Ep.16 - ขาดเงิน? นั่นไม่ใช่ปัญหา
Ep.16 - ขาดเงิน? นั่นไม่ใช่ปัญหา
เวลาเที่ยงโดยประมาณ
ผู้คนเริ่มทยอยกันออกจากที่พักมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่หลายคนกำลังตกใจกับสภาพใหม่ของเมือง ในจัตุรัสลู่เยว่ ผู้คนยังได้พบเรื่องน่าตกใจอีกอย่างหนึ่ง
นั่นคือภาพขนไก่ปลิวว่อนเต็มฟ้า กองซากศพไก่เลือดท่วมเต็มพื้นดิน เป็นอะไรที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง!
ช่วงเวลานี้ ในจตุรัสลู่เยว่ มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังปั่นรถจักรยานสีเหลืองคันเล็ก คอยกวัดแกว่งดาบสั้นในมือ ไล่สังหารไก่ตนแล้วตนเล่า
ชาวจีนมุงที่อยู่รอบๆ มีบางคนลองนับศพไก่ภูเขาบนพื้นดู และพบว่ามันมีมากถึงหลักร้อยตัว!
“ให้ตายเถอะ! ศพไก่ภูเขาเต็มถนนไปหมดเลย!”
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเด็กนั่น? ทำไมเขาถึงไล่ฆ่าไก่แบบนั้น?”
“บางทีเขาอาจมีความแค้นกับพวกไก่มาตั้งแต่ชาติปางก่อนกระมัง?”
“ไก่ทำอะไรผิด? ทำไมต้องลงมือโหดเหี้ยมอย่างนี้!”
ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ หลายคนจับกลุ่มพูดคุยกันเรื่องของฮังอวี่
แต่อีกด้านหนึ่ง พวกเขาก็พอจะสังเกตเห็นได้เหมือนกัน ว่าไก่ภูเขาพวกนี้เป็นอันตราย
ในทางกลับกัน การบุกตะลุยของเจ้าหนุ่มคนนี้นับว่าร้ายกาจจริงๆ บู๊แหลกเหมือนกับกำลังถ่ายหนังอยู่เลย
ตอนนี้โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว มันคงจะดีกว่าถ้าไม่สนใจเรื่องของคนอื่นนอกจากตัวเอง ยังไงก็ตาม สุดท้ายก็ยังมีมือดีหลายคนแอบถ่ายเขา โพสต์ภาพและวิดีโอลงในเน็ต
ด้วยเหตุนี้ ฮังอวี่จึงกลายเป็นคนดังในโลกอินเตอร์เน็ต มีหลายคนตั้งฉายาแปลกๆให้เขา เช่น ‘นักปั่นเทพเจ้า’ ‘คนฆ่าไก่แห่งเจียงเฉิง’ , ‘เทอร์มิเนเตอร์ล่าไก่’
อย่างไรก็ตาม แม้ฮังอวี่จะไล่ฆ่าไก่เป็นร้อยตัว แต่ยังไงก็ไม่มีทางสังหารพวกมันได้หมด นั่นเพราะเมื่อถึงระยะเวลาหนึ่ง พวกมันจะถูกรีเฟรชให้เกิดใหม่เรื่อยๆ
ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่เดียว หากใครก็ตามเข้าเน็ตไปอ่านเว็บกระทู้ท้องถิ่นก็จะรู้ ว่าปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะ , ริมแม่น้ำ , จตุรัส , ลานจอดรถ และสถานที่อื่นๆอีกมากมาย ต่างมีสิ่งมีชีวิตจากโลกวิญญาณปรากฏตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้มอนสเตอร์เหล่านั้นจะโผล่ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งยังก่อให้เกิดความเสียหายมากมาย บ้างทำร้ายประชาชนจนเกิดการบาดเจ็บล้มตาย แต่โดยรวมแล้วยังไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรง
เพราะสิ่งมีชีวิตที่บุกโลกในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป ที่โผล่มาก็มีแค่มอนสเตอร์จำพวกไก่ , เป็ด , นก , กระต่าย , หนู , ปลา , กบ ฯลฯ
หากไม่นับตัวหัวหน้าของแต่ละฝูงที่ดุร้ายแล้ว ส่วนที่เหลือมักไม่ค่อยหาเรื่องโจมตีคนมั่วซั่ว มันจะจู่โจมมนุษย์เฉพาะเวลาถูกคุกคามเท่านั้น
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามแก้ปัญหาจนมือพัน สุดท้ายไร้กำลังจะจัดการดูแลอย่างทั่วถึง
และด้วยเหตุนี้เอง เจ้าหน้าที่รัฐบาลจึงได้ออกมายกย่องผู้กล้าขี่จักรยานฆ่าไก่ เพื่อเป็นการประกาศสนับสนุนให้ประชาชนเรียนรู้พฤติกรรมของเขาแล้วปฏิบัติตามอย่างขันแข็ง
การล่าสัตว์ที่รุกราน ช่วยแบ่งเบาภาระในเมืองได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังสามารถนำเนื้อของพวกมันมาทำเป็นอาหารได้ด้วย มองยังไงนี่ก็เป็นประโยชน์แก่ทั้งฝ่ายประชาชนและรัฐบาล!
...
ฮังอวี่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนมืดค่ำ เก็บเกี่ยวชีวิตของไก่ภูเขาได้มากกว่า 500 ตัว
เนื่องจากกระเป๋ามิติจากโลกวิญญาณของเขามีพื้นที่ไม่เพียงพออีกต่อไป เลยเหลือทางเลือกสุดท้าย คือจ้างรถขนศพไก่ไปยังโกดังที่อ้วนต้าไห่เช่าอยู่
“ไอ้บ้าเอ๊ย! ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
“ที่แท้การเริ่มต้นธุรกิจมันมันลำบากแบบนี้เอง อ๊าา!”
ผังต้าไห่เข็นศพไก่ภูเขาเข้าโกดัง เขาเหนื่อยจนแทบหายใจไม่ออก
ด้านฮังอวี่เองก็ต่อสู้กับฝูงไก่อย่างดุเดือดมาทั้งวัน เขาทั้งปวดหลังและอ่อนเพลีย จนตอนนี้สถานะอ่อนแอ ได้กลับมาอีกครั้ง คุณสมบัติทั้งหมดลดลง 30%!
เมื่ออยู่ต่อหน้าศพไก่ที่กองสุมกันเป็นภูเขา สีหน้าของพวกเขาเริ่มเคร่งเครียด ผังต้าไห่เอ่ยถามด้วยความกังวลว่า “ถ้ากองรวมกันแบบนี้พวกมันจะเน่าไหม?”
“อ่า ... ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องกังวลหรอก วัตถุดิบจากโลกวิญญาณประกอบไปด้วยพลังงานทางวิญญาณ มันสามารถลดการสูญเสียน้ำและการละลายของเนื้อสัตว์ได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการปนเปื้อนจากจุลินทรีย์ --ไก่ภูเขาพวกนี้สมควรมีอายุการเก็บรักษามากกว่าเนื้อไก่ทั่วไปถึง 4 เท่า”
ฮังอวี่หยุดพักหนึ่งแล้วกล่าวเสริมอีกประโยค “แต่ทางที่ดี ควรรีบจัดการกับพวกมันให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งปล่อยไว้นาน พลังงานทางวิญญาณก็จะยิ่งเหือดหายไป ถ้าพวกเราปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป โภชนาการทางอาหารจะลดลง”
ผังต้าไห่คร่ำครวญ “รู้งี้ฉันซื้อตู้แช่ใหญ่มาเก็บไว้ก่อนก็ดี จะได้จับพวกมันแช่แข็งให้หมดเลย!”
ฮังอวี่พยักหน้า “นั่นเป็นความคิดที่ดี การแช่แข็งสามารถช่วยชะลอการสูญเสียพลังงานวิญญาณ แถมยังช่วยเพิ่มเวลาในการเก็บรักษาและคุณภาพของเนื้อได้มาก”
“แต่พวกเราจะหาเงินมาจากที่ไหน?” ผังต้าไห่ทำหน้าตาเหมือนคนปวดไข่
“เพื่อเช่าโกดังนี้ พี่ต้าไห่คนนี้ถึงขั้นทะเลาะกับพ่อ ถ้ายังหน้าด้านไปขอยืมเงินครอบครัวอีกก้อนหนึ่ง พ่อฉันอาจตัดพ่อตัดลูกกันเลยก็ได้”
ทั้งสองสบตากัน หมดคำจะกล่าว
ผังต้าไห่มาจากครอบครัวธรรมดา ไม่มีเงินเหลือให้ยืมอีกแล้ว
งั้นฮังอวี่เล่า? เหอ เหอ อย่าพูดให้ขำไปหน่อยเลย รายได้ของเขา แค่เจียดค่าห้องกับค่ากินของตัวเองก็แทบจะไม่พออยู่แล้ว! แถมเขายังไม่ได้สนิทกับญาติคนอื่นๆ แล้วพวกเขาจะยอมให้ยืมเงินได้อย่างไร?
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฮังอวี่กังวลมากที่สุด เนื่องจากเขาสามารถล่าไก่ภูเขาได้ 500 ตัวในวันเดียว หากเขาใช้เทคนิครวบรวมวัตถุดิบเบื้องต้นกับไก่ทุกตัว เกรงว่าจะต้องใช้ค่าพลังจิตประมาณ 500-600 หน่วย หรือก็คือต้องใช้ผลเบอร์รี่ฟ้ามากกว่า 100 ลูก
ซึ่ง ณ เวลานี้ ต่อให้เป็นฮังอวี่ก็ไม่สามารถทำได้!
ดังนั้นจำเป็นต้องจ้างคนงาน ธุรกิจนี้แค่คนสองคนคงจัดการไม่ไหว
ทว่าการจ้างคนงานก็ต้องใช้เงินเช่นกัน สุดท้ายคนจนก็ไม่เหมาะกับการทำธุรกิจแบบจริงจัง พวกเขาไม่มีเส้นสาย คอนเนคชั่นก็ไม่มี เงินที่จะใช้ลงทุนก็ไม่เหลือ
แต่เดี๋ยวก่อนนะ ใครบอกกันว่าฮังอวี่ไม่มีคอนเนคชั่น?
“ขาดเงินงั้นหรอ? เรื่องเล็กน้อย! เบิ่งตานายดูให้ดี มองดูฉันนี่!”
ฮังอวี่ทำท่าทางสงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อย หยิบมือถือขึ้นมาแล้วเดินแยกออกไป พร้อมกดหมายเลขโทรศัพท์โซนเซินเจิ้น
น้ำเสียงที่หนักแน่น มั่นคง และทรงพลังของจ้าวหมิงดังขึ้นทันที “ฮัลโหล ฮังอวี่? นายโทรหาฉันมีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
‘มันก็ต้องมีอยู่แล้ว! ในบรรดาคนที่ฉันรู้สึก คุณนี่แหละรวยที่สุด!’
ฮังอวี่สลายความคิดในหัว เอ่ยเข้าประเด็นตรงๆ “เหล่าจ้าว ผมตั้งใจจะขายหินคริสตัลขาวก้อนหนึ่งที่มี คุณสนใจไหม?”
หินคริสตัลขาวหนึ่งก้อนเท่ากับหินคริสตัลเทาสิบก้อน และหินคริสตัลเทาหนึ่งก้อนสามารถซื้อผลเบอร์รี่ได้ 5 ลูก!
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ในช่วงเริ่มเกม หินคริสตัลขาวเป็นอะไรที่หาได้ยากมากๆ ดังนั้นเมื่อคำนี้หลุดจากปากฮังอวี่ จ้าวหมิงตื่นตัวขึ้นมาทันที
เขาเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมาก และต้องการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นจึงเข้าใจถึงคุณค่าของหินคริสตัลขาวในช่วงแรก!
แต่สิ่งที่จ้าวหมิงกระจ่างแก่ใจยิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่อเทียบกับการได้รับหินคริสตัลขาวแล้ว การลงทุนกับฮังอวี่เป็นอะไรที่คุ้มค่ากว่ามาก
“นายขาดเงินใช่ไหม? ฉันยินดีให้ยืมนะ”
“ไม่จำเป็น ผมอยากขายหินคริสตัลขาวให้คุณ เสนอราคามาได้เลย”
“งั้นสิบล้านหยวนพอไหม?”
ฮังอวี่พอได้ฟังเงินจำนวนนี้ เขาเกือบกระอักเลือดจากปาก
เหล่าจ้าวคนนี้ ... สมกับเป็นเศรษฐีมั่งคั่งจริงๆ!
ครั้งล่าสุดที่ฮังอวี่เคยเห็นเงินจำนวนมากมายขนาดนี้ นั่นคือตอนที่เขาไปเยี่ยมหลุมศพตระกูลในงานเชงเม้ง (หมายถึงกระดาษเงินกระดาษทอง ซึ่งไม่ใช่เงินจริงอยู่ดี)
จ้าวหมิงเห็นฮังอวี่เงียบไปก็รีบพูดขึ้นว่า “หรือว่ายังไม่พอ?”
“พอแล้ว เกินพอแล้ว! ขอแค่คุณรีบโอนเงินมาให้เร็วที่สุดเป็นอันใช้ได้ ถึงเวลาพอกลับไปโลกวิญญาณ ผมจะมอบหินคริสตัลให้คุณ ตกลงไหม?”
ฮังอวี่รู้ดีแก่ใจ แม้ตอนนี้หินคริสตัลขาวจะมีค่ามาก แต่มันก็ไม่คุ้มค่ากับเงินจำนวนมากขนาดนั้น ที่เหล่าจ้าวเสนอเงินจำนวนมหาศาลถึง 10 ล้านหยวนก็เพื่อซื้อใจฮังอวี่
ฮังอวี่ในตอนนี้ขาดแคลนเงิน ดังนั้นไม่ปฏิเสธ
“แน่นอน ไม่มีปัญหา!” จ้าวหมิงตอบรับอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ว่าแต่นายสนใจจะมาอยู่กับฉันไหม? ฉันวางแผนเปิดบริษัทใหม่ กำลังเริ่มรับสมัครผู้มีความสามารถจำนวนมากที่สามารถปรับตัวเข้ากับยุคใหม่ เพื่อเตรียมลุยงานใหญ่ในอนาคต ถ้านายยินดีร่วมงาน ฉันพร้อมยกหุ้นบริษัทให้นายครึ่งหนึ่ง”
อย่าได้ประมาทขีดความสามารถในการปรับตัวของมนุษย์เชียว เวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล , องค์กรใหญ่ , ตระกูลใหญ่ หรือกองกำลังต่างๆ ทุกคนน่าจะมองเห็นโอกาสที่จะเกิดการสับเปลี่ยนยุคสมัยใหม่แล้ว ดังนั้นใครก็ตามที่มีความทะเยอทะยานและมองการณ์ไกล นับจากนี้คงรีบดึงดูดคนที่มีความสามารถมาเป็นพรรคพวกอย่างแน่นอน
และมาตรฐานที่ใช้ในการรับสมัคร จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการต่อสู้และสกิลประจำตัวเป็นหลัก
หลังจากขั้วอำนาจเก่าถูกโค่นล้ม ก็จะมีขั้วอำนาจใหม่จัดตั้งขึ้นมา
และจ้าวหมิงอยู่ในหมวดหลัง เวลานี้เขากำลังรับสมัครทหารอย่างบ้าคลั่ง เพื่อที่จะได้เข้าไปแข่งขันในโลกวิญญาณในอนาคต และฮังอวี่คือคนที่เขาเห็นว่ามีค่ามากที่สุด
ตราบใดที่ฮังอวี่ยินดีเข้าร่วม จ้าวหมิงเต็มใจแบ่งผลประโยชน์ให้ครึ่งหนึ่ง
นี่คือคำเชิญที่โคตรจริงใจอย่างไม่ต้องสงสัย หากฮังอวี่ยินดีขึ้นรถไปพร้อมกับจ้าวหมิง การเริ่มต้นธุรกิจของเขาจะก้าวกระโดดไปไกลกว่าการร่วมมือกับผังต้าไห่หลายสิบเท่า
แต่สำหรับคำขอนี้ ฮังอวี่ได้แต่ยิ้มเจื่อนปฏิเสธไป “เหล่าจ้าว ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากขึ้นรถไปพร้อมกับคุณ แต่คุณน่าจะรู้ข่าวแล้ว ตอนนี้การจราจรเป็นอัมพาต แล้วผมจะไปที่เซินเจิ้นได้อย่างไร? ความร่วมมือนี้เป็นไปไม่ได้หรอก ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม”
จ้าวหมิงที่อยู่ปลายสายก็ยิ้มขมเช่นกัน ขณะนี้รถไฟความเร็วสูงและเครื่องบินหยุดทำการ แค่เดินทางในเมืองก็ยากพอแล้ว หากให้เดินทางข้ามเมืองยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้
ฮังอวี่ต่อให้ขี่จักรยานเก่ง แต่จากเมืองเจียงเฉิงไปถึงเซินเจิ้นเพื่อหาเหล่าจ้าว เกรงว่าคงยากเกินมือเขา
ต่อให้เขามีความกล้าหาญเทียมฟ้า แต่มองยังไงทำแบบนั้นก็เท่ากับเป็นการหาที่ตายชัดๆ!
หลังจากนั้น ทั้งสองคุยกันอีกไม่กี่ประโยค แล้ววางสายไป
ผังต้าไห่ลองถามหยั่งเชิง “เป็นไง ได้เงินไหม?”
ฮังอวี่ชูหนึ่งนิ้วให้ผังต้าไห่ “ได้มาจำนวนเท่านี้ นายลองเดาสิว่าเท่าไหร่”
“หนึ่งหมื่น? หนึ่งแสน? ให้ตายเหอะอย่าบอกนะว่าหนึ่งล้าน!?”
“เจ้าโง่ หนึ่งล้านจะไปพออะไร แน่นอนว่าต้องเป็นสิบล้าน!” ฮังอวี่มองอ้วนต้าไห่ด้วยสายตาดูแคลน
“ก่อนอื่นฉันจะให้นาย 5 ล้าน เอาไว้เตรียมซื้ออุปกรณ์ และใช้มันรับสมัครจ้างคนงาน เอาไปใช้ได้เลยไม่ต้องประหยัด ขอแค่เตรียมการให้เร็วที่สุดก็พอ!”