บทที่ 64 ตระกูลชั้นต่ำ
เมื่อเอี้ยหยวนประกาศผู้ชนะในการประมูลจบแล้วมันกล่าวต่อไปอีกว่า “ในช่วงนี้ขอให้ท่านทั้งหลายดื่มกินอาหารที่ทางเราจัดเตรียมไว้ให้อย่างสบายใจกันก่อน อีกครึ่งชั่วยาม การประมูลในช่วงบ่ายของสมาคมการค้าจ้าวสมุทรเริ่มขึ้น”
ภายในห้องรับรองหมายเลข1 “พี่ชายหนิงเทียน ข้าได้ส่งข้อความถึงท่านพ่อแล้ว เมื่อท่านรู้ว่าพี่ชายหนิงสามารถปรุงโอสถเลือดกระเรียนได้
ท่านตื่นเต้นเป็นอย่างมากและท่านได้ย้ำแก่ข้าว่า หัวเด็ดตีนขาดยังไง ก็ต้องพาพี่ชายหนิงกลับไปยังหมู่ตึกตระกูลจินให้ได้อย่างปลอดภัยและท่านปู่เองก็กำลังเดินทางมารับพวกเราแล้ว”
หนิงเทียนพยักหน้าตอบรับ พร้อมกล่าวออก “บอกท่านจินให้เตรียมวัตถุดิบให้พร้อม ด้วยความสามารถของข้าตอนนี้ ข้าสามารถปรุงมันออกได้เพียง3เม็ดเท่านั้น”
“ตกลง ข้าจะรีบส่งข้อความไปบอกท่านพ่อ” จินเหล่าต้ารับคำทันที
ถ้าเป็นยามปกติการหลอมโอสถระดับต่ำเช่นนี้ หนิงเทียนสามารถหลอมขึ้นวันละกี่ร้อยเม็ดก็ย่อมได้
แต่ในเวลาที่มันไม่สามารถใช้ออกด้วยลมปราณได้เลย การปรุงโอสถระดับปฐพีออกมา3เม็ดนั้นถือว่าเป็นจำนวนที่สูงจนน่าตกใจแล้ว
ต่อมาหนิงเทียนหันไปกล่าวแก่สตรีในชุดคราม “หยูหยู ข้าเคยได้ยินว่า สมาคมการค้าจ้าวสมุทรนั้นขายข่าวสาร?”
“เป็นเช่นนั้น นายท่านต้องการซื้อข่าวสารใด หยูหยูจะดำเนินการให้ทันที” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมเป็นที่สุด
“ข้าต้องการรู้ถึง เรื่องราวเมื่อ2ปีก่อนของตระกูลมู่ทั้งหมดและเรื่องการตายของผู้นำตระกูลมู่คนก่อน”
“นายท่าน สำหรับข่าวสารในอดีตนั้นมีราคาสูงมาก มันอาจจะสูงถึง1หยกนิล ท่านต้องการ....”กล่าวถึงตรงนี้เหมือนนางจะนึกขึ้นได้ว่า บุรุษตรงหน้านางนั้นร่ำรวยเพียงใดก่อนจะกล่าวใหม่อีกครั้ง
“ขออภัยนายท่าน สำหรับข่าวสารที่นายท่านต้องการ มีราคา 1หยกนิล ถ้านายท่านตกลง หยูหยูจะรีบดำเนินการให้ทันที หยูหยูดคาดว่าคงใช้เวลาราวๆ1ชั่วยาม”
“จงรีบไปทำเถอะ”หนิงเทียนกล่าวสั่งด้วยเสียงเรียบเฉย
“ถ้าเช่นนั้นหยูหยูขอตัว”กล่าวจบนางโค้งร่างอย่างอ่อนช้อยก่อนจะเดินจากไป
จินเหล่าต้าหยิบผลไม้ขึ้นมาใส่ปาก มันอดไม่ได้ที่จะถามออก “เหตุใดพี่ชายหนิงถึงเป็นห่วงคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ถึงเพียงนี้?”
หนิงเทียนหยิบขวดสุรา รินลงไปในจอก พร้อมกับกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ “ข้าได้รับไหว้วานจากญาติของนางก็เท่านั้น”
ขณะที่หนิงเทียนยังไม่ทันกล่าวจบดีนัก สุ่มเสียงดังออกมาจากห้องส่วนตัวหมายเลข2 “น้องชายท่านนี้ถือสัญญาหนี้ของจ้าวหยางได้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่
ข้าฮุยฟางขอทราบชื่อเสียงหรือนามตระกูลของน้องชายหน่อยได้ไหม” ฮุยฟางกล่าวออกอย่างระวังตัว
หนิงเทียนเหลือบสายตาไปมองฮุยฟางเพียงพริบตาเดียว ก่อนจะกล่าวตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ซือหม่า หนิงเทียน คือชื่อของข้า”
เสียงของหรงจื่อดังขึ้นมาแทรกการสนทนา“ตระกูลซือหม่า เป็นชื่อที่แปลกจริง ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“เห๊อะ ตระกูลซือหม่าอันใด มันพึ่งจะก่อตั้งสิไม่ว่า เมื่อวันก่อนมันยังเป็นพวกจรจัดไร้ตระกูลอยู่เลย” ฉางอวี้กล่าวออกผสมโรงในทันที
“เด็กน้อยหนิงเทียน เจ้ายังคงชอบกล่าววาจาโป้ปดเช่นเดิมไม่เปลี่ยน เมื่อวานก่อนก็โอสถเรียกวิญญาณ มาวันนี้เจ้าก็ยังโกหกไม่เปลี่ยน
จินเจียงหยานะหรือที่สามารถหลอมโอสถระดับปฐพีได้? เจ้ามันช่างน่ารังเกียจเสียจริงๆ” หานเจิงไม่รีรอที่จะป้ายโคลนใส่ผ้าขาว
จ้าวเทียนไห่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบกล่าววาจาสำทับ “ถูกต้องแล้ว มันเป็นพวกนักต้มตุ่น มันใช้กลเล่ห์มากวิธีหลอกลวงบุตรชายข้าและยังใช้ความเชื่อใจของจ้าวหยางเขียนสัญญาหนี้ขึ้นมา” จากนั้นมันมองไปยังหนิงเทียนด้วยสายตาดุร้าย
"เจ้าเด็กสารเลวอย่านึกว่ามี10ล้านเหรียญที่ได้มาอย่างชั่วช้าแลพจะประมูลสิ่งใดได้ เจ้าจงรู้ไว้ว่าที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่อยู่ของพวกไร้ชาติตระกูล”'
หนิงเทียนมองไปยังจ้าวเทียนไห่ด้วยสายตาหรี่แคบ เวลานี้ด้านข้างจ้าวเทียนไห่ปรากฎชายวัยกลางคน ร่างกายกำยำ ผมและเคราสีดำสนิทกำลังจับจ้องมาที่มันด้วยสายตาอาฆาต
หนิงเทียนยังคงกวาดสายตาต่อไป มันมองไปยังห้องส่วนตัวของจ้าวเทียนไห่ และพบบุรุษแขนเดียวสวมชุดขาวยืนอยู่ด้านหลังชายวัยกลางคนที่กำลังจับจ้องมาที่มันอย่างไม่กระพริบตา
เพียงเท่านี้หนิงเทียนพอที่จะสันนิษฐานได้ว่าสายตาอาฆาตนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่เกี่ยวกับซินเฉาอย่างแน่นอน
จินเหล่าต้ากระตุกแขนเสื้อของหนิงเทียนเบาๆพร้อมกล่าวออก“พี่ชายหนิง ด้านข้างจ้าวเทียนไห่ คือซินฉู่ เจ้าสำนักคุ้มกันไป๋หลงคนปัจจุบันและยังเป็นบิดาแท้ๆของซินเฉา”
“หืมม์ บิดาแก้แค้นแทนบุตร? น่าสนใจ น่าสนใจ”หนิงเทียนกล่าวออกน้ำเสียงเป็นปกติ ใบหน้าของมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอันใดแม้แต่น้อย
....
ขณะเดียวกัน จ้าวหยางที่ยืนอยู่หลังบิดาของมันตลอดเวลา ได้เปล่งเสียงย้ำออก “เป็นมัน....มันที่หลอกลวงให้ข้าเขียนสัญญาหนี้นั้น”
“ไม่คาดคิดจริงๆว่าน้องชายหนิงจะกลายเป็นพวกหลอกลวงดั่งพวก18มงกุฎไปได้”ฮุยฟางกล่าวออกอย่างไม่สนใจหลังจากที่มันได้ยินถึงภูมิหลังของหนิงเทียน
หรงจื่อยิ้มอย่างเย็นชา“ที่แท้ก็พวกตระกูลชั้นต่ำในเมืองฉางผิง”
“ฮ่าฮ่า กล่าวได้ดีจริงๆ ชนชั้นต่ำริอยากอยากยืนเสมอพวกเราตระกูลชั้นสูง”ฉางอวี้หัวเราะเยาะเสียดัง
ด้วยการสนทนาสั่นๆนี้ก็เพียงพอที่จะได้ยินไปทั่วทั้งลานประมูล กลุ่มผู้คนด้านล่างต่างมองด้วยสายตาอิจฉา “ตระกูลชั้นต่ำมีสิทธิ์ไปนั่งอยู่ชั้นบนได้อย่างไร”
“ตระกูลเหมินของข้าเป็นถึงตระกูลชั้นกลางยังไม่หน้าหนาขึ้นไปอยู่ชั้นบนเท่าตระกูลซือหม่าอะไรนั้นเลย”
“เรื่องโอสถเลือดกระเรียนก็เป็นเพียงคำโกหกสินะ เห้อ...ทำให้ข้าหลงดีใจ ที่แท้ก็พวกหลอกลวง”
“ข้านั้นได้กลิ่นแปลกๆตั้งแต่ประกาศตัวเป็นแพทย์อัจฉริยะด้วยอายุเพียงเท่านี้แล้ว”
เสียงของผู้ฝึกตนในชั้นล่างของลานประมูลกล่าวด่ากันอย่างสนุกปากแม้ว่าพวกมันจะไม่รู้ถึงต้นสายปลายเหตุแต่การที่ได้ก่นด่าใครสักคนนั้นราวกับว่ามันเป็นสัญชาตญาณแต่กำเนิดของมนุษย์
เมื่อได้ยินคำกล่าวทั้งหมด สีหน้าของจินเหล่าต้าเปลี่ยนไป ตั้งแต่เริ่มนั้น มันยอมที่จะนั่งฟังเฉยๆเพียงเพราะพี่ชายหนิงของมันไม่ได้ขยับอันใด
แต่เมื่อได้ยินเสียงก่นด่าของฝูงชนทั้งหลายทำให้เส้นเลือดจางๆปรากฏบนหน้าผากของมัน จินเหล่าต้าเลิกม่านขึ้นทันที มันออกไปยืนอยู่หน้าต่างของห้องพร้อมกล่าวออกด้วยโทสะ
“ตระกูลซือหม่าเป็นสหายกับพวกเราตระกูลจิน ถ้าพวกเจ้าต้องการดูถูกตระกูลซือหม่าเท่ากับดูถูกตระกูลจินของข้า และถ้าใครที่ดูถูกตระกูลจินของข้า
มันผู้นั้นจะไม่มีสิทธิ์ซื้อขายโอสถกับพวกเราแม้แต่เม็ดเดียว”ด้วยคำที่จินเหล่าต้ากล่าวออกมานั้นเพียงพอที่จะทำคนพวกนั้นให้สงบปากลงได้
“หึ ตระกูลจินเป็นตัวอะไรที่จะทำให้ ข้าหรงจื่อหุบปากลงได้ เจ้าคิดหรือไงใต้ผืนฟ้านี้มีตระกูลเจ้าตระกูลเดียวที่เป็นผู้ปรุงโอสถระดับ8”หรงจื่อกล่าวอย่างถือดี
“ฮ่าฮ่าๆที่แท้ตระกูลซือหม่าก็เป็นคนรับใช้ของตระกูลจินนี้เอง ข้าฮุยฟางขออภัย” แม้มันจะเอ่ยคำว่าขออภัย แต่น้ำเสียงที่ฮุยฟางกล่าวออกนั้นเต็มไปด้วยการเหน็บแนม
“ดีมากดีมาก นายน้อยทั้งสองกล่าวได้ดีจริงๆ”จ้าวเทียนไห่กล่าวออกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เมื่อเอี้ยหยวนประกาศผู้ชนะในการประมูลจบแล้วมันกล่าวต่อไปอีกว่า “ในช่วงนี้ขอให้ท่านทั้งหลายดื่มกินอาหารที่ทางเราจัดเตรียมไว้ให้อย่างสบายใจกันก่อน อีกครึ่งชั่วยาม การประมูลในช่วงบ่ายของสมาคมการค้าจ้าวสมุทรเริ่มขึ้น”
ภายในห้องรับรองหมายเลข1 “พี่ชายหนิงเทียน ข้าได้ส่งข้อความถึงท่านพ่อแล้ว เมื่อท่านรู้ว่าพี่ชายหนิงสามารถปรุงโอสถเลือดกระเรียนได้
ท่านตื่นเต้นเป็นอย่างมากและท่านได้ย้ำแก่ข้าว่า หัวเด็ดตีนขาดยังไง ก็ต้องพาพี่ชายหนิงกลับไปยังหมู่ตึกตระกูลจินให้ได้อย่างปลอดภัยและท่านปู่เองก็กำลังเดินทางมารับพวกเราแล้ว”
หนิงเทียนพยักหน้าตอบรับ พร้อมกล่าวออก “บอกท่านจินให้เตรียมวัตถุดิบให้พร้อม ด้วยความสามารถของข้าตอนนี้ ข้าสามารถปรุงมันออกได้เพียง3เม็ดเท่านั้น”
“ตกลง ข้าจะรีบส่งข้อความไปบอกท่านพ่อ” จินเหล่าต้ารับคำทันที
ถ้าเป็นยามปกติการหลอมโอสถระดับต่ำเช่นนี้ หนิงเทียนสามารถหลอมขึ้นวันละกี่ร้อยเม็ดก็ย่อมได้
แต่ในเวลาที่มันไม่สามารถใช้ออกด้วยลมปราณได้เลย การปรุงโอสถระดับปฐพีออกมา3เม็ดนั้นถือว่าเป็นจำนวนที่สูงจนน่าตกใจแล้ว
ต่อมาหนิงเทียนหันไปกล่าวแก่สตรีในชุดคราม “หยูหยู ข้าเคยได้ยินว่า สมาคมการค้าจ้าวสมุทรนั้นขายข่าวสาร?”
“เป็นเช่นนั้น นายท่านต้องการซื้อข่าวสารใด หยูหยูจะดำเนินการให้ทันที” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมเป็นที่สุด
“ข้าต้องการรู้ถึง เรื่องราวเมื่อ2ปีก่อนของตระกูลมู่ทั้งหมดและเรื่องการตายของผู้นำตระกูลมู่คนก่อน”
“นายท่าน สำหรับข่าวสารในอดีตนั้นมีราคาสูงมาก มันอาจจะสูงถึง1หยกนิล ท่านต้องการ....”กล่าวถึงตรงนี้เหมือนนางจะนึกขึ้นได้ว่า บุรุษตรงหน้านางนั้นร่ำรวยเพียงใดก่อนจะกล่าวใหม่อีกครั้ง
“ขออภัยนายท่าน สำหรับข่าวสารที่นายท่านต้องการ มีราคา 1หยกนิล ถ้านายท่านตกลง หยูหยูจะรีบดำเนินการให้ทันที หยูหยูดคาดว่าคงใช้เวลาราวๆ1ชั่วยาม”
“จงรีบไปทำเถอะ”หนิงเทียนกล่าวสั่งด้วยเสียงเรียบเฉย
“ถ้าเช่นนั้นหยูหยูขอตัว”กล่าวจบนางโค้งร่างอย่างอ่อนช้อยก่อนจะเดินจากไป
จินเหล่าต้าหยิบผลไม้ขึ้นมาใส่ปาก มันอดไม่ได้ที่จะถามออก “เหตุใดพี่ชายหนิงถึงเป็นห่วงคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ถึงเพียงนี้?”
หนิงเทียนหยิบขวดสุรา รินลงไปในจอก พร้อมกับกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ “ข้าได้รับไหว้วานจากญาติของนางก็เท่านั้น”
ขณะที่หนิงเทียนยังไม่ทันกล่าวจบดีนัก สุ่มเสียงดังออกมาจากห้องส่วนตัวหมายเลข2 “น้องชายท่านนี้ถือสัญญาหนี้ของจ้าวหยางได้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่
ข้าฮุยฟางขอทราบชื่อเสียงหรือนามตระกูลของน้องชายหน่อยได้ไหม” ฮุยฟางกล่าวออกอย่างระวังตัว
หนิงเทียนเหลือบสายตาไปมองฮุยฟางเพียงพริบตาเดียว ก่อนจะกล่าวตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ซือหม่า หนิงเทียน คือชื่อของข้า”
เสียงของหรงจื่อดังขึ้นมาแทรกการสนทนา“ตระกูลซือหม่า เป็นชื่อที่แปลกจริง ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“เห๊อะ ตระกูลซือหม่าอันใด มันพึ่งจะก่อตั้งสิไม่ว่า เมื่อวันก่อนมันยังเป็นพวกจรจัดไร้ตระกูลอยู่เลย” ฉางอวี้กล่าวออกผสมโรงในทันที
“เด็กน้อยหนิงเทียน เจ้ายังคงชอบกล่าววาจาโป้ปดเช่นเดิมไม่เปลี่ยน เมื่อวานก่อนก็โอสถเรียกวิญญาณ มาวันนี้เจ้าก็ยังโกหกไม่เปลี่ยน
จินเจียงหยานะหรือที่สามารถหลอมโอสถระดับปฐพีได้? เจ้ามันช่างน่ารังเกียจเสียจริงๆ” หานเจิงไม่รีรอที่จะป้ายโคลนใส่ผ้าขาว
จ้าวเทียนไห่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบกล่าววาจาสำทับ “ถูกต้องแล้ว มันเป็นพวกนักต้มตุ่น มันใช้กลเล่ห์มากวิธีหลอกลวงบุตรชายข้าและยังใช้ความเชื่อใจของจ้าวหยางเขียนสัญญาหนี้ขึ้นมา” จากนั้นมันมองไปยังหนิงเทียนด้วยสายตาดุร้าย
"เจ้าเด็กสารเลวอย่านึกว่ามี10ล้านเหรียญที่ได้มาอย่างชั่วช้าแลพจะประมูลสิ่งใดได้ เจ้าจงรู้ไว้ว่าที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่อยู่ของพวกไร้ชาติตระกูล”'
หนิงเทียนมองไปยังจ้าวเทียนไห่ด้วยสายตาหรี่แคบ เวลานี้ด้านข้างจ้าวเทียนไห่ปรากฎชายวัยกลางคน ร่างกายกำยำ ผมและเคราสีดำสนิทกำลังจับจ้องมาที่มันด้วยสายตาอาฆาต
หนิงเทียนยังคงกวาดสายตาต่อไป มันมองไปยังห้องส่วนตัวของจ้าวเทียนไห่ และพบบุรุษแขนเดียวสวมชุดขาวยืนอยู่ด้านหลังชายวัยกลางคนที่กำลังจับจ้องมาที่มันอย่างไม่กระพริบตา
เพียงเท่านี้หนิงเทียนพอที่จะสันนิษฐานได้ว่าสายตาอาฆาตนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่เกี่ยวกับซินเฉาอย่างแน่นอน
จินเหล่าต้ากระตุกแขนเสื้อของหนิงเทียนเบาๆพร้อมกล่าวออก“พี่ชายหนิง ด้านข้างจ้าวเทียนไห่ คือซินฉู่ เจ้าสำนักคุ้มกันไป๋หลงคนปัจจุบันและยังเป็นบิดาแท้ๆของซินเฉา”
“หืมม์ บิดาแก้แค้นแทนบุตร? น่าสนใจ น่าสนใจ”หนิงเทียนกล่าวออกน้ำเสียงเป็นปกติ ใบหน้าของมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอันใดแม้แต่น้อย
....
ขณะเดียวกัน จ้าวหยางที่ยืนอยู่หลังบิดาของมันตลอดเวลา ได้เปล่งเสียงย้ำออก “เป็นมัน....มันที่หลอกลวงให้ข้าเขียนสัญญาหนี้นั้น”
“ไม่คาดคิดจริงๆว่าน้องชายหนิงจะกลายเป็นพวกหลอกลวงดั่งพวก18มงกุฎไปได้”ฮุยฟางกล่าวออกอย่างไม่สนใจหลังจากที่มันได้ยินถึงภูมิหลังของหนิงเทียน
หรงจื่อยิ้มอย่างเย็นชา“ที่แท้ก็พวกตระกูลชั้นต่ำในเมืองฉางผิง”
“ฮ่าฮ่า กล่าวได้ดีจริงๆ ชนชั้นต่ำริอยากอยากยืนเสมอพวกเราตระกูลชั้นสูง”ฉางอวี้หัวเราะเยาะเสียดัง
ด้วยการสนทนาสั่นๆนี้ก็เพียงพอที่จะได้ยินไปทั่วทั้งลานประมูล กลุ่มผู้คนด้านล่างต่างมองด้วยสายตาอิจฉา “ตระกูลชั้นต่ำมีสิทธิ์ไปนั่งอยู่ชั้นบนได้อย่างไร”
“ตระกูลเหมินของข้าเป็นถึงตระกูลชั้นกลางยังไม่หน้าหนาขึ้นไปอยู่ชั้นบนเท่าตระกูลซือหม่าอะไรนั้นเลย”
“เรื่องโอสถเลือดกระเรียนก็เป็นเพียงคำโกหกสินะ เห้อ...ทำให้ข้าหลงดีใจ ที่แท้ก็พวกหลอกลวง”
“ข้านั้นได้กลิ่นแปลกๆตั้งแต่ประกาศตัวเป็นแพทย์อัจฉริยะด้วยอายุเพียงเท่านี้แล้ว”
เสียงของผู้ฝึกตนในชั้นล่างของลานประมูลกล่าวด่ากันอย่างสนุกปากแม้ว่าพวกมันจะไม่รู้ถึงต้นสายปลายเหตุแต่การที่ได้ก่นด่าใครสักคนนั้นราวกับว่ามันเป็นสัญชาตญาณแต่กำเนิดของมนุษย์
เมื่อได้ยินคำกล่าวทั้งหมด สีหน้าของจินเหล่าต้าเปลี่ยนไป ตั้งแต่เริ่มนั้น มันยอมที่จะนั่งฟังเฉยๆเพียงเพราะพี่ชายหนิงของมันไม่ได้ขยับอันใด
แต่เมื่อได้ยินเสียงก่นด่าของฝูงชนทั้งหลายทำให้เส้นเลือดจางๆปรากฏบนหน้าผากของมัน จินเหล่าต้าเลิกม่านขึ้นทันที มันออกไปยืนอยู่หน้าต่างของห้องพร้อมกล่าวออกด้วยโทสะ
“ตระกูลซือหม่าเป็นสหายกับพวกเราตระกูลจิน ถ้าพวกเจ้าต้องการดูถูกตระกูลซือหม่าเท่ากับดูถูกตระกูลจินของข้า และถ้าใครที่ดูถูกตระกูลจินของข้า
มันผู้นั้นจะไม่มีสิทธิ์ซื้อขายโอสถกับพวกเราแม้แต่เม็ดเดียว”ด้วยคำที่จินเหล่าต้ากล่าวออกมานั้นเพียงพอที่จะทำคนพวกนั้นให้สงบปากลงได้
“หึ ตระกูลจินเป็นตัวอะไรที่จะทำให้ ข้าหรงจื่อหุบปากลงได้ เจ้าคิดหรือไงใต้ผืนฟ้านี้มีตระกูลเจ้าตระกูลเดียวที่เป็นผู้ปรุงโอสถระดับ8”หรงจื่อกล่าวอย่างถือดี
“ฮ่าฮ่าๆที่แท้ตระกูลซือหม่าก็เป็นคนรับใช้ของตระกูลจินนี้เอง ข้าฮุยฟางขออภัย” แม้มันจะเอ่ยคำว่าขออภัย แต่น้ำเสียงที่ฮุยฟางกล่าวออกนั้นเต็มไปด้วยการเหน็บแนม
“ดีมากดีมาก นายน้อยทั้งสองกล่าวได้ดีจริงๆ”จ้าวเทียนไห่กล่าวออกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ภายใต้การประมูลในช่วงบ่ายนี้เพียงแค่เริ่มต้น ความไม่เป็นมิตรยังคละคลุ้งไปทั่วทั้งงาน ถึงพวกมันไม่ได้เป็นศัตรูและมิตรกันก็จริงแต่พวกมันจะเห็นด้วยและร่วมตัวกันซ้ำผู้เติมที่ล้มโดยมิต้องนัดหมาย
หนิงเทียนยังคงยกสุราขึ้นมาจิบเช่นเดิม มันกล่าวกับจินเหล่าต้าด้วยน้ำเสียงที่ไม่เปลี่ยนแปลง “เจ้านั้นยังอดทนไม่พอ ผู้ชายที่จะทำการใหญ่ได้ต้องมีความอดทนถึงท้องฟ้าจะถล่มทับก็จะต้องไม่หวั่นไหว”
“แต่ว่าพี่ชายถ้าเรานิ่งเฉย คนที่ไม่รู้เรื่องจะเห็นดีไปกับคำพูดของพวกมัน”จินเหล่าต้ากล่าวออกขณะที่พยามข่มโทสะในใจให้เย็นลง
“เมื่อเจ้าอยู่บนสนามประลองเจ้าต้องฆ่ามันด้วยดาบ แต่เมื่อเจ้าอยู่บนลานประมูลแล้วเจ้าต้องบดขยี้มันด้วยเหรียญทองจึงจะเหมาะสม”หนิงเทียนกล่าวออกกับจินเหล่าต้า พร้อมตะโกนออกเสียงดังจนได้ยินกันทั่วถึง
“ตระกูลซือหม่าของข้า เป็นอย่างที่พวกเจ้าบอกจริงๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเจ้าไม่รู้คือ ข้านั้นรวยมาก พวกเจ้าจงแน่ใจได้เลย ของดีๆทุกชิ้นในรอบบ่ายนี้มันจะเป็นของข้าทั้งหมด ฮ่าฮ่าฮ่า”
“บัดซบ เจ้าเด็กนี้ผายลมอันใดออกมา”หรงจื่ออดไม่ได้ที่จะกล่าวออก
“ดีดี ข้าจะรอดูความหยิ่งผยองของเจ้า”ฮุยฟางมองไปยังห้องของหนิงเทียนด้วยสายตาเหยียดหยาม
ฉางอวี้ยกยิ้มก่อนจะกล่าวอย่างดูถูก“ถ้าอย่างเจ้าเรียกว่าร่ำรวยแล้วอย่างข้าไม่สามารถเป็นเจ้าของแดนสวรรค์ได้เลยหรือไง?”
ทุกๆคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวนั้นล้วนลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า เจ้าเด็กนี้เป็นพวกหยิ่งผยองในโลกแห่งความฝัน จนติดมาแสดงออกในโลกแห่งความจริง
ชายชราที่ดูคล้ายขอทานนั้นมองไปยังเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยใบหน้าครุ่นคิดยิ่งมันได้ยินการสนทนาของผู้คนเหล่านี้
ความมั่นใจที่จะได้รับโอสถเลือดกระเรียนยิ่งน้อยลงไป แต่มันก็ไม่ได้กล่าวคำใดออกมา คงจะดีที่สุดถ้ามันนิ่งเงียบและรอดูผลที่เกิดในวันนี้
เวลาผ่านไปชั่วครู่ไม่นานนัก เสียงใสกังวานดังขึ้นเป็นการยุติหัวข้อสนทนาทั้งหมดและปรากฏร่างของสตรีในชุดสีครามอ่อน ใบหน้าของนางละเมียดละไม
รอยยิ้มของนางเผยให้เห็นลักยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์กอปรกับริมสีปากเต็มไปด้วยความยั่วยวนไม่สิ้นสุดกำลังก้าวเดินขึ้นมาบนเวทีประมูลพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงไพเราะประดุจนกฮวยบี๊
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ข้ามีนามว่า หยูหยิน เป็นผู้รับหน้าที่ควบคุมการประมูล
ในรอบบ่ายนี้สินค้าทุกอย่างเป็นของสมาคมการค้าจ้าวสมุทรเราทั้งหมด รับรองได้เลยว่ามันต้องเป็นสมบัติวิเศษมากมายอย่างแน่นอน
ทางเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะถูกใจและพร้อมที่จะควักเงินออกมาจับจ่ายมัน” เสียงอันไพเราะของหยูหยินนั้นชวนให้ผู้คนที่ได้ฟังเหมือนกับตกอยู่ในมนต์สะกด
หนิงเทียนหรี่ตาแคบ “ทักษะวาจากุมจิต” มันกวาดสายตาไปยังจินเหล่าต้าที่เวลานี้ ถูกทักษะครอบงำอย่างเต็มใจ มันได้แต่ส่ายหัวและละสายตาอย่างไม่สนใจ
ทักษะวาจากุมจิตนั้นเป็นทักษะที่ใช้สำหรับรักษาจิตใจแขนงหนึ่ง มันถือว่าเป็นทักษะบ่มเพาะทางการแพทย์ที่หาได้ยาก
ด้วยการแสดงออกของทักษะนี้สามารถทำให้ผู้ที่ได้ยินได้ฟังรู้สึกสบายใจและหลงใหลไปกับความไพเราะของเสียงนั้นได้
“สิ่งของชิ้นแรกที่นำออกมาประมูล มันคือโอสถระดับโลกที่10 โอสถสร้างเนื้อเยื่อ มันถูกปรุงขึ้นโดยปรมาจารย์โอสถ เหวินตง แห่งนิกายเทพโอสถ
ข้าขอเริ่มต้นประมูลที่2หยกนิล”สตรีอ่อนหวานไพเราะของหยูหยินดังกล้องไปทั่วลานประมูล
หนิงเทียนสังเกตได้ว่า ในห้องส่วนตัวที่ยังเหลือว่างอยู่นั้นเวลานี้มันถูกเติมเต็มด้วยผู้ฝึกตนหน้าใหม่ที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาที่ละน้อย
“2หยกนิล 1ล้านเหรียญทอง!!!”
“2หยกนิล 3ล้านเหรียญทอง!”
“2หยกนิล 4ล้านเหรียญทอง”มันต้องเป็นของข้า
เวลานี้ผู้ฝึกตนหน้าใหม่ที่อยู่ในห้องส่วนตัวอื่นๆเริ่มที่จะเข้าร่วมประมูลกันอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันแตกต่างจากการประมูลในช่วงเช้าเป็นอย่างมาก
จินเหล่าต้ามองไปยังหนิงเทียน “พี่ชายหนิงเทียน ท่านไม่สนใจโอสถสร้างเนื้อเยื่อ?”มันยังกล่าวต่อถึงคุณสมบัติ
“โอสถสร้างเนื้อเยื่อมันสามารถสร้างได้แม้กระทั่งแขนหรือขาที่ขาดไป โดยใช้เวลา20ปีเท่านั้นในการงอกใหม่หลังจากได้รับโอสถไป”
“ข้าไม่ต้องการโอสถระดับต่ำ ความเข้มของมันมีเพียง6ใน10ส่วนเท่านั้น ถ้าข้าต้องการโอสถชนิดใด ข้าจะต้องปรุงมันขึ้นมาเองเท่านั้น”
หนิงเทียนกล่าวตอบพลางยกจอกเหล้าเข้าปากอย่างเปี่ยมสุขราวกับว่าการได้ลิ้มรสสุราที่สมาคมการค้าจ้าวสมุทรนั้นเป็นที่น่าสนใจกว่าการประมูลเม็ดยาสร้างเนื้อเยื่อมากนับ100เท่า
กลุ่มผู้มีอำนาจอื่นๆต่างประมูลกันต่ออย่างไม่ขาดสาย
“2หยกนิล 5ล้านเหรียญทอง”
“2หยกนิล 6ล้านเหรียญทอง”
การประมูลในช่วงบ่ายนั้น นับว่ามีมูลค่าที่สูงมาก ราวกับว่ามันถูกจัดขึ้นเพื่อ ผู้คนในห้องส่วนตัวเท่านั้น เวลานี้ 8ใน10ส่วนของผู้ที่อยู่ในห้องส่วนตัว ในมือของพวกมันถือหยกสื่อสารหมื่นลี้เพื่อติดต่อกลับไปยังสำนักตลอดเวลา
ผู้เยาว์ส่วนใหญ่ที่มาเข้าร่วมประมูลนั้นแท้จริงมันเป็นเพียงหุ่นเชิดเบื้องหน้าเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วผู้ที่ต้องการประมูลส่วนมากจะเป็นบุคคลเบื้องหลังมันเสียมากกว่า
“2หยกนิล9ล้านเหรียญทอง”หรงจื่อกล่าวออก แท้จริงแล้วมันไม่ได้ต้องการโอสถสร้างเนื้อเยื่อนี้แต่อย่างใด แต่มันได้ถูกกำชับโดยผู้อาวุโสคุมกฎของนิกายเคลื่อนเมฆาให้ประมูลออกด้วยราคาเช่นนี้
“3หยกนิล” ฮุยฟางเสนอราคาต่อ “ข้าถูกไหว้หวานจากอาวุโสหลักของนิกายกระบี่เทวดา ให้ประมูลโอสถสร้างเนื้อเยื่อ หรงจื่อเจ้าอย่าได้ขัดขวาง”
“ไร้สาระนายน้อยฮุย ท่านใช้น้ำลายเพื่อให้คนอื่นหยุดประมูลหรืออย่างไร” หานเจิงกล่าวออก พร้อมทั้งประมูลเพิ่มเป็น “3หยกนิลกับอีก1ล้านเหรียญทอง”
หลังจากที่เพิ่มมูลค่าของโอสถสร้างเนื้อเยื่อได้ถึง1หยกนิลกับอีก3ล้านเหรียญทองจากราคาเดิมของมันแล้ว
หยูหยินจึงประกาศออกด้วยเสียงใส “เวลานี้ผู้ชนะในการประมูลรายการแรกได้แก่เป็นฮุยฟางจากนิกายกระบี่เทวดาด้วยราคา3หยกนิลกับอีก3ล้านเหรียญทอง”
แม้ว่าฮุยฟางจะได้รับชื่อเสียงในการประมูลครั้งนี้แต่ เมื่อมันกลับถึงนิกายกระบี่เทวดา เม็ดยาสร้างเนื้อเยื่อนี้จะถูกส่งผ่านไปยังอาวุโสหลักของนิกายโดยทันที
แต่ถึงอย่างไรนั้นฮุยฟางก็ยังคงโอ้อวดตัวว่าเป็นผู้มีทรัพย์สินจำนวนมากอยู่ดี
ฮ่าๆๆ ...มันหัวเราะออกเสียงดังราวกับว่ากำลังหัวเราะเยาะพวกที่เข้าร่วมประมูลรายการนี้ทั้งหมด จากนั้นมันเบือนหน้าไปยังห้องส่วนตัวหมายเลข4
“เจ้าตระกูลชั้นต่ำ ไหนเจ้าบอกแก่ข้าว่าจะไม่ให้ข้าได้รับของวิเศษใดๆสักชิ้น?” ฮุยฟางกล่าวออกแก่หนิงเทียนด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
หนิงเทียนส่ายหน้ามันกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่เบื่อหน่าย “มันไม่ใช่ของวิเศษอันใด มีแต่พวกเบาปัญญาเท่านั้นที่จะเสียเงินจำนวนมากไปกับแค่เม็ดที่ไม่ได้อยู่ในระดับปฐพีด้วยซ้ำ”
“บัดซบ เจ้าเด็กนี้” ได้ยินคำกล่าวของหนิงเทียน ฮุยฟางอุทานออกด้วยสายตาทะมึนทึง
“ฮ่าฮ่า นายน้อยฮุย ท่านอย่าได้โกรธเลย เจ้าเด็กนี้มันอาจจะไม่รู้ถึงความวิเศษของโอสถในระดับโลกที่10 ก็ได้” เป็นจ้าวหยางที่กล่าวออก