสำรองไว้กว่า 1,500 ชุด , วัตถุดิบที่พร้อมเสิร์ฟกว่า 200 ชุด และวัตถุดิบที่ปรุงเสร็จแล้วกว่า 100 ชุด
ทว่าเวลานี้จำเป็นต้องหยุดงานในมือ เพราะคืนนี้จะเป็นครั้งที่สองที่ประตูสู่โลกวิญญาณถูกเปิดออก
“เจ้าอ้วนต้าไห่ อย่าขี้ขลาดไปหน่อยเลย! นายต้องคว้าโอกาสนี้ไว้!” ฮังอวี่พยายามเกลี้ยกล่อมเผิงต้าไห่ “ถ้านายไม่แข็งแกร่งขึ้น ในอนาคตมีแต่จะกลายเป็นเหยื่อที่ถูกคัดออกเท่านั้น!”
เผิงต้าไห่ประหม่ามาก เขากล่าวด้วยสีหน้าหดหู่ว่า “ทำไมในโลกวิญญาณถึงต้องสุ่มที่เกิดด้วย แบบนี้เมื่อไหร่ฉันจะหานายเจอ แล้วจะให้พาไปอัพเลเวลได้ยังไง”
“ถ้าพึ่งพาตัวเองไม่ได้ ก็รวมกลุ่มกับคนอื่นๆไปก่อน!” ฮังอวี่เหลือบมองนาฬิกา “ไม่ต้องพูดแล้ว ถึงเวลาแล้ว พวกเรารีบไปเถอะ”
นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน ประตูสู่โลกวิญญาณถูกเปิดออกอีกครั้ง!
ฮังอวี่จิ้มไอค่อนเกมบนมือถือ กระแสวังวนถูกปล่อยออกมาจากหน้าจอ กลืนร่างเขาในพริบตา พาเขาหายวับไปจากที่เดิม
...
เมื่อสติของฮังอวี่ฟื้นกลับมา เขาปรากฏตัวขึ้นในสถานที่สุดท้ายตอนออกจากโลกวิญญาณในครั้งก่อน
และแทบจะในเวลาเดียวกันกับที่ฮังอวี่ปรากฏตัว กระแสวังวนอีกสามสายก็ปรากฏขึ้นข้างกายเขา พร้อมร่างสามร่างถูกส่งออกมาจากข้างใน
คนแรกคือเจียงหนาน สาวสวยจากมหาวิทยาลัยเหยียนต้า
คนต่อมาคือจ้าวหมิง ประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจากเซินเจิ้น
สุดท้ายเป็นจางเสี่ยวเฉียงที่ยังคงย้อมผมทอง
เมื่อมาถึง เจียงหนานร้องตะโกนด้วยความดีใจ “สวัสดีพี่มหาเทพ! พวกเราเจอกันอีกแล้ว ยอดไปเลย!”
เสี่ยวเฉียงตะโกนต่อด้วยท่าทางเกินจริง “ลูกพี่! ผมคิดถึงพี่มากเลย!”
เหล่าจ้าวสุขุมที่สุด เขาเพียงยิ้มและพยักหน้าให้
ฮังอวี่มีบุคลิกเป็นคนประเภทสนิทกับคนอื่นค่อนข้างช้า เขาจะไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าเต็มร้อย แต่ถ้าใครที่สนิทด้วยแล้วจะเป็นกันเองมาก
ก็เหมือนกับเผิงต้าไห่ที่คบกันมาสี่ปี เขาสามารถพูดเปิดอกกันได้อย่างไม่ลังเล
สำหรับสามคนตรงหน้า เนื่องจากพึ่งรู้จักกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เลยยังไม่สามารถคบหากันแบบให้ความร่วมมือโดยสนิทใจได้
ฮังอวี่จึงยังคงปฏิบัติตัวต่อพวกเขาเหมือนกับว่ายังไม่ไว้ใจเต็มที่ ดังนั้นเมื่อเจอหน้ากัน เลยไม่แสดงออกว่าดีใจหรือเย็นชาจนเกินไป
ทว่าทัศนคติที่แสดงออกมาเช่นนี้ ในสายตาของเจียงหนานน้อยและเสี่ยวเฉียง มันกลับดูเป็นสไตล์ของผู้สูงส่ง พวกเขาไม่ถือสาหรือรังเกียจเลย
เจียงหนานอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พี่มหาเทพ เมื่อวานฉันบังเอิญเห็นวิดีโอของพี่ในเน็ต มีความจำเป็นอะไรถึงได้ไล่ฆ่าไก่ภูเขาจำนวนมากขนาดนั้น?”
“รอเธอกลับโลกจริงในครั้งหน้าก็จะรู้เอง ว่าฉันทำแบบนั้นไปทำไม” ฮังอวี่ไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ ว่าจบก็หันไปมองเจียงหนาน “นอกจากนี้ ฉันค่อนข้างต้องการความเป็นส่วนตัวพอสมควร ถ้าเป็นไปได้ อย่าเปิดเผยข้อมูลใดๆที่เกี่ยวข้องกับฉันในโลกจริง”
ฮังอวี่ไม่คิดว่าวิดีโอของเขาจะถูกอัพโหลดลงในเน็ต ซึ่งนั่นไม่ค่อยเป็นผลดีเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าหลังจากนี้เวลาทำอะไรต้องทำเงียบๆหน่อยแล้ว
เจียงหนานสาบาน “วางใจเถอะ พี่ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่เปิดเผยข้อมูลของมหาเทพเด็ดขาด!”
จางเสี่ยวเฉียงและจ้าวหมิงก็บอกว่าจะไม่เปิดเผยข้อมูลของเขาเช่นกัน
ฮังอวี่รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย เขารู้ดีว่าในโลกจริงตัวตนของเขายังคงอ่อนแอ มันอาจเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นหากได้รับความสนใจจากกองกำลังหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ฮังอวี่มอบหินคริสตัลขาวให้จ้าวหมิงตามที่ตกลงกันไว้ เวลานี้เขาเหลือหินคริสตัลขาวแค่สองก้อน และเทาอีกหนึ่งก้อนเท่านั้น
เรียกได้ว่ากระเป๋าเกือบแห้ง อ๊าาา!
ทุกคนพูดคุยกันถึงเรื่องของตัวเองในช่วงสามวันที่ผ่านมา
จางเสี่ยวเฉียงกล่าวว่า “ลูกพี่ ผมตกลงเข้าร่วมบริษัทกับประธานจ้าวแล้ว”
ฮังอวี่ประหลาดใจกับเรื่องนี้ “ไม่ใช่ว่านายกับเขาอยู่คนละเมืองกันหรอกหรอ?”
“เสี่ยวเฉียงอยู่ห่างจากเมืองเซินเจิ้นประมาณ 500 ไมล์” จ้าวหมิงอธิบาย “ฉันเลยส่งรถสามคันพร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสิบคนไปรับเขาแล้วพามาที่เมืองเซินเจิ้น ถึงระหว่างทางจะเจอปัญหาเล็กน้อย แต่โชคดีที่ไม่เกิดอันตรายขึ้น”
จากข้อมูลที่จ้าวหมิงเล่าให้ฟัง พลังรบของมอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวในเขตชานเมือง ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าในเมืองมาก
และนี่เองคือเหตุผลที่รถไฟความเร็วสูง , เครื่องบิน , เรือ และแม้กระทั่งทางหลวงหยุดให้บริการ
และหากเวลาผ่านไป มอนสเตอร์ก็จะยิ่งดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ
หากช่วงเวลาที่อยู่ในโลกวิญญาณ คุณไม่ทำตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น เกรงว่าต่อไปคงใช้ชีวิตอยู่ยาก
“พวกเราน่าจะอยู่ในโลกวิญญาณได้ประมาณ 10 ชั่วโมง” ฮังอวี่เงยหน้ามองท้องฟ้า
“ดังนั้นต้องใช้ช่วงเวลานี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
จางเสี่ยวเฉียงรีบถามว่า “คราวนี้พวกเราจะไปฆ่ามอนสเตอร์ที่ไหนกัน?”
“พวกนายตามฉันมา”
ทั้งสี่ไม่คิดอยู่เฉย เริ่มออกเดินทางทันที
ฮังอวี่พอจะรู้จักสถานที่ใกล้ๆ ที่เหมาะสำหรับการล่ามอนสเตอร์เพื่ออัพเลเวล
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ของที่ดรอปจากที่นี่ มันเป็นสิ่งที่ฮังอวี่ต้องการอย่างเร่งด่วน
ระหว่างทาง พวกเขาได้พบกับมอนสเตอร์จำนวนมาก แต่ทั้งหมดเป็นมอนสเตอร์ระดับสามัญเลเวล 1
ด้วยอุปกรณ์และพลังรบของทั้งสี่ การสังหารมอนสเตอร์ระดับสามัญเลเวล 1 ไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไรเลย
หลังจากเดินมาประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของผืนป่าได้อย่างชัดเจน
พืชพรรณรอบด้านน้อยลง ต้นไม้ส่วนใหญ่กลายเป็นไม้แห้งตาย บรรยากาศกลายเป็นหดหู่และน่าขนลุก
เจียงหนานอุทานขึ้นมา “ตรงนั้น! ฉันเห็นแผ่นศิลาโลกวิญญาณอยู่ตรงนั้น!”
คนอื่นๆมองตามทิศทางที่เจียงหนานชี้ไป และพบว่าเบื้องหน้ามีแผ่นศิลาโลกวิญญาณตั้งตระหง่านอยู่จริงๆ
ทว่าแผ่นศิลานี้มีความสูงแค่คนหนึ่งคนเท่านั้น บนผิวศิลาถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์แห้ง
เมื่อทุกคนเพ่งความสนใจไปยังแผ่นศิลานี้ ข้อมูลสายหนึ่งก็ถูกส่งผ่านเข้ามายังสมองอย่างรวดเร็วราวกับกระแสไฟฟ้า--
-- ‘แดนฝังกระดูกก็อบลิน!’