บทที่ 66 คฤหาสน์ซื่อจิ้ง 1
หยูหยินประกาศออก "มีผู้ใดให้ราคามากกว่า9หยกนิล7ล้านเหรียญทอง? ถ้าไม่เช่นนั้นเสื้อแพรพรรณารายจะตกเป็นของนายน้อยฉางอวี้ ...9หยกนิล7ล้านเหรียญทองครั้งที่2"
"10หยกนิล" หนิงเทียนกล่าวออกเสียงดัง
จินเหล่าต้าที่นั่งข้างมองไปด้วยแววตางุนงง "พี่ชายหนิงนั้นเสื้อคลุมของสตรี ท่านต้องการใส่มัน"
หนิงเทียนหันไปมองด้วยสายตาหรี่แคบและด้วยสายตาที่จับจ้องมานั้นมันทำให้จินเหล่าต้ารีบหุบปากลงโดยเร็ว
"บัดซบ เจ้าเด็กนั้นมันมีทรัพย์สินแค่ไหนกันแน่ 10หยกนิล1ล้านเหรียญทอง" ฉางอวี้กัดฟันด้วยความโกรธมันกล่าวสู้อย่างเสียไม่ดี มันซึ่งเป็นบุตรชายเจ้าเมืองฉางผิงจะยอมแพ้ความมั่งคั่งแก่เด็กในตระกูลชั้นต่ำได้อย่างไร
"11หยกนิล" เวลานี้หนิงเทียนไม่ใส่ใจที่จะไต่ระดับราคาอีกต่อไปแล้ว มันต้องการรีบจบการประมูลโดยเร็ว
"11หยกนิลเท่ากับ110ล้านเหรียญทอง หนึ่งร้อยสิบล้าน ตระกูลซือหม่าช่างร่ำรวยจริง พวกเจ้ารู้หรือไม่ที่ตั้งคฤหาสน์ตระกูลอยู่ที่ใด ตระกูลหลงเราต้องการไปเสนอการค้า"
"ใช่ ตระกูลชูก็ต้องการด้วยเช่นกัน" ด้วยการประมูลของหนิงเทียนนั้นเรียกความสนใจของตระกูลชั้นกลางในเมืองฉางผิงให้จับจ้องไปยังตระกูลใหม่อย่างตระกูลซือหม่าได้ทั้งหมด
"11หยกนิลครั้งที่1......11หยกนิลครั้งที่3"เมื่อสิ้นเสียงนับของหยินหยู นางประกาศถึงผู้ชนะโดยทันที
ฉางอวี้เวลานี้มันกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ มันรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก ในใจของมันนั้นได้สาบานกับตัวเองไว้แล้วว่ามันจะต้องสังหารหนิงเทียนกับมือตัวเองให้จงได้
จินเหล่าต้ายังคงกล่าวถามด้วยสีหน้าประหลาด และน้ำเสียงที่เปล่งออกนั้น เต็มไปด้วยความสงสัย "พี่ชายหนิงเทียน....ท่านต้องการ เสื้อคลุมของสตรีไปทำไมหรือ?"
"เป็นของนาง"หนิงเทียนกล่าวออก พร้อมหันหน้าไปยังเสี่ยวซวงที่แสดงสีหน้าไร้ความรู้สึกเหมือนเช่นเคย
จินเหล่าต้าระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ มันนั้นคิดว่าพี่ชายของมันจะเป็นพวกผิดเพศไปเสียอีก มันรีบกล่าวออกมากลบเกลือนความคิดของมันทันที
"สมควรแล้วสมควรแล้วจริงๆ ถ้าพี่สาวเสี่ยวซวงได้สวมมันข้าคิดว่าสตรีอันดับ1แห่งฉางผิงต้องตกเป็นของพี่สาวแน่ๆ"
หนิงเทียนหรี่สายตาแคบมันมองไปยังจินเหล่าต้าด้วยแววตาคมกริบ "ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังคิดว่าข้าต้องการมันเพื่อสวมใส่เอง?"
"ไม่ไม่ไม่ ไม่เด็ดขาด ต้องไม่ใช่แน่นอน" จินเหล่าต้ากล่าวปฎิเสธพร้อมหัวเราะออกแห้งๆ
ขณะเดียวกันการประมูลยังคงดำเนินต่อไป หยูหยินยังคงทำหน้าที่ของนางได้อย่างดีเยี่ยม “สมบัติชิ้นต่อไปคือเหล็กเย็นเทวะ
ก้อนเหล็กประหลาดที่สามารถทนทานพลังในระดับทรราชขั้นต้นได้แต่เนื่องจากมันต้องใช้นักประดิษฐ์ระดับสูงในการแปรรูป หยูหยินจึงขอเริ่มที่1หยกนิล”
แม้มันจะเป็นการแข่งขันกันอย่างร้อนแรงเพียงใด แต่สุดท้ายแล้วผู้ที่ชนะประมูลในราคา2หยกนิลก็คือหนิงเทียน
การประมูลนั้นยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ ของชิ้นแล้วชิ้นเล่า ทั้งอาวุธ ชุดเกราะ โอสถทิพย์ โอสถพิษ สมบัติวิเศษหรือแม้แต่ทักษะวิชาต่างๆถูกขนออกมาประมูลอย่างไม่ขาดสาย สิ่งของแต่ละชิ้นนั้นราคามากกว่า1หยกนิลทั้งหมด
อีกทั้งยังได้รับความสนใจจากฮุยฟาง หรงจื่อ ฉางอวี้ สำนักใหญ่และสมาคมอื่นๆมากมาย แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะหนิงเทียนในการประมูลได้เลยแม้แต่คนเดียว
จะมีเพียงรายการที่เกี่ยวกับโอสถเท่านั้นที่หนิงเทียนจะทำเพียงมองดูด้วยสายตาดูถูกและปล่อยให้พวกประมูลแข่งขันก็อย่างเอาเป็นเอาตาย
พวกมันทั้งหมดได้แต่มองหนิงเทียนประมูลสมบัติไปเป็นของตัวเอง หนิงเทียนนั้นใช้หยกนิลด้วยความบ้าคลั่ง เวลานี้มันนั้นใช้ไปมากกว่า100หยกนิลแล้ว
“สำหรับรายการที่ยี่สิบเจ็ด มันคือ ศิลามิติธาตุ ศิลาสำหรับชักนำธาตุเข้าสู่ร่างกาย มันมีไว้เพื่อผู้ฝึกตนแดนแห่งปราชญ์โดยเฉพาะ โดยมิติธาตุนั้นเป็น1ใน3ธาตุที่หาได้ยากที่สุด หยูหยินจึงขอเริ่มต้นมันที่4หยกนิล”
“4หยกนิล3ล้านเหรียญทอง”หรงจื่อให้ราคา
“4หยกนิล5ล้านเหรียญทอง”หนิงเทียนรีบกล่าวอย่างไม่สนใจ
ฮุยฟางเค้นเสียงออก“5หยกนิล”
“6หยกนิล”ราคาของศิลาธาตุมิติยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ
“7หยกนิล” หนิงเทียนกล่าวออกด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ดีนับว่าเจ้ากล้า ไม่ว่าอย่างไรข้าหรงจื่อต้องเอามันมาให้ได้ 7หยกนิล5ล้านเหรียญทอง”
“8หยกนิล” หนิงเทียนตะโกนออก เวลานี้ราคาของมันพุ่งสูงกว่าราคาปกติที่มันควรจะเป็นด้วยซ้ำ
“10หยกนิล นี้คือเงินทั้งหมดของข้าหรงจื่อ ถ้าเจ้าแน่จริง ขอให้ข้าได้ดูความสามารถของตระกูลซือหม่าหน่อย”
แม้ว่าศิลาธาตุมิติจะหายากแต่การที่มันมีราคา10หยกนิลนับว่าแพงมากกว่าปกติเกือบสองเท่าทีเดียว
“10หยกนิลครั้งที่1”หยินหยูผู้ดำเนินงานประมูลประกาศออกตามหน้าที่
หนิงเทียนยกยิ้มขึ้นพร้อมกล่าวตอบ “ถ้าพี่หรงจื่อต้องการเช่นนั้นข้าซึ่งเป็นผู้เยาว์กว่าจะหลีกทางให้ท่านได้ซื้อมัน
ได้ยินเช่นนี้ใบหน้าของหรงจื่อซีดขาวขึ้นมาทันที มันไม่คิดว่าจะหลงติดกับดักที่ตัวเองได้วางเอา “เจ้า...เจ้าที่แท้ตระกูลซือหม่า ก็ไม่ได้แน่จริง”
“ข้านั้นมีน้ำใจ เหตุใดถึงกล่าวว่าข้าไม่แน่จริง พี่หรงจื่อควรจะดีใจมากกว่าที่ท่านได้รับมันไปด้วยราคา10หยกนิล” หนิงเทียนกล่าวย้ำคำว่า10หยกนิลมากเป็นพิเศษ
หนิงเทียนนั้นรู้สึกตัวมาตั้งแต่การประมูลสองครั้งก่อนแล้ว มันรู้สึกถึงความไม่ถูกต้องบางอย่าง
ในการประมูลจานลองหมึกนั้น มันถูกหลอกให้ใช้เงินมากกว่าราคาสินค้าถึง1หยกนิลและในครั้งล่าสุดมันโดน หรงจื่อวางกับดักให้ต้องสูญเสียเงินเพิ่มขึ้นอีก2หยกนิล
แต่ในคราวนี้ หนิงเทียนจึงจงใจไหลตามกระแสน้ำไป ก่อนที่จะทิ้งหรงจื่อให้ติดกับดักที่มันวางเอาไว้เสียเอง จนต้องสูญเสียเงินที่มากกว่าปกติถึง 5หยกนิล
เวลานี้ใบหน้าของหรงจื่อซีดขาวลง มันนั้นมีเงินเพียง7หยกนิลเท่านั้น และจากความเสียหายในการประมูลรอบนี้
คงไม่พ้นที่มันจะต้องหยิบยืมเงินอาจารย์ของมันมาก่อน ซ้ำร้ายกว่านั้นมันยังได้ในสิ่งของที่ไม่ต้องการไปอีกด้วย
แม้แต่ฮุยฟางและฉางอวี้ยังมองไปที่หรงจื่อด้วยสายตาดูถูกในความโง่ของมัน
จินเหล่าต้านั้นหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนตัวของมันงอ ลงกับพื้น เสียงหัวเราะของมันนั้นราวกับกระบี่นับพันเล่มที่ทิ่มแทงไปยังหรงจื่อ
“10หยกนิลครั้งที่3” ศิลาธาตุมิติเป็นของนายน้อยหรงจื่อ หยินหยูกล่าวด้วยน้ำเสียงอันไพเราะเช่นเคย
เมื่อกล่าวถึงรายการต่อไปหยูหยินยิ้มเผยให้เห็นลักยิ้มอันแสนบอบางก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างเป็นทางการ
“มาถึงรายการที่ทุกท่านต่างเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ บางท่านเองก็ไม่ยอมใช้จ่ายออกแม้แต่เหรียญทองเดียวเพื่อต้องการเป็นเจ้าของสิ่งนี้”สิ้นเสียงของหยูหยิน ปรากฏร่างชายชราในชุดคลุมสีทอง เดินนำกล่องหยกสีเขียวขจีออก
“ท่านหลวนคุน เป็นผู้นำออกมาเองมันจะต้องเป็นรายการที่สำคัญที่สุดในการประมูลครั้งนี้แน่นอน”
“จะเป็นสิ่งอื่นไปไม่ได้นอกจาก คฤหาสน์ซื่อจิ้ง” เสียงตะโกนของคนผู้หนึ่งปลุกผู้ฝึกตนคนอื่นๆจากความเบื่อหนายในการประมูลที่ถูกทำลายโดยหนิงเทียน
แค่เพียงหลวนคุนเดินออกมา ก็สามารถเรียกเสียงฮือฮาของกลุ่มผู้ฝึกตนโดยรอบได้แล้ว มันนั้นเป็นตัวตนระดับที่สูงเกินกว่าบุคคลใดในเมืองฉางผิงจะล่วงเกินได้
ถ้ามีใครกล้าแตะต้องคนในตระกูล หนานกง มันผู้นั้นต้องพร้อมที่ล่มสลายหายไปทั้งตระกูลหรือไม่ก็ต้องเตรียมก่อสงครามให้แผ่นดินรุกเป็นไฟ
หลวนคุนส่งกล่องหยกให้แก่หยูหยินและเดินจากไปด้วยสีหน้านิ่งสงบ
ขณะที่หยูหยินรับกล่องหยกมานั้นนางโค้งตัวด้วยความเคารพแก่หลวนคุนพร้อมกล่าวต่อ “สินค้าที่จะประมูลต่อไปนี้คือ คฤหาสน์ซื่อจิ้งหรืออีกชื่อหนึ่งว่าความสงบไม่หลงลืมซึ่งครั้งหนึ่งมันเคยเป็นที่พำนักของท่านราชันจ้าวสมุทร
ในเรื่องนี้หยูหยินขอเท้าความเล็กน้อย ตามประวัติของคฤหาสน์ซื่อจิ้ง เมื่อพันปีก่อนนั้นท่านราชันได้เดินทางมายังทวีปฟ้าสรรค์เพื่อก่อตั้งสมาคมการค้าจ้าวสมุทรขึ้นที่นี้
ท่านนั้นได้ค้นพบเส้นเลือดมังกรฟ้าภายใต้ทะเลสาบฉางยี่จากนั้นท่านจึงสร้างคฤหาสน์ซื่อจิ้งนี้ขึ้นใจกลางเส้นเลือดมังกรฟ้าทำให้ความปริมาณความเข้นข้นของลมปราณภายในสูงกว่าปกติมากมายนัก
และมีค่ายกล7ทิศ4ผนึกที่ท่านราชันจ้าวสมุทรได้วางไว้ในรอบด้านเพื่อป้องกันผู้บุกรุกและด้วยค่ายกล7ทิศ4ผนึกนั้นแม้แต่ผู้คนที่อยู่ในดินแดนทรราช ยังไม่สามารถแม้แต่จะเหยียบกายลงได้เพียงก้าวเดียว
ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญคือภายในคฤหาสน์ซื่อจิ้งนั้นผู้ที่เป็นเจ้าของไม่จำเป็นต้องทำตามกฎหรือคำสั่งของอาณาจักรฟ้าสวรรค์แต่อย่างใด
มันเป็นพื้นที่แยกของสมาคมการค้าจ้าวสมุทรเราที่ตั้งอยู่บนทวีปฟ้าสวรรค์เท่านั้น ไม่นับเป็นดินแดนของทวีปฟ้าสรรค์แต่อย่างใด”
กล่าวจบหยูหยินใช้นิ้วอันเรียวงามวาดลวดลายอันเป็นอักขระบางอย่างเพื่อปลดผนึกกล่องหยก เผยออกให้เห็นตราประทับขนาดเล็ก ก่อนที่นางจะอธิบายออก
“เพียงแค่หยดเลือดแสดงพันธะสัญญาเป็นเจ้าของบนตราประทับนี้เท่านั้น ท่านก็สามารถเป็นเจ้าของทุกหนแห่งในคฤหาสน์ซื่อจิ้งได้อย่างปลอดภัย”
หนิงเทียนหรี่ตาแคบ “มันมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง แม้จะเบาบางกว่าประตูเหล็กของแดนภูตเร้นลับก็ตาม….ดีต้องเป็นสถานที่เช่นนี้ถึงจะเหมาะแก่การเป็นคฤหาสน์ของตระกูลซือหม่า” มันมองไปยังตราประทับในมือของหยูหยินด้วยแววตาเป็นประกาย
จินเหล่าต้าได้ฟังเช่นนั้นปากของมันอ้ากว้างอย่างไม่สามารถหุบลงได้ มันใช้เวลาชั่วหนึ่งก่อนที่จะบังคับกล้ามเนื้อบริเวณปากของมันให้ขยับออก
“อาคม7ทิศ4ผนึกที่ถูกเขียนมานับ1000ปีแต่ยังสามารถป้องกันไม่ให้ผู้ฝึกตนในดินแดนทรราชก้าวล่วงได้ ถ้าเป็นเรื่องจริงละก็
ข้าไม่อยากคิดเลยว่าเมื่อแรกเดิมพลังของอาคม7ทิศ4ผนึกมีมากถึงเพียงใดกันแน่และผู้ที่สร้างมันออกมาได้ จะต้องเป็นนักประดิษฐ์อัจฉริยะขนาดไหน”
“คฤหาสน์ซื่อจิ้งต้องเป็นของข้า”จ้าวเทียนไห่พูดออกเสียงแข็ง แต่ปลายสายตาของมันมองไปยังหนิงเทียนด้วยความวิตก มันทำได้แต่ภวนาให้เวลานี้หนิงเทียนเหลือหยกนิลอีกไม่มากเท่านั้น
บุรุษชุดขาวที่นั่งอยู่ด้านข้างของมันเห็นเช่นนี้จึงกล่าวออก “พี่เทียนไห่ ไม่ต้องห่วงถึงอย่างไรก็ตาม เมื่อมันก้าวออกจากสมาคมการค้าจ้าวสมุทรเพียงก้าวเดียว ข้าจะสังหารมันไม่ให้เหลือแม้แต่ซาก” ซินฉู่กล่าวออกด้วยจิตสังหารที่คละคลุ้งไปทั่วห้อง
“ท่านพ่อขอให้ลูกได้ตัดคอมันด้วยมือตัวเอง และลูกจะจับสตรีที่มันตัดแขนลูกมาเป็นนางบำเรอให้สาสม”ซินเฉากล่าวออกด้วยใบหน้าดำมืด
“ไม่ต้องห่วงเฉาเอ๋อ แค่เพียงพวกมันก้าวเท้าออกจากสมาคมการค้าจ้าวสมุทรเท่านั้นพ่อจะให้มันตายก็ไม่ได้ จะเป็นก็ต้องเรียกร้องขอความตาย”ซินฉู่กล่าวด้วยเสียงเย็นพร้อมกับนำสองมือไปลูบบนศีรษะลูกชายของมัน
ซินฉู่นั้นเป็นบิดาที่รักบุตรชายเป็นอย่างมาก มันจะไม่ยอมให้แขนของซินเฉาขาดโดยไร้ผู้รับผิดชอบเด็ดขาด
“ดีดี เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลจ้าวจะช่วยปกป้องพวกท่านสองพ่อลูกให้ถึงที่สุด”จ้าวเทียนไห่กล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงใจ
.....
ขณะเดียวกันหยูหยินมองไปยังผู้คนโดยรอบพร้อมกล่าวออก“ราคาเริ่มต้นของมันนั้นอยู่ที่ 20หยกนิล โดยสมบัติชิ้นนี้นับเป็นสมบัติระดับสูง
การเสนอราคาแต่ละครั้งต้องมากกว่า1หยกนิล ...ขอให้ทุกท่านเริ่มต้นประมูลได้” เมื่อสิ้นเสียงของหยูหยิน เสียงของผู้ฝึกตนที่ซ้อนเร้นอยู่ดังออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“22หยกนิล!!”
“25หยกนิล!!”
“29หยกนิล!!”
“32หยกนิล!!”
แค่เพียงไม่นานราคาของมันทะลุเกินไปถึง30หยกนิลแล้ว ผู้ฝึกตนในชั้นล่างต่างมองขึ้นไปด้วยสายตาปริบๆ 30หยกนิลนั้น
นับว่าเป็นรายได้ของเมืองฉางผิงทั้งเมืองในระยะเวลา3ปีเลยทีเดียวแต่เวลานี้มันกลับถูกกล่าวออกราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
“สมาคมกระบี่ฟ้า สมาพันธ์ลัทธิเต๋า หมู่ตึกลมดำ พวกมันต่างแอบส่งตัวแทนกันมาที่นี้ เพื่อรอการประมูลคฤหาสน์ซื่อจิ้ง” ฮุยฟางกล่าวออกอย่างตกตะลึง
เดิมพวกมันคิดว่าตัวเองเป็นกลุ่มที่มั่งคั่งมากที่สุดแล้วแต่คาดไม่ถึงตัวตนพวกนี้จะแอบซ่อนอยู่ในเงามืด มันหันไปกล่าวกับคนรับใช้ข้างกายทันที
“เร็วเข้า!!! ส่งข้อความรายงานสถานการณ์ให้ท่านพ่อทราบโดยเร็ว”
“35หยกนิล”หรงจื่อกล่าวออกด้วยสีหน้าภาคภูมิ เวลานี้มันได้คำสั่งผ่านหยกสื่อสารจากประมุขนิกายเคลื่อนเมฆา ไม่ว่าจะสูญเสียเท่าใด คฤหาสน์ซื่อจิ้งต้องเป็นของนิกายเคลื่อนเมฆฆาเท่านั้น
“40หยกนิล” จ้าวเทียนไห่ตะโกนออก เวลานี้มันได้เปรียบผู้อื่นเล็กน้อย เนื่องจากมันล่วงรู้ถึงความลับของคฤหาสน์ซื่อจิ้งมาก่อนแล้ว
มันจึงมีการเตรียมตัวแต่เนินนานถึงขนาดนำสมบัติประจำตระกูลออกมาประมูล อีกทั้งคฤหาสน์ซื่อจิ้งนั้นเป็นเรื่องที่ได้รับความเห็นชอบจากผู้มีอำนาจระดับสูงในตระกูล
มันจึงสามารถใช้ทรัพย์สมบัติของตระกูลจ้าวที่เก็บสะสมมานับร้อยปีเพื่อการณ์นี้ได้
“ท่านอาจารย์ ท่านพ่อตอบกลับมาว่า ให้ท่านทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา แม้จะต้องขายสมบัติในจวนออกสักกี่ชิ้นก็ตาม”
หานเจิงได้ยินดังนั้นมันตะโกนออก “43หยกนิล”
ผู้ฝึกตนชั้นล่างนับพันชีวิตต่างมองไปด้านบนด้วยสายตาตื่นเต้น บางคนถึงกับอุทานออกมา “บัดซบ!! นี้มันเป็นการต่อสู้ด้วยความมั่งคั่งระหว่างตระกูลและสำนักต่างๆ มันไม่ใช่การประมูลเพื่อทรัพย์สินส่วนตัวแล้ว”
.ในการประมูลคฤหาสน์ซื่อจิ้งนั้น มีจำนวนคนไม่เกินสิบคนที่จะสามารถแข่งขันกันได้
ตัวตนผู้มีอำนาจในบริเวณรอบๆเมืองฉางผิงนั้นรวมตัวกันอยู่ภายในชั้นที่สองของลานประมูลกันหมดแล้ว
“ตระกูลจ้าว ตระกูลฉาง นิกายกระบี่เทวดา นิกายเคลื่อนเมฆา สมาคมกระบี่ฟ้า สมาพันธ์ลัทธิเต๋า หมู่ตึกลมดำ” มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะชนะการประมูลครั้งนี้
“45หยกนิล” หนิงเทียนตะโกนออกด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ
“เจ้าลืม ตระกูลซือหม่าไปได้อย่างไร” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งอุทานออก
“แม้จะไม่ได้ของวิเศษใดๆกลับบ้านไป แต่การต่อสู้ครั้งนี้นับเป็นบุญหูของข้ามากแล้ว”
เสียงของการสนทนาระหว่างผู้ฝึกตนคนอื่นๆดำเนินไปพร้อมกับการเสนอราคาอย่างบ้าคลั่ง นิกายและตระกูลใหญ่ไม่ลังเลที่จะนำความมั่งคั่งนับร้อยๆปีออกมาเพื่อการต่อสู้ครั้งนี้