ตอนที่แล้วบทที่ 59 สมาคมการค้าจ้าวสมุทรา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 61 ป้ายเหล็กนิลกาล

บทที่ 60 ความสงบมิหลงลืม


กำลังโหลดไฟล์

หลังจากกลุ่มของจ้าวเทียนไห่จากไปแล้วนั้น จินเหล่าต้าอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกด้วยประหลาดใจ

"ตระกูลจ้าวถึงกับนำน้ำทิพย์อมฤทธิ์สมบัติประจำตระกูลมันออกมาประมูล คฤหาสน์กลางแม่น้ำฉางยี่เห็นทีจะไม่ธรรมดาซะแล้ว"

หนิงเทียนได้ยินจินเหล่าต้าบ่นเช่นนั้นมันจึงได้กล่าวถามออก “คฤหาสน์กลางแม่น้ำฉางยี่ เป็นอย่างไร”

มันรู้สึกสนใจกับคำพูดของจ้าวเทียนไห่อยู่ไม่น้อยและยิ่งเป็นเวลานี้ที่มันกำลังต้องการคฤหาสน์สำหรับตระกูลซือหม่าแล้ว หนิงเทียนจึงให้ความสนใจกับคฤหาสน์หลังนี้เป็นพิเศษ

ก่อนที่จินเหล่าต้าจะได้เอ่ยตอบมา เสียงของเอี้ยเซียวดังขึ้นแทรกกลาง

“ขออภัยนายน้อยท่านนี้ด้วย ที่ให้ผู้อื่นเข้ามาแทรกคิวของท่าน”เอี้ยเซียวกล่าวพลางประสานมือเชิงขอโทษไปยังหนิงเทียน และยังกล่าวต่อ

“ในเรื่องคฤหาสน์ซือจิ้งนั้น ขอให้ข้าได้อธิบายเพื่อเป็นการไถ่โทษ คฤหาสน์*ซื่อจิ้งหรือที่เราเรียกมันว่า *ความสงบไม่หลงลืม ตั้งอยู่ใจกลางแม่นามฉางยี่แห่งเมืองฉางผิง

มันเคยเป็นที่พำนักของท่านราชันจ้าวสมุทรเมื่อครั้งที่ท่านได้เดินทางมาก่อตั้งสมาคมการค้าที่เมืองฉางผิงแห่งนี้ และเนื่องจากเหตุผลบางอย่างวันนี้มันได้ถูกนำออกมาประมูล ผู้คนมากมายจึงต้องการที่เป็นเจ้าของมัน”

“มันเป็นคฤหาสน์ที่วิเศษถึงเพียงนั้น” หนิงเทียนถามออกอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก

“การก่อสร้างของมันเป็นเพียงคฤหาสน์ทั่วๆไปเท่านั้น แต่เขตแดนรอบด้านทั้งแปดทิศมันถูกวางค่ายกลไว้โดยท่านราชันเจ้าสมุทร แม้แต่ระดับราชันย์ทรราชยังไม่สามารถเหยียบกายเข้าไปได้เพียงแต่ก้าวเดียว”

“หืมม์ดีมาก คฤหาสน์หลังนี้เหมาะสมที่จะเป็นจวนของตระกูลซือหม่า” หนิงเทียนกล่าวออกอย่างไม่สนใจใดๆ

ในเรื่องนี้ทำให้ใบหน้าของจินเหล่าต้าปั่นยากขึ้นมาทันที “พี่ชายหนิงคฤหาสน์นั้น มีมูลค่าเกินกว่า10หยกนิลแน่ๆ”

หยกนิลนั้นเป็นหยกลมปราณระดับสูง มันเป็นสมบัติที่ใช้สำหรับบ่มเพาะสำหรับบุคคลในชนชั้นราชันย์ขึ้นไปเท่านั้นและบางครั้งมันก็ถูกนำมาเป็นอัตราแลกเปลี่ยนในระดับสูงด้วยเช่นกัน

มูลค่าของ1หยกนิลนั้นเทียบเท่ากับ10ล้านเหรียญทอง

หนิงเทียนไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับหยกนิลมากนัก ภายในตำหนักภูตอสูรของบิดาสามมันนั้นของทุกชิ้นถูกสร้างขึ้นจากหยกนิลทั้งหมด แม้แต่จานอาหารที่มันได้กินทุกวันนั้นก็ยังถูกสร้างมาจากหยกนิลด้วยเช่นกัน

เอี้ยเซียวยังคงกล่าวออกด้วยท่าทีสุภาพ “คุณชายท่านมีอะไรให้ข้ารับใช้อีกหรือไม่?”

ได้ยินเช่นนั้นหนิงเทียนจึงกล่าวถามด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เช่นเคย “เจ้าสามารถตีราคาสิ่งของได้ทุกอย่างใช่หรือไม่?”

เอี้ยเซียวยิ้มแย้มเล็กน้อยก่อนจะตอบออก “แม้ว่าฉายาตาทองคำของเอี้ยเซียวนั้นจะเป็นการเล่าลืออย่างเกินจริงไปบ้าง แต่ข้ารับรองได้ว่าจะไม่ทำให้นายท่านผิดหวัง” มันกล่าวออกมาอย่างถ่อมตัว

“เช่นนั้น เจ้าช่วยประเมินราคาของป้ายเหล็กชิ้นนี้ให้ข้า” หนิงเทียนหยิบป้ายเหล็กสีดำมืดออกมา สีของมันชวนให้ผู้ที่ได้จับจ้องไปที่มันบังเกิดอาการเวียนหัวขึ้นมา

ตรงกลางของป้ายเหล็กนั้นสลักด้วยรายอักษรอันประณีตอยู่สามพยางค์ “เกาฉางกง”

แค่เพียงมองครั้งเดียวก็สามารถรับรู้ได้เลยว่าสามพยางค์ที่สลักลึกลงไปนั้นเป็นการสลักอักษรที่เกิดจากบุคคลระดับสูง

เอี้ยเซียวใช้สองมือประครองรับด้วยความระมัดระวัง มันใช้เวลาอยู่นานพลิกซ้ายพลิกขวาก่อนจะกล่าวออกอย่างไม่เต็มเสียงนัก

“นายน้อยข้าขอโทษด้วย ข้าไม่สามารถตีมูลค่าของมันได้ มันคล้ายกับแผ่นเหล็กธรรมดาทั่วไปเท่านั้น แต่เอาเช่นนี้เป็นอย่างไรเพื่อความแน่ใจ ข้าจะนำมันไปให้ ผู้ดูแลของที่นี้พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง”

เอี้ยเซียวพยามกล่าวรักษาหน้าของหนิงเทียน ถ้าหนิงเทียนไม่ได้มากับต้าจื่อฝูแล้ว มันอาจจะตีราคาให้เพียง10000เหรียญทองเพราะมูลค่าของลายอักษรที่เขียนได้อย่างบรรจงเท่านั้น

หนิงเทียนพยักหน้าแทนคำตอบของมัน ก่อนจะกล่าวถามออกมา “ข้าสามารถขายสัญญาหนี้ได้หรือไม่”

“สัญญาหนี้ออกจะแปลกไปเสียหน่อย แต่ไม่มีปัญหาสมาคมการค้าจ้าวสมุทรของเราทำการค้าแม้กระทั่งชีวิต”

ได้ยินเช่นนั้นหนิงเทียนนำสัญญาหนี้ของจ้าวหยางออกมาพร้อมกล่าวสั่งแก่เอี้ยเซียว

“ข้าต้องการเริ่มมันที่ 10เหรียญทอง”

ทันทีที่เอี้ยเซียวรับสัญญาหนี้ไว้ในมือมันกล่าวออกด้วยสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย

“นี้มันสัญญาหนี้ของตระกูลจ้าวทั้งยังเป็นเงินถึง10ล้านเหรียญทอง นายท่านแน่ใจหรือว่าจะเริ่มมันที่10เหรียญทอง”

“ทำตามที่ข้าได้กล่าวไป” หนิงเทียนเอ่ยตอบด้วยเสียงราบเรียบ

“ขอรับนายท่าน” เอี้ยเซียวกล่าวตอบ พลางหันไปสั่งกับสตรีในชุดสีคราม “พานายท่านทั้งสามไปพักยังห้องรับรองก่อน ข้าจะนำป้ายเหล็กไปให้ท่านผู้ดูแลประเมินมูลค่า”

เอี้ยเซี่ยวกล่าวกับสตรีในชุดครามจบ ก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่ได้เร่งรีบนัก

มันไม่ได้หวังอะไรกับป้ายเหล็กของหนิงเทียนอยู่แล้ว ที่มันกล่าวออกไปเป็นเพราะมารยาทในการเป็นผู้ประเมินราคาเท่านั้น และด้วยฉายาตาทองคำทำให้มันมีความทะนงตัวในเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย

มันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีของสิ่งใดที่มันไม่สามารถประเมินราคาได้ ป้ายเหล็กของหนิงเทียนเองก็เช่นกัน....

“นายท่านทั้งสามเชิญตามทางนี้”สตรีในชุดสีครามเดินนำกลุ่มของหนิงเทียน ผ่านเวทีประมูลที่ชั้น1 ขึ้นไปยังชั้นสองที่สามารถมองลงมาใจกลางเวทีได้อย่างชัดเจน

สตรีในชุดครามใช้มือสีขาวผ่องของนางพลักไปยังประตูที่ที่ใช้เพชรขนาดเล็กเรียงร้อยเป็นอักษรคำว่าซื่อ*

*ซื่อแปลว่า สี่

ภายในเผยให้เห็นห้องขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ลวดลายที่ประดับประดาช่างวิจิตตระกาลตาเป็นอย่างมาก ภายในนั้นมีเก้าอี้ใหญ่ที่มีพำนักพิงหลังและที่วางแขนอย่างหรูหรา

ตรงกึ่งกลางของเก้าอี้มีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกปูด้วยหนังสัตว์อสูร บนโต๊ะนั้นไม้นั้นเต็มไปด้วยอาหารและสุราชั้นเลิศ

“นายท่านทั้งสาม ข้าชื่อหยูหยู วันนี้ข้ามีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้แก่พวกท่านทั้งสาม ถ้าท่านต้องการประมูลสิ่งใด สามารถบอกผ่านแก่หยูหยูได้” สตรีในชุดครามนามว่าหยูหยูกล่าวด้วยเสียงอ่อนนุ่ม

ทันใดนั้นมือของจินเหล่าต้า จับกุ่มไปยังสองมืออันขาวผ่องของหยูหยูพร้อมกล่าวออกมา “แม่นางหยูหยู พวกเรานั้นไม่แบ่งแยกชนชั้นนายบ่าว ข้าจินเหล่าต้าขอให้แม่นางหยูหยูนั่งด้วยกันกับพวกเราได้หรือไม่?”

หยูหยูรีบชักมือออกด้วยใบหน้าที่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย“คุณชายอย่าได้กล่าวเช่นนั้นหยูหยูอาจจะถูกตำหนิได้”

“ไม่ต้องห่วง ข้าจินเหล่าต้ารับประกันว่าจะไม่มีใครกล่าวว่าอะไรแม่นางหยูหยูเด็ดขาด จริงหรือไม่พี่ชายหนิงเทียน” น้ำเสียงของจินเหล่าต้าเวลานี้คมคายชวนหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง

หนิงเทียนได้แต่ส่ายหัว พร้อมกล่าวออก “แม่นางเจ้านั่งลงเถอะ ข้าเองก็มีเรื่องที่ต้องถามเจ้าเหมือนกัน”

ได้ยินคำสั่งของหนิงเทียน หยูหยูลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะนั่งลงด้านข้างของเสี่ยวซวงด้วยท่าทีเคอะเขินไม่น้อย “ขอบพระคุณ คุณชายทั้งสอง”

หนิงเทียนที่นั่งอยู่ระหว่างกลางจินเหล่าต้าและเสี่ยวซวงมันยกสุราขึ้นมารินลงในจอกแก้วที่เตรียมไว้ก่อนที่กวาดสายตาออกไป

มันพบว่าห้องส่วนตัวที่มีแสงสว่างภายใน บางห้องถูกปกปิดบังด้วยผ้าม่านและบางห้องก็เปิดม่านเผยให้เห็นถึงผู้ที่อยู่ด้านใน

“แม่นางหยูหยูเจ้าสามารถบอกถึงบุคคลที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวอื่นๆได้หรือไม่”หนิงเทียนกล่าวถามขณะที่ในมือของมันกำลังยกจอกสุราขึ้นลิ้มรส

“คุณชาย หยูหยูสามารถให้ข้อมูลได้แค่ห้องที่เปิดม่านขึ้นเท่านั้น ในส่วนห้องที่ปิดม่านไม่ต้องการเปิดเผยตัวนั้น ทางเราไม่สามารถแพร่งพายข้อมูลออกไปได้”

“เจ้าพูดในสิ่งที่เจ้าสามารถบอกได้ก็พอ”

หยูหยูพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ “ผู้ที่อยู่ในห้องส่วนตัวหมายเลข1นั้นคือ ว่าที่ผู้นำตระกูลจ้าว จ้าวเทียนไห่

ส่วนห้องที่2 บุรุษในชุดดำคือท่านฮุยฟาง นายน้อยนิกายกระบี่เทวดา ในห้องถัดไปติดกับเรานั้น คือท่านหรงจื่อ ศิษย์สายในของนิกายเคลื่อนเมฆา”

ขณะที่หยูหยูกล่าวอธิบายอยู่นั้น ผ้าม่านในห้องส่วนตัวหมายเลข5ก็ได้ถูกเลิกขึ้น ก่อนจะเผยให้เห็นใบหน้าของนักพรตในชุดแดง หานเจิงและด้านข้างของมันยังตามติดด้วยฉางอวี้ไม่เปลี่ยนแปลง

เวลาเดียวกันสุ่มเสียงดังออกมาจาก ห้องส่วนตัวหมายเลข2 “หรงจื่อ ไม่เจอกันเสียนาน รอยแผลที่ข้าฝากไว้ให้หายดีหรือยัง?”ชายหนุ่มในชุดดำกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงยั่วยุ

พวกมันทั้งสองมีอายุไล่เลี่ยกันไม่แปลกที่มันทั้งคู่จะรู้จักกันมาก่อน

“ฮ่าฮ่า ฮุยฟานเจ้ามาสมาคมการค้าจ้าวสมุทรครั้งนี้เพื่อประมูลกระบี่ใช่หรือไม่?

เจ้าไม่กลัวว่าดาบของข้าจะไปหักกระบี่ของเจ้าอีกหรือไง” หรงจื่อหาได้สนใจคำยั่วยุไม่ มันยังคงกล่าวล้อเลียนไปยังชายหนุ่มในชุดสีดำ

“เงียบๆได้หรือไม่ พวกเจ้าทั้งสองไม่คิดหรือว่าเสียงของพวกเจ้ามันกำลังรบกวนข้าอยู่”เสียงดุดันดังออกมาจากห้องส่วนตัวหมายเลข5

ได้ยินเช่นนั้นทั้งหรงจื่อและฮุยฟางแปรเปลี่ยนสายตาจับจ้องไปยังฉางอวี้ผู้เป็นเจ้าของเสียงอย่างพร้อมเพียง

“นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นเด็กที่ยังดูดนมบิดาอยู่ อย่างฉางอวี้นั้นเอง” เสียงของหรงจื่อกล่าวออกอย่างไม่สนใจในตำแหน่งนายน้อยเมืองฉางผิงของฉางอวี้แม้แต่น้อย

ฮ่าฮ่าฮาๆ “พูดได้ดี ข้ารู้สึกว่าปากเหม็นๆของดาบอัปลักษณ์จะหอมขึ้นมาก็วันนี้”ฮุยฟางยังคงกล่าวเหน็บ พวกมันทั้งสามนับว่าเป็นรุ่นเยาว์ในวัยเดียวกันและยังมีฐานะในระดับเดียวกันอีกด้วย

ขณะที่พวกมันทั้งสามปะทะฝีปากได้ไม่นานนัก ชายชราในชุดคลุมสีขาวปรากฎร่างบนเวทีประมูลราวกับภูตผี

“ขอบพระคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านๆ ที่เดินทางมายังสมาคมการค้าจ้าวสมุทร

ข้า เอี้ยหยวน จะเป็นผู้รับหน้าที่ดำเนินการประมูลในช่วงเช้านี้ แต่ก่อนที่งานประมูลจะเริ่มต้น ข้าขอกล่าวย้ำออกมาให้พวกท่านได้ฟังอีกครั้ง

ไม่ว่าจะเกิดเหตุใดขึ้น ห้ามไม่ให้มีการต่อสู้ภายใต้พื้นที่ของสมาคมการค้าจ้าวสมุทรเด็ดขาด ถ้าผู้ใดฝ่าฝืนมันผู้นั้นจะถือว่าเป็นศัตรูกับสมาคมการค้าของเรา

กฎอีกข้อหนึ่งในการประมูลคือ ถ้าท่านได้ยืนยันการประมูลแล้วจะไม่สามารถยกเลิกได้อีก และถ้าผู้ใดกล่าวประมูลด้วยความคะนองปากจนไม่สามารถรับผิดชอบได้ละก็

ขอให้พวกท่านแน่ใจได้เลย ว่ามันผู้นั้นจะไม่ได้ก้าวออกจากสมาคมการค้าจ้าวสมุทรอย่างแน่น”

หลังจากมันกล่าวจบ สตรีในชุดสีครามเดินออกมาพร้อมกับหีบสีครามที่เข้าคู่กับชุดของนางอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนที่สองมือขาวผ่องของนางจะเปิดหีบออกมาเผยให้เห็น ชุดคลุมยาวสีดำ

เอี้ยหยวนนำชุดคลุมดำวางไว้บนโต๊ะก่อนจะกล่าวอธิบายออก “รายการแรกในวันนี้ ข้าขอเริ่มด้วยสิ่งของที่นำมาประมูลโดยเจ้าแห่งปัญญา

มันคือชุดคลุมประดิษฐ์ ภายในมันสลักไปด้วยอาคมติดตามลมปราณ แค่เพียงแรงกระแทกจากการเดินชนเท่านั้น มันสามารถทำให้ผู้ที่สวมใสชุดคลุมตัวนี้รับรู้และตามลอยของผู้ที่เดินชนท่านได้”

มันเว้นช่องว่างอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “ราคาเริ่มต้นอยู่ที่2ล้านเหรียญทอง ท่านสามารถประมูลขั้นต่ำได้ครั้งละ1ใน10ส่วนของราคาเริ่มต้น โดยจะสิ้นสุดการประมูลเมื่อข้าได้นับถึงสาม” เอี้ยหยวนอธิบายถึงสินค้าชิ้นแรกออก

กลุ่มคนในชั้นล่างนั้นต่างมองไปยังชุดคลุมสีดำด้วยใบหน้าตื่นเต้น แม้แต่ม่านของห้องส่วนตัวหมายเลข8ที่ปิดสนิทยังเปิดขึ้นเผยออกมาให้เห็นถึงผู้ที่นั่งอยู่

หนิงเทียนจับจ้องไปยังผ้าม่านที่ค่อยเลิกขึ้น ก่อนจะกล่าวถามไปยังจินเหล่าต้า “นั้นคือคนที่เจ้าเรียกว่าแมวขโมยใช่หรือไม่?”

“ใช่แล้วมันคือแมวขโมย จิวหู และเสื้อคลุมประดิษฐ์ตัวนี้สร้างขึ้นมาเพื่อมันโดยเฉพาะ พี่ชายหนิงท่านรอดูความสามารถของข้าให้ดี” กล่าวจบจินเหล่าต้าเปล่งเสียงออก “4ล้านเหรียญทอง” มันทวีราคาขึ้นมา2เท่าอย่างไม่แยแสใดๆ

จิวหูกล่าวด้วยเสียงเล็กแหลม “5ล้าน” ด้วยการเพิ่มจำนวนขึ้นทีละล้านเหรียญทองนั้นสามารถเรียกเสียงฮื่อฮาของผู้คนในชั้นล่างของลานประมูลได้ไม่น้อย

หนิงเทียนตะโกนออก “6ล้าน” พร้อมกล่าวไปยังจินเหล่าต้า

“ไม่เลวเลย ด้วยเสื้อคลุมของเจ้า แมวขโมยตัวนั้นสามารถติดตามเป้าหมายของมันได้ราวกับตาเห็น ข้าไม่แปลกใจเลยที่มันจะยอมเสียเงินมากมายเพื่อเสื้อคลุมตัวนี้ ทีนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าจะปอกลอกมันได้สูงสุดหรือไม่”

จินเหล่าตะโกนออก“7ล้าน” และยังคงกล่าวกับหนิงเทียนด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม

“จิวหูมีเงิน4ล้านเหรียญทองในการเข้าร่วมประมูลครั้งนี้และอีก6ล้านเหรียญทองจากการนำสมบัติเข้าร่วมประมูล มันสามารถจ่ายได้ถึง10ล้านเหรียญทองในสิ่งที่มันต้องการ”

...

....

การเสนอราคายังดำเนินต่อไปด้วยความเข้มข้น ผ่านไปชั่วครู่ เวลานี้จิวหูกัดฟันแน่น มันคำรามออกอย่างยากลำบาก“9ล้านห้าแสน”

เอี้ยหยวนยกยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ยินเช่นนี้ เพียงแค่การประมูลของชิ้นแรกมันทำกำไรได้ถึง 7ล้าน5แสนเหรียญทอง ขณะเดียวกันมันประกาศออกเสียงดัง

“9ล้านห้าแสนครั้งที่1 9ล้านห้าแสนครั้งที่2และ.....”

จินเหล่าต้าหัวเราะร่าอย่างภาคภูมิให้กับความฉลาดของตัวมัน มันหาเงิน9ล้านห้าแสนเหรียญได้ภายใน1เดือน ด้วยจำนวนขนาดนี้มันเทียบเท่ากับรายได้ประจำเดือนของสามตระกูลใหญ่เลยทีเดียว

ในขณะที่ เอี้ยหยวนกำลังจะประกาศออกเป็นครั้งที่สาม เสียงตะโกนดังเข้ามาแทรกคำพูดของมัน “12ล้านเหรียญทอง”

ด้วยการเพิ่มราคาที่มากกว่าเดิมถึง2ล้าน5แสนเหรียญทองนั้น ชวนให้ผู้คนทั้งหลายมองไปบนห้องส่วนตัวถึงผู้ที่เป็นเจ้าของเสียงด้วยความตกตะลึง

มันเป็นหนิงเทียนนั้นเองที่ตะโกนออกด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความลำบากใจ ขัดแย้งกับใบหน้าที่ซ่อนอยู่หลังผ้าม่านอย่างสุดแสน เวลานี้ใบหน้าของหนิงเทียนยังคงไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น

ได้ยินเช่นนี้สีหน้าของจินเหล่าต้าแปรเปลี่ยนจากยิ้มแย้มเป็นอาการตกตะลึงในทันที มันรีบกล่าวกับหนิงเทียนด้วยเสียงที่ลุกลน

“พี่ชายนี้มันมากเกินกว่าเหรียญทองที่จิวหูมีแล้ว แย่แน่ๆข้าเกรงว่าถึงมันจะต้องการเพียงใด มันก็ไม่มีทางให้ราคาได้มากกว่านี้อีกแล้ว”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด